xs
xsm
sm
md
lg

อร่อยสุดฟิน “ทุเรียนหลง-หลิน” แห่งเมืองลับแล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทุเรียนหลงลับแล (ซ้าย) ทุเรียนหลินลับแล (ขวา)
หนึ่งในทุเรียนที่มีชื่อเสียง และหลายๆ คนอยากจะลองลิ้มสักครั้งในชีวิต ต้องมี “ทุเรียนหลง-หลินลับแล” รวมอยู่ในรายชื่ออันดับต้นๆ เนื่องด้วยชื่อเสียงที่ร่ำลือกันว่าหวานหอมอร่อย แถมยังมีให้กินกันเพียงปีละครั้ง ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทุเรียนพันธุ์นี้มีราคาค่อนข้างแพงทีเดียว

ทุเรียนสายพันธุ์ “หลงลับแล" และ "หลินลับแล" เป็นผลไม้ชื่อดังของอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่จะมีผลผลิตออกมาให้ชิมราวเดือนเมษายน-สิงหาคม
เปรียบเทียบผลทุเรียนหมอนทอง (ซ้าย) หลงลับแล (กลาง) หลินลับแล (ขวา)
สำหรับความเป็นมาของ “หลงลับแล” นั้น มีต้นกำเนิดจาก นางหลง อุประ ชาวบ้านลับแล ได้นำเอาเมล็ดทุเรียนไม่ทราบพันธุ์ไปปลูกจนได้ผลผลิต และได้นำทุเรียนดังกล่าวส่งเข้าประกวด จนได้รับรางวัลยอดเยี่ยมจากการประกวดทุเรียนของกรมส่งเสริมการเกษตรและจังหวัดอุตรดิตถ์ ในปี พ.ศ.2520 และได้จดทะเบียนรับรองสายพันธุ์ในเวลาต่อมา อีกทั้งยังได้มีการนำกิ่งพันธุ์ทุเรียนต้นนั้นมาขยายพันธุ์ด้วยการทาบกิ่งและเสียบยอดกับทุเรียนสายพันธุ์พื้นเมือง จนกระทั่งทุเรียนหลงลับแลได้กลายมาเป็นหนึ่งในผลไม้ขึ้นชื่อของแห่งอำเภอลับแล สำหรับลักษณะของทุเรียนหลงลับแลนั้น ผลจะมีขนาดเล็ก แต่ละลูกจะมีน้ำหนัก 1-3 กิโลกรัม มีลักษณะผลค่อนข้างกลม เนื้อมีสีเหลืองเข้ม เมื่อได้ลองกินจะรู้สึกเหนียวละเอียดแต่ไม่เละ รสหวานมันหอมอ่อนๆ ไม่แรง
พาหนะที่ใช้ขนทุเรียนจากสวนบนเขาลงมาขาย
ส่วน “หลินลับแล” เกิดขึ้นจาก นายหลิน บันลาด ได้นำเมล็ดทุเรียนไม่ทราบพันธุ์มาปลูกเหมือนกัน แต่กลับได้ทุเรียนที่มีรูปร่างลักษณ์ที่แตกต่างออกไป ซึ่งจะมีรูปลักษณ์ออกเป็นแนวตั้ง แต่ละภูแยกกันอย่างชัดเจน มองดูแล้วคล้ายกับมะเฟือง ขนาดแต่ละลูกจะมีน้ำหนักประมาณ 1-2 กิโลกรัม ในส่วนเนื้อในจะมีสีเหลืองอ่อน เมื่อได้ลองชิมจะรู้สึกว่า เนื้อจะแห้งไม่เละ รสหวานมัน กลิ่นหอมไม่แรง และเม็ดลีบ

นอกจากความอร่อยของทุเรียนหลง-หลินลับแล ที่หลายๆ คนอยากจะลองชิมกันแล้ว เรื่องราคานั้นก็ขึ้นชื่อว่ามีราคาสูงอยู่พอสมควร ทั้งนี้ก็เนื่องด้วยเป็นผลไม้ที่จะออกผลผลิตเพียงปีละครั้ง ซึ่งผลผลิตในแต่ละปีก็ไม่สามารถคาดเดาได้ และทุเรียนสองชนิดนี้ก็ยังปลูกอยู่บนภูเขา เพราะพื้นที่ในอำเภอลับแลเป็นภูเขา การดูแลรักษาจึงมีความลำบากไม่น้อย ซึ่งไม่สามารถนำน้ำขึ้นไปรดได้ทุกต้น ผลผลิตจึงต้องขึ้นอยู่กับฟ้าฝน และการขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเสียบกิ่งกับต้นทุเรียนพันธุ์พื้นเมือง ซึ่งก็ทำใช้เวลานานกว่า 6-8 ปี จึงจะได้ผลผลิต
หลงลับแล
และเมื่อได้ผลผลิตแล้ว ก็ต้องใช้ความชำนาญในการเก็บ เพราะทุเรียนแต่ละต้นนั้นสูงใหญ่และตั้งอยู่ตามเนินเขา อีกทั้งการลำเลียงผลทุเรียนออกจากสวนที่อยู่ในภูเขา ก็ต้องใส่ลูกทุเรียนไว้ในตะแกรงที่ติดไว้กับรถจักรยานยนต์ เพื่อขนทุเรียนลงมาจากบนเขา ซึ่งแต่ละเที่ยวก็บรรทุกได้น้อย อีกทั้งเส้นทางในการขนลงมาก็คดเคี้ยวลาดชัน
หลินลับแล
สำหรับผลผลิตของทุเรียนในปีนี้มีออกมาน้อยกว่าปีก่อนๆ เนื่องจากประสบภาวะภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตออกมาน้อย และมีขนาดลูกเล็กลง อีกทั้งยังเจอปัญหาไฟไหม้สวนทุเรียนไปกว่าพันไร่ แต่ด้วยการขาดน้ำของต้นทุเรียน ทำให้เนื้อทุเรียนในปีนี้มีรสชาติจัดมากขึ้น ส่วนราคาขายทุเรียน ณ ตลาดผลไม้หัวดง อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ ทุเรียนหลงลับแลขายอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 300-500 บาท ทุเรียนหลินลับแลขายอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 600 บาทขึ้นไป
* * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

 



กำลังโหลดความคิดเห็น