โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)

“แพร่” เมืองสงบงามแห่งดินแดนล้านนาตะวันออก
ปีนี้(2559)จังหวัดแพร่ได้รับเลือกจากทาง“การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)” ให้เป็น 1 ใน 12 “เมืองต้องห้ามพลาด Plus”(เมืองต้องห้ามพลาดพลัส) ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากแคมเปญ“เมืองต้องห้าม...พลาด”ของปีที่แล้ว(2558) โดยจังหวัดแพร่เป็นเมืองพลัสหรือเมืองท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับจังหวัด“น่าน” 1 ใน 12 เมืองต้องห้าม...พลาด ซึ่งก็ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวในน่าน-แพร่ มีความคึกคักมากยิ่งขึ้น
1...

สำหรับเมืองแพร่ หลังจากที่ผมไม่ได้ไปเยือนมาหลายปี เมื่อมีโอกาสได้กลับขึ้นไปแอ่วเมื่อไม่กี่วันมานี้ พบว่าแพร่ยังคงน่ารักน่าเที่ยว ตัวเมืองแพร่แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปไม่มาก แต่ก็มีที่พัก มีร้านอาหาร ร้านกาแฟเก๋ๆใหม่ๆเกิดขึ้นมาพอสมควร ช่วยสร้างสีสันบรรยากาศให้เมืองแพร่น่าเที่ยวยิ่งขึ้น
นอกจากนี้เมืองแพร่ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆเกิดขึ้นมาอีกจำนวนหนึ่งให้เราได้เพลิดเพลินกัน โดยหนึ่งในนั้นก็คือ “พิพิธภัณฑ์บ้านเทพ”(Bann Thep Museum) ที่ตั้งอยู่ ต.ในเวียง อ.เมืองแพร่ บนถนนเทศบาล 2 ตรงข้ามกับกำแพงเมืองเก่า ด้านหลังเรือนจำ

พิพิธภัณฑ์บ้านเทพเป็นพิพิธภัณฑ์เอกชนของครอบครัว“เหลืองอุทัยศิลป์” เกิดขึ้นจากการที่คุณลุง“วัฒนา เหลืองอุทัยศิลป์” ชายวัย 63 ปี ได้ทำการเก็บสะสมข้าวของต่างๆมายาวนานกว่า 40 ปี (ตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่นอายุไม่ถึง 20 ปี) ทำให้ที่บ้านของครอบครัวเหลืองอุทัยมีของสะสมต่างๆอยู่มากมาย เพื่อนๆที่มาเที่ยวบ้านจึงแนะนำว่าให้นำข้าวของสะสมต่างๆมาจัดแสดงให้คนภายนอกได้เข้าชม เพราะข้าวของจำนวนมากมีมากไปด้วยคุณค่า มีที่มาที่ไป
นั่นจึงทำให้คุณ“กฤษดา เหลืองอุทัยศิลป์”(ลูกชายลุงวัฒนา) ซึ่งได้เล็งเห็นถึงความตั้งใจของคุณพ่อในการเป็นนักสะสมมายาวนาน ได้นำข้าวของเครื่องใช้ต่างๆมาจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์บ้านเทพขึ้น เปิดให้ผู้สนใจได้เข้าไปเที่ยวชม พร้อมๆไปกับการเรียนรู้อดีตผ่านข้าวของเครื่องใช้เก่าแก่ต่างๆเหล่านั้น

ทั้งนี้ในส่วนที่มาของชื่อบ้านเทพนั้นมีข้อมูลระบุว่า มาจากชาวบ้านที่อยู่แถวๆนั้น เชื่อว่าที่นี่เป็นที่สิงสถิตขององค์เทพ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จึงตั้งชื่อว่า “พิพิธภัณฑ์บ้านเทพ” หรือที่หลายๆคนนิยมเรียกว่า“บ้านเทพ” เพราะนอกจากจะเรียกง่ายติดปากแล้ว ยังเป็นคำเรียกขานที่ฟังดูเป็นมงคลอีกด้วย
2...

ผู้ที่มาเยือนบ้านเทพ เมื่อมาถึง ทางพิพิธภัณฑ์จะให้เราไปสักการะพระบรมรูปของ“สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” หรือ“พระองค์ดำ” ที่อยู่ในลักษณะทรงหลั่งทักษิโณทกประกาศอิสรภาพจากหงสาวดี พม่า ที่อยู่ในอาคารจัดแสดงส่วนหน้าสุดของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งในวันพระนเรศวรปีนี้ที่ผ่านมา(25 ม.ค. 59) ทางครอบครัวเหลืองอุทัยศิลป์นอกจากจะจัดพิธีบวงสรวงพระบรมรูปพระองค์ดำแล้ว ยังได้ใช้ฤกษ์ดีของวันดังกล่าวทำการเปิดพิพิธภัณฑ์บ้านเทพขึ้นอย่างเป็นทางการอีกด้วย

ในบริเวณอาคารจัดแสดงส่วนหน้าของพิพิธภัณฑ์ นอกจากพระบรมรูปของพระองค์ดำที่เป็นดังองค์ประธานแล้ว ที่นี่ยังมีข้าวของเครื่องใช้ต่างๆจัดแสดง ไม่ว่าจะเป็น ชุดเครื่องเรือนหรือเฟอร์นิเจอร์ไม้โบราณจากจีน ทั้งโต๊ะเก้าอี้ประดับมุก ตู้กระจกประดับมุกส่วนบนแกะสลักเป็นรูปมังกร ตุ๊กตากระเบื้องจีน เครื่องกระเบื้องจีน ชามตราไก่โบราณ ตู้คัมภีร์ ฆ้องกบที่มีลักษณะคล้ายกับกลองมโหระทึกโบราณ

รวมถึงมีหีบไม้จันทน์แกะสลักลวดลายสวยงามที่สำคัญคือแม้ตู้แห่งนี้จะมีอายุเก่าแก่ผ่านกาลเวลามายาวนาน แต่ภายในหีบยังคงมีกลิ่นหอมนวล(ตามธรรมชาติ)ของไม้จันทน์ให้ผู้สนใจได้ทดลองดมพิสูจน์กลิ่นกัน
นอกจากนี้ในอาคารจัดแสดงส่วนหน้ายังดูโดดเด่นไปด้วยเสาไม้เก่าแก่ต้นใหญ่ๆ อีกทั้งยังมีส่วนที่เป็นไฮไลท์สำคัญสัญลักษณ์ของพิพิธภัณฑ์คือ “บานประตูไม้สักทอง” ซึ่งเป็นบานประตู 2 บานขนาดใหญ่ สูงถึง 4 เมตร และเป็นบานประตูที่ทำจากไม้สักทองต้นเดียวกัน

คุณกฤษดาบอกว่า บานประตูไม้สักทองคู่นี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของบ้านเทพ อีกทั้งยังแสดงให้เห็นความเป็นเมืองไม้อันอุดมสมบูรณ์ของจังหวัดแพร่ในอดีตอีกด้วย
สำหรับตัวอาคารจัดแสดง(ทั้งส่วนหน้าและส่วนหลัง) รวมไปถึงบานประตูนั้น ลุงวัฒนาได้ซื้อหามาจากบ้านเรือนเก่าที่ชาวบ้านนำมาขาย หรือไม่ก็จะถูกนำไปทิ้งทำลาย มาเก็บรักษาไว้ ก่อนจะนำมาประกอบสร้างเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์บ้านเทพเพื่อใช้จัดแสดงข้าวของต่างๆให้ชมกัน

จากอาคารจัดแสดงส่วนหน้า คุณกฤษดาพาเดินไปทางขวาในส่วนชั้นล่างของบ้านพักอาศัยเพื่อชมความงามของเฟอร์นิเจอร์ไม้โบราณฝังมุกอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี ซึ่งเดิมเป็นเครื่องเรือนของเจ้านายฝ่ายเหนือที่สั่งนำเข้ามาจากประเทศจีน ก่อนที่คุณลุงวัฒนาจะซื้อมาเก็บสะสมไว้ให้ผู้เข้ามาเยือนบ้านเทพได้ชมกัน

ต่อจากนั้นคุณกฤษดาพาเราเดินไปทางซ้ายยังส่วนจัดแสดงอีกฟากหนึ่ง ซึ่งจัดเก็บข้าวของเก่าแก่ชิ้นเล็กๆต่างๆ ทั้งตั้งไว้ข้างนอก หรือจัดแสดงในตู้โชว์ ไม่ว่าจะเป็น ตะเกียงเก่า นาฬิกาเก่า รูปภาพ โปสการ์ดที่คนสมัยก่อนเขียนถึงกัน งานไม้แกะสลัก ตราชู ตลับดินปืน ลูกเป้งช่างน้ำหนัก เงินตราสมัยโบราณ ทั้ง ธนบัตรเก่าสมัย ร.7, ร.8 เหรียญสตางค์มีรู เงินพดด้วงทองคำสมัย ร.4 เป็นต้น

3...
พิพิธภัณฑ์บ้านเทพยังมีข้าวของเก่าแก่และสิ่งที่น่าสนใจต่างๆในส่วนหลังให้ชมกันอีก ไม่ว่าจะเป็น ส่วนกลางแจ้ง ที่มี ศาลเจ้าพ่อ โอ่งไห เครื่องปั้นดินเผาเก่าแก่ งานไม้แกะสลัก เรือขุดไม้สักอายุ 100 ปี ที่เป็นเรือไม้สักขุดต้นเดียว ซึ่งแม้จะดูเก่าแก่แต่ก็ดูคลาสสิกและขลังมากๆ

ขณะที่ในส่วนการจัดแสดงภายในอาคารนั้นมีอีกจุดสำคัญอยู่ที่อาคารหลังใหญ่ในบริเวณชั้นล่าง โดยอาคารหลังนี้เกิดจากการนำไม้สักเกรดเอจากบ้านเรือนเก่าหลายๆหลังที่ถูกรื้อทิ้ง ซึ่งลุงวัฒนาซื้อหามาสะสมไว้ มาประกอบเป็นอาคารหลังใหม่ขนาดใหญ่โต จัดแสดงข้าวของ สิ่งที่น่าสนใจต่างๆมาหมาย ไม่ว่าจะเป็น งานไม้แกะสลัก เครื่องเรือนเก่า ตู้โบราณ เครื่องทองเรือน รถจักรยานเก่า มอเตอร์ไซค์เก่า ตัวตุ๊กตุ่นตุ๊กตา ฯลฯ

และนั่นก็เป็นบางส่วนของพิพิธภัณฑ์บ้านเทพหรือบ้านเทพที่มากมายไปด้วยของสะสม ข้าวของเครื่องใช้เก่าแก่ หลายชิ้นมีคนมาให้ราคาสูง แต่ทางคุณลุงวัฒนาไม่ขาย เพราะต้องการเก็บไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้ ซึ่งหากใครได้ไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์บ้านเทพ แล้วได้ฟังคุณลุงวัฒนา หรือคุณกฤษดาเล่าที่มาที่ไปของข้าวของต่างๆก็จะสัมผัสได้ถึงความน่าสนใจในข้าวของต่างๆที่จัดแสดง เป็นของเก่าเล่าสนุก ซึ่งเรื่องราวของข้าวของหลายๆชิ้นถือเป็นความรู้ใหม่ให้เราได้เปิดประสบการณ์ เปิดโลกทัศน์

ขณะที่ข้าวของหลายๆชิ้นที่คนรุ่นผมเกิดทัน เมื่อได้เห็น ได้ฟังก็จะอดนึกย้อนไปนึกถึงอดีตเมื่อครั้งวัยเยาไม่ได้
นับว่าพิพิธภัณฑ์บ้านเทพเป็นอีกหนึ่งแห่งที่เป็นดังไทม์แมชชีนแห่งจินตนาการ ชวนให้เราหวนนึกถึงไปในอดีตวันวาน ซึ่งหลายๆครั้งเรื่องราวอันสวยงามประทับใจแห่งอดีตวันวานนั้น สามารถปลอบประโลมและเป็นพลังให้เราต่อสู้กับปัจจุบันอันโหดร้ายได้เป็นอย่างดีทีเดียว

******************************************
“พิพิธภัณฑ์บ้านเทพ”(Bann Thep Museum) ตั้งอยู่บนถนนเทศบาล 2 ตรงข้ามกับกำแพงเมืองเก่า ด้านหลังเรือนจำ ต.ในเวียง อ.เมืองแพร่ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 09.00 น-17.00 น. มีราคาค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 30 บาท เพื่อเป็นค่าน้ำค่าไฟ ค่าวิทยากร และค่าดูแลบำรุงรักษาข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ โดยราคานี้จะมีพวงมาลัยและธูปสำหรับสักการะพระบรมรูปพระองค์ดำและน้ำชากล่องให้บริการ ดื่มแก้กระหาย พร้อมกับมีวิทยากรคอยบรรยายให้ความรู้ ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 087-987-1164 หรือดูที่เพจ “พิพิธภัณฑ์บ้านเทพ”
และสามารถสอบถามข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในจังหวัดแพร่เพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานแพร่ (พื้นที่รับผิดชอบแพร่ น่าน อุตรดิตถ์) โทร.0-5452-1127
*****************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com
“แพร่” เมืองสงบงามแห่งดินแดนล้านนาตะวันออก
ปีนี้(2559)จังหวัดแพร่ได้รับเลือกจากทาง“การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)” ให้เป็น 1 ใน 12 “เมืองต้องห้ามพลาด Plus”(เมืองต้องห้ามพลาดพลัส) ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากแคมเปญ“เมืองต้องห้าม...พลาด”ของปีที่แล้ว(2558) โดยจังหวัดแพร่เป็นเมืองพลัสหรือเมืองท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับจังหวัด“น่าน” 1 ใน 12 เมืองต้องห้าม...พลาด ซึ่งก็ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวในน่าน-แพร่ มีความคึกคักมากยิ่งขึ้น
1...
สำหรับเมืองแพร่ หลังจากที่ผมไม่ได้ไปเยือนมาหลายปี เมื่อมีโอกาสได้กลับขึ้นไปแอ่วเมื่อไม่กี่วันมานี้ พบว่าแพร่ยังคงน่ารักน่าเที่ยว ตัวเมืองแพร่แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปไม่มาก แต่ก็มีที่พัก มีร้านอาหาร ร้านกาแฟเก๋ๆใหม่ๆเกิดขึ้นมาพอสมควร ช่วยสร้างสีสันบรรยากาศให้เมืองแพร่น่าเที่ยวยิ่งขึ้น
นอกจากนี้เมืองแพร่ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆเกิดขึ้นมาอีกจำนวนหนึ่งให้เราได้เพลิดเพลินกัน โดยหนึ่งในนั้นก็คือ “พิพิธภัณฑ์บ้านเทพ”(Bann Thep Museum) ที่ตั้งอยู่ ต.ในเวียง อ.เมืองแพร่ บนถนนเทศบาล 2 ตรงข้ามกับกำแพงเมืองเก่า ด้านหลังเรือนจำ
พิพิธภัณฑ์บ้านเทพเป็นพิพิธภัณฑ์เอกชนของครอบครัว“เหลืองอุทัยศิลป์” เกิดขึ้นจากการที่คุณลุง“วัฒนา เหลืองอุทัยศิลป์” ชายวัย 63 ปี ได้ทำการเก็บสะสมข้าวของต่างๆมายาวนานกว่า 40 ปี (ตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่นอายุไม่ถึง 20 ปี) ทำให้ที่บ้านของครอบครัวเหลืองอุทัยมีของสะสมต่างๆอยู่มากมาย เพื่อนๆที่มาเที่ยวบ้านจึงแนะนำว่าให้นำข้าวของสะสมต่างๆมาจัดแสดงให้คนภายนอกได้เข้าชม เพราะข้าวของจำนวนมากมีมากไปด้วยคุณค่า มีที่มาที่ไป
นั่นจึงทำให้คุณ“กฤษดา เหลืองอุทัยศิลป์”(ลูกชายลุงวัฒนา) ซึ่งได้เล็งเห็นถึงความตั้งใจของคุณพ่อในการเป็นนักสะสมมายาวนาน ได้นำข้าวของเครื่องใช้ต่างๆมาจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์บ้านเทพขึ้น เปิดให้ผู้สนใจได้เข้าไปเที่ยวชม พร้อมๆไปกับการเรียนรู้อดีตผ่านข้าวของเครื่องใช้เก่าแก่ต่างๆเหล่านั้น
ทั้งนี้ในส่วนที่มาของชื่อบ้านเทพนั้นมีข้อมูลระบุว่า มาจากชาวบ้านที่อยู่แถวๆนั้น เชื่อว่าที่นี่เป็นที่สิงสถิตขององค์เทพ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จึงตั้งชื่อว่า “พิพิธภัณฑ์บ้านเทพ” หรือที่หลายๆคนนิยมเรียกว่า“บ้านเทพ” เพราะนอกจากจะเรียกง่ายติดปากแล้ว ยังเป็นคำเรียกขานที่ฟังดูเป็นมงคลอีกด้วย
2...
ผู้ที่มาเยือนบ้านเทพ เมื่อมาถึง ทางพิพิธภัณฑ์จะให้เราไปสักการะพระบรมรูปของ“สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” หรือ“พระองค์ดำ” ที่อยู่ในลักษณะทรงหลั่งทักษิโณทกประกาศอิสรภาพจากหงสาวดี พม่า ที่อยู่ในอาคารจัดแสดงส่วนหน้าสุดของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งในวันพระนเรศวรปีนี้ที่ผ่านมา(25 ม.ค. 59) ทางครอบครัวเหลืองอุทัยศิลป์นอกจากจะจัดพิธีบวงสรวงพระบรมรูปพระองค์ดำแล้ว ยังได้ใช้ฤกษ์ดีของวันดังกล่าวทำการเปิดพิพิธภัณฑ์บ้านเทพขึ้นอย่างเป็นทางการอีกด้วย
ในบริเวณอาคารจัดแสดงส่วนหน้าของพิพิธภัณฑ์ นอกจากพระบรมรูปของพระองค์ดำที่เป็นดังองค์ประธานแล้ว ที่นี่ยังมีข้าวของเครื่องใช้ต่างๆจัดแสดง ไม่ว่าจะเป็น ชุดเครื่องเรือนหรือเฟอร์นิเจอร์ไม้โบราณจากจีน ทั้งโต๊ะเก้าอี้ประดับมุก ตู้กระจกประดับมุกส่วนบนแกะสลักเป็นรูปมังกร ตุ๊กตากระเบื้องจีน เครื่องกระเบื้องจีน ชามตราไก่โบราณ ตู้คัมภีร์ ฆ้องกบที่มีลักษณะคล้ายกับกลองมโหระทึกโบราณ
รวมถึงมีหีบไม้จันทน์แกะสลักลวดลายสวยงามที่สำคัญคือแม้ตู้แห่งนี้จะมีอายุเก่าแก่ผ่านกาลเวลามายาวนาน แต่ภายในหีบยังคงมีกลิ่นหอมนวล(ตามธรรมชาติ)ของไม้จันทน์ให้ผู้สนใจได้ทดลองดมพิสูจน์กลิ่นกัน
นอกจากนี้ในอาคารจัดแสดงส่วนหน้ายังดูโดดเด่นไปด้วยเสาไม้เก่าแก่ต้นใหญ่ๆ อีกทั้งยังมีส่วนที่เป็นไฮไลท์สำคัญสัญลักษณ์ของพิพิธภัณฑ์คือ “บานประตูไม้สักทอง” ซึ่งเป็นบานประตู 2 บานขนาดใหญ่ สูงถึง 4 เมตร และเป็นบานประตูที่ทำจากไม้สักทองต้นเดียวกัน
คุณกฤษดาบอกว่า บานประตูไม้สักทองคู่นี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของบ้านเทพ อีกทั้งยังแสดงให้เห็นความเป็นเมืองไม้อันอุดมสมบูรณ์ของจังหวัดแพร่ในอดีตอีกด้วย
สำหรับตัวอาคารจัดแสดง(ทั้งส่วนหน้าและส่วนหลัง) รวมไปถึงบานประตูนั้น ลุงวัฒนาได้ซื้อหามาจากบ้านเรือนเก่าที่ชาวบ้านนำมาขาย หรือไม่ก็จะถูกนำไปทิ้งทำลาย มาเก็บรักษาไว้ ก่อนจะนำมาประกอบสร้างเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์บ้านเทพเพื่อใช้จัดแสดงข้าวของต่างๆให้ชมกัน
จากอาคารจัดแสดงส่วนหน้า คุณกฤษดาพาเดินไปทางขวาในส่วนชั้นล่างของบ้านพักอาศัยเพื่อชมความงามของเฟอร์นิเจอร์ไม้โบราณฝังมุกอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี ซึ่งเดิมเป็นเครื่องเรือนของเจ้านายฝ่ายเหนือที่สั่งนำเข้ามาจากประเทศจีน ก่อนที่คุณลุงวัฒนาจะซื้อมาเก็บสะสมไว้ให้ผู้เข้ามาเยือนบ้านเทพได้ชมกัน
ต่อจากนั้นคุณกฤษดาพาเราเดินไปทางซ้ายยังส่วนจัดแสดงอีกฟากหนึ่ง ซึ่งจัดเก็บข้าวของเก่าแก่ชิ้นเล็กๆต่างๆ ทั้งตั้งไว้ข้างนอก หรือจัดแสดงในตู้โชว์ ไม่ว่าจะเป็น ตะเกียงเก่า นาฬิกาเก่า รูปภาพ โปสการ์ดที่คนสมัยก่อนเขียนถึงกัน งานไม้แกะสลัก ตราชู ตลับดินปืน ลูกเป้งช่างน้ำหนัก เงินตราสมัยโบราณ ทั้ง ธนบัตรเก่าสมัย ร.7, ร.8 เหรียญสตางค์มีรู เงินพดด้วงทองคำสมัย ร.4 เป็นต้น
3...
พิพิธภัณฑ์บ้านเทพยังมีข้าวของเก่าแก่และสิ่งที่น่าสนใจต่างๆในส่วนหลังให้ชมกันอีก ไม่ว่าจะเป็น ส่วนกลางแจ้ง ที่มี ศาลเจ้าพ่อ โอ่งไห เครื่องปั้นดินเผาเก่าแก่ งานไม้แกะสลัก เรือขุดไม้สักอายุ 100 ปี ที่เป็นเรือไม้สักขุดต้นเดียว ซึ่งแม้จะดูเก่าแก่แต่ก็ดูคลาสสิกและขลังมากๆ
ขณะที่ในส่วนการจัดแสดงภายในอาคารนั้นมีอีกจุดสำคัญอยู่ที่อาคารหลังใหญ่ในบริเวณชั้นล่าง โดยอาคารหลังนี้เกิดจากการนำไม้สักเกรดเอจากบ้านเรือนเก่าหลายๆหลังที่ถูกรื้อทิ้ง ซึ่งลุงวัฒนาซื้อหามาสะสมไว้ มาประกอบเป็นอาคารหลังใหม่ขนาดใหญ่โต จัดแสดงข้าวของ สิ่งที่น่าสนใจต่างๆมาหมาย ไม่ว่าจะเป็น งานไม้แกะสลัก เครื่องเรือนเก่า ตู้โบราณ เครื่องทองเรือน รถจักรยานเก่า มอเตอร์ไซค์เก่า ตัวตุ๊กตุ่นตุ๊กตา ฯลฯ
และนั่นก็เป็นบางส่วนของพิพิธภัณฑ์บ้านเทพหรือบ้านเทพที่มากมายไปด้วยของสะสม ข้าวของเครื่องใช้เก่าแก่ หลายชิ้นมีคนมาให้ราคาสูง แต่ทางคุณลุงวัฒนาไม่ขาย เพราะต้องการเก็บไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้ ซึ่งหากใครได้ไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์บ้านเทพ แล้วได้ฟังคุณลุงวัฒนา หรือคุณกฤษดาเล่าที่มาที่ไปของข้าวของต่างๆก็จะสัมผัสได้ถึงความน่าสนใจในข้าวของต่างๆที่จัดแสดง เป็นของเก่าเล่าสนุก ซึ่งเรื่องราวของข้าวของหลายๆชิ้นถือเป็นความรู้ใหม่ให้เราได้เปิดประสบการณ์ เปิดโลกทัศน์
ขณะที่ข้าวของหลายๆชิ้นที่คนรุ่นผมเกิดทัน เมื่อได้เห็น ได้ฟังก็จะอดนึกย้อนไปนึกถึงอดีตเมื่อครั้งวัยเยาไม่ได้
นับว่าพิพิธภัณฑ์บ้านเทพเป็นอีกหนึ่งแห่งที่เป็นดังไทม์แมชชีนแห่งจินตนาการ ชวนให้เราหวนนึกถึงไปในอดีตวันวาน ซึ่งหลายๆครั้งเรื่องราวอันสวยงามประทับใจแห่งอดีตวันวานนั้น สามารถปลอบประโลมและเป็นพลังให้เราต่อสู้กับปัจจุบันอันโหดร้ายได้เป็นอย่างดีทีเดียว
******************************************
“พิพิธภัณฑ์บ้านเทพ”(Bann Thep Museum) ตั้งอยู่บนถนนเทศบาล 2 ตรงข้ามกับกำแพงเมืองเก่า ด้านหลังเรือนจำ ต.ในเวียง อ.เมืองแพร่ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 09.00 น-17.00 น. มีราคาค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 30 บาท เพื่อเป็นค่าน้ำค่าไฟ ค่าวิทยากร และค่าดูแลบำรุงรักษาข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ โดยราคานี้จะมีพวงมาลัยและธูปสำหรับสักการะพระบรมรูปพระองค์ดำและน้ำชากล่องให้บริการ ดื่มแก้กระหาย พร้อมกับมีวิทยากรคอยบรรยายให้ความรู้ ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 087-987-1164 หรือดูที่เพจ “พิพิธภัณฑ์บ้านเทพ”
และสามารถสอบถามข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในจังหวัดแพร่เพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานแพร่ (พื้นที่รับผิดชอบแพร่ น่าน อุตรดิตถ์) โทร.0-5452-1127
*****************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com