เดี๋ยวนี้การเดินทางท่องเที่ยวสะดวกสบายมากขึ้น ไม่ว่าจะด้วยวิธีการเดินทางที่มีให้เลือกอย่างหลากหลาย ทั้งรถทัวร์ รถส่วนตัว เรือ เครื่องบิน แล้วก็ยังมีให้เลือกหลากหลายราคาตามกำลังทรัพย์ของแต่ละคน ทำให้การไปท่องเที่ยวที่จังหวัดไกลๆ ก็ไม่ต้องใช้เวลาหลายวันอย่างแต่ก่อน ไม่ต้องเสียวันลาพักร้อนมากเหมือนเดิม
อย่างที่ “ตะลอนเที่ยว” มาเยือน จ.ภูเก็ต ครั้งนี้ ก็ตั้งใจว่าจะใช้เวลาเพียงหนึ่งวันในการท่องเที่ยวบนบกและริมชายหาด โดยเริ่มต้นนั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบินภูเก็ตตั้งแต่เช้าตรู่ เติมพลังให้กระเพาะก็ออกเดินทางไปเที่ยวที่แรกกันได้เลย
ซึ่งจุดแรกนี้ก็อยู่ติดกับสนามบินภูเก็ตนี่เอง มากันที่ “หาดไม้ขาว” ที่นี่เป็นชายหาดสงบๆ ที่แทรกตัวอยู่ในชุมชน แต่เมื่อตรงเข้าไปถึงชายหาดแล้วก็จะได้พบกับหาดทรายขาวๆ ยาวไปจนสุดสายตา แล้วก็มีต้นสนขึ้นอยู่อย่างแน่นขนัด นักท่องเที่ยวนิยมมานั่งเล่นกันที่นี่โดยเฉพาะช่วงเย็นๆ แดดร่มลมตก ก็แวะมาเล่นน้ำ หรือมานั่งปิกนิกกันอย่างสบายๆ
แต่อีกหนึ่งไฮไลต์ของหาดไม้ขาวก็คือ การมาชมเครื่องบินขึ้น-ลง เพราะที่นี่ตั้งอยู่ติดกับสนามบินภูเก็ต เราจึงสามารถมองเห็นเครื่องบินที่จอดอยู่ในสนามบินได้ รวมถึงเครื่องบินที่กำลังบินขึ้นหรือกำลังจะลงจอดที่สนามบิน เรียกว่าเป็นภาพที่แปลกตาอีกภาพ ใครจะมาชมเครื่องบินที่นี่ควรปฏิบัติตามกฎ ไม่เข้าไปในเขตหวงห้าม ไม่ปีนรั้วดูเครื่องบิน รวมถึงรักษาความสะอาดบริเวณชายหาดด้วย
ออกจากหาดแล้ว เราก็ใช้ถนนเทพกระษัตรีมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองภูเก็ต มาถึงแถวๆ อ.ถลาง ก็แวะมาสักการะ “พระผุด” ภายใน “วัดพระทอง” โดยพระผุดนั้นเป็นหนึ่งในพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองภูเก็ต ลักษณะที่เราเห็นจะเป็นพระพุทธรูปที่ผุดขึ้นมาจากพื้นดินเพียงครึ่งองค์ เชื่อกันว่าหากใครได้ไปกราบไหว้ก็จะสัมฤทธิ์ผลตามที่อธิษฐานทุกประการ
เสริมสร้างสิริมงคลในทริปนี้กันแล้ว ก็มุ่งหน้าสู่ตัวเมืองภูเก็ต ซึ่งก็มุ่งตรงมากันที่ “เมืองเก่าภูเก็ต” บริเวณถนนถลาง ซอยรมณีย์ ถนนพังงา ถนนรัษฎา และถนนโดยรอบ บริเวณนี้สามารถจอดรถแล้วลงเดินชมตึกสวยๆ ที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุกีส และถือว่าเป็นย่านตึกชิโน-โปรตุกีสที่สวยที่สุดในเมืองไทย
ปัจจุบัน ในพื้นที่ที่เมืองเก่าภูเก็ต นอกจากจะได้เดินชมตึกสวยๆ กันแล้ว บริเวณนี้ก็ยังมีร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ ที่พัก และพิพิธภัณฑ์ ให้แวะเข้าไปชมกันได้ด้วย
แต่ถ้าอยากจะเห็นตัวเมืองภูเก็ตให้รอบๆ ก็ต้องขึ้นไปชมที่ “เขารัง” ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากเมืองเก่าภูเก็ต มีถนนคอซิมบี้ที่ตัดขึ้นไปถึงยอดเขารัง สามารถขับรถ หรือขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นไปได้เลย แต่ถ้าใครอยากออกกำลังกาย จะใช้สองขาเดินขึ้นไปก็แล้วแต่กำลังกายจะเอื้ออำนวย
บนยอดเขารังเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) อดีตสมุหเทศาภิบาล ผู้สำเร็จราชการกรมมณฑลภูเก็ต ปกครองหัวเมืองปักษ์ใต้ 7 เมือง และยังมีจุดชมวิวเมืองภูเก็ตที่สามารถมองเห็นได้ทั่งเมืองยาวไปจนถึงทะเล ช่วงกลางวันที่ขึ้นมาบนเขารังอาจจะร้อนสักหน่อย แต่ช่วงเย็นๆ ก็อากาศดี มาเดินเล่นชมวิวเมือง หรือจะรอถึงช่วงกลางคืนก็จะได้ชมแสงไฟระยิบระยับไปทั่วบริเวณเมือง
อีกหนึ่งจุดที่ใครมาถึงเมืองภูเก็ตแล้วก็ต้องแวะมา นั่นคือ “วัดฉลอง” หรือ “วัดไชยธาราราม” วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองภูเก็ต ซึ่งถ้าหากมาภูเก็ตแล้วไม่ได้แวะไปนมัสการหลวงพ่อแช่ม ก็เหมือนมาไม่ถึงภูเก็ต
เมื่อมาถึงวัดฉลองแล้วก็ต้องมุ่งตรงไปกราบสักการะขอพรองค์หลวงพ่อแช่ม หลวงพ่อช่วง หลวงพ่อเกลื้อม ที่ประดิษฐานอยู่ด้านในมณฑป และด้านหลังองค์พระทั้ง 3 องค์ยังมีห้องกระจกเล็กๆ ที่จัดเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บข้าวของเครื่องใช้ของหลวงพ่อแช่มไว้ และภายในวัดยังมีพระมหาธาตุเจดีย์พระจอมไทยบารมีประกาศ ที่งดงามเหลืองอร่ามตั้งเด่นเป็นสง่า ซึ่งภายในประดิษฐานพระธาตุของพระพุทธเจ้าที่นำมาจากศรีลังกาให้ได้กราบสักการะ และมีรูปปั้นพระพุทธรูปปางต่างๆ ให้ได้ชมกันด้วย
และไม่ห่างจากวัดฉลองก็เป็นที่ตั้งของยอดเขานาคเกิด ซึ่งเป็นจุดที่ประดิษฐาน “พระใหญ่” หรือ “พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี” พระพุทธรูปองค์สีขาวบริสุทธิ์ปางมารวิชัย ศิลปะร่วมสมัย มีความพิเศษตรงที่องค์ท่านจะประดับผิวด้วยหินอ่อนหยกขาว น้ำหนักเฉพาะหินอ่อนหยกขาวประมาณ 135 ตัน หรือประมาณ 2,500 ตารางเมตร ซึ่งปัจจุบันยังดำเนินการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จดี
มาถึงภูเก็ต ถ้าไม่ได้ลงเล่นน้ำทะเล อย่างน้อยก็ต้องได้มองเห็นทะเลกันสักหน่อย ใครที่อยากชมวิวทะเลสวยๆ “ตะลอนเที่ยว” แนะนำให้มาที่ “จุดชมวิวสามอ่าว” ที่สามารถมองเห็นทั้งหาดกะตะน้อย หาดกะตะ และหาดกะรน ตามลำดับ ทั้งสามหาดมีลักษณะเป็นอ่าวเว้าแหว่ง โค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวติดต่อกันสามอ่าวโดยมีโขดหินเป็นแหลมคั่นอยู่แต่ละหาดเนื่องจากคลื่นลมมรสุมกัดเซาะทำให้แผ่นดินเว้าลึกเข้าไป ถ้าวันไหนทัศนวิสัยดี ก็จะมองเห็นน้ำทะเลไล่สีตั้งแต่สีร้ำเงินเข้มไปจนถึงสีเขียวมรกตอย่างงดงามตัดกับหาดทรายสีขาวสะอาดตาและสีเขียวของต้นไม้
ตรงไปอีกไม่ไกลก็เป็น “หาดยะนุ้ย” ที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของแหลมพรหมเทพ เป็นหาดเล็กๆ เงียบสงบ เหมาะกับการมานั่งพักผ่อน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมานอนอาบแดดและเล่นน้ำตามแนวชายหาด แต่อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ที่หาดยะนุ้ยแห่งนี้เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่งดงามอีกแห่งหนึ่งของภูเก็ต สำหรับใครที่เบื่อวิวเดิมๆ ที่แหลมพรหมเทพก็ลองมาชมพระอาทิตย์ตกดินที่หาดยะนุ้ยได้
แต่ใครที่อยากถ่ายรูปกับอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของภูเก็ต ก็ต้องมาที่ “แหลมพรหมเทพ” เพราะที่นี่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่ขึ้นชื่ออีกแห่งของไทย ช่วงเย็นๆ แดดเริ่มร่ม ก็จะมีนักท่องเที่ยวมารอชมอาทิตย์อัสดงกันมากมาย
แต่ถ้าไม่ได้มาแหลมพรหมเทพในช่วงเย็น ในช่วงเวลาอื่นๆ ที่นี่ก็ถือเป็นจุดนั่งพักผ่อนสบายๆ ได้อีกแห่ง เพราะลมทะเลพัดมาให้ชื่นใจตลอดทั้งวัน มาเดินถ่ายรูปสวยๆ หรือแวะเข้าไปชมประภาคารกาญจนาภิเษก ที่ภายในมีนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติการสร้างประภาคาร และการคำนวณเวลาพระอาทิตย์ขึ้น-ตก
ส่วนในยามค่ำคืน จุดที่คึกคักที่สุดอีกแห่งของภูเก็ตก็คือ “หาดป่าตอง” โดยเฉพาะบริเวณ “ถนนบางลา” ที่เปิดให้เป็น Walking Street ในตอนกลางคืน ที่นี่มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร และสถานบันเทิงยามค่ำคืน ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาท่องราตรีกันที่นี่ ใครมาที่ถนนบางลาในช่วงกลางวัน อาจจะได้บรรยากาศเหงาๆ ที่แทบจะร้างไร้ผู้คน แต่เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ชีวิตในยามราตรีก็เริ่มต้นขึ้น กลายเป็นบรรยากาศแห่งความคึกคักสนุกสนานเข้ามาแทนที่
หนึ่งวันในภูเก็ต เรียกว่าได้เที่ยวชมจุดหลักๆ ไปเกือบครบ ทั้งเมืองเก่า วัดชื่อดัง ได้ชมหาดสวยๆ แต่ถ้าใครมีเวลาอีกสักวัน “ตะลอนเที่ยว” แนะนำให้ออกไปล่องทะเล ไปตามเกาะต่างๆ ของภูเก็ต จะได้สัมผัสกับทะเลไทยที่สวยไม่แพ้ที่ไหนๆ ในโลกเลย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com