ผ่านเทศกาลตรุษจีนมาหนึ่งวัน แต่เรายังคงอินกับบรรยากาศปีใหม่ของคนไทยเชื้อสายจีนอยู่ จึงขอเก็บตกเทศกาลตรุษจีนด้วยการพามายัง “วิหารเซียน” หรือ “อเนกกุศลศาลา” แหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจในระดับ “ไม่ควรพลาด” ของจังหวัดชลบุรี
“อเนกกุศลศาลา” หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อของ “วิหารเซียน” ตั้งอยู่ในอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี อยู่ไม่ไกลกับวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร และมีชื่อภาษาจีนว่า “ต้า ผู้ อี่” (แต้จิ๋ว) หรือ “ต้าน ฝู เยวี้ยน” (จีนกลาง) ซึ่งมีความหมายว่า “สถานที่ที่มีบรรยากาศดั่งสรวงสวรรค์”
ที่นี่เป็นแหล่งรวบรวมงานศิลป์ไทย-จีน ชั้นสูงที่สำคัญแห่งหนึ่งในประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นโดยอาจารย์สง่า กุลกอบเกียรติ ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์ฮวงจุ้ยของจีนซึ่งล่วงลับไปแล้ว โดยท่านมีจุดประสงค์ในการที่จะแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีและความกตัญญูกตเวทีของชาวไทยเชื้อสายจีนที่อาศัยในประเทศไทย ที่มีต่อประเทศชาติ พระราชวงศ์ และองค์พระมหากษัตริย์ โดย อ.สง่า เป็นผู้ริเริ่มออกแบบก่อสร้างวิหารเซียน ซึ่งได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ให้ก่อสร้างบนที่ดินในบริเวณโครงการพัฒนาพื้นที่วัดญาณสังวรารามอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน 7 ไร่ ที่ได้รับพระราชทานเมื่อปี 2530 จากนั้นได้เริ่มก่อสร้างในปี 2531 โดยพระองค์ได้พระราชทานนามอาคารแห่งนี้ว่า “อเนกกุศลศาลา” และได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดอเนกกุศลศาลาในปี 2536 อีกด้วย
วิหารเซียน หรืออเนกกุศลศาลาแห่งนี้ มีอาคารหลักเป็นอาคารสูงสามชั้นในรูปทรงแบบจีน มีกลุ่มศาลาเก๋งบริวารโดยรอบ สร้างขึ้นตามหลักฮวงจุ้ยเพื่อความเป็นสิริมงคล เมื่อเข้าไปในด้านในบริเวณชั้น 1 จะได้พบการตกแต่งอย่างอลังการด้วยศิลปะแบบจีน และศิลปวัตถุล้ำค่าน่าสนใจมากมายละลานตาไปหมด โดยส่วนใหญ่ศิลปวัตถุเหล่านี้เป็นสมบัติส่วนตัวของ อ.สง่า ที่ท่านเก็บสะสมไว้ อีกส่วนหนึ่งลูกศิษย์ลูกหานำมามอบให้ และนอกนั้นยังมีโบราณวัตถุและศิลปวัตถุอีก 328 รายการ ที่ทางรัฐบาลจีนได้มอบให้แก่ อ.สง่า อาทิ งานดินเผาชุด 18 อรหันต์ ที่รัฐบาลกวางโจว ร่วมกับรัฐบาลท้องถิ่นโฝวซานได้มอบให้ทางวิหารเซียน โดยงานดินเผาชุดนี้ได้ใช้ดินพิเศษที่เผาออกมาแล้วมีสีน้ำตาลสวยงามเป็นรูปพระอรหันต์ 18 องค์ ที่แสดงรายละเอียดของงานปั้นแต่ละองค์อย่างงดงาม ทั้งกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น การแสดงออกทางอารมณ์และสีหน้า โดยแต่ละองค์จัดแสดงไว้ในตู้กระจกด้านหน้าวิหาร
ส่วนภาพวาดที่ประดับอยู่เหนือหน้าต่างทั้งสองด้านของวิหารเซียนก็เป็นภาพที่หน่วยงานเอกชนของไต้หวันมอบให้ มีความพิเศษอยู่ตรงที่สีสันอันสดใสของภาพวาดนั้นทำจากอัญมณีหลากหลายชนิด สีแดงนั้นมาจากทับทิม สีเหลืองมาจากบุษราคัม สีขาวมาจากไข่มุก สีเขียวมาจากมรกต เป็นต้น นำอัญมณีเหล่านั้นมาบดละเอียด ผสมกับน้ำยาสูตรลับพิเศษ แล้วทาไปบนรูปภาพ โดยต้องทาบางๆ นับสิบครั้งกว่าจะสำเร็จ โดยสีที่ทำจากอัญมณีเช่นนี้แม้ผ่านไปนับร้อยนับพันปีก็จะไม่ซีดไม่หมอง
อีกทั้งยังมีภาพเขียนเก่าแก่รูปแปดเซียนจำนวน 8 ภาพ อายุมากกว่า 500 ปี เขียนโดยศิลปินผู้มีชื่อเสียงในราชวงศ์หมิง ถือเป็นภาพต้นฉบับของรูปแปดเซียนที่มีให้เห็นอยู่ทุกวันนี้
และที่เป็นไฮไลต์ซึ่งไม่ควรพลาดชมด้วยประการทั้งปวงก็คือ หุ่นตุ๊กตาดินเผาจากสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ อายุกว่า 2,000 ปี ที่ถูกขุดพบในเมืองซีอาน ประเทศจีน โดยหุ่นทหารดินเผาชุดนี้ รวมไปถึงชุดม้าสำริดที่พบในสุสานเช่นเดียวกัน อ.สง่า ได้รับมอบเป็นพิเศษจากรัฐบาลของประเทศจีน โดยความรับผิดชอบประสานงานของกระทรวงวัฒนธรรมจีน อีกทั้งยังได้รับมอบแบบจำลองสุสานของจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้ ที่จำลองมาจากของจริงที่ขุดพบด้วย ซึ่งประเทศจีนไม่เคยมอบให้ใครเป็นการถาวรมาก่อน แต่ได้มอบให้แก่วิหารเซียน จึงนับเป็นโอกาสดีของชาวไทยที่จะได้ชมหุ่นดินเผาจากสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ของแท้อย่างใกล้ชิดโดยไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงเมืองซีอาน
นอกจากนั้นในชั้นที่ 1 นี้ ก็ยังมีรูปหล่อของเทพเจ้าและองค์เซียนต่างๆ อีกนับร้อยชิ้น ขนาดเล็กใหญ่ต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น “พระสหัสกรอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์” (กวนอิมพันมือ) รูปหล่อสำริดโบราณสมัยราชวงศ์ถัง “เทพกวนตี้” หรือเทพกวนอู วีรบุรุษนักรบที่มีชื่อเสียง ได้รับยกย่องด้านความกล้าหาญและซื่อสัตย์จงรักภักดี “พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์” ซึ่งในพุทธลักษณะแบบจีนนั้นจะมีรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ มีรอยยิ้มกว้าง ผู้คนมักมาขอพรจากท่านให้มีสุขภาพแข็งแรงและร่ำรวย “องค์พญาครุฑคเคศวร” ที่จำหลักขึ้นจากไม้สักทองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สร้างขึ้นเพื่อทูลเกล้าถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 85 พรรษา เมื่อปี 2555
ส่วนบนชั้น 2 นั้นเป็นที่ประดิษฐานพระวิสุทธิเทพลื่อท่งปิง หรือที่เรารู้จักกันในนามของ องค์โจวซือ ซึ่งเป็น 1 ใน 8 เซียน ผู้มีสติปัญญาเฉียบแหลม มีความทรงจำเป็นเลิศ นับเป็นเซียนองค์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากที่สุดองค์หนึ่งในวัฒนธรรมจีน และที่พลาดไม่ได้อีกอย่างหนึ่งบนชั้นสองคือที่ลานระเบียง ซึ่งมีรูปหล่อชุด 19 ท่ามวยจีน ที่อาจารย์สง่าบอกไว้ว่าหากได้ฝึกวันละท่าจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง
ไม่เพียงศิลปวัตถุและเหล่าเทพเหล่าเซียนของวัฒนธรรมจีนเท่านั้น บริเวณด้านซ้ายและขวาของระเบียงนี้ยังเป็นห้องจัดแสดงงานศิลปกรรมไทย จัดแสดงงานศิลปกรรมไทยอันมากคุณค่า ไม่ว่าจะเป็น หัวโขน หุ่นละครเล็กของครูสาคร ยังเขียวสด แห่งโจหลุยส์ เธียเตอร์ หุ่นกระบอกเล็กฝีมือครูชื้น สกุลแก้ว ศิลปินแห่งชาติ งานแกะสลักจากเชียงใหม่ ชุดเรือจำลองเรือนไทยสี่ภาคจำลอง เครื่องดนตรีไทย ฯลฯ
ส่วนบนชั้นที่ 3 ซึ่งเป็นชั้นบนสุด ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชินราชที่จำลองมาจากพระพุทธชินราชเมืองพิษณุโลก หล่อขึ้นโดยจ่าทวี บูรณเขตต์ และมีภาพพุทธประวัติอันงดงาม 15 ภาพด้วยกัน
ความล้ำค่าของศิลปวัตถุทั้งไทยและจีนที่อยู่ภายในวิหารเซียนแห่งนี้ นับว่าคุ้มค่าเกินราคาค่าเข้าชม 50 บาทที่จ่ายไปอย่างยิ่ง หากใครยังไม่เคยเข้าไปชม ขอให้ลองหาโอกาสไปดูสักครั้งว่าจะคุ้มค่าจริงหรือไม่
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“วิหารเซียน” หรือ “อเนกกุศลศาลา” ตั้งอยู่ใน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ห่างจากเมืองพัทยาราว 20 กม. และอยู่ไม่ห่างจากวัดญาณสังวรารามฯ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. มีค่าเข้าชมคนละ 50 บาท สอบถามโทร. 0- 3834-3555-6
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com