โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
วัวมีหนอกถือเป็นเรื่องปกติ
แต่ถ้า“ดอยมีหนอก” นอกจากจะไม่ปกติแล้ว ยังถือเป็นอีกหนึ่งความมหัศจรรย์(เล็กๆ)ของธรรมชาติอันน่าตื่นตาตื่นใจ และชวนให้ไปพิสูจน์สัมผัสเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับดอยมีหนอกที่ว่านี้ก็คือ “ดอยหนอก” อีกหนึ่งดอยสูงเสียดฟ้าแห่งภาคเหนือที่มีรูปพรรณสัณฐานแปลกประหลาดเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
1…
ดอยหนอก เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติดอยหลวง ที่มีพื้นที่ครอบคลุม 3 จังหวัด คือ เชียงราย ลำปาง และพะเยา ดอยหนอกเป็นเทือกเขารอยต่อระหว่างจังหวัดพะเยากับจังหวัดลำปาง ทางทิศตะวันออกติดกับพะเยา ส่วนทิศตะวันตกติดจังหวัดลำปาง
เหตุที่เรียกว่าดอยหนอกก็เพราะว่า ยอดสูงสุดของดอยแห่งนี้มีลักษณะเป็นภูเขาหินสูงแหลมปลายมน ดูคล้าย“หนอกวัว”ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านสูงเสียดแทงฟ้า ชาวบ้านจึงเรียกขานกันว่า “ดอยหนอก”
สำหรับการขึ้นไปพิชิตยอดดอยหนอก เดิมจะนิยมเดินขึ้นทางฝั่งดอยหลวง จ.พะเยา(ระยะทางประมาณ 16 กม.) ซึ่งที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวนิยมมาใช้เส้นทางนี้กันมากพอสมควร
อย่างไรก็ดีล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ ได้มีการเปิดเส้นทางขึ้นดอยหนอกเส้นทางใหม่จากทางฝั่ง จ.ลำปาง ได้แก่ เส้นทางขึ้นจาก “บ้านปงถ้ำ” หมู่ 3 ต.วังทอง อ.วังเหนือ จ.ลำปาง โดยข้อมูลจากหมู่บ้านปงถ้ำระบุว่า “เป็นเส้นทางขึ้นไปพิชิตยอดอยหนอกที่ใกล้ที่สุด”
และนั่นถือเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ผมเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า สะพายกล้องถ่ายรูปและย่ามคู่ใจ ออกไปเดินป่าอีกครั้ง เพื่อเป็นหนึ่งในผู้พิชิตดอยหนอกในเส้นทางใหม่ ซึ่งแน่นอนว่างานนี้ มันช่างไม่ธรรมดาเอาเสียเลย
2…
หลังเดินทางมาถึงยังบ้านปงถ้ำ ผมกับคณะไปเจอกับ“ผู้ใหญ่เสน่ห์ ซองดี” หรือ “พ่อหลวงเสน่ห์” ผู้ใหญ่บ้านปงถ้ำที่เป็นผู้บุกเบิกเส้นทางท่องเที่ยวพิชิตยอดดอยหนอกจากทางฝั่งบ้านปงถ้ำ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นดอยหนอกจากทางฝั่งบ้านปงถ้ำควรไปแจ้งชื่อกับทางหมู่บ้านก่อน เพื่อบันทึกเป็นข้อมูลคนขึ้น-ลง เพราะถ้าเกิดมีคนหลง ชาวบ้านจะได้ช่วยกันตามหา หรือหากต้องการขึ้นทางฝั่งลำปางแล้วไปลงทางฝั่งพะเยาก็ยิ่งควรแจ้งใหญ่ เพราะเมื่อชาวบ้านเห็นมีนักท่องเที่ยวขึ้นดอยไปแล้ว ไม่กลับลงมา(ทางเดิม) มันทำให้พวกเขาไม่สบายใจ
ทั้งนี้เมื่อนักท่องเที่ยวมาถึงยังบ้างปงถ้ำแล้ว พวกเราเลือกการพิชิตดอยหนอกด้วยวิธี “รถครึ่งนึง เดินครึ่งนึง” คือ ช่วงแรกเลือกใช้บริการนั่งรถอีแต๊กนำเที่ยวของชุมชน จากนั้นไปเดินเท้าขึ้นเขาต่ออีกในระยะทางช่วงหลัง โดยเมื่อพวกเราขนข้าวของมากันพร้อม คนพร้อม รถอีแต๊กก็มารับเราที่ลานบริการนักท่องเที่ยว ก่อนจะค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปแบบเนิบๆ สโลว์ไลฟ์
สำหรับเส้นทางนั่งรถช่วงแรกๆบอกเลยว่าชิลล์มากครับ แม้จะเป็นถนนลูกรังแต่ว่าก็เป็นทางราบ ให้พวกเราได้นั่งกันแบบสบายๆเพลิดเพลินกับการนั่งชมวิวทิวทัศน์รอบข้าง
ทว่า...หลังจากนั้นไม่นานเส้นทางเปลี่ยนเป็นทางขึ้นเขา-ลงเขา ผ่านท้องทุ่ง ไร่ข้าวโพด บางช่วงรถก็วิ่งตะลุยผ่านลำธารน้ำ บางช่วงขึ้นเขาชัน บางช่วงลงเขาชันดิ่งแบบมีลุ้นและแอบหวาดเสียวเล็กน้อย แต่ถึงแม้ว่าเส้นทางจะวิบากสมบุกสมบัน แต่ว่าบรรยากาศของท้องทุ่ง ไร่นา วิถีชีวิต และวิวทิวทัศน์ท่ามกลางบรรยากาศขุนเขาโอบล้อมนี่สวยงามใช่ย่อย
งานนี้ผมนั่งรถไป ชมวิวไป ตัวเกร็งไป พร้อมๆกับต้องเกร็งลมปราณ หรือบางช่วงที่รถอีแต๊กขึ้นลงกระแทกกระทั้น ก็ต้องคอยขยับตัวจัดระเบียบให้กระเพาะ ลำไส้ กลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง ซึ่งความลำบากโหดหินของเส้นทางนั้น เปรียบเทียบระยะทางกับเวลาได้ เพราะพวกเรานั่งรถกันมาแค่ 4 กิโลเมตร แต่ใช้เวลาไปตั้ง 1 ชั่วโมงแน่ะ
แต่นี่ยังถือว่าธรรมดา เพราะ“พี่ป๊อก” ลูกหาบที่มาแบกสัมภาระให้กับคณะผมบอกว่า ช่วงแรกที่นั่งรถอีแต๊กเป็นแค่การอุ่นเครื่อง แต่ว่าของจริงคือการเดินทางขึ้นเขานับจากนี้ไป
3…
สำหรับเส้นทางเดินขึ้นเขา ณ จุดสิ้นสุดเส้นทางรถอีแต๊ก มีระยะทาง 4 กิโลเมตร เช่นเดียวกับระยะทางที่นั่งรถอีแต๊กมา เพียงแต่ว่านับจากนี้ไปเราต้องเดินขึ้นเขาสู่ยอดดอยหนอกด้วย 2 เท้าของเราเอง โดยเส้นทางเดินในช่วงประมาณ 15 นาทีแรก ผ่านไร่ข้าวโพดและดงกล้วยป่าต้นสูงใหญ่ เป็นทางลาดชันเล็กน้อย เดินไม่ยาก
จากนั้นเส้นทางเปลี่ยนเป็นป่าไผ่และป่าที่รกทึบขึ้น ที่สำคัญคือเส้นทางได้เปลี่ยนจากทางลาดชันเล็กน้อย เป็นทางเดินขึ้นเขาที่มีความลาดชันมาก จนทำให้หลายๆคนในคณะต้องหันมาพึ่งไม้เท้าเดิน 3 ขา หรือไม่ก็ใช้ 2 แขนมาช่วยเดิน 4 ขา เพื่อช่วยให้การยึดเกาะปีนป่ายคล่องตัวยิ่งขึ้น
ในเส้นทางเดิน“ของจริง”สู่ยอดดอยหนอกนี้ แม้ผมกับเพื่อนๆจะเดินไปพักไป(แทบทุกๆประมาณ 20-30 นาที เนื่องจากเส้นทางมีสภาพสูงชันโหดหิน) แต่กระนั้นในเส้นทางนี้ ชาวบ้านปงถ้ำได้มาทำจุดพักหลักๆไว้ 4 จุด ด้วยกัน แต่ละจุดห่างกันประมาณ 800-900 เมตร โดยเลือกจากทำเลที่ตั้งที่เป็นพื้นที่ราบ(เล็กน้อย) ให้เราได้ปลดวางสัมภาระ นั่งพักผ่อน ดื่มน้ำดื่มท่า
เริ่มจากจุดพักแรก“ปางน้อยเซ็น” แล้วต่อด้วยจุดพักที่ 2 “สันตาดจาน” ที่มีน้ำตกจาน(ตาดจาน)อยู่ใกล้ๆ จากนั้นเป็นจุดพักที่ 3 “กิ่วฮางแกง” ที่พี่ป๊อกบอกว่าตั้งชื่อตาม“ต้นแกง”(ชื่อท้องถิ่น) ที่ใบของมันเป็นเครื่องเทศชาวบ้านนิยมนำไปใส่ในแกง
ส่วนจุดพักสุดท้าย(จุดที่ 4) เป็นลานหินกว้างพอประมาณ มีตาน้ำ มีการนำไม้ไผ่ไปต่อท่อแบบประปาภูเขาให้เราได้เติมน้ำเย็นๆจากธรรมชาติ และวักน้ำมาล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นกายา ผ่อนคลายจากที่เดินฝ่าความวิบากสูงชันมากถึงชันมากกว่าๆขึ้นมาจนเกือบๆจะเป็นผู้พิชิตดอยหนอกอยู่แล้ว
นอกจากนี้ที่จุดพักที่ 4 ลานหิน ยังมีการตั้งแคมป์เล็กๆเป็นเพิงสังกะสี สำหรับการหยุดพักรับประทานอาหาร เติมพลังก่อนจะออกเดินตะลุยขึ้นเขาไปเป็นผู้พิชิตดอยหนอกที่อยู่ห่างจากนี้ไปอีกไม่ไกล พร้อมๆกับมีป้ายเขียนให้กำลังใจว่า “สู้ๆอีกนิด จะพิชิตดอยหนอก”
ถือเป็นกำลังใจให้พวกเราพอที่จะยิ้มได้บ้าง
4…
หลังหม่ำข้าวกลางวันเมนูพื้นบ้าน ที่มี น้ำพริก ผักจิ้ม ผักลวก ไข่ต้ม แกงโฮะ และหมูทอดกันอย่างอิ่มหนำ สามารถฟื้นคืนพลังที่อ่อนล้ากลับมา พี่ป๊อกและเหล่าลูกหาบก็พาพวกเราเดินลุยถั่วขึ้นเขาสูงชันในช่วงสุดท้ายผ่านป่าหญ้าคา ขึ้นสู่ยอด“สันดอยหนอก”ซึ่งเป็นแนวสันเขาทอดตัวยาว เป็นรอยต่อเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างลำปางกับพะเยา
บนยอดสันดอยหนอก มีการประดิษฐานองค์“หลวงพ่อทันใจ”สีเหลืองทอง ประทับเด่น ให้ผู้เดินป่าขึ้นมาพิชิตดอยหนอกได้กราบสักการะ
หลวงพ่อทันใจองค์นี้มีชื่อเต็มว่า “องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธสิกขีปฐมบรมสัมมาสัมพุทธเจ้า” หรือ “พระพุทธรูปชำระหนี้สงฆ์” ที่สร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2551 ด้วยแนวคิด พระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมบรมศาสดา ที่ทรงเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์แรกที่อุบัติเกิดขึ้นในโลกก่อนหน้าพระพุทธเจ้าทั้งปวง...(ข้อมูลจากองค์พระหลวงพ่อทันใจ)
นอกจากองค์หลวงพ่อทันใจแล้ว บริเวณยอดสันดอยหนอกยังเป็นที่ตั้งแคมป์ กางเต็นท์ พักแรม สำหรับนักท่องเที่ยวผู้ขึ้นมานอนพักค้างบนดอยหนอก ซึ่งในยามเย็นจะได้ชมพระอาทิตย์ตกทางฝั่งลำปาง และยามเช้าชมพระอาทิตย์ขึ้นจากทางฝั่งพะเยา และถ้าวันไหนอากาศเป็นใจเราจะได้เห็นทะเลหมอกอันงดงาม
สำหรับผู้ที่ขึ้นมากราบสักการะหลวงพ่อทันใจบนสันดอยหนอกนั้น ยังไม่ถือว่าเป็นผู้พิชิตดอยหนอกโดยสมบูรณ์ เพราะยอดสูงสุดของดอยหนอกนั้น อยู่ทางด้านหลังองค์หลวงพ่อทันใจห่างออกไปอีกประมาณ 1 กม. ให้เราได้ออกแรงเฮือกสุดท้ายขึ้นไปพิชิตเหนือบนยอดขุนเขารูปสันหนอกวัวยักษ์ อันเป็นที่มาของชื่อ“ดอยหนอก” ที่ดูแปลกประหลาดไปด้วยรูปพรรณสัณฐานอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
อย่างไรก็ดีในเส้นทางสู่ผู้พิชิตยอดสูงสุดดอยหนอก(หลังองค์หลวงพ่อทันใจ)นั้น มันคือความหฤโหดสุดยอดของเส้นทางนี้ เพราะมันไม่ใช่เส้นทางเดิน หากแต่เป็นเส้นทางปีนป่ายไปบนยอดภูเขาหินอันสูงชัน แถมเส้นทางในช่วงประมาณ 100 เมตร สุดท้าย ชันมากชนิดที่ต้องเราต้องค่อยๆไต่กันไปบนบนลวดสลิง(ที่มีคนมาจัดสร้างทำไว้)กันแบบสโลว์ไลฟ์ ค่อยๆไปอย่างระมัดระวัง(ใครเคยขึ้นเขาล้อมหมวก จ.ประจวบฯ อารมณ์จะคล้ายๆกับในช่วงที่ต้องไต่เชือกขึ้นไปยังยอดสูงสุด)
นับเป็นการไต่ระห่ำระฟ้าที่ท้าทายและวัดใจมาก
แต่สุดท้ายทุกคนก็ขึ้นมายืนบนยอดสูงสุดดอยหนอกกันอย่างปลอดภัย แต่แอบทุกลักทุเลกันตามอัตภาพ
สำหรับยอดสูงสุดดอยหนอก มีความสูง 1,694 เมตร จากระดับน้ำทะเล บนนั้นเป็นยอดเขามน มีพื้นที่ราบแคบๆ สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามกว้างไกลได้รอบทิศ 360 องศา และไม่เพียงแต่มองเห็นวิวของจังหวัดลำปางกับพะเยา ที่แนวสันเขาดอยหนอกทอดตัวพาดผ่านในแนวรอยต่อของ 2 จังหวัดเท่านั้น หากแต่สามารถมองเห็นวิวของเมืองเชียงใหม่ เชียงราย ได้อีกด้วย
นับเป็นดอยเดียวที่สามารถมองเห็นวิวได้ถึง 4 จังหวัด โดยเฉพาะในส่วนมุมไฮไลท์นั้นก็เป็นวิวทางฝั่งพะเยาที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของ“กว๊านพะเยา” อันสวยงาม
บนยอดสูงสุดดอยหนอกนอกจากจะเป็นจุดชมวิว 4 จังหวัดอันสวยงามแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของ“พระธาตุดอยหนอก” ซึ่งพี่ป๊อกบอกว่า ที่นี่มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี “ครูบาศรีวิชัย” ท่านได้เดินทางขึ้นมาพบรอยพระพุทธบาทบนนี้ จึงได้สร้างศาสนสถานขึ้น โดยปัจจุบันองค์พระธาตุดอยหนอกได้สร้างครอบรอยพระพุทธบาทได้ ซึ่งเราสามารถเข้าไปดูรอยพระพุทธบาทจำลองที่ฐานใต้องค์พระบาท
พระธาตุดอยหนอก ถือเป็นอีกความศรัทธาอันแรงกล้าจากชาวบ้านในละแวกนี้ทั้งทางฝั่งลำปางและพะเยา เพราะขนาดผมแค่เดินสะพายกล้องขึ้นมาว่าลำบากโหดหินมากแล้ว แต่นี่ชาวบ้านเขาแบกอิฐหินปูนทราย และพระพุทธรูปหนักๆขึ้นมา นั่นมันจะลำบากยากเย็นขนาดไหน นอกจากนี้ทุกๆปีในช่วงเดือนเมษายน จะมีประเพณีนมัสการพระธาตุดอยหนอก ซึ่งชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงต่างก็จะเดินขึ้นเขามาสักการะองค์พระธาตุท่ามกลางศรัทธาอันแรงกล้า
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเส้นทางพิชิตขุนเขาสูงที่ให้บทเรียนกับผมว่า
สิ่งสำคัญที่สุดในการพิชิตดอยหนอกนั่นก็คือการ“พิชิตใจตัวเอง”
หากเราสามารถเอาพิชิตใจตัวเราเองได้ การพิชิตอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวงนั้นก็ดูจะเป็นเรื่องรองลงไป
**************************************************
การเดินป่าขึ้นเขาไปพิชิตยอดดอยหนอก เป็นทริปเฉพาะกลุ่ม เหมาะสำหรับผู้มีร่างกายแข็งแรง ไม่เป็นโรคกลัวความสูง โรคหัวใจ โดยการขึ้นไปพิชิตยอดอยหนอกในเส้นทางใหม่จากทางฝั่ง “บ้านปงถ้ำ” หมู่ 3 ต.วังทอง อ.วังเหนือ จ.ลำปางนั้น ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ภูมิภาค ภาคเหนือ และ ททท.เชียงใหม่ ได้เข้ามาช่วยส่งเสริมประชาสัมพันธ์เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชน
สำหรับเส้นทางจากบ้านปงถ้ำสู่ยอดอยหนอก มีระยะทางประมาณ 8 กม. เป็นนั่งรถอีแต๊ก 4 กม. (ประมาณ 1 ชม.) และเดินป่าขึ้นเขาสูงชันอีก 4 กม.(ประมาณ 3-4 กม.) ค่ารถอีแต๊ก ไป-กลับ 1,600 บาท นั่งได้เต็มที่ 10 คน/คัน ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 400 บาท/คน/วัน ค่าลูกหาบ 400 บาท/คน/วัน แบกสิ่งของไม่เกิน 15 กม. (หรือหากใครจะเลือกเดินเท้าจากบ้านปงถ้ำสู่ยอดดอยหนอกรวดเดียว 8 กม.ก็สามารถทำได้ แต่ต้องคำนวณเวลาเดินขึ้น-ลง และประเมินพละกำลังตัวเองให้ดี)
ทั้งนี้เมื่อขึ้นไปถึงบนยอดดอยควรค้างคืนเพื่อสัมผัสกับอรรถรสให้เต็มที่ของวิวทิวทัศน์ พระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก ทะเลหมอก และการนอนดูดาวบนสันดอย โดยกรณีไปค้างคืนต้องนำอาหารขึ้นไป ส่วนน้ำมีให้เติมในจุดสุดท้ายที่ตาน้ำจุดพักที่ 4 และสิ่งสำคัญคือเมื่อนำขยะที่ไม่ย่อยสลายขึ้นไปให้นำกลับลงมาด้วย
ฤดูกาลท่องเที่ยวดอยหนอกที่เหมาะสมคือในช่วงฤดูหนาว พ.ย.-ก.พ.
ผู้สนใจสอบถามข้อมูลการพิชิตยอดอยหนอกจากทางฝั่งบ้านปงถ้ำเพิ่มเติมได้ที่ ผู้ใหญ่เสน่ห์ ซองดี 086-080-2452
และสามารถสอบถามรายละเอียดการท่องเที่ยวภายในจังหวัดลำปาง เชื่อมโยงกับบ้านปงถ้ำและดอยหนอก รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางจังหวัดลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานเชียงใหม่(พื้นที่รับผิดชอบเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง) โทร.0-5324-8604, 0-5324-8607
*****************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com
วัวมีหนอกถือเป็นเรื่องปกติ
แต่ถ้า“ดอยมีหนอก” นอกจากจะไม่ปกติแล้ว ยังถือเป็นอีกหนึ่งความมหัศจรรย์(เล็กๆ)ของธรรมชาติอันน่าตื่นตาตื่นใจ และชวนให้ไปพิสูจน์สัมผัสเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับดอยมีหนอกที่ว่านี้ก็คือ “ดอยหนอก” อีกหนึ่งดอยสูงเสียดฟ้าแห่งภาคเหนือที่มีรูปพรรณสัณฐานแปลกประหลาดเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
1…
ดอยหนอก เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติดอยหลวง ที่มีพื้นที่ครอบคลุม 3 จังหวัด คือ เชียงราย ลำปาง และพะเยา ดอยหนอกเป็นเทือกเขารอยต่อระหว่างจังหวัดพะเยากับจังหวัดลำปาง ทางทิศตะวันออกติดกับพะเยา ส่วนทิศตะวันตกติดจังหวัดลำปาง
เหตุที่เรียกว่าดอยหนอกก็เพราะว่า ยอดสูงสุดของดอยแห่งนี้มีลักษณะเป็นภูเขาหินสูงแหลมปลายมน ดูคล้าย“หนอกวัว”ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านสูงเสียดแทงฟ้า ชาวบ้านจึงเรียกขานกันว่า “ดอยหนอก”
สำหรับการขึ้นไปพิชิตยอดดอยหนอก เดิมจะนิยมเดินขึ้นทางฝั่งดอยหลวง จ.พะเยา(ระยะทางประมาณ 16 กม.) ซึ่งที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวนิยมมาใช้เส้นทางนี้กันมากพอสมควร
อย่างไรก็ดีล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ ได้มีการเปิดเส้นทางขึ้นดอยหนอกเส้นทางใหม่จากทางฝั่ง จ.ลำปาง ได้แก่ เส้นทางขึ้นจาก “บ้านปงถ้ำ” หมู่ 3 ต.วังทอง อ.วังเหนือ จ.ลำปาง โดยข้อมูลจากหมู่บ้านปงถ้ำระบุว่า “เป็นเส้นทางขึ้นไปพิชิตยอดอยหนอกที่ใกล้ที่สุด”
และนั่นถือเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ผมเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า สะพายกล้องถ่ายรูปและย่ามคู่ใจ ออกไปเดินป่าอีกครั้ง เพื่อเป็นหนึ่งในผู้พิชิตดอยหนอกในเส้นทางใหม่ ซึ่งแน่นอนว่างานนี้ มันช่างไม่ธรรมดาเอาเสียเลย
2…
หลังเดินทางมาถึงยังบ้านปงถ้ำ ผมกับคณะไปเจอกับ“ผู้ใหญ่เสน่ห์ ซองดี” หรือ “พ่อหลวงเสน่ห์” ผู้ใหญ่บ้านปงถ้ำที่เป็นผู้บุกเบิกเส้นทางท่องเที่ยวพิชิตยอดดอยหนอกจากทางฝั่งบ้านปงถ้ำ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นดอยหนอกจากทางฝั่งบ้านปงถ้ำควรไปแจ้งชื่อกับทางหมู่บ้านก่อน เพื่อบันทึกเป็นข้อมูลคนขึ้น-ลง เพราะถ้าเกิดมีคนหลง ชาวบ้านจะได้ช่วยกันตามหา หรือหากต้องการขึ้นทางฝั่งลำปางแล้วไปลงทางฝั่งพะเยาก็ยิ่งควรแจ้งใหญ่ เพราะเมื่อชาวบ้านเห็นมีนักท่องเที่ยวขึ้นดอยไปแล้ว ไม่กลับลงมา(ทางเดิม) มันทำให้พวกเขาไม่สบายใจ
ทั้งนี้เมื่อนักท่องเที่ยวมาถึงยังบ้างปงถ้ำแล้ว พวกเราเลือกการพิชิตดอยหนอกด้วยวิธี “รถครึ่งนึง เดินครึ่งนึง” คือ ช่วงแรกเลือกใช้บริการนั่งรถอีแต๊กนำเที่ยวของชุมชน จากนั้นไปเดินเท้าขึ้นเขาต่ออีกในระยะทางช่วงหลัง โดยเมื่อพวกเราขนข้าวของมากันพร้อม คนพร้อม รถอีแต๊กก็มารับเราที่ลานบริการนักท่องเที่ยว ก่อนจะค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปแบบเนิบๆ สโลว์ไลฟ์
สำหรับเส้นทางนั่งรถช่วงแรกๆบอกเลยว่าชิลล์มากครับ แม้จะเป็นถนนลูกรังแต่ว่าก็เป็นทางราบ ให้พวกเราได้นั่งกันแบบสบายๆเพลิดเพลินกับการนั่งชมวิวทิวทัศน์รอบข้าง
ทว่า...หลังจากนั้นไม่นานเส้นทางเปลี่ยนเป็นทางขึ้นเขา-ลงเขา ผ่านท้องทุ่ง ไร่ข้าวโพด บางช่วงรถก็วิ่งตะลุยผ่านลำธารน้ำ บางช่วงขึ้นเขาชัน บางช่วงลงเขาชันดิ่งแบบมีลุ้นและแอบหวาดเสียวเล็กน้อย แต่ถึงแม้ว่าเส้นทางจะวิบากสมบุกสมบัน แต่ว่าบรรยากาศของท้องทุ่ง ไร่นา วิถีชีวิต และวิวทิวทัศน์ท่ามกลางบรรยากาศขุนเขาโอบล้อมนี่สวยงามใช่ย่อย
งานนี้ผมนั่งรถไป ชมวิวไป ตัวเกร็งไป พร้อมๆกับต้องเกร็งลมปราณ หรือบางช่วงที่รถอีแต๊กขึ้นลงกระแทกกระทั้น ก็ต้องคอยขยับตัวจัดระเบียบให้กระเพาะ ลำไส้ กลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง ซึ่งความลำบากโหดหินของเส้นทางนั้น เปรียบเทียบระยะทางกับเวลาได้ เพราะพวกเรานั่งรถกันมาแค่ 4 กิโลเมตร แต่ใช้เวลาไปตั้ง 1 ชั่วโมงแน่ะ
แต่นี่ยังถือว่าธรรมดา เพราะ“พี่ป๊อก” ลูกหาบที่มาแบกสัมภาระให้กับคณะผมบอกว่า ช่วงแรกที่นั่งรถอีแต๊กเป็นแค่การอุ่นเครื่อง แต่ว่าของจริงคือการเดินทางขึ้นเขานับจากนี้ไป
3…
สำหรับเส้นทางเดินขึ้นเขา ณ จุดสิ้นสุดเส้นทางรถอีแต๊ก มีระยะทาง 4 กิโลเมตร เช่นเดียวกับระยะทางที่นั่งรถอีแต๊กมา เพียงแต่ว่านับจากนี้ไปเราต้องเดินขึ้นเขาสู่ยอดดอยหนอกด้วย 2 เท้าของเราเอง โดยเส้นทางเดินในช่วงประมาณ 15 นาทีแรก ผ่านไร่ข้าวโพดและดงกล้วยป่าต้นสูงใหญ่ เป็นทางลาดชันเล็กน้อย เดินไม่ยาก
จากนั้นเส้นทางเปลี่ยนเป็นป่าไผ่และป่าที่รกทึบขึ้น ที่สำคัญคือเส้นทางได้เปลี่ยนจากทางลาดชันเล็กน้อย เป็นทางเดินขึ้นเขาที่มีความลาดชันมาก จนทำให้หลายๆคนในคณะต้องหันมาพึ่งไม้เท้าเดิน 3 ขา หรือไม่ก็ใช้ 2 แขนมาช่วยเดิน 4 ขา เพื่อช่วยให้การยึดเกาะปีนป่ายคล่องตัวยิ่งขึ้น
ในเส้นทางเดิน“ของจริง”สู่ยอดดอยหนอกนี้ แม้ผมกับเพื่อนๆจะเดินไปพักไป(แทบทุกๆประมาณ 20-30 นาที เนื่องจากเส้นทางมีสภาพสูงชันโหดหิน) แต่กระนั้นในเส้นทางนี้ ชาวบ้านปงถ้ำได้มาทำจุดพักหลักๆไว้ 4 จุด ด้วยกัน แต่ละจุดห่างกันประมาณ 800-900 เมตร โดยเลือกจากทำเลที่ตั้งที่เป็นพื้นที่ราบ(เล็กน้อย) ให้เราได้ปลดวางสัมภาระ นั่งพักผ่อน ดื่มน้ำดื่มท่า
เริ่มจากจุดพักแรก“ปางน้อยเซ็น” แล้วต่อด้วยจุดพักที่ 2 “สันตาดจาน” ที่มีน้ำตกจาน(ตาดจาน)อยู่ใกล้ๆ จากนั้นเป็นจุดพักที่ 3 “กิ่วฮางแกง” ที่พี่ป๊อกบอกว่าตั้งชื่อตาม“ต้นแกง”(ชื่อท้องถิ่น) ที่ใบของมันเป็นเครื่องเทศชาวบ้านนิยมนำไปใส่ในแกง
ส่วนจุดพักสุดท้าย(จุดที่ 4) เป็นลานหินกว้างพอประมาณ มีตาน้ำ มีการนำไม้ไผ่ไปต่อท่อแบบประปาภูเขาให้เราได้เติมน้ำเย็นๆจากธรรมชาติ และวักน้ำมาล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นกายา ผ่อนคลายจากที่เดินฝ่าความวิบากสูงชันมากถึงชันมากกว่าๆขึ้นมาจนเกือบๆจะเป็นผู้พิชิตดอยหนอกอยู่แล้ว
นอกจากนี้ที่จุดพักที่ 4 ลานหิน ยังมีการตั้งแคมป์เล็กๆเป็นเพิงสังกะสี สำหรับการหยุดพักรับประทานอาหาร เติมพลังก่อนจะออกเดินตะลุยขึ้นเขาไปเป็นผู้พิชิตดอยหนอกที่อยู่ห่างจากนี้ไปอีกไม่ไกล พร้อมๆกับมีป้ายเขียนให้กำลังใจว่า “สู้ๆอีกนิด จะพิชิตดอยหนอก”
ถือเป็นกำลังใจให้พวกเราพอที่จะยิ้มได้บ้าง
4…
หลังหม่ำข้าวกลางวันเมนูพื้นบ้าน ที่มี น้ำพริก ผักจิ้ม ผักลวก ไข่ต้ม แกงโฮะ และหมูทอดกันอย่างอิ่มหนำ สามารถฟื้นคืนพลังที่อ่อนล้ากลับมา พี่ป๊อกและเหล่าลูกหาบก็พาพวกเราเดินลุยถั่วขึ้นเขาสูงชันในช่วงสุดท้ายผ่านป่าหญ้าคา ขึ้นสู่ยอด“สันดอยหนอก”ซึ่งเป็นแนวสันเขาทอดตัวยาว เป็นรอยต่อเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างลำปางกับพะเยา
บนยอดสันดอยหนอก มีการประดิษฐานองค์“หลวงพ่อทันใจ”สีเหลืองทอง ประทับเด่น ให้ผู้เดินป่าขึ้นมาพิชิตดอยหนอกได้กราบสักการะ
หลวงพ่อทันใจองค์นี้มีชื่อเต็มว่า “องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธสิกขีปฐมบรมสัมมาสัมพุทธเจ้า” หรือ “พระพุทธรูปชำระหนี้สงฆ์” ที่สร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2551 ด้วยแนวคิด พระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมบรมศาสดา ที่ทรงเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์แรกที่อุบัติเกิดขึ้นในโลกก่อนหน้าพระพุทธเจ้าทั้งปวง...(ข้อมูลจากองค์พระหลวงพ่อทันใจ)
นอกจากองค์หลวงพ่อทันใจแล้ว บริเวณยอดสันดอยหนอกยังเป็นที่ตั้งแคมป์ กางเต็นท์ พักแรม สำหรับนักท่องเที่ยวผู้ขึ้นมานอนพักค้างบนดอยหนอก ซึ่งในยามเย็นจะได้ชมพระอาทิตย์ตกทางฝั่งลำปาง และยามเช้าชมพระอาทิตย์ขึ้นจากทางฝั่งพะเยา และถ้าวันไหนอากาศเป็นใจเราจะได้เห็นทะเลหมอกอันงดงาม
สำหรับผู้ที่ขึ้นมากราบสักการะหลวงพ่อทันใจบนสันดอยหนอกนั้น ยังไม่ถือว่าเป็นผู้พิชิตดอยหนอกโดยสมบูรณ์ เพราะยอดสูงสุดของดอยหนอกนั้น อยู่ทางด้านหลังองค์หลวงพ่อทันใจห่างออกไปอีกประมาณ 1 กม. ให้เราได้ออกแรงเฮือกสุดท้ายขึ้นไปพิชิตเหนือบนยอดขุนเขารูปสันหนอกวัวยักษ์ อันเป็นที่มาของชื่อ“ดอยหนอก” ที่ดูแปลกประหลาดไปด้วยรูปพรรณสัณฐานอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
อย่างไรก็ดีในเส้นทางสู่ผู้พิชิตยอดสูงสุดดอยหนอก(หลังองค์หลวงพ่อทันใจ)นั้น มันคือความหฤโหดสุดยอดของเส้นทางนี้ เพราะมันไม่ใช่เส้นทางเดิน หากแต่เป็นเส้นทางปีนป่ายไปบนยอดภูเขาหินอันสูงชัน แถมเส้นทางในช่วงประมาณ 100 เมตร สุดท้าย ชันมากชนิดที่ต้องเราต้องค่อยๆไต่กันไปบนบนลวดสลิง(ที่มีคนมาจัดสร้างทำไว้)กันแบบสโลว์ไลฟ์ ค่อยๆไปอย่างระมัดระวัง(ใครเคยขึ้นเขาล้อมหมวก จ.ประจวบฯ อารมณ์จะคล้ายๆกับในช่วงที่ต้องไต่เชือกขึ้นไปยังยอดสูงสุด)
นับเป็นการไต่ระห่ำระฟ้าที่ท้าทายและวัดใจมาก
แต่สุดท้ายทุกคนก็ขึ้นมายืนบนยอดสูงสุดดอยหนอกกันอย่างปลอดภัย แต่แอบทุกลักทุเลกันตามอัตภาพ
สำหรับยอดสูงสุดดอยหนอก มีความสูง 1,694 เมตร จากระดับน้ำทะเล บนนั้นเป็นยอดเขามน มีพื้นที่ราบแคบๆ สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามกว้างไกลได้รอบทิศ 360 องศา และไม่เพียงแต่มองเห็นวิวของจังหวัดลำปางกับพะเยา ที่แนวสันเขาดอยหนอกทอดตัวพาดผ่านในแนวรอยต่อของ 2 จังหวัดเท่านั้น หากแต่สามารถมองเห็นวิวของเมืองเชียงใหม่ เชียงราย ได้อีกด้วย
นับเป็นดอยเดียวที่สามารถมองเห็นวิวได้ถึง 4 จังหวัด โดยเฉพาะในส่วนมุมไฮไลท์นั้นก็เป็นวิวทางฝั่งพะเยาที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของ“กว๊านพะเยา” อันสวยงาม
บนยอดสูงสุดดอยหนอกนอกจากจะเป็นจุดชมวิว 4 จังหวัดอันสวยงามแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของ“พระธาตุดอยหนอก” ซึ่งพี่ป๊อกบอกว่า ที่นี่มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี “ครูบาศรีวิชัย” ท่านได้เดินทางขึ้นมาพบรอยพระพุทธบาทบนนี้ จึงได้สร้างศาสนสถานขึ้น โดยปัจจุบันองค์พระธาตุดอยหนอกได้สร้างครอบรอยพระพุทธบาทได้ ซึ่งเราสามารถเข้าไปดูรอยพระพุทธบาทจำลองที่ฐานใต้องค์พระบาท
พระธาตุดอยหนอก ถือเป็นอีกความศรัทธาอันแรงกล้าจากชาวบ้านในละแวกนี้ทั้งทางฝั่งลำปางและพะเยา เพราะขนาดผมแค่เดินสะพายกล้องขึ้นมาว่าลำบากโหดหินมากแล้ว แต่นี่ชาวบ้านเขาแบกอิฐหินปูนทราย และพระพุทธรูปหนักๆขึ้นมา นั่นมันจะลำบากยากเย็นขนาดไหน นอกจากนี้ทุกๆปีในช่วงเดือนเมษายน จะมีประเพณีนมัสการพระธาตุดอยหนอก ซึ่งชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงต่างก็จะเดินขึ้นเขามาสักการะองค์พระธาตุท่ามกลางศรัทธาอันแรงกล้า
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเส้นทางพิชิตขุนเขาสูงที่ให้บทเรียนกับผมว่า
สิ่งสำคัญที่สุดในการพิชิตดอยหนอกนั่นก็คือการ“พิชิตใจตัวเอง”
หากเราสามารถเอาพิชิตใจตัวเราเองได้ การพิชิตอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวงนั้นก็ดูจะเป็นเรื่องรองลงไป
**************************************************
การเดินป่าขึ้นเขาไปพิชิตยอดดอยหนอก เป็นทริปเฉพาะกลุ่ม เหมาะสำหรับผู้มีร่างกายแข็งแรง ไม่เป็นโรคกลัวความสูง โรคหัวใจ โดยการขึ้นไปพิชิตยอดอยหนอกในเส้นทางใหม่จากทางฝั่ง “บ้านปงถ้ำ” หมู่ 3 ต.วังทอง อ.วังเหนือ จ.ลำปางนั้น ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ภูมิภาค ภาคเหนือ และ ททท.เชียงใหม่ ได้เข้ามาช่วยส่งเสริมประชาสัมพันธ์เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชน
สำหรับเส้นทางจากบ้านปงถ้ำสู่ยอดอยหนอก มีระยะทางประมาณ 8 กม. เป็นนั่งรถอีแต๊ก 4 กม. (ประมาณ 1 ชม.) และเดินป่าขึ้นเขาสูงชันอีก 4 กม.(ประมาณ 3-4 กม.) ค่ารถอีแต๊ก ไป-กลับ 1,600 บาท นั่งได้เต็มที่ 10 คน/คัน ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 400 บาท/คน/วัน ค่าลูกหาบ 400 บาท/คน/วัน แบกสิ่งของไม่เกิน 15 กม. (หรือหากใครจะเลือกเดินเท้าจากบ้านปงถ้ำสู่ยอดดอยหนอกรวดเดียว 8 กม.ก็สามารถทำได้ แต่ต้องคำนวณเวลาเดินขึ้น-ลง และประเมินพละกำลังตัวเองให้ดี)
ทั้งนี้เมื่อขึ้นไปถึงบนยอดดอยควรค้างคืนเพื่อสัมผัสกับอรรถรสให้เต็มที่ของวิวทิวทัศน์ พระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก ทะเลหมอก และการนอนดูดาวบนสันดอย โดยกรณีไปค้างคืนต้องนำอาหารขึ้นไป ส่วนน้ำมีให้เติมในจุดสุดท้ายที่ตาน้ำจุดพักที่ 4 และสิ่งสำคัญคือเมื่อนำขยะที่ไม่ย่อยสลายขึ้นไปให้นำกลับลงมาด้วย
ฤดูกาลท่องเที่ยวดอยหนอกที่เหมาะสมคือในช่วงฤดูหนาว พ.ย.-ก.พ.
ผู้สนใจสอบถามข้อมูลการพิชิตยอดอยหนอกจากทางฝั่งบ้านปงถ้ำเพิ่มเติมได้ที่ ผู้ใหญ่เสน่ห์ ซองดี 086-080-2452
และสามารถสอบถามรายละเอียดการท่องเที่ยวภายในจังหวัดลำปาง เชื่อมโยงกับบ้านปงถ้ำและดอยหนอก รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางจังหวัดลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานเชียงใหม่(พื้นที่รับผิดชอบเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง) โทร.0-5324-8604, 0-5324-8607
*****************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com