xs
xsm
sm
md
lg

ซากุระเมืองไทยภูลมโล-ผาแห่งรัก-ทุ่งดอกกระดาษ มุมต้องห้ามพลาดที่ “ภูหินร่องกล้า”/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
ภูลมโล ยามดอกนางพญาเสือโคร่งพร้อมใจกันเบ่งบานจะกลายเป็นดังหุบเขาสีชมพู(ภาพ ปี 58)
วันนี้อดีตสมรภูมิการสู้รบของผู้ที่มีความคิดต่างทางการเมืองระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.)กับอำนาจรัฐหลายๆแห่งเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว ได้แปรเปลี่ยนกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเลื่องชื่อ

หนึ่งในนั้นก็คือ“ภูหินร่องกล้า” ที่ในอดีตเคยเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ เพราะใช้เป็นฐานที่มั่นใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.)ทางภาคเหนือ เมื่อราว 40 ปีที่แล้ว

กระทั่งเมื่อเหตุการณ์สงบลง ในปี พ.ศ. 2525 ทางภาครัฐได้ตัดถนนผ่านภูหินร่องกล้า และได้ดำเนินการจัดตั้งเป็น“อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า” เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2527

อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า มีเนื้อที่ประมาณ 191,875 ไร่ ตั้งอยู่บนรอยต่อของสามจังหวัด คือ อ.ด่านซ้าย จ.เลย, อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ และ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก
ทุ่งดอกกระดาษ โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า (ภาพปี 59)
ด้วยความที่ภูหินร่องกล้ามีสภาพพื้นที่อันงดงาม และมีธรรมชาติที่สวยงามแปลกตา มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี อีกทั้งยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในฐานะพื้นที่สู้รบระหว่าง พคท.กับฝ่ายอำนาจรัฐตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น ทำให้วันนี้อช.ภูหินร่องกล้าถือเป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งผู้มาเยือนภูหินร่องกล้าสามารถสัมผัสกับแหล่งท่องเที่ยวต่างๆได้ทั้ง แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์

1...

หนึ่งในสถานที่ไฮไลท์ไม่ควรพลาดสำหรับผู้มาเยือนภูหินร่องกล้าก็คือ เส้นทางศึกษาธรรมชาติ “ลานหินปุ่ม-ผาชูธง-ซันแครก” ที่มีระยะทางประมาณ 2,460 เมตร มีความสวยงามแปลกตาของธรรมชาติที่มีลักษณะพิเศษไม่เหมือนที่ไหนให้สัมผัสเที่ยวชม โดยมี 3 จุดเด่นสำคัญ ได้แก่
ลานหินปุ่ม อีกหนึ่งความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ภูหินร่องกล้า
-“ลานหินปุ่ม” จุดไฮไลต์สำคัญที่เป็นดังสัญลักษณ์ของภูหินร่องกล้า กับความมหัศจรรย์ของลานหินขนาดย่อมริมหน้าผาที่มีรูปร่างลักษณะอันแปลกประหลาด เป็นลานกว้างแล้วมีหินเป็นลูกกลมมนผุดขึ้นมาเป็นลูกๆปุ่มๆ ละลานเต็มไปหมด สันนิษฐานว่าลานหินปุ่มเกิดจากการโก่งตัวของเปลือกโลก แล้วเกิดการสึกกร่อนพร้อมถูกลมฝนกระทำขัดเกลา จนเกิดเป็นลานหินปุ่มขึ้นมา

นอกจากนี้ลานหินปุ่มยังเป็นจุดชมวิวชั้นดี กับทิวทัศน์เบื้องล่างอันสวยงามกว้างไกล นับเป็นอีกจุดถ่ายรูปอันโดดเด่นกับเอกลักษณ์เฉพาะตัวของปุ่มหินประหลาดที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน
ผาชูธง
-“ผาชูธง” หน้าผาสูงที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างสวยงามกว้างไกล โดยเฉพาะจุดชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นที่สวยงามไม่เป็นรองใคร ผาชูธงในอดีตเคยเป็นจุดที่ พคท. เมื่อรบชนะทหารไทยจะขึ้นไปชูธงแดงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ ส่วนปัจจุบันบนผามีธงชาติไทยปักอยู่

-“ซันแครก” หินตามธรรมชาติมีลักษณะเป็นชั้นๆ ริ้วๆ ดูคล้ายมีคนนำมาก่อเป็นกำแพง ซึ่งนักธรณีวิทยาระบุว่า ปกติหินลักษณะแบบนี้จะพบเฉพาะที่ใต้ทะเลเท่านั้น แต่ที่มาโผล่อวดความสวยงามอยู่บนภูหินได้อย่างน่าอัศจรรย์นั้น น่าจะเป็นเพราะเกิดความเปลี่ยนแปลงของผิวโลกทำให้หินเหล่านี้ยกตัวขึ้นมาจากใต้ทะเล หรือไม่ก็เป็นลักษณะเฉพาะของหินแถบนี้ที่ไม่เหมือนใครนั่นเอง
ลานหินปุ่ม
สำหรับเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ลานหินปุ่ม-ผาชูธง-ซันแครก สามารถเที่ยวได้ทั้งปี โดยแต่ละฤดูจะมีมนต์เสน่ห์ของธรรมชาติเฉพาะฤดูให้สัมผัสทัศนาแตกต่างกันออกไป

2...

มาดูสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญในอช.ภูหินร่องกล้ากันบ้าง เริ่มจาก “พิพิธภัณฑ์การสู้รบ”จัดแสดงนิทรรศการและเรื่องราวการสู้รบ การใช้ชีวิตของพคท. รวมทั้งอาวุธ เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ

“สำนักอำนาจรัฐ” อดีตสถานที่ที่ทางพคท. ใช้เป็นที่ดำเนินการทางการปกครองพิจารณาลงโทษผู้กระทำความผิด มีทั้งคุก โรงซ่อมเครื่องจักรกล และไฮไลท์คือที่หลบภัยทางอากาศที่เป็นโพรงถ้ำกว้าง สามารถจุคนได้ถึงกว่า 200 คน เลยทีเดียว
โรงเรียนการเมือง การทหาร
ส่วน “โรงเรียนการเมือง การทหาร” เป็นสถานที่ให้การศึกษาของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย มีทั้งห้องเรียน บ้านพัก สถานพยาบาล ครัว ประมาณ 30 หลังกระจายตัวอยู่ใต้แมกไม้ใหญ่อันร่มรื่นแน่นหนา
โรงเรียนการเมือง การทหาร ยามใบเมเปิ้ลสีแดงร่วงหล่น(ภาพ ปี 58)
สำหรับในช่วงหน้าหนาวเช่นนี้โรงเรียนการเมือง การทหาร ถือเป็นอีกหนึ่งจุดห้ามพลาดของผู้มาเยือน โดยเฉพาะยามที่ต้นเมเปิ้ลพร้อมใจกันเปลี่ยนใบเป็นสีแดงนั้น จะดูสวยงามมาก ทั้งใบเมเปิ้ลที่เปลี่ยนสีอยู่บนต้น ใบเมเปิ้ลที่ร่วงหล่นอยู่ตามพื้นดิน และบนหลังคาอาคารไม้ทรงคลาสสิกที่มีมอสขึ้นปกคลุมเขียวครึ้มตัดกับสีแดงสดของใบเมเปิ้ลที่ปลิวหล่นลงมานั้น ดูงดงามคล้ายบรรยากาศในต่างประเทศ
ใบเมเปิ้ล(หล่น)เดียวดายบนหลังคาอาคารโรงเรียนการเมือง การทหาร
โดยปีนี้ทาง จนท. อช.ภูหินร่องกล้า คาดว่าเมเปิ้ลที่โรงเรียนการเมือง การทหาร จะเริ่มบานในช่วงปลายเดือน ม.ค.และจะยานไปจนถึงช่วงกลางเดือนก.พ.(แต่อาจมีเปลี่ยนแปลงตามสภาพภูมิอากาศ)

ใครที่ขึ้นไปเยือนภูหินร่องกล้าในช่วงนั้นไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
จุดชมวิวหน้าผาแห่งรักในโครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า
3...

ในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้ายังมีสถานที่ท่องเที่ยวน้องใหม่มาแรงอยู่ที่ “โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า” ที่ในบริเวณนี้จะมีพื้นที่บางส่วนตั้งอยู่เลาะเลียบริมผา บนหน้าผาสามารถมองลงไปเห็นวิวทิวทัศน์ของผืนไพรแห่งภูหินร่องกล้าที่ดูเขียวครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ขึ้นหนาแน่น รวมถึงมี“ต้นค้อเดียวดาย” ขึ้นต้นเดียวโดดๆเป็นอีกหนึ่งดาวเด่นของสถานที่แห่งนี้
ชมวิวบนหน้าผาแห่งรัก
สำหรับหน้าผาที่โครงการฯพระราชดำริภูหินร่องกล้า จะเป็นแนวผาหินตั้งตระหง่านไล่เรียงให้เราได้ไปยืนชมวิวเป็นๆจุด เป็นหน้าผาแห่งรักที่ผาแต่ละจุดล้วนต่างมีชื่อเรียกอันสุดแสนกิ๊บเก๋ ได้แก่ ไม่ว่าจะเป็น “ผาไททานิค”, “ผาพบรัก,“ผาบอกรัก”, “ผาคู่รัก”, “ผารักยืนยง” และ“ผาสลัดรัก”
บริเวณผาพบรัก
หน้าผาแห่งรักเหล่านี้มีคนไอเดียดีเคยบอกกับผมว่า เป็นเรื่องราวความรักที่เริ่มต้นจากการพบรักที่“ผาพบรัก” จากนั้นทั้งคู่ได้บอกรักกันที่“ผาบอกรัก” ครองรักคู่กันที่“ผาคู่รัก” ถ้าคู่ไหนรักกันด้วยดีก็จะได้ไปต่อที่ “ผารักยืนยง” ส่วนถ้าคู่ไหนคนรักแอบไปมีกิ๊กมีชู้ นั่นก็ต้องไปที่ “ผาไททานิค” เพราะนี่คือผาชู้รัก(เรือล่ม) แล้วตามต่อด้วยการแยกทางที่ “ผาสลัดรัก”

แต่ถ้าใครอาการหนักทำใจไม่ได้ ไปกระโดดหน้าผาตาย อันนี้สามารถกระโดดได้ทุกผา!!!
ทุ่งดอกกระดาษ(ภาพ ปี 59)
4...

โครงการฯพระราชดำริภูหินร่องกล้ายังมีแปลงปลูก“กาแฟพันธุ์อราบิก้า”ที่จะออกเมล็ดสีแดงน้ำตาลสวยงามในยามหน้าหนาว แปลงปลูก“สตรอว์เบอร์รี่”(แปลงสาธิต)พันธุ์พระราชทาน(ปลอดสารจริงแท้) ที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเดินชมแปลงสตรอว์เบอร์รี่ได้ แต่ว่าทางโครงการฯไม่อนุญาตให้ลงไปเก็บผลสตรอว์เบอร์รี่ในแปลง(ช่วงที่ออกผล) เพราะจะทำให้แปลงปลูกสตรอว์เบอร์รี่เสียหาย
ทุ่งดอกกระดาษ(ภาพ ปี 59)
นอกจากนี้ในช่วงหน้าหนาวอย่างนี้ที่โครงการฯพระราชดำริภูหินร่องกล้าเขามีอีกหนึ่งไฮไลท์ให้เที่ยวชมกับความงามของ“ทุ่งดอกกระดาษ” ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำนักงานพิษณุโลกได้จับมืออุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เชิญชวนนักท่องเที่ยวผู้สนใจให้ไปชมความงามของทุ่งดอกกระดาษหลากสีสันกันที่โครงการฯพระราชดำริภูหินร่องกล้า ซึงถือเป็นอีกหนึ่งจุดดึงดูดแห่งใหม่ของผู้มาเที่ยวพิษณุโลกยามหน้าหนาว โดยช่วงเวลาที่ทุ่งดอกกระดาษโครงการฯพระราชดำริภูหินร่องกล้าบานสวยงามที่สุดจะอยู่ในช่วงเดือน พ.ย.-ม.ค.
ดอกกระดาษ
“ดอกกระดาษ” หรือ “ดอกบานไม่รู้โรยฝรั่ง”(ชื่อวิทยาศาสตร์ Helichrysum bracteatum) มีหลายสี เช่น ขาว ชมพู แดง ม่วง และเหลืองดอกออกเป็นช่อมี 3-4 ดอกต่อช่อ จะทยอยออกดอกเรื่อยไป ถ้ายิ่งตัดก็จะยิ่งออกดอกมากขึ้น ดอกกระดาษเป็นดอกไม้ที่อยู่ได้นานวัน ไม่รู้จักโรย โดยดอกจะบานในเวลากลางวัน และหุบในเวลากลางคืน หรือเมื่อถูกละอองน้ำค้างหรือ น้ำเพียงเล็กน้อย ดอกจะหุบได้ ปกติใช้ทำเป็นดอกไม้แห้ง
ทางเดินชมดอกกระดาษใต้เพิงผา(ภาพ ปี 59)
สำหรับทุ่งดอกกระดาษที่ทางโครงการฯพระราชดำริภูหินร่องกล้าปลูกไว้ มีทั้งแปลงใหญ่เป็นทุ่งขนาดย่อมมีสีสันสวยงามทั้ง แดง ส้ม เหลือง ชมพู ขาว หรือปลูกประดับตกแต่งพื้นที่ในบริเวณทางเดินใต้หน้าด้านล่าง ที่เมื่อได้ไปเดินแล้วมองย้อนขึ้นมา จะเห็นถึงความงามอันหนักแน่นแห่งผาหินกับความงามอันสดใสของดอกกระดาษ

นับเป็นความงามที่แตกต่างแต่สวยงามกลมกลืนไม่น้อยเลย
ดอกนางพญาเสือโคร่งผลิบานที่โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า (ภาพปี 58)
5...

นอกจากทุ่งดอกกระดาษและหน้าผาแห่งรักแล้ว หนาวนี้ที่โครงการฯพระราชดำริภูหินร่องกล้า ยังมี “ดอกนางพญาเสือโคร่ง” หรือ“ซากุระเมืองไทย” ให้ชมกันในช่วงเวลาที่ทุ่งดอกกระดาษบาน โดยปีนี้คาดว่าดอกนางพญาเสือโคร่งที่โครงการฯพระราชดำริภูหินร่องกล้าจะเบ่งบานเต็มที่ในช่วงปลายเดือน ม.ค. - กลางเดือน ก.พ. 59
นกน้อยในดงชมพู บนต้นนางพญาเสือโคร่งที่โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า (ภาพ ปี 58)
สำหรับดอกนางพญาเสือโคร่งที่บริเวณโครงการฯพระราชดำริภูหินร่องกล้าแม้ว่าจะมีไม่มาก(ไม่กี่ต้น) แต่ยามที่มันบานเต็มที่ก็ดูสวยงามไปอีกแบบ อีกทั้งที่นี่ยังมีนกเยอะมาก ทำให้เรามีโอกาสเห็นนกน้อยบินมากินเกสรดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือเกาะตามกิ่งไม้ต้นนางพญาเสือโคร่งอยู่บ่อยครั้ง

เป็นนกน้อยในดงชมพูที่ดูแล้วงดงามเป็นอย่างยิ่ง
นางพญาเสือโคร่งบานบนภูลมโล (แฟ้มภาพ)
แน่นอนว่าถ้าพูดถึงดอกพญาเสือโคร่ง ที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เขามีสุดยอดจุดชมทุ่งนางพญาเสือโคร่งอันขึ้นชื่อลือชาในดับต้นๆอยู่ที่ “ภูลมโล” ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย จ.เลย มียอดสูง 1,680 เมตรจากระดับน้ำทะเล
นางพญาเสือโคร่งบานบนภูลมโล (ภาพ ปี 58)
ภูลมโล ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกนางพญาเสือโคร่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีเนื้อที่กว่า 1,200 ไร่ มีต้นนางพญาเสือโคร่งหลายหมื่นต้น ซึ่งปีนี้คาดว่าดอกนางพญาเสือโคร่งที่ภูลมโลจะบานเต็มที่ในช่วงประมาณวันที่ 20 ม.ค. ไปจนถึงราวกลางเดือน ก.พ.

ยามที่เหล่านางพญาเสือโคร่งราชินีดอกไม้ป่าพร้อมใจกันออกดอกเบ่งบานชมพูสะพรั่ง ภูลมโลจะกลายเป็น“หุบเขาสีชมพู” ที่เต็มไปด้วยมุมชวนฝันสีชมพูสดใส

นับเป็นอีกหนึ่งมนต์เสน่ห์แห่งภูหินร่องกล้ายามหน้าหนาวที่มากไปด้วยมนต์เสน่ห์และสีสันกระไรปานนั้น
นางพญาเสือโคร่งบานบนภูลมโล (แฟ้มภาพ)
*****************************************

-อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า 0 5535 6607,081-5965977
-โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า 055-258-028

ภูลมโล ต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย จ.เลย เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ตั้งอยู่บนรอยต่อของ 3 จังหวัด คือ เลย เพชรบูรณ์ และ พิษณุโลก

การเดินทางขึ้นสู่ภูลมโล มี 2 เส้นทาง คือจากทางฝั่ง จ.เลย ที่ “บ้านกกสะทอน” ต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย และทางฝั่ง จ.พิษณุโลก ที่บ้านร่องกล้า ตั้งอยู่ที่ ต.เนินเพิ่ม อ.นครไทย

โดยเส้นทางขึ้นภูลมโลทางฝั่งเลย ใช้บริการรถโดยสารชุมชนที่บ้านกกสะทอน มีระยะทางประมาณ 22 กม. นักท่องเที่ยวสามารถนำรถมาจอดไว้ที่ อบต.กกสะทอน และขึ้นรถโดยสารชุมชนต่อที่นี่ โดยคิดค่าบริการเหมารถคันละ 1,500 บาท ไม่เกิน 1-6 คน และคันละ 2,000 บาท สำหรับ 7-10 คน(ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ ศูนย์ประสานงานชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนกกสะทอน 08-8439-5727, อบต.กกสะทอน 0-4280-1714

ส่วนหากขึ้นภูลมโลทางฝั่งพิษณุโลก ที่บ้านร่องกล้า มีระยะทางประมาณ 8 กม. นักท่องเที่ยวสามารถนำรถมาจอดไว้ที่หมู่บ้านร่องกล้า แล้วขึ้นรถโดยสารชุมชนต่อที่นี่ โดยคิดค่าบริการคันละ 800 บาท นั่งได้ไม่เกิน 10 คน สำหรับการเดินทางสู่ยอดภูลมโล ส่วนถ้าต้องการเดินทางสู่ภูขี้เถ้า คิดราคาคันละ 1,200 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนบ้านร่องกล้า 08-9959-5808 (คุณเน้ง), 08-7838-0195 (คุณปอ)

สำหรับปี 2559 นี้ ทางอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปกางเต็นท์นอนค้างคืนบนยอดภูลมโล แต่นักท่องเที่ยวสามารถเลือกพักได้จากที่พักในพื้นที่ใกล้เคียง

และสามารถสอบถามข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในจังหวัด พิษณุโลกเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพิษณุโลก (พื้นที่รับผิดชอบ พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, พิจิตร) โทร.0-5525-2742-3, 0-5525-9907
*****************************************

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น