“อำเภออู่ทอง” จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นที่ตั้งของ “เมืองโบราณอู่ทอง” ที่เป็นต้นกำเนิดประวัติศาสตร์และอารยธรรมแห่งสุวรรณภูมิ และเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าของอาณาจักรทวารวดี นอกจากจะเป็นพื้นที่ทางประวัติศาสตร์แล้ว อำเภอแห่งนี้ก็ยังเป็นที่ตั้งของ “พุหางนาค” สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามอีกด้วย
“พุหางนาค” เป็นชื่อเรียกย่อๆ ของ “อุทยานสวนหินพุทธสถานทวารวดีอู่ทอง” ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ “วนอุทยานพุม่วง” เขตป่าสงวนแห่งชาติเขาตะโกทองและป่าเขาเพชรน้อย สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้มีความงดงามอย่างมีเอกลักษณ์ และมีความหลากหลายทางธรรมชาติ โดยมีความโดดเด่นคือหินรูปร่างแปลกตามากมาย ที่ถูกประดับประดาด้วยต้นไม้ประจำถิ่นและวิวทิวทัศน์ที่งดงาม โดยภายใต้การดูแลของ ศูนย์ประสานงานป่าไม้สุพรรณบุรี กรมป่าไม้ , กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.)
และใครที่ต้องการจะมาชมธรรมชาติอันงดงามก็สามรถติดต่อได้กับ “ชมรมอนุรักษ์สวนหินพุหางนาค” เพราะการท่องเที่ยวตามเส้นทางศึกษาธรรมชาตินั้น ควรมีเจ้าหน้าที่ดูแลเพื่อป้องกันการหลงทาง และยังจะเป็นผู้บรรยายให้ข้อมูลความรู้ต่างๆ อีกด้วย
สำหรับเส้นทางศึกษาธรรมชาตินั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 3 เส้นทาง โดยแต่ละเส้นทางจะมีไฮไลต์และการใช้เวลาที่ต่างกันออกไป ซึ่งในครั้งนี้ทางเราได้ เดินทางท่องเที่ยวโดยใช้เส้นทางที่ 3 เส้นทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ โดยมี “คุณพี่อ้อย” ศุภลักษณ์ ศิริสุวรรณ เลขาชมรมอนุรักษ์สวนหินพุหางนาค เป็นผู้ที่พาเดินเที่ยวในครั้งนี้
พี่อ้อย ได้กล่าวว่า “ในทุกๆ เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ก่อนที่จะเริ่มต้นท่องเที่ยวความงามของธรรมชาติ ก็จะต้องพบกับ “ถ้ำหลวงปู่ใหญ่” ซึ่งเป็นที่ประดิษฐาน “หลวงปู่ใหญ่” พระปางไสยาสน์(พระนอน) สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่พุหางนาค ที่ใครๆ ได้มาขอพรแล้วก็จะสมหวัง และไม่ควรบนบาน เพราะหากไม่แก้บนตามที่กล่าวไว้ ก็จะมีคนไปตามทวง ซึ่งเป็นเรื่องเล่าของคนละแวกนี้ และยังได้เล่าถึงประวัติความเป็นมาให้ได้ฟังอีกว่า ชื่อพุหางนาคนั้น คำว่า “พุ” คือ น้ำผุดตามธรรมชาติที่ผุดขึ้นมาทางด้านล่างของภูเขา ซึ่งเชื่อว่าเป็นส่วนของหางนาค และชาวบ้านละแวกนี้ ก็มีความเชื่อว่าที่แห่งนี้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มีพญานาค 3 ตน คอยปกปักรักษา แบ่งพื้นที่กันดูแลในช่วงบน กลาง ล่าง”
หลังจากสักการะเสร็จแล้ว ก็ได้เริ่มต้นเดินชมความงดงามของธรรมชาติ ที่โดดเด่นที่สุดก็คงจะเป็นหินรูปร่างแปลกตาหลากหลายขนาดมีทั้งเล็กบ้างใหญ่บ้าง เรียงรายกองพะเนินเทินทึก ให้ได้จินตนาการตามมโนของแต่ละคน ทั้ง เต่ายักษ์ ปลาวาฬ และลูก จระเข้ หินรูปหัวใจ แต่หินที่เป็นไฮไลต์ที่สุดก็คงจะเป็น หินที่มีริ้วรอยสีขาวมองดูคล้ายพญานาค ที่เป็นสิ่งตอกย้ำความเป็นดินแดนพญานาคยิ่งขึ้น โดยหินเหล่านี้เป็นหินปูนโดโลไมต์ ที่มีอายุราว 450-500 ล้านปี ตั้งแต่ยุคออร์โดวิเชียน
และในเส้นทางที่ 3 นี้ ทุกๆ คนก็จะต้องเดินผ่าน “หินเมืองลับแล” ซอกหินแคบๆ ให้มุดลอด ที่พี่อ้อยได้บอกว่า นี่เป็นประตูเมืองลับแลที่ถือเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของคนสมัยก่อนที่ตกทอดมาถึงปัจจุบัน พร้อม ๆ กับเรื่องเล่าว่าบางครั้งในวันขึ้น 15 ค่ำ เคยมีคนได้ยินเสียงปี่พาทย์และการจัดงานมหรสพดังมาจากที่แห่งนี้
หลังจากเดินลอดมาแล้วก็จะได้พบกับทางเดินที่ถูกประดับประดาไปด้วยพันธุ์ไม้งามนานาชนิด แต่หากใครที่มาเยือนในช่วงฤดูฝนนี้ ก็จะได้พบกับ “ต้นกระเจียวป่า” และ “ต้นเปราะ” ที่ชูช่อผุดจากพื้นดินออกดอกสวยงามให้ได้ชมกัน นอกจากจะมีพันธุ์ไม้ประจำฤดูกาลให้ได้ยลกันแล้ว ก็ยังมีไม้ประจำถิ่นให้ได้ชมกันอีกด้วย อาทิ ต้นจันผา ต้นปรง 4 ยอด ต้นสลัดได และยังมีต้นไม้ชนิดอื่นๆ เช่น ต้นโพธิ์ ต้นมะเกลือ ต้นไผ่ ที่มีรากชอนไชตามแผ่นหินดูแล้วสวยงามน่าอัศจรรย์ และยังแผ่ขยายกิ่งก่านเป็นร่มเงา ซึ่งทำให้บรรยากาศร่มเย็นตลอดทางเดิน
และระหว่างทางเดินศึกษาธรรมชาตินั้น ก็จะมีจุดชมวิวทิวทัศน์มุมสูงอยู่มากมาย ให้ได้แวะพักเหนื่อยระหว่างทางเดิน ไปพร้อมๆ กับการชมวิวสวยๆ โดยบางจุดก็สามารถเห็นขุนเขาโดยรอบ บางจุดก็สามารถเห็นทิวทัศน์ของที่ราบลุ่มภาคกลางอันกว้างใหญ่ไพศาล หรือ บางจุดก็ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น-ตก ได้อย่าสวยงาม
นอกจากเส้นทางที่ 3 ที่ได้ไปตะลอนเที่ยวมาแล้วนั้น ที่พุหางนาคแห่งนี้ ก็ยังมีอีก 2 เส้นทางให้ได้เลือกไปเดินเที่ยวชมธรรมชาติอีก คือ เส้นทางที่ 1 ด้านทิศเหนือ เป็นเส้นทางเดินชม ลานต้นปรงอันงดงาม และไปชมวิวทิวทัศน์ที่ผ่านางคอย แล ะเส้นทางที่ 2 ด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เป็นเส้นทาที่สั้นที่สุด ชมสะพานหิน และลานเกร็ดหิน ซึ่งหากใครที่จะเดินให้ครบทุก หรือจะเดินเส้นทางเดียวแล้วค่อยกลับมาเที่ยวใหม่ในเส้นทางอื่นก็ตามแต่สะดวก เพราะในครั้งนี้ขอเที่ยวเส้นทางเดียวก่อน
หากใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวทางธรรมชาติที่อยู่ใกล้กรุงเทพมหานครแล้ว “พุนางนาค” ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะได้ชมหินและพันธุ์ไม้นานาชนิดที่สวยงามแล้ว ก็ยังได้ออกกำลังกายไปในตัว อีกทั้งยังได้รับความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ ใครที่ชื่นชอบการเดินธรรมชาติแล้ว ก็ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
******
อุทยานพุทธสถานทวารวดีอู่ทอง (พุหางนาค) ตั้งอยู่ในวนอุทยานพุม่วง เขตป่าสงวนแห่งชาติเขาตะโกทองและป่าเขาเพชรน้อย อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี อยู่ห่างจากอำเภอเมืองสุพรรณบุรี แค่ 30 กม.
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
วนอุทยานพุม่วง 0-8994-8301-8
เทศบาลตำบลท้าวอู่ทอง โทร.0-3555-2997
ชมรมอนุรักษ์สวนหินพุหางนาค 0-8258-4396-9 , 0-8960-3708-9
* * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com