“กาญจนบุรี” เป็นจังหวัดทางภาคตะวันตกที่คนทั่วไปหลงใหลในมนต์เสน่ห์ ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ แม่น้ำแควน้อยใหญ่ ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศที่ร่มรื่น รวมทั้งเป็นเส้นทางประวัติศาสตร์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่กาญจนบุรียังมีเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ เพราะถือว่าเป็นจังหวัดที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณทางเกษตรและวิถีชีวิตของชุมชนที่เรียบง่าย “ตะลอนเที่ยว” ได้มาเยือนจังหวัดกาญจนบุรีคราวนี้ เพราะการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับ บัตรเครดิตยูโอบี เลดี้ ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) จัดทริปท่องเที่ยวสัมผัสวิถีไทย ในโครงการ เลดี้ เจอร์นีย์ 2558 “เรียนรู้ภูมิปัญญาไทยสู่วิถีไทย” กับเส้นทางท่องเที่ยว จังหวัดกาญจนบุรี “วิถีไทย - วิถีข้าวไทย” ระหว่างวันที่ 21-23 สิงหาคม 2558 ที่ผ่านมา
ที่แรกที่เราไปเยิอนในจังหวัดกาญจนบุรีคราวนี้ คือที่ “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มสตรีอาสาพัฒนาเกษตรกรทุ่งสมอ” ต.ทุ่งสมอ อ.พนมทวน ได้ไปเรียนรู้และชมข้าวพืชเศรษฐกิจหลักในประเทศไทย ชมข้าวหลากหลายสายพันธุ์ที่ปลูกในจังหวัดกาญจนบุรี ที่ชาวทุ่งสมอได้รวมตัวก่อตั้งขึ้น อาทิ ข้าวกล้องหอมมะลิแดง ข้าวหอมนิล ข้าวหอมมะลินาปี ข้าวหอมมะลิมันปู ข้าวไรท์เบอร์รี นอกจากนั้นกลุ่มเกษตรทุ่งสมอยังขึ้นชื่อในการทำจมูกข้าวผลผลิตแปรรูป ที่มีชื่อว่ายี่ห้อ “รุ่งอรุณ” เครื่องดื่มที่เอาใจคนรักสุขภาพ และพัฒนาจมูกข้าวกล้องหอมมะลิอบกรอบ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้นวัตกรรมสมัยใหม่ผสมผสานกับองค์ความรู้และภูมิปัญญาคนในท้องถิ่น เคี้ยวเล่นเพลินๆ ในยี่ห้อ “กุ๊กกิ๊ก”
จากนั้นออกเดินทางไปสักการะ “พระบรมราชานุเสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ต.ดอนเจดีย์ อ.พนมทวน ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ของไทยและเชื่อกันว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่เคยทำสงครามยุทธหัตถีชนะพระมหาอุปราชาของพม่า และได้สร้าง “เจดีย์ยุทธหัตถี” ขึ้น องค์เจดีย์มีรูปแบบศิลปะในสมัยอยุธยา เป็นเจดีย์ทรงกลม ก่ออิฐฉาบปูน ส่วนยอดได้หักพังลงไปตามกาลเวลา นอกจากนั้นยังมีอาคารนิทรรศการสมเด็จพระนเรศวร ที่ได้จัดแสดงประวัติและแผนที่ที่เกี่ยวกับการรบในครั้งนั้น ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้อีกด้วย
ต่อมาเราก็เดินทางไปยัง “หมู่บ้านหนองขาว” ต.หนองขาว อ.ท่าม่วง โดยส่วนใหญ่ชาวบ้านหนองขาวที่นี่ยังคงดำเนินชีวิตอยู่อย่างเรียบง่ายในแบบสังคมเกษตรกรรม สภาพบ้านเรือนยังมีให้เห็นอยู่ทั่วไป รวมทั้งวิถีชีวิตและขนบธรรมเนียมแบบโบราณยังคงอนุรักษ์และสืบทอดต่อๆ กันมารุ่นสู่รุ่น
โดยเราไปเยือนหมู่ด้วยการขึ้นรถบรรทุกของชาวบ้านที่ไว้ขนพืชพรรณทางเกษตรท่องไปตามเส้นทาง ชมทุ่งนาเขียวขจี ที่นี่ยังมีอาชีพเป็นชาวนาส่วนใหญ่ โดยมี น้องเมย์และน้องก้อย เด็กรุ่นใหม่หมู่บ้านคอยทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์ตัวน้อยๆ บอกเล่าความรู้ต่างๆ ของที่นี่ และยังได้สาธิตการทำขวัญข้าว โดยมีคุณป้าหมากบ จำปาทอง ได้สาธิตวิธีทำขวัญข้าว และบอกเล่าชื่อ ของ คำว่า หมานำหน้า โดยชาวบ้านที่นี่เชื่อว่า ถ้ามีคำว่า หมา นำหน้า ผีจะไม่เอาตัวไป ทำให้ชาวบ้านแถวนี้ยังคงมีชื่อ หมา นำหน้าหลงเหลือบ้าง นอกจากนั้นยังสาธิต และสอนวิธีการทำข้าวมัดใต้ ให้ได้ชิมกันอย่างเอร็ดอร่อย
จากนั้นเราก็แวะไปชม “ศูนย์กสิกรรมท่ามะขาม” ต.ท่ามะขาม อ.เมือง เป็นศูนย์เครือข่ายของมูลนิธิกสิกรรมธรรชาติ โดย “ทิวาพร ศรีวรกุล” ผู้อำนวยการศูนย์กสิกรรมธรรมชาติท่ามะขามในปัจจุบัน ได้ก่อตั้งศูนย์ฯ นี้ขึ้น เพื่อคอยดำเนินการรณรงค์ให้เกษตรกรหันมาทำ การเกษตรแบบพึ่งพาตนเองตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และยังเป็นวิทยากรคอยแนะนำความรู้เกี่ยวกับเรียนรู้เรื่องสมุนไพร การปลูกผักเกษตรอินทรีย์ การทำปุ๋ยชีวภาพ น้ำส้มควันไม้ เป็นต้น เพื่อให้ผู้เข้าชมเรียนรู้ถึงประโยชน์นานาชนิดของสมุนไพร และยังพาไปดูพืชพรรณผลเกษตรที่ผลิตขึ้นของที่นี่
หลังจากชมพืชพรรณทางเกษตรแล้ว ไปกันที่ ต.ลาดหญ้า อ.เมือง สักการะ “หลวงพ่อลำใย ปิยวัณโณ” หรือ “พระมงคลวิทธิ” แห่ง “วัดทุ่งลาดหญ้า” ท่านเป็นพระเถระที่ชาวบ้านชาวทุ่งลาดหญ้ารวมถึงประชาชนในจังหวัดกาญจนบุรีเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง เพราะท่านได้ทำคุณประโยชน์ไว้มากมายไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรือง จนได้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างของกรมการศาสนามาแล้วแล้ว นอกจากนั้นยังคอยสั่งสอนและให้ความรู้กับชาวบ้านอย่างสม่ำเสมอ
หลังจากสักการะแล้วจึงไปต่อกันที่ "ค่ายกองพลทหารราบที่ 9 " หรือ “ค่ายสุรสีห์” แห่งนี้ ได้ถูกจัดตั้งขึ้นในสมัยสงครามเวียดนาม และสร้างชื่อเสียงในการรบต่างแดนเป็นอย่างมากจนได้สมญานามว่า “กองพลเสือดำ” ภายในค่ายสุรสีห์นั้นมีสถานที่และกิจกรรมที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวมากมายไม่ว่าจะเป็น “พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์กองพลทหารราบที่ 9” ภายในได้จัดแสดงนิทรรศการเรื่องราวประวัติความเป็นมาของค่ายสุรสีห์ และได้รวบรวมประวัติ และผลงานของกองกำลังทหารไทยที่ได้ไปร่วมรบในสงครามเวียดนาม นอกจากนั้นที่นี่ยังมี “ตลาดน้ำกองถ่ายฯ ค่ายสุรสีห์” ตลาดน้ำที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นกองถ่ายในเรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ชิล ชม ชอป ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนไม้ทรงไทยจำลองย้อนยุค นอกจากนั้นยังเพลิดเพลินกับจุดถ่ายภาพสวยๆ อีกมากมาย ได้อารมณ์ในการท่องเที่ยวไปอีกแบบ
จากนั้นเดินทางกันไปต่อ ต.ช่องสะเดา อ.เมือง ชมสิ่งมหัศจรรย์ ที่ “วัดทัพศิลา” วัดเล็กๆ ที่ได้พบก้อนศิลาขนาดใหญ่ เมื่อปี พ.ศ. 2536 โดยบังเอิญ เนื่องจากที่วัดในตอนนั้นได้มีการขยายศาลาเพิ่มขึ้น เมื่อขุดลงพื้นดินไปจึงพบเห็นก้อนหินรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน คล้ายลักษณะช้างล้มในสภาพเข่าคู้ฝังอยู่ใต้ดิน มีทั้งหมดจำนวน 9 เชือก โดย “พระครูจันทกาญจนสิริ” เจ้าอาวาสวัดทัพศิลา ได้เล่าว่า ตอนก่อนที่ได้ขุดค้นเจอ ได้นิมิตรถึงภาพเรื่องราวของกองทัพช้างศึกที่ได้ทำการเคลื่อนทัพผ่านมาจนจุดบริเวณนี้ แต่เนื่องจากช้างศึกได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ แม่ทัพจึงต้องจำใจปลิดชีพช้างศึกเพื่อไม่ให้ทนทุกข์ทรมานต่อไป จึงได้เป็นที่มาขนานนามก้อนศิลาเหล่านี้ว่า “เทพช้างทัพศิลา”
มาเยือนกาญจนบุรีคราวนี้ นอกจากได้สัมผัสเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงเกษตรแล้ว ยังได้เรียนรู้และสัมผัสวิถีชุมชนที่ซ่อนตัวอยู่ จังหวัดกาญจนบุรี ไม่ใช่เป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติเท่านั้น ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายหลากหลายแห่ง รอให้ไปสัมผัสถึงมนต์เสน่ห์อีกด้านหนึ่งของจังหวัดทางภาคตะวันตกแห่งนี้
นักท่องเที่ยวที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกาญจนบุรี 0-3451-1200
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com