ถ้าบอกว่าไปเที่ยวเกาหลีใต้ ใครๆ ก็มักจะนึกถึงกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้เป็นอันดับแรก เนื่องด้วยสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังต่างๆ รวมถึงย่านชอปปิ้งชื่อดังก็ล้วนตั้งอยู่ในกรุงโซลทั้งสิ้น หรือหากจะให้ออกนอกกรุงโซล หลายคนก็มุ่งไปที่เกาะเชจู ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ แต่ใครจะคิดว่ารอบๆ กรุงโซล ก็ยังมีหลายๆ แห่งให้แวะเที่ยวชมกันให้สมอุรา
ว่ากันถึงสถานที่ตั้งของกรุงโซลนั้น เรียกว่าอยู่ใจกลางของ “จังหวัดคยองกี” (Gyeonggi-do) อันเป็นจังหวัดที่มีประชากรอาศัยอยู่มากที่สุดในเกาหลีใต้ แต่กรุงโซลนั้นมีการปกครองแยกออกไปจากจังหวัดคยองกี คือ เป็นนครพิเศษโซล จึงทำให้พื้นที่ของจังหวัดคยองกีนั้นอยู่ล้อมรอบกรุงโซลนั่นเอง
ในจังหวัดคยองกี ก็ยังแบ่งเป็นเมืองอีกหลายๆ เมือง โดยแต่ละเมืองนั้นก็มีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ซึ่ง “ตะลอนเที่ยว” ก็จะออกไปทัวร์รอบๆ กรุงโซลในทริปนี้นั่นเอง
เราเดินทางจากกรุงเทพฯ ด้วยสายการบินไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์ นอนหลับพักผ่อนแบบสบายๆ บนเครื่อง พอลืมตาตื่นก็มาถึงสนามบินอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ พอดี
มาถึงเกาหลีใต้ก็เป็นเวลาช่วงสายๆ ของวัน แต่หน้าตาก็ดูไม่ค่อยจะสดใสกันสักเท่าไหร่นัก เลยต้องไปเพิ่มความสดชื่นและบำรุงผิวหน้ากันก่อนจะออกไปตะลอนเที่ยวที่อื่นๆ เรามากันที่ “Skin anniversary” ในเมืองพาจู ที่อยู่ห่างจากสนามบินอินชอนราวๆ 40 นาที
ที่ Skin anniversary แห่งนี้ เรียกได้ว่าเป็นบิวตี้ทาวน์เลยทีเดียว เพราะเป็นศูนย์ความงามที่นำเสนอวัฒนธรรมความสวยงามตามแบบฉบับของชาวเกาหลีใต้ มีทั้งเครื่องสำอาง เครื่องบำรุงผิวต่างๆ ใครมาที่นี่สามารถมารับการดูแลผิวพรรณได้ โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจสภาพผิวของแต่ละคน ก่อนจะเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมให้
เราได้ทดลองนวดหน้าตามแบบฉบับชาวเกาหลีก็พบว่า คนที่นี่จะใช้น้ำหนักมือในการนวดหน้าที่รุนแรงมากกว่าที่ประเทศไทย เป็นนัยว่าเนื้อครีมจะซึมซาบลงสู่ผิวหนังได้ดี แถมยังช่วยกระตุ้นให้เลือดลมไหลเวียนได้สะดวก และใครที่นวดหน้าเสร็จแล้ว ก็ยังมีเครื่องสำอางต่างๆ ให้ทดลองแต่งหน้ากันได้ด้วย หรือหากเต็มอิ่มกับกิจกรรมความงามแล้ว ก็แวะไปดูเทดดี้แบร์มิวเซียม ที่จัดแสดงในมุมเล็กๆ ให้เพลินใจ
สวยหล่อกันเต็มที่แล้ว คราวนี้ก็ได้เวลาชอปปิ้งกันบ้าง เราเดินทางย้อนกลับมาที่เมืองกิมโป (Gimpo) ไปกันที่ “Hyundai Premium Outlets in Gimpo” ที่อยู่ไม่ไกลจากสนามบินกิมโปมากนัก
ที่นี่มีร้านรวงมาเปิดขายให้ชอปปิ้งกันมากมาย มีทั้งสินค้าแบรนด์ดังจากต่างประเทศ และสินค้าแบรนด์ดังจากเกาหลีใต้เอง ซึ่งนอกจากจะมีพื้นที่ชอปปิ้งให้ขาชอปได้เพลิดเพลินกันแล้ว ยังมีการจัดโซนเป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจ มีสระน้ำตื้นๆ ให้เด็กๆ ได้วิ่งเล่นกัน ยิ่งหากมาช่วงวันเสาร์อาทิตย์ หรือวันหยุดนั้น จะเห็นพ่อแม่ชาวเกาหลีจูงลูกมาชอปปิ้ง แล้วก็แวะเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน
จากเมืองกิมโป เรามุ่งหน้าลงมาทางใต้ของกรุงโซล เพื่อมาที่ “Ansan Star Village” ในเมืองอันซาน (Ansan) แนะนำว่าให้มาถึงที่นี่ในช่วงเย็น-ค่ำ เพราะเมื่อท้องฟ้าเริ่มมืด ก็จะมีการเปิดไป LED สีต่างๆ ที่ถูกจัดแสดงแยกออกเป็นโซน ทั้ง Road of Cupid, Road of Love, Forest of Light เป็นต้น ซึ่งก็จะมีนักท่องเที่ยวมาเดินเล่นชมไฟสวยๆ กันเนืองแน่นในช่วงหัวค่ำ
เดินดูไฟสวยๆ กันแล้ว ก็เปลี่ยนอารมณ์มาย้อนยุคกลับไปในสมัยโชซอนกันบ้าง ซึ่งจุดที่เรายืนอยู่ก็คือเมืองซูวอน (Suwon) อันเป็นเมืองเก่าตั้งแต่ยุคโชซอน และเกือบจะได้เป็นเมืองหลวงของเกาหลีในยุคของพระเจ้าจองโจ (ที่เรารู้จักกันดีในชื่อ “องค์ชายลีซาน” ในซีรีส์ย้อนยุคของเกาหลีเรื่อง “ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน”)
ในยุคของพระเจ้าจองโจ พระองค์ได้สร้าง “ป้อมฮวาซอง” (Suwon Hwaseong Fortress) เป็นป้อมปราการล้อมรอบทั้งเมืองซูวอน และยังปกป้องสุสานพระราชบิดาของพระองค์ ซึ่งความยาวของกำแพงโดยรอบนั้นยาวกว่า 5 กิโลเมตร และมีประตูประจำอยู่ทั้ง 4 ทิศ บนจุดสูงสุดของป้อมก็มีศาลาที่ใช้บัญชาการทหาร และสามารถมองออกไปรอบๆ เมืองซูวอนได้ด้วย
ในสมัยก่อน ป้อมฮวาซองเคยล้อมรอบเมืองซูวอนไว้ได้ทั้งเมือง แต่มาถึงยุคปัจจุบัน เมืองมีการขยายตัวออกไปนอกกำแพงป้อมมากขึ้น ทำให้ตอนนี้ หากขึ้นไปยืนบนจุดสูงๆ ของกำแพงป้อม ก็จะสามารถชมทิวทัศน์เมืองเกาที่อยู่ในเขตกำแพง และเมืองใหม่ที่อยู่นอกเขตกำแพงได้ด้วย และที่สำคัญ ป้อมฮวาซองแห่งนี้ ยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก เมือปี พ.ศ.2528 อีกด้วย
ภายในเขตกำแพงของป้อมฮวาซอง ก็ยังมีพระราชวังอีกหนึ่งแห่งที่ตั้งอยู่ภายในนี้ นั่นคือ “พระราชวังฮวาซองแฮงกุง” (Hwaseong Haenggung) ที่สร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าจองโจ เพื่อเป็นที่ประทับหากเสด็จมายังเมืองซูวอน
พระราชวังแห่งนี้ถือว่ามีขนาดใหญ่และมีความสวยงามมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งในบรรดาพระราชวังชั่วคราวในสมัยโชซอน ภายในก็เปิดให้ชมอาคารต่างๆ ตั้งแต่ห้องที่ประทับ ห้องขันที ห้องนางข้าหลวง มีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการลองทำขนมโบราณ ลองแต่งกายในชุดเกาหลีสมัยโชซอน มีการจำลองวิถีชีวิตในสมัยโบราณมาให้ชม และยังมีการจำลองงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของพระพันปีมาให้ได้ชม
แต่สำหรับใครที่เป็นคอซีรีส์เกาหลี ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำของซีรีส์แดจังกึม ที่โด่งดังไปในหลายประเทศ บริเวณอาคารที่ใช้ถ่ายทำเรื่องแดจังกึมนั้นจะมีการจัดแสดงชุดเครื่องแต่งกายที่ใช้ในละครมาให้ชมกันอย่างจุใจ
หรือหากใครยังไม่เต็มอิ่มกับการย้อนยุคไปในสมัยโชซอน ขอแนะนำให้มาที่เมืองยงอิน (Yongin) เพราะที่นี่มี “Korean Folk Village” ซึ่งจำลองบ้านเรือนในสมัยโชซอนมาไว้ที่นี่ ทั้งบ้านของชาวบ้าน บ้านขุนนาง อาคารของราชการ มีการจำลองวิธีชีวิตและข้าวของเครื่องใช้มาจัดแสดงไว้ให้พอเห็นภาพในสมัยโบราณ
นอกจากนี้ก็ยังมีตลาดย้อนยุค มีลานแสดงกว้างๆ ที่เปิดแสดงศิลปวัฒนธรรมของเกาหลีในสมัยก่อน มีมุมเกษตรกรรม เลี้ยงสัตว์ ที่สำคัญ ยังมีตัวละครต่างๆ ออกมาเดินปะปนใช้ชีวิตอยู่รอบๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นสาวน้อยลูกขุนนาง เกษตรกร ขุนนางผู้ใหญ่ หรือแม้แต่ขอทาน เรียกว่าได้สัมผัสกับบ้านโบราณและตัวละครโบราณจริงๆ
ที่เมืองยงอินแห่งนี้ นอกจากจะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีกลิ่นอายแบบโบราณแล้ว ก็ยังมีที่เที่ยวสนุกๆ ที่เหมาะกับคนทุกวัยด้วย แล้วที่นี่ก็ยังเป็นที่รู้จักกันดีในหมูนักท่องเที่ยวชาวไทย นั่นคือ “เอเวอร์แลนด์” (Everland) ที่เป็นสวนสนุกกลางแจ้งขนาดใหญ่ แล้วยังได้รับการขนานนามว่าเป็นดิสนีย์แลนด์เกาหลีด้วย
ที่นี่แบ่งความสนุกออกเป็นโซนต่างๆ ซึ่งมีเครื่องเล่นสุดสนุก สุดหวาดเสียว หรือแบบน่ารักๆ เหมาะสำหรับเด็กก็มี ไม่ว่าจะเป็น T-Express ที่เป็นรถไฟเหาะรางไม้แห่งแรกของเอเชีย และเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเอเวอร์แลนด์แห่งนี้
ส่วนถ้าชอบดอกไม้และวิวสวยๆ ก็แนะนำให้ไปเดินเล่นที่โซนเมจิกแลนด์ ที่จะมีการจัดสวนดอกไม้สวยๆ ท่ามกลางบ้านสวยๆ แล้วก็ยังมีการแสดงโชว์ต่างๆ ให้ชม หรือถ้าพาเด็กๆ มาเที่ยวก็ชวนกันไปดูสัตว์น่ารักๆ ในโซนซูโทเพีย ที่มีสัตว์น่ารักๆ จากทั่วโลกมาให้ชมกัน
ส่วนใหญ่แล้ว ใครมาเที่ยวที่เอเวอร์แลนด์ ก็จะใช้ชีวิตอยู่ในนี้ทั้งวัน เล่นเครื่องเล่นต่างๆ แวะชมจุดสวยๆ ที่ทำไว้ให้ถ่ายรูป หรือแวะพักชิมอาหารที่จุดต่างๆ ก่อนจะรอให้ถึงช่วงค่ำเพื่อชมขบวนพาเหรด Moonlight Parade ที่มีตัวละครต่างๆ ออกมาเดิน มีไฟหลากสีประดับประดามาอย่างสวยงาม ซึ่งตลอดสองข้างทางจะมีนักท่องเที่ยวมาเฝ้ารอชมด้วยความตื่นเต้น
อารมณ์สนุกยังค้างคาอยู่ในใจ เราก็เลยต้องย้ายตัวเองมาที่เมืองโคยัง (Goyang) มาสนุกกันต่อที่ “Onemount” ซึ่งเป็นทั้งชอปปิ้งมอลล์ สปอร์ตคลับ สถานที่จัดงานอีเวนต์ และที่สำคัญยังมี Snow park และ Water park ด้วย
เริ่มต้นจากฝั่ง “Snow park” ที่เป็นโดมหิมะขนาดใหญ่ มีพื้นหิมะให้ลงไปเล่นกิจกรรมต่างๆ ในอากาศเย็นยะเยือก ใครที่จะเข้าสโนวพาร์คก็ต้องใส่เสื้อกันหนาวและเปลี่ยนรองเท้ากันเสียก่อนจะได้ไม่ลื่นบนน้ำแข็ง ซึ่งหากว่าใครอยากสนุกกับการเล่นสไลเดอร์หิมะ ที่นี่เขาก็มีจัดไว้ให้ด้านหลังโดม ได้เพลิดเพลินกับความหนาวเย็นให้ฉ่ำใจ
แต่ถ้าใครอยากคลายร้อนด้วยน้ำเย็นๆ ก็เข้ามาที่ “Water park” ได้เลย ที่นี่เป็นสวนน้ำทั้งในร่มและกลางแจ้ง มีเครื่องเล่นสนุกๆ หลายตัวที่ทำให้ทุกคนได้เย็นฉ่ำใจ ซึ่งในบริเวณจุดต่างๆ ก็จะมีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย และคอยช่วยเหลือประจำอยู่
และที่ใกล้ๆ กับ Onemount ก็มีอควาเรียมให้ไปชมสัตว์น้ำหลากหลายสายพันธุ์กันด้วย ที่นี่ชื่อว่า “Hanwha Aqua Planet” ซึ่งจะจัดแสดงแบ่งออกเป็นสองโซนใหญ่ๆ คือ The Aqua และ The Jungle โดยเริ่มต้นจากทางเข้าสู่โซน The Aqua ที่จะต้อนรับเราด้วยแมงกะพรุนหลากหลายสายพันธุ์ในตู้ที่จัดแสงสีจนสวยน่าชม
เดินไปเรื่อยๆ ก็จะเป็นอุโมงค์ปลา ที่มีปลาว่ายวนเวียนไปมาน่าตื่นตา แล้วก็ยังมีแทงก์น้ำขนาดใหญ่ที่เป็นจุดรวมของปลาน้อยใหญ่ ซึ่งในแต่ละช่วงวันก็จะมีการแสดงสวยๆ ให้ชม มีนักประดาน้ำมาให้อาหารเหล่าปลา ให้ได้ชมกันชัดๆ เต็มตา ส่วนโซน The Jungle นั้นก็จะเป็นการจัดแสดงสัตว์ป่าสายพันธุ์ต่างๆ รวมถึงบรรดานกสีสวยที่เราสามารถไปป้อนอาหารได้ด้วย
ถึงจะเต็มอิ่มกับที่เที่ยวหลากหลายสไตล์กันแล้ว แต่ “ตะลอนเที่ยว” ต้องขอบอกว่าจังหวัดคยองกีแห่งนี้ ยังมีที่เที่ยวสวยๆ สนุกๆ อีกเยอะ ทั้งธีมปาร์คต่างๆ แหล่งชอปปิ้ง แหล่งชมซากุระและใบไม้เปลี่ยนสี หรือแม้แต่เกาะนามิอันโด่งดัง ก็ยังอยู่ในจังหวัดคยองกีแห่งนี้
คราวหน้า หากใครมาเที่ยวที่เกาหลี ลองเลี้ยวรถออกมานอกกรุงโซล แวะชมสิ่งสวยๆ งามๆ เพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ รอบๆ กรุงโซล
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถเดินทางสู่ประเทศเกาหลีใต้จากหลายสายการบิน ซึ่งปัจจุบันมีสายการบิน ไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์ เป็นสายการบินต้นทุนต่ำรายแรกที่บินตรงจาก ไทย (สนามบินดอนเมือง) - เกาหลีใต้ (สนามบินอินชอน) โดยมีเที่ยวบินตรงทุกวัน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.airasia.com หรือที่ www.facebook.com/AirAsiaThailand
“Ansan Star Village” ตั้งอยู่ในเมืองอันซาน ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 5,000 วอน เด็ก 3-12 ปี 3,000 วอน
“ป้อมฮวาซอง” ตั้งอยู่ในเมืองซูวอน ค่าเข้าชม 1,000 วอน ส่วน “พระราชวังฮวาซองแฮงกุง” ค่าเข้าชม 1,500 วอน หรือจะซื้อตั๋วรวมค่าเข้าชมป้อมซูวอน พระราชวัง และพิพิธภัณฑ์ ราคา 3,500 วอน
“Korean Folk Village” ตั้งอยู่ในเมืองยงอิน ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 15,000 วอน เด็ก 10,000 วอน
“เอเวอร์แลนด์” ค่าเข้าชม One-day Ticket ผู้ใหญ่ 48,000 วอน เด็ก 38,000 วอน ถ้าซื้อบัตรเข้าชมหลัง 17.00 น. เป็นต้นไป ผู้ใหญ่ 40,000 วอน เด็ก 31,000 วอน
“Onemount” ค่าเข้า Snow Park วันธรรมดา 25,000 วอน วันหยุด 30,000 วอน ส่วนค่าเข้า Water Park ผู้ใหญ่ 50,000 วอน เด็ด 38,000 วอน
“Hanwha Aqua Planet” ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 27,000 วอน เด็ก (อายุ 14-19 ปี) 24,000 วอน เด็ก/ผู้สูงอายุ (ต่ำกว่า 14 ปี/มากกว่า 65 ปี) 22,000 วอน