ชมนาขั้นบันได “แม่กลางหลวง” ควงแขนเที่ยว “น้ำตกรักจัง”

ช่วงนี้นาขั้นบันไดในภาคเหนือใกล้จะออกรวงสุกเหลืองพร้อมเก็บเกี่ยวเต็มที

ที่นาขั้นบันได “บ้านแม่กลางหลวง” ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ก็เช่นกัน ตอนนี้ข้าวในนากำลังเขียวขจีผสมกับสีเหลืองทองนิดๆ ของรวงข้าวที่เริ่มสุกเหลือง เป็นโอกาสดีที่ “ตะลอนเที่ยว” ได้ชมบรรยากาศของนาขั้นบันไดที่นี่

จริงๆ แล้วเส้นทางไปยังหมู่บ้านแม่กลางหลวงนั้นขับรถเข้าถึงได้เลย แต่ “ตะลอนเที่ยว” ขอแนะนำให้ว่าถ้าอยากได้บรรยากาศแบบครบรสชาติของป่า น้ำตก และทุ่งนา ต้องลองมาเดินเท้าตามเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติน้ำตกผาดอกเสี้ยว ที่มีระยะทางเดินเพียง 3 กิโลเมตร เป็นเส้นทางเดินป่าแบบชิลๆ สบายๆ ไม่ยากลำบากนัก เพราะเป็นเส้นทางเดินลงเป็นส่วนใหญ่

จุดเริ่มต้นของเส้นทางเดินเท้านั้นอยู่ที่บริเวณ กม.30 ของถนนจอมทอง-อินทนนท์ (ทางหลวงหมายเลข 1009) มีกฎระเบียบในการเดินทางอยู่ว่าจะต้องมีไกด์ท้องถิ่นในการเดินทางด้วยทุกครั้ง ซึ่งนอกจากเพื่อความปลอดภัยไม่หลงป่าแล้ว ก็ยังเป็นการกระจายรายได้สู่ชาวบ้านแม่กลางหลวงโดยตรงอีกด้วย นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีกฎพื้นฐานอย่างเช่น ห้ามทิ้งขยะ ห้ามเก็บพืชพันธุ์ ห้ามส่งเสียงดัง ฯลฯ ให้นักท่องเที่ยวได้ปฏิบัติตาม


สำหรับเส้นทาง 3 กิโลเมตรในช่วงแรกนั้นเป็นเส้นทางเดินในป่าโปร่งๆ บรรยากาศต้นไม้ร่มครึ้ม เส้นทางบางช่วงเป็นเนินชันลาดลง แต่ชาวบ้านร่วมกันทำขั้นบันไดและราวไม้ไผ่ให้นักท่องเที่ยวเกาะเดินได้สะดวก

“ตะลอนเที่ยว” เดินผ่านโรงเรือนปลูกดอกเบญจมาศที่ชาวบ้านปลูกเพื่อส่งให้โครงการหลวงอินทนนท์ ช่วงนี้บางแปลงยังเป็นดอกตูม บางแปลงก็บานแล้ว อีกไม่นานก็คงสามารถตัดดอกขายเป็นรายได้มาสู่ครอบครัว ตามเส้นทางเดินเราจะเห็นโรงเรือนเช่นนี้อีกหลายแปลงด้วยกัน

ขณะเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ “ตะลอนเที่ยว” เริ่มได้ยินเสียงน้ำไหล เป็นเสียงของลำน้ำแม่กลางที่มีต้นน้ำจากดอยอินทนนท์ไหลหล่อเลี้ยงหมู่บ้านแม่กลางหลวงบริเวณใกล้เคียง เราเดินลัดเลาะริมน้ำไปเรื่อยๆ บางช่วงเป็นเนินชัน สายน้ำจึงเปลี่ยนจากลำธารไปเป็นน้ำตกขนาดเล็กบ้างใหญ่บ้าง มีละอองน้ำฟุ้งกระเซ็นสร้างความสดชื่นให้ได้มากทีเดียว


เราเดินเลาะน้ำตกลงมาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มายืนอยู่ด้านหน้าของผาสูงที่มีสายน้ำตกไหลซู่ตกลงมาเป็นสายขาวฟูฟ่อง คะเนความสูงดูน่าจะราวๆ 20 เมตรเห็นจะได้ น้ำตกแห่งนี้มีชื่อว่า “น้ำตกผาดอกเสี้ยว” หรือที่นักท่องเที่ยวมักเรียกกันว่า “น้ำตกรักจัง” เนื่องจากน้ำตกนี้เป็นฉากหนึ่งในการถ่ายทำภาพยนตร์ไทยเรื่อง “รักจัง” ที่มีคู่พระ-คู่นาง อย่าง ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ และพอลล่า เทเลอร์ มานั่งจู๋จี๋กันบนสะพานไม้หน้าน้ำตก

น้ำตกผาดอกเสี้ยวที่เห็นอยู่นี้เป็นน้ำตกชั้นที่ 7 ที่ถือเป็นไฮไลต์เนื่องจากมีความสวยงามที่สุด แถมยังมีมุมเหมาะๆ ให้ถ่ายรูป ด้วยสะพานไม้ไผ่ที่สร้างอย่างเรียบง่ายข้ามธารน้ำตกที่ช่วยเสริมองค์ประกอบทำให้น้ำตกชั้นนี้กลายเป็นจุดพักและจุดยืนแอกท่าถ่ายรูปของเหล่านักท่องเที่ยว ยิ่งถ้าใครมากับแฟนยิ่งต้องมาควงแขนทำท่าสวีตกันที่น้ำตกแห่งนี้ก็ยิ่งเหมาะ

ถ่ายรูปกันจนพอใจแล้ว เราเดินข้ามน้ำตกบนสะพานไม้ แล้วเดินเลาะริมหน้าผามุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านแม่กลางหลวงกันต่อ เส้นทางกลับสู่ป่าโปร่งเช่นเดิม แต่ที่น่าตื่นตาก็คือเมื่อเดินมาไม่ไกลนักก็ได้เจอกับทุ่งนาขั้นบันไดที่ปลูกอยู่บนเนินเขา เส้นทางเดินของเราต้องเดินเลียบทุ่งนาเหล่านี้ลงไปด้านล่าง มองเห็นทุ่งนาสีเขียวที่ต้นข้าวกำลังออกรวงโค้งค้อมต่ำใกล้สุกเต็มที และนอกจากนาขั้นบันไดเขียวขจีน่าชมเหล่านี้แล้ว ยังมีกระท่อมปลายนาหลังน้อยที่ชาวบ้านสร้างไว้แบบเรียบง่าย ช่วยให้ภาพนาขั้นบันไดที่เห็นดูสวยงามเป็นอย่างยิ่ง


เมื่อได้เห็นทุ่งนาขั้นบันไดก็แสดงว่าจุดมุ่งหมายของเราที่หมู่บ้านแม่กลางหลวงนั้นอยู่ไม่ไกลแล้ว “ตะลอนเที่ยว” รีบก้าวเท้ายาวๆ ให้ถึงเร็วๆ เพราะรู้ว่าที่หมู่บ้านมีของดีคือกาแฟสดรสเยี่ยมให้ได้ชิมกัน เพราะนอกจากไกด์ที่นำทางจะบอกเล่าถึงกาแฟที่เตรียมรอไว้แล้ว “ตะลอนเที่ยว” ยังได้เห็นต้นกาแฟที่ปลูกไว้ตามแนวเขาระหว่างทางอีกด้วย

ในที่สุดสองเท้าก็พาเดินถึงจุดหมายที่บ้านแม่กลางหลวงจนได้ “ตะลอนเที่ยว” นั่งพักใต้ร่มหลังคาชิมกาแฟสดอาราบิก้าที่ชาวบ้านปลูกเอง คั่วเอง บดเอง ชงเองแบบบ้านๆ แต่ได้บรรยากาศด้วยกาน้ำร้อนกับเตาฟืน พร้อมด้วยถุงกาแฟแบบโบราณ เตรียมพร้อมไว้ในหมู่บ้านสำหรับผู้มาเยือน

เราจิบกาแฟพร้อมกับฟังคำบอกเล่าจากไกด์ว่าที่นี่มีการปลูกกาแฟกันมานานตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นพ่อ ปลูกแซมไปกับพืชผลอื่นๆ โดยไม่ใช้ยาฆ่าแมลง “ตะลอนเที่ยว” มองไปรอบๆ บริเวณที่นั่งพัก มองเห็นกรอบรูปหลายใบติดอยู่ที่ข้างฝา เป็นรูปชาวบ้านบ้าง รูปนักท่องเที่ยวบ้าง แต่รูปที่ติดอยู่สูงและดูจะมีความสำคัญที่สุดก็คือรูปถ่ายเก่าแก่เป็นรูปของในหลวงเมื่อครั้งที่พระองค์เสด็จฯ มาที่โครงการหลวงอินทนนท์เมื่อราว 30 กว่าปีก่อน ไกด์เล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนนั้นชาวบ้านที่นี่ล่าสัตว์ แผ้วถางป่า ปลูกฝิ่น ทำไร่เลื่อนลอยกันมาก แต่หลังจากในหลวงเสด็จฯ มาที่โครงการหลวงอินทนนท์ มาให้ความรู้ด้านอาชีพแก่ชาวบ้านแถวนี้ สภาพป่าก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับจนมาถึงปัจจุบัน ชาวบ้านเองก็มีอาชีพและมีรายได้ที่มั่นคงมากยิ่งขึ้นอีกด้วย


ดื่มกาแฟเสร็จแล้วใครจะเดินเล่นรอบๆ หมู่บ้านก็ได้ตามใจ บางคนอาจจะชอบเดินชมบ้านเรือนวิถีชีวิตชาวบ้านปกาเกอะญอ บ้านหลายหลังจัดทำเป็นโฮมสเตย์ บางบ้านมีสาวนั่งทอผ้า บางบ้านเลี้ยงหมูดำไว้ที่ใต้ถุน และยังมีบ้าน 1 หลังที่จัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ชุมชนจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ของชนเผ่ากันแบบเรียบง่ายตามอัตภาพ

แต่ “ตะลอนเที่ยว” ขอลงมาเดินเล่นถ่ายภาพนาขั้นบันไดอีกสักหน่อย โดยบริเวณใกล้ๆ หมู่บ้านนี้ก็มีนาขั้นบันไดผืนใหญ่กว้างไกลมีฉากหลังเป็นภูเขาสูงให้ได้ถ่ายรูปกันแบบสะใจ ทัศนียภาพสวยๆ ที่เห็นนี้ถูกใช้เป็นฉากละครและภาพยนตร์หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์เรื่อง “หนึ่งใจเดียวกัน” ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ ที่ทรงอำนวยการสร้าง ประพันธ์บทภาพยนตร์ และทรงแสดงนำ อีกทั้งละครเรื่องธรณีนี่นี้ใครครองที่พระนาง ณเดชน์-ญาญ่า แสดงนำ ก็มาถ่ายทำและถ่ายทอดภาพสวยๆ ของบ้านแม่กลางหลวงให้คนทั่วไปได้ชมกันอีกด้วย


ได้เดินชมธรรมชาติอันร่มรื่น สัมผัสกับสายน้ำตกที่เย็นฉ่ำ ชิมกาแฟสดหอมกรุ่น และชมทุ่งนาขั้นบันได เขียวขจีขึ้นลดหลั่นกันไปตามภูมิประเทศดูงดงามขนาดนี้ “ตะลอนเที่ยว” อดไม่ได้ที่จะเชิญชวนให้เพื่อนๆ ที่สนใจเดินทางมาท่องเที่ยวกันที่บ้านแม่กลางหลวงแห่งนี้ โดยในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้นาข้าวก็จะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีทองพร้อมเก็บเกี่ยว พร้อมทั้งอากาศเย็นๆ ก็มีให้สัมผัส เพราะฉะนั้นใครอยากมาเที่ยวต้องรีบวางแผนการเดินทางกันเร็วๆ เสียแล้ว


* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

“บ้านแม่กลางหลวง” ตั้งอยู่ในหุบเขานาขั้นบันไดอันเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 3 เชิงดอยอินทนนท์ ในเขตการปกครองของหมู่ 17 ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ การเดินทางสู่บ้านแม่กลางหลวงโดยทางรถยนต์ จากตัวเมืองเชียงใหม่ขับตามเส้นทางหลวงหมายเลข 108 (เชียงใหม่-ฮอด) มายัง อ.จอมทอง แล้วแยกขวามาตามทางหลวงหมายเลข 1009 (จอมทอง-อินทนนท์) จนถึง กม.26 จึงเลี้ยวซ้ายเข้าสู่บ้านแม่กลางหลวง ส่วนจุดเริ่มต้นของเส้นทางเดินเท้าต้องขับเลยมาประมาณ กม.30 ทางลงจะอยู่ซ้ายมือ 

สำหรับค่าบริการไกด์ท้องถิ่นในการพาเดินในเส้นทางศึกษาธรรมชาติฯ มีค่าใช้จ่าย 200 บาท ต่อไกด์ 1 คน (ดูแลนักท่องเที่ยวไม่เกิน 10 คน) ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บ้านแม่กลางหลวง โทร.08-1021-8927, 08-1020-3615, 08-9952-0983, 08-1960-8856 และสามารถสอบถามสถานที่ท่องเที่ยวระหว่างบ้านแม่กลางหลวงเชื่อมโยงกับสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงใหม่ โทร.0-5324-8604, 0-5324-8607
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com