ท่ามกลางตึกสูงใหญ่ในย่านธุรกิจอย่างสาทร ก็ยังมีบางมุมที่ซ่อนความเป็นชุมชนหลากหลายวัฒนธรรม อย่างเช่นในย่าน “เซนต์หลุยส์” ที่จะเห็นได้ชัดเจนว่ามีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ หลากหลายความเชื่อมาอยู่ร่วมกัน ทั้งนี้ก็เนื่องจากในสมัยก่อน พื้นที่แถบนี้เป็นย่านการค้าขายที่มีชาวจีนและชาวตะวันตกเข้ามาเป็นจำนวนมาก
จนกระทั่งในปัจจุบันก็ยังคงเห็นได้ชัดเจนจากศาสนสถานของศาสนาต่างๆ ที่ตั้งอยู่ใกล้ชิดกัน ในละแวกเดียวกัน เริ่มตั้งแต่ “โบสถ์เซนต์หลุยส์” ที่ตั้งอยู่ติดกับถนนสาทรใต้ และอยู่ด้านข้างโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ เป็นโบสถ์ของชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งหลังจากที่ คุณพ่อหลุยส์ โชแรง ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งพระสังฆราชปกครองมิสซังกรุงเทพฯ ท่านโชแรงได้ย้ายบ้านพักพระสังฆราชจากวัดอัสสัมชัญ มาสร้างที่บริเวณใกล้กับโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ และท่านก็ได้สังเกตว่าคริสตังแถบนี้มีจำนวนมากและไม่มีสถานที่ในแถบนี้ให้ร่วมพิธีกรรม ท่านจึงตั้งใจที่จะสร้างโบสถ์เซนต์หลุยส์ขึ้นในปี พ.ศ. 2498 และตั้งชื่อตามนามของผู้สร้างโบสถ์นี้ เมื่อแล้วเสร็จก็ได้เปิดโบสถ์ในปี พ.ศ. 2500 เป็นต้นมา และในปัจจุบันก็ยังคงใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาคริสต์เช่นเดิม
จากโบสถ์เซนต์หลุยส์ ก็เลี้ยวเข้าซอยด้านข้างโรงพยาบาล มากันที่ “มัสยิดยะวา” เป็นมัสยิดที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 โดยชาวยะวา (ชวา) จากอินโดนีเซีย ที่เดินทางอพยพมาค้าขายในประเทศไทย จึงสร้างสถานที่เพื่อนมัสการพระผู้เป็นเจ้าขึ้น ณ ที่นี่
มัสยิดยะวา มีสถาปัตยกรรมแบบชวา ลักษณะเด่นอยู่บนหลังคาที่มีสัญลักษณ์พระจันทร์เสี้ยวและดวงดาวประดับอยู่บนยอด มัสยิดแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางชุมชนชาวมุสลิม และถือว่าเป็นศูนย์รวมใจของชาวมุสลิมในละแวกนั้น
ในย่านเซนต์หลุยส์แห่งนี้ นอกจากจะมีวัด มีโบสถ์ มีมัสยิด แล้วก็ยังมีสถานที่สำหรับฝังศพ หรือที่เรียกกันว่าสุสานอยู่ด้วย สมัยก่อน หากพูดถึงป่าช้าวัดดอน หลายคนอาจจะนึกถึงตำนานความเฮี้ยนของที่นี่ เนื่องจากว่ามีสุสานอยู่รวมกันถึง 3 แห่ง นั่นคือ สุสานป่อเต๊กตึ๊ง สุสานแต้จิ๋ว และสุสานไหหลำ
แต่ต่อมามีการขยายตัวของเมือง มีการตัดผ่านของทางด่วน จึงต้องมีการล้างป่าช้า และย้ายสุสานบางส่วนออกไปไว้ที่ต่างจังหวัด จากนั้นก็ทำการปรับปรุงสภาพป่าช้าให้ดีขึ้น จากเดิมที่มีรั้วรอบขอบชิด จะเข้าไปได้ก็เฉพาะช่วงเทศกาลเชงเม้ง หรือวันที่ชาวจีนจะเข้าไปไหว้บรรพบุรุษกัน
หลังจากปรับปรุงบริเวณโดยรอบสุสานให้ดีขึ้น ประกอบกับไม่มีการนำศพเข้ามาฝังในป่าช้าวัดดอนอีก ก็ทำให้บรรยากาศความน่ากลัวนั้นลดน้อยลง แต่ผลจากการปรับปรุงพื้นที่ก็ทำให้บริเวณสุสานแต้จิ๋วกลายมาเป็น “สวนสวยสมาคมแต้จิ๋ว” เป็นสวนสาธารณะที่มีบรรยากาศแปลกประหลาดกว่าที่อื่น หากมาวิ่งหรือเดินเล่นออกกำลังกาย ทิวทัศน์ด้านข้างก็จะเป็นฮวงซุ้ยเรียงรายกันไปเรื่อยๆ เรียกว่าออกกำลังกายไปก็ได้ปลงกับการเกิดแก่เจ็บตายไปด้วยในคราวเดียว
ถัดจากสุสานแต้จิ๋วเพียงเล็กน้อยก็จะเป็น “วัดปรก” วัดมอญที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2470 โดยชาวมอญที่อพยพมาจากกรุงหงสาวดี ซึ่งสถาปัตยกรรมของวัดก็จะเป็นแบบหงสาวดี ตั้งแต่ประตูทางเข้าที่มีหงส์ประดับอยู่บนหัวเสา มีเจดีย์ทรงลังกาองค์ใหญ่ และภายในวัดก็มีพระพุทธรูปหยกขาว อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวมอญและพุทธศาสนิกชนทั่วไปเป็นอย่างมาก ซึ่งจะสังเกตได้ว่าเป็นพระพุทธรูปศิลปะมอญ เนื่องจากพระโอษฐ์ (ปาก) มีสีแดงอย่างชัดเจน
ผ่านโบสถ์คริสต์ มัสยิด สุสานจีน และวัดมอญมาแล้ว ก็มาเจอกับ “วัดวิษณุ” วัดในศาสนาฮินดู ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดปรกมากนัก วัดแห่งนี้สร้างโดยชาวอินเดียที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย เนื่องจากสถานที่ในวัดแขก (สีลม) ไม่สามารถขยายพื้นที่เพื่อรองรับศาสนิกชนได้อีก จึงมาสร้างวัดวิษณุขึ้นในบริเวณนี้ แต่สำหรับโบสถ์ของวัดนั้นเพิ่งสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2544
นอกจากจะเป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจแล้ว ที่นี่ก็ยังมีความสำคัญอย่างมากอีกอย่างหนึ่งก็คือ เป็นวัดพราหมณ์-ฮินดูแห่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีเทวรูปศักดิ์สิทธิ์สร้างด้วยหินอ่อนแกะสลักมือ ที่ถูกอัญเชิญมาจากประเทศอินเดียครบทั้ง 24 องค์
ปิดท้ายย่านนี้ด้วยการไปสักการะเทพเจ้าที่ “ศาลเจ้าปึงเถ่ากง-ม่า” อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวจีนในชุมชน รูปปั้นปึงเถ่ากง-ม่า ภายในศาลนั้นทำมาจากทอง แต่ถูกขโมยไปแล้ว ปัจจุบันอัญเชิญเจ้าแม่กวนอิมที่ทำจากไม้มาจากประเทศจีน มาประดิษฐานอยู่ที่ศาลเจ้าแห่งนี้แล้ว
ใครที่ได้มาไหว้เทพเจ้าในศาลเจ้า และหากมาในช่วงเย็นเสียหน่อย บริเวณด้านหน้าศาลเจ้า และบริเวณริมทางเท้าก็จะเห็นว่ามีร้านอาหารตั้งเรียงรายอยู่ทั้งสองข้างทาง โดยในย่านเซนต์หลุยส์แห่งนี้ก็ถือว่ามีของอร่อยๆ ที่ขึ้นชื่ออยู่หลายร้านเลยทีเดียว (คลิก!!! อ่านเรื่องกินย่านเซนต์หลุยส์)
ในย่านเซนต์หลุยส์แห่งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งย่านที่รวบรวมคนหลากหลายเชื้อชาติ หลากหลายวัฒนธรรมและความเชื่อมาอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข ซึ่งแม้ว่าในบริเวณนี้จะกลายเป็นย่านธุรกิจ มีตึกรามใหญ่โตมากมาย แต่คนแต่ละเชื้อชาติก็ยังคงรักษาความมีอัตลักษณ์ของวัฒนธรรมของตนเองได้อย่างดี
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“ย่านเซนต์หลุยส์” เดินทางมาได้อย่างสะดวกด้วยการใช้บริการรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานีสุรศักดิ์ แล้วใช้บริการรถสองแถวเล็กในการเดินทางในย่านซอยเซนต์หลุยส์
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com