xs
xsm
sm
md
lg

ตามรอยแม่นาค(ใหม่)ในพังงา ท่องป่าไทรโบราณที่“ลิตเติ้ลอเมซอน”/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com) เฟซบุ๊ก Travel-Unlimited-เที่ยวถึงไหนถึงกัน
คลองสังเน่ห์ กับบรรยากาศคล้ายป่าโบราณ
พังงาได้ชื่อว่าเป็นเมือง“ฝนแปดแดดสี่

แต่เดี๋ยวนี้เวลาผมไปพังงา คนพังงามักจะบอกกับผมว่า “พังงาเป็นเมืองฝนสิบแดดสองแล้วครับ” นั่นก็เพราะสภาพอากาศโลกในปัจจุบันแปรปรวนเปลี่ยนแปลงไปมาก

ในหน้าฝนเช่นนี้หากใครได้ไปเที่ยวพังงาสัก 3-4 วัน โอกาสเจอฝนมีมากกว่า 90% แต่นั่นก็ทำให้พังงาดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ เพราะทั้งเมืองเต็มไปด้วยความเขียวชุ่มชื่นขจี โดยเฉพาะฟ้าหลังฝนยามที่มีหมอกลอยไต่ระเรี่ยปกคลุมทิวไม้ยอดเขานั้นสวยงามนัก อีกทั้งอากาศก็สดชื่นเย็นสบาย สูดหายใจเต็มๆได้ชุ่มฉ่ำปอดดีแท้
ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของป่าในสองฟากฝั่ง ทำให้คลองสังเน่ห์ได้รับฉายาว่า “ลิตเติ้ลอเมซอน”
สำหรับการได้ล่องใต้ลงไปเที่ยวพังงามาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมสังเกตพบว่าฝนที่ตกในพังงา(ช่วงนั้น)เป็นประเภทเดียวกับจิตใจของสาวๆ(หลายคน) คือเรรวนปรวนแปร เอาแน่เอานอนไม่ได้ บัดเดี๋ยวตก บัดเดี๋ยวหยุด บางครั้งตกปรอยๆ บางครั้งตกซึมตลอดทั้งคืน

และบางครั้งจู่ๆก็ตกซู่ลงมาปานฟ้ารั่ว แล้วจู่ๆก็หยุดเอาดื้อๆแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เหมือนอย่างในช่วงเช้าของวันนี้ที่อากาสยามเช้าทักทายเราด้วยสายฝนที่ตกหนัก ก่อนจะหยุดเอาดื้อๆเหมือนหนังที่จบแบบห้วนๆ ซึ่งถือเป็นโอกาสดีในการทำกิจกรรมของช่วงเช้านี้กับการล่อง“คลองสังเนห์” ไปในดินแดนที่ได้ชื่อว่าเป็น “ลิตเติ้ลอเมซอน
ล่องคลองสังเน่ห์ผ่านผืนป่าอันร่มรื่น
คลองสังเนห์ ลิตเติ้ลอเมซอน

คลองสังเนห์ หรือที่บางครั้งก็เขียน “คลองสังเหน่ห์”, “คลองสังเน่ห์” ตั้งอยู่ใน อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา มีต้นน้ำมาจากเขาบางเต่า แล้วไหลไปสิ้นสุดที่แม่น้ำตะกั่วป่า

ชื่อคลองสังเนห์มาจากที่เดิมคลองแห่งนี้มีต้น“สังหลา”หรือ “ตีนเป็ดน้ำ” ขึ้นอยู่ทั่วไป ชาวบ้านจึงเรียกตามชื่อคลองตามชื่อต้นสังหลา ก่อนจะเพี้ยนมาเป็นคลองสังเนห์ดังในปัจจุบัน

คลองสังเนห์แม้เป็นคลองเล็กๆสายสั้นๆ แต่ว่าก็น่าทึ่งไปด้วยบรรยากาศรอบข้าง 2 ฟากฝั่ง ที่มีระบบนิเวศค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ในบรรยากาศคล้ายป่าโบราณจนได้ฉายาว่า “ลิตเติ้ลอเมซอน” (Little Amazon) ที่มีนกนานาชนิดกับพืชพันธ์หลากหลาย ทั้งไม้บกไม้น้ำ เช่น จิก จาก กะพ้อ ตีนเป็ด โดยเฉพาะกับ“ไทร” ที่มีเป็นจำนวนมาก แถมหลายต้นมีอายุยืนยาวเป็นร้อยปี อันถือเป็นต้นไม้ไฮไลท์ดาวเด่นของที่นี่
นกเงือก-งู สัตว์ดาวเด่นแห่งคลองสังเน่ห์
นอกจากนี้ไทรแล้ว “ลุงณรงค์” เจ้าของเรือที่จะพาผมเที่ยวท่องล่องคลองบอกกับผมว่า ที่นี่ยังมีสัตว์ดาวเด่นประจำคลองอยู่ 2 ประเภท ประเภทแรกเป็น “นกเงือก” ส่วนอีกประเภทหนึ่งที่ผมได้ยินแล้วถึงกับอึ้งนั่นก็คือ“งู”!!!

เป็นงูจริงๆตัวเป็นๆที่มีอยู่อาศัยกันไม่น้อยตามความสมบูรณ์ของผืนป่า

สำหรับงูที่นี่ ชาวบ้านเขาจะอนุรักษ์ไว้ โดยเขาบอกว่าเมื่อเราไม่ไปทำร้ายรุกรานเขา(งู) เขาก็จะไม่มาทำร้ายเรา เป็นการต่างคนต่างอยู่แบบไม่ไปเบียดเบียนทำลายกัน แถมคนที่นี่ยังได้รับคุณประโยชน์จากงูในการใช้เป็นจุดดึงดูดทางการท่องเที่ยว ซึ่งทางกลุ่มผู้ดูแลการท่องเที่ยวคลองสังเน่ห์ก็ได้ทำรูปนกเงือกกับงูเขียวและงูปล้องทองไปประดับไว้ที่ป้ายใกล้กับจุดลงเรือ
เรือนำเที่ยวลำน้อยรอคอยออกจากฝั่ง
ลุงณรงค์บอกว่า คนที่มาล่องเรือจะพบเห็นงูเกาะอยู่ตามต้นไม้กิ่งไม้เป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะกับงูเขียว งูปล้องทอง ที่พบเป็นประจำ

“ตอนล่องเรือไม่ต้องกลัวว่าจะโดนงูกัด เพราะเราล่องดูงูอยู่ห่างๆ ส่วนใหญ่งูมันจะเกาะนิ่งบนกิ่งไว้ โดยเฉพาะงูปล้องทอง ตอนกลางวันสันจะหลับนิ่งมาก ฝรั่งเขาชอบดูงู แต่คนไทยไม่ค่อยชอบเท่าไหร่”

ลุงณรงค์เล่า ก่อนค่อยๆพายเรือออกจากท่ากับเรือนำเที่ยวล่องคลองขนาดเล็ก(เดิมใช้ทำประมงพื้นบ้าน)ท้องแบน หัวแหลม นั่งได้ 2 คน คือผมกับพี่ที่นับถือที่ร่วมไปเผชิญความระทึกใจในเรือลำเดียวกัน
ล่องเรือผ่านผืนป่าอันร่มรื่นเขี้ยวครึ้ม
เมื่อเรือแล่นออกจากท่า ผมก็อดถามในสิ่งที่สงสัยคาใจไม่ได้ว่า ทำไมลุงณรงค์แกถึงต้องใส่หมวกกันน็อกพายเรือ มันไม่ใช่มอเตอร์ไซค์นะที่ทางการบังคับให้สวมหมวก

“ลุงใส่หมวกกันน็อกไว้ทำไม กันชนกิ่งไม้ กันกิ่งไม้ตกใส่หัว หรือกันงูตกใส่หัว??” ผมถาม

ลุงแกยิ้มตอบกลับมาประสาซื่อว่า “เปล่า ลุงใส่หมวกไว้กันฝนนะ”

ครับ เมื่อเจอลุงใส่หมวกกันน็อกกันฝน

งานนี้จบข่าว!?!
งูเขียวตัวใหญ่เจอได้ไม่ยากในลำคลองนี้
ล่องผ่านม่านไทรย้อย

หลังลุงณรงค์ค่อยๆนำเรือเล็กออกจากฝั่งเช่นเดียวกับชื่อเพลงของพี่ตูน เรือที่ผมนั่ง(และของนักท่องเที่ยวลำอื่นๆ)ต่างใช้ค่อยๆพายเคลื่อนที่ไปช้าๆและ(เสียง)เบาๆ เพื่อที่จะได้ชมไม้ ชมนก โดยเฉพาะกับนกนั้นถ้าเสียงดังมันบินหนีหายไปแน่นอน โดยเส้นทางช่วงแรกนั้นจะผ่านดงจิก ป่าจาก ซึ่งระหว่างนี้ลุงณรงค์ได้ชี้ให้ดูบนยอดไม้พร้อมบอกเบาๆว่า “งูเขียว”

ผมแม้จะมองไปตามนิ้วที่ลุงชี้ แต่ก็ต้องสอดส่ายสายตาจับโฟกัสกันอยู่พอสมควร เพราะเจ้างูตัวนี้มันอยู่กลมกลืนกับหมู่แมกไม้มาก ครั้นเมื่อเจอมันตัวเป็นๆกำลังนอนขดนิ่งอยู่ก็ถึงกับอึ้ง เพราะมันเป็นงูเขียวที่มีขนาดตัวใหญ่มาก ขนาดลำตัวก็ประมาณไมโครโฟนที่ผมร้องเพลงตามคาราโอเกะอย่างไงอย่างนั้น
รากไทรทิ้งตัวลงเป็นม่านห้อยระย้า
เห็นเจ้างูเขียวตัวใหญ่ไซส์บิ๊กเบิ้มตัวนี้แล้ว อดนึกถึงเจ้างูยักษ์อนาคอนด้าที่ป่าอเมซอนไม่ได้ และนี่ก็ทำให้พี่ที่นั่งเรือมาด้วยกันพูดเล่นๆว่า “ที่อเมซอนมีงูยักษ์อนาคอนด้า ที่ลิตเติ้ลอเมซอนก็มีงูพวกนี้ที่มีขนาดเล็กย่อส่วนลงมา”

จากนั้นหลังเรือ(พาย)ล่องมาสักพักก็เข้าสู่ช่วงไฮไลท์ของพื้นที่ป่าไทรมีต้นไม้ใหญ่น้อยขึ้นแซมไปตลอด 2 ฟากฝั่ง ไทรพวกนี้หลายต้นมีขนาดใหญ่มาก น่าจะมีอายุเกินร้อยปีขึ้นไป บางต้นมองไม่เห็นลำต้นหลัก เพราะถูกบดบังด้วยรากของมันที่ทิ้งทอดตัวลงในคลองระโยงรยางค์ รากไทรหลายๆรากมีขนาดใหญ่กว่าต้นไม้หลายๆต้นในลำคลองนี้เสียอีก
ล่องเรือผ่านซุ้มต้นไทร
“ที่นี่ถูกใช้เป็นฉากถ่ายหนังเรื่องแม่นาคด้วยนะ”

ลุงณรงค์บอกระหว่างที่ค่อยๆพายเรือผ่านม่านรากไทรต้นแล้วต้นเล่า ซึ่งหนังเรื่องแม่นาคของลุงนั่นก็คือหนังเรื่อง“พี่มากพระโขนง” อันลือลั่นกวาดเงินไปถล่มทลาย มีคู่พระคู่นางคือ “มาริโอ้ เมาเร่อ” เล่นเป็นพี่มาก “ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่” เล่นเป็นแม่นาค แต่ที่ผมชอบที่สุดกับเป็นบรรดาตัวประกอบทั้ง 4 ที่ทั้งฮาและทั้งกวน

เหตุที่คลองสังเนห์ถูกเลือกเป็นหนึ่งในฉากเรื่องพี่มากฯ(หรือแม่นาคเวอร์ชั่นใหม่ ดาวิกา)ให้ผมมาล่องเรือตามรอยอยู่นั้นก็เพราะบรรยากาศมันได้ คือถ้าเป็นยามโพล้เพล้ใกล้ค่ำหรือยามค่ำคืนที่นี่ดูน่าสะพรึงกลัวไม่น้อย(สำหรับคนต่างถิ่น แต่กับชาวบ้านนั้นถือพวกเขาเฉยๆ แต่ถ้าเป็นช่วงกลางวันอย่างที่ผมกำลังล่องเรืออยู่นี้ บรรยากาศมันกลับตรงกันข้ามคือสวยงามร่มรื่นและน่าตื่นตาตื่นใจไปกับต้นไทรมากมายที่ต่างแตกรากทิ้งตัวลงมาในลำคลองให้ชมและจินตนาการกันเพลิน บางช่วงเป็นดังอุโมงค์ต้นไทร(รากไทร) และในหลายช่วงก็มีลักษณะเป็นม่านไทรย้อยห้อยระย้าอันสวยงาม

เป็นความสวยงามผสมความลี้ลับที่ดูมีเสน่ห์ชวนทึ่งไปอีกแบบ
ม่านไทรย้อยห้อยระย้าปกคลุมในหลายจุดระหว่างทาง
สำหรับป่าไทรเหล่านี้ ลุงณรงค์เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนที่นี่เคยเป็นป่าจากมากก่อน มีต้นไทรขึ้นอยู่ไม่กี่ต้น แต่หลังจากนั้นต้นไทรค่อยๆเติบโตขึ้นมาทิ้งรากรัดต้นจากตายลงไปเรื่อยๆ จนเดี๋ยวป่าไทรยึดกินพื้นที่ป่าจากไปมากโขแล้ว

นี่แหละคือพฤติกรรมของไทร นักบุญแห่งป่านักฆ่าแห่งพงไพร ที่งานนี้แม้มันจะเป็นดาวเด่นพระเอกของพื้นที่แต่พฤติกรรมของมันที่ทำกับต้นจากก็เหี้ยมไม่เบา
งูปล้องทองอีกหนึ่งสัตว์ดาวเด่นของที่นี่
นกเงือก-งูปล้องทอง

ช่วงที่เรือค่อยๆพายลอยลำผ่านพื้นที่ป่าไทรนั้น มีเสียงร้องของนกเงือกดังลั่นป่าแต่ทว่าผมสอดส่ายสายตาหามันไม่เจอ ลุงณรงค์บอกว่าส่วนใหญ่เราจะได้ยินแต่เสียง ส่วนตัวเป็นต้องโชคดีจริงๆถึงจะได้เจอ

“แถวนี้มีนกเงือกอาศัยอยู่หลายตัว พวกมันมากินลูกไทรนะ”

ลุงณรงค์เล่าถึงพฤติกรรมของนกเงือกหนึ่งในสัตว์ดาวเด่นของที่นี่ ขณะที่อีกหนึ่งนั้นคืองูเขียวที่เราพบเจอมาแล้วกับไซส์บิ๊กเบิ้ม ส่วนอีกหนึ่งนั้นคือ“งูปล้องทอง” ที่สุดท้ายผมก็ได้เจอมันนอนขดตัวหลับนิ่งอยู่บนกิ่งไม้ แล้วในเส้นทางผมก็ได้เจอเจ้างูปล้องทองชนิดนี้นอนหลับสบายอยู่บนกิ่งไม้อีก 3-4 ตัว ก่อนที่สายน้ำจะนำไปสู่ป่าจากเล็กๆแล้วไหลไปเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำตะกั่วป่า
รากไทรที่ทิ้งตัวลงอย่างหนาแน่นในลำคลอง
จากเรือที่ใช้พายลุงณรงค์ก็เปลี่ยนมาใช้เครื่องแล่นฉิวไปบนแม่น้ำตะกั่วป่า แล้วมุ่งหน้าไปส่งพวกเราขึ้นฝั่งที่ท่าร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดกิจกรรมล่องเรือชมงู-ดูไทรในทริปนี้

ก่อนจากกันลุงณรงค์บอกว่าวันนี้โชคไม่ดีที่เจองูน้อยไปหน่อย ไว้วันหน้ามาเที่ยวใหม่น่าจะเจองูเยอะกว่านี้

“ถ้าโชคดีบางทีเราอาจเจองูเหลือมด้วยนะ” ลุงณรงค์เชิญชวนตามประสาซื่อ

เอ่อ...ลุงครับงานนี้ผมขอเป็นคนโชคร้ายดีกว่า
*****************************************

คลองสังเนห์ เจ้าของฉายา“ลิตเติ้ลอเมซอน”(Little Amazon) ตั้งอยู่ที่ ต.บางนายสี อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มท่องเที่ยวคลองสังเนห์ 083-175-5910,086-953-1789

ส่วนผู้สนใจสัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในจังหวัดพังงาเชื่อมโยงกับคลองสังเนห์ สามารถสอบถามข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว การเดินทาง ที่พัก ร้านอาหาร ได้ที่ ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โทร.0-7648-1900-2
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com


กำลังโหลดความคิดเห็น