xs
xsm
sm
md
lg

9 มหัศจรรย์ “เมืองปากน้ำ” เที่ยวได้ทั้งปี เที่ยวดีทั้งเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : หนุ่มลูกทุ่ง
พระสมุทรเจดีย์
หลายครั้งหลายคราที่ฉันได้มาเที่ยวที่ จ.สมุทรปราการ หรือ “เมืองปากน้ำ” ก็รู้สึกว่ายังเที่ยวได้ไม่หมดสักที นั่นก็เพราะว่าที่เมืองปากน้ำแห่งนี้ เขามีที่เที่ยวมากมาย มีที่เที่ยวหลากหลายสไตล์ คนทั่วไปอาจจะมองเห็นว่าสมุทรปราการเป็นเมืองอุตสาหกรรม แต่อันที่จริงแล้วก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจซ่อนอยู่ด้วย

เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้และเดินทางมาท่องเที่ยวที่นี่ ทาง จ.สมุทรปราการ จึงจัดทำโครงการ “9 Wonder : 9 อัศจรรย์สมุทรปราการเที่ยวได้ตลอดปี” เขิญชวนให้นักท่องเที่ยวเข้ามาสัมผัสสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่สามารถมาเที่ยวกันได้ตลอดทั้งปี

ในฐานะนักเที่ยวตัวยงอย่างฉัน ก็ต้องไม่พลาดที่จะลองมาเที่ยวตามโครงการนี้อยู่แล้ว โดยเริ่มจากที่แรก “พระสมุทรเจดีย์” ปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองสมุทรปราการ และถือเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของจังหวัดอีกด้วย คนทั่วไปมักจะเรียกองค์พระสมุทรเจดีย์ว่า “พระเจดีย์กลางน้ำ” นั่นก็เพราะในสมัยก่อน ช่วงที่สร้างพระสมุทรเจดีย์ พื้นที่ในบริเวณนั้นเป็นเกาะมีน้ำล้อมรอบ ต่อมาแม่น้ำตื้นเขิน ชายตลิ่งงอกออกมา จนทำให้เกาะนั้นเชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่จนเป็นผืนเดียวกัน
พระประธานในพระอุโบสถ วัดโปรดเกศเชษฐาราม
องค์พระสมุทรเจดีย์สีขาวสะอาดตา ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ริมน้ำ ใครได้มาเยี่ยมชมความงดงามแล้ว ก็ต้องเข้าไปสักการะพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร ที่ประดิษฐานอยู่ภายในพระวิหารหลวง นอกจานี้ ภายในบริเวณเดียวกันก็ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ศาลาทรงยุโรป ที่ภายในประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รอบๆ องค์พระสมุทรเจดีย์จะมีเก๋งจีน หอระฆัง หอเทียน และหลักผูกเรือ

และในทุกๆ ปีก็จะมีงานประจำปีคือ งานนมัสการองค์พระสมุทรเจดีย์ ที่จะจัดขึ้นตั้งแต่วันแรม 5 ค่ำเดือน 11 เป็นต้นไป เป็นเวลา 12 วัน 12 คืน มีกิจกรรมนมัสการพระปางห้ามสมุทร ประเพณีการห่มผ้าแดงให้แก่องค์พระสมุทรเจดีย์ โดยชาวบ้านจะช่วยกันเย็บผ้าแดงผืนใหญ่ จากนั้นก็จะมีการบวงสรวงและแห่ผ้าแดงทั้งทางบกและทางน้ำ ก่อนจะนำขึ้นห่มพระเจดีย์ ใครที่สนใจก็วงปฏิทินไว้แล้วเข้ามาร่วมงานกันได้เลย
ป้อมพระจุลจอมเกล้า
จากพระสมุทรเจดีย์ ก็เข้ามาสู่ความมหัศจรรย์ที่ 2 “ตระการตาจิตรกรรมศิลป์ 200 ปี” ซึ่งสามารถมาชมได้ที่วัดโปรดเกศเชษฐาราม วัดบางน้ำผึ้งนอก และ วัดสร่างโศก

สำหรับที่ “วัดโปรดเกศเชษฐาราม” เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 และยังถือว่าเป็นวัดพุทธไทยแห่งเดียวในย่านพระประแดง ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย และยังโดดเด่นด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนัง ฝีมือของขรัวอินโข่ง ช่างเขียนชั้นครูในสมัยรัชกาลที่ 4 ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มการเขียนภาพแบบตะวันตกที่ประดับอยู่ภายในพระอุโบสถและพระวิหาร

“วัดบางน้ำผึ้งนอก” อยู่ใกล้กับตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง เป็นวัดเก่าแก่เช่นกัน แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยใด ภาพจิตรกรรมที่น่าสนใจอยู่ภายในพระอุโบสถและพระวิหารหลังเก่า เชื่อกันว่าเป็นภาพจิตรกรรมฝีมือจิตรกรชั้นเอกในสมัยนั้น ภาพเด่นก็คือภาพหญิงชายชาวมอญในยุคต้นรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะภาพหญิงชาวมอญแนวอีโรติกคลาสสิก ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเพชรน้ำเอกอีกเม็ดหนึ่งของจิตรกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น

“วัดสร่างโศก” ภายในวัดมีโบสถ์เก่าแก่อายุกว่า 200 ปี บริเวณยอดโบสถ์ประดับด้วยพญานาครอบทิศ ส่วนบริเวณจั่วนั้นจะมองเห็นเทพพนมที่ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรงดงาม
เจดีย์เอียง วัดสาขลา
อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของ จ.สมุทรปราการ ที่ฉันคิดว่าเมื่อเห็นแล้วใครๆ ก็ต้องนึกถึงจังหวัดนี้ นั่นคือ “ป้อมพระจุลจอมเกล้า” ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 และถือว่าเป็นป้อมปราการทางน้ำที่ทันสมัยที่สุดในเวลานั้น ป้อมแห่งนี้มีชื่อเสียงมากจากการใช้เป็นสถานที่ยิงต่อสู้กับเรือรบฝรั่งเศสในวิกฤตการณ์ ร.ศ.112

ภายในบริเวณป้อมมีพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในฉลองพระองค์ชุดจอมทัพเรือ พระหัตถ์ถือกระบี่ และปัจจุบันก็เปิดให้เข้าชมพิพิธภัณฑ์เรือหลวงแม่กลอง เรือรบที่มีความเก่าแก่เป็นอันดับ 2 ของโลก และยังสามารถเยี่ยมชมอุทยานประวัติศาสตร์ทหารเรือ และกลุ่มปืนเสือหมอบได้อีกด้วย

มหัศจรรย์ที่ 4 คือ “เจดีย์เอียง 200 ปี ชุมชนบ้านสาขลา” ซึ่งเจดีย์เอียงนั้นตั้งอยู่ภายในวัดสาขลา เกิดจากการทรุดตัวลงของแผ่นดินจากน้ำท่วมขังเมื่อร้อยกว่าปีก่อน เจดีย์จึงเอียงลงตามสภาพที่เห็น แต่ก็มิได้ล้มลงแต่อย่างใด ส่วนภายในวัดสาขลานั้นยังสามารถเข้าไปสักการะหลวงพ่อโต ที่ประดิษฐานอยู่บนพระอุโบสถ ร่วมลอดโบสถ์เพื่อความเป็นสิริมงคล และชมพิพิธภัณฑ์บ้านสาขลา ที่เก็บรวบรวมของเก่าทรงคุณค่าวมากมาย

ส่วนชุมชนบ้านสาขลา เป็นชุมชนชาวประมงเก่าแก่ริมปากอ่าวไทย ที่ในปัจจุบันนี้ก็ยังคงมีวิถีชีวิตชาวประมงอยู่เช่นเดิม นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเยี่ยมชมชุมชน เดินพูดคุยกับชาวบ้าน หรือจะออกไปล่องเรือชมป่าชายเลน ชมความอุดมสมบูรณ์บริเวณปากอ่าวไทยก็ได้ และในชุมชนนี้ก็ยังมีตลาดโบราณ ที่จะเปิดขายทุกวัน เสาร์-อาทิตย์
ประเพณีรับบัว-โยนบัว วัดบางพลีใหญ่ใน
มหัศจรรย์ที่ 5 “วัดบางพลี ประเพณีโยนบัว” ที่จัดขึ้นใน “วัดบางพลีใหญ่ใน” พุทธศาสนิกชนนิยมมาสักการะและขอพรหลวงพ่อโตกันที่นี่ ซึ่งในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี จะมีการจัดประเพณีรับบัว-โยนบัวขึ้น โดยจะมีขบวนแห่หลวงพ่อโตจำลองทั้งทางบกและทางน้ำ ผู้คนที่ไปร่วมงานก็จะโยนบัวลงในเรือที่แห่หลวงพ่อโต ซึ่งถือเป็นการบูชาหลวงพ่อโตนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการแข่งขันแบบพื้นบ้าน เช่น การประกวดเรือต่างๆ การแสดงการละเล่นพื้นบ้าน

ส่วนใกล้ๆ วัด ก็จะมี “ตลาดโบราณบางพลี” เป็นตลาดโบราณริมน้ำ ที่เปิดขายทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. แต่ตลาดจะคึกคักมากในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เนื่องจากมีร้านค้ามาเปิดขายมากกว่า ของที่ขายก็มีทั้งอาหารต่างๆ ขนมหวาน ขนมโบราณ และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
มหัศจรรย์ที่ 6 เป็นเรื่องของตลาดน้ำที่ยังคงสะท้องวิถีชีวิตชาวบ้านได้อย่างดี นั่นก็คือ “ตลาดน้ำคลองสวนร้อยปี” ที่ตั้งอยู่ริมคลองประเวศน์บุรีรมย์ สมัยก่อนเป็นเส้นทางเดินเรือจากฉะเชิงเทราเข้าสู่กรุงเทพฯ ที่รวดเร็วที่สุด เป็นจุดแวะพักและแลกเปลี่ยนสินค้าที่สำคัญ ทำให้ปัจจุบันก็ยังคงเป็นตลาดที่เป็นจุดพบปะของผู้คนอยู่

สิ่งที่สำคัญก็คือ ตลาดแห่งนี้มีวิถีชีวิตของทั้งชาวไทยจีน ไทยพุทธ และไทยมุสลิม ที่อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน ในส่วนของอาหารการกินก็มีทั้งของคาวและของหวานที่เป็นสูตรดั้งเดิม มีของใช้ในชีวิตประจำวัน ของเก่าที่หายาก ทั้งหมดนี้อยู่ในบรรยากาศเรือนไม้ริมน้ำ ตลาดแห่งนี้เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. และจะคึกคักในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์

ตลาดน้ำอีกแห่งหนึ่งก็คือ “ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง” ที่มีความน่าสนใจอยู่ที่วิถีชีวิตชาวบ้านริมคลอง ที่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวไทยเชื้อสายมอญ ส่วนของที่ขายในตลาดก็จะเป็นผลิตภัณฑ์พื้นบ้านและอาหารที่มีชื่อเสียงของชุมชน เช่น ดอกไม้เกล็ดปลา ธูปสมุนไพร หอยทอดครก เป็นต้น นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังมาสามารถมานั่งเรือพาย ชมบรรยากาศตลาดริมน้ำ เช่าจักรยานปั่นผ่านสวนและชุมชนสัมผัสธรรมชาติ สำหรับตลาดน้ำบางน้ำผึ้งจะเปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.00-15.00 น.
สถานตากอากาศบางปู
มหัศจรรย์ที่ 7 “สถานตากอากาศบางปู” ขึ้นชื่อเรื่องการเป็นสถานตากอากาศมานานแล้ว โดยที่นี่จะมีธรรมชาติที่สมบูรณ์ มีป่าชายเลนรอบๆ สามารถชมปลาสองน้ำได้เพราะเป็นเขตรอยต่อของปากแม่น้ำกับทะเลอ่าวไทย มีสะพานทอดยาวออกไปในทะเล ระยะทางประมาณ 500 เมตร ทำให้เป็นจุดชมนกและชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามแห่งหนึ่ง

โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายน-พฤษภาคม จะมีเหล่านกนางนวลอพยพหนีหนาวมา ทำให้บางปูกลายเป็นแหล่งดูนกนางนวล และมาให้อาหารนกนางนวลกัน นอกจากนี้ ภายในสถานตากอากาศบางปูยังมีร้านอาหารและที่พักไว้ให้บริการ ส่วนในศาลาสุขใจ ซึ่งเป็นร้านอาหารนั้น ในทุกวันเสาร์จะมีกิจกรรมเต้นรำและลีลาศ ตั้งแต่เวลา 17.00-21.00 น.
บางกะเจ้า ปอดของคนกรุงเทพฯ
มหัศจรรย์ที่ 8 “กระเพาะหมู เกาะสีเขียว ปอดแห่งมหานคร” ในพื้นที่ของ “บางกะเจ้า” เป็นเกาะที่มีลักษณะคล้ายกับกระเพาะหมู และเป็นผืนป่าธรรมชาติผืนเดียวที่อยู่ติดกับเมืองหลวง ด้วยความสมบูรณ์ของธรรมชาติ จึงทำให้บางกะเจ้ากลายเป็นปอดของคนกรุงเทพฯ เป็นแหล่งดูนกที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง นักท่องเที่ยวนิยมมาปั่นจักรยานลัดเลาะชุมชนในบางกะเจ้า ปั่นลัดเลาะสวน ลัดเลาะป่า สูดอากาศบริสุทธิ์สดชื่น

มหัศจรรย์ที่ 9 “สุดยอดของฝากเมืองปากน้ำ” ซึ่งเมื่อมาเที่ยวที่ จ.สมุทรปราการ แล้ว ก็ไม่ควรพลาดที่จะหาซื้อติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่บ้านด้วย เริ่มต้นจาก “กุ้งเหยียด” ของฝากจากบ้านสาขลา ซึ่งถือว่าเป็นอาหารขึ้นชื่อประจำหมู่บ้าน ทำมาจากกุ้งสดที่ต้มใส่น้ำตาลและเกลือโดยไม่ต้องใส่น้ำ ทำให้ได้รสชาติความหวานของเนื้อกุ้งแท้ๆ และความกรอบของเปลือกกุ้งที่สามารถกินได้ทั้งตัว
กุ้งเหยียด ของฝากจากเมืองปากน้ำ
“ปลาสลิดบางบ่อ” สุดยอดปลาสลิดที่โด่งดังไปทั่วประเทศ ปลาสลิดของที่นี่แตกต่างจากที่อื่นเนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ ทำให้ได้ปลาสลิดเนื้อแน่น กลิ่นหอม มันไม่แตก และไม่เค็มจนเกินไป “ขนมจากลิ้มดำรงค์” รสชาติหอมนุ่มนวล ขนมจากของที่นี่ทำจากแป้งต่างๆ ผสมกันใส่เนื้อมะพร้าวทึนทึก เติมน้ำตาลมะพร้าวและเนื้อมะพร้าวอ่อน ห่อด้วยใบจาก และปิ้งบนเตาถ่านไม้โกงกาง

“มะม่วงน้ำดอกไม้” ที่ถือกำเนิดจากคุ้งบางกะเจ้า ได้รับการจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา เป็นพืชเฉพาะถิ่นของสมุทรปราการ มีความหอมเฉพาะตัว ผลอวบ เต่งตึง เนื้อสีเหลืองจำปา มีรสชาติหวานอร่อย

ทั้งหมดนี้คือ 9 มหัศจรรย์แห่งเมืองปากน้ำ ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว วัดวาอาราม และของฝากที่ขึ้นชื่อ ซึ่งฉันเชื่อว่า หากใครได้มาเยือน จ.สมุทรปราการ แล้ว ก็คงจะต้องติดใจ อยากกลับไปอีกหลายๆ รอบเหมือนกับฉันแน่ๆ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น