เมื่อมีโอกาสนั่งรถเดินทางไปทางใต้ทีไร ก็มักจะผ่านจังหวัดหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่าระยะทางนั้นไกลแสนไกล นั่งรถหลับไปสองสามตื่นก็แล้ว ยังไม่พ้นจังหวัดนี้เสียที ซึ่งจังหวัดที่ว่านั้นก็คือ “ประจวบคีรีขันธ์”
กล่าวถึงจังหวัดประจวบฯ ไปข้างต้นแล้วว่าเป็นจังหวัดที่ใช้ระยะเวลาในการเดินทางผ่านที่ยาวนาน ซึ่งการเดินทางของ “ตะลอนเที่ยว” ในครั้งนี้ก็จะไปเที่ยวที่ไหนไปไม่ได้ นอกจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่ก่อนที่จะเริ่มออกเดินทางกัน เรามาทำความรู้จักกับจังหวัดประจวบฯ กันเสียก่อน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่บริเวณภาคกลางตอนล่างและภาคใต้ตอนบน อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครราว 325 กิโลเมตร มีอำเภอทั้งหมด 8 อำเภอ และความยาวของจังหวัดนับตั้งแต่อำเภอหัวหินถึงอำเภอบางสะพานน้อย มีระยะทาง 211 กิโลเมตร ส่วนชายหาดของจังหวัดนี้ทอดตัวยาวถึง 212 กิโลเมตรทีเดียว ซึ่งจังหวัดประจวบฯ ถือเป็นจังหวัดที่เป็นประตูสู่ภาคใต้ เนื่องจากเส้นทางลงใต้จะต้องผ่านทั้ง 8 อำเภอของประจวบคีรัขันธ์ ด้วยความยาวของจังหวัดนี้เอง จึงทำให้ต้องใช้เวลาในการขับรถผ่านราว 3 ชั่วโมงกันเลย
เมื่อพูดถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แหล่งท่องเที่ยวที่ทุกคนจะนึกถึง และคุ้นเคยกันดีนั่นก็คือหัวหินและปราณบุรี เนื่องจากสองอำเภอนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก นักท่องเที่ยวสามารถขับรถมาถึงได้ในระยะเวลา 2 – 3 ชั่วโมง จึงทำให้ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์จะมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากกระจายตัวอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวของทั้งสองอำเภอหนาแน่น
แต่กระนั้นการมาเยือนประจวบฯ ของ “ตะลอนเที่ยว” ก็ไม่ได้มาเที่ยวในหัวหินหรือปราณบุรีแต่อย่างใด เรามุ่งหน้าออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ตรงมายังอำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทันที โดยใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง เราก็มาถึงสามร้อยยอด ซึ่งจุดหมายของเราก็คือ อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด นั่นเอง
สำหรับชื่อ “สามร้อยยอด” หลายคนอาจสงสัยว่าเอ๊ะ! ชื่อนี้ได้แต่ใดมา ซึ่งชื่อของสามร้อยยอดนั้นมีที่มา 3 ทางด้วยกัน คือ หนึ่งนั้นมาจากการที่ขุนเขาลูกนี้เต็มไปด้วยยอดเขาหินปูนมากมาย ชาวบ้านจึงเรียกขานกันว่า “สามร้อยยอด” อีกหนึ่งมาจากการเรียกขานชื่อต้น “สามร้อยยอด” พรรณไม้ชนิดหนึ่งที่มียอดมากมาย ส่วนอีกหนึ่งนั้นมาจากตำนานที่เล่าต่อๆ กันมาว่า ในสมัยก่อนพื้นที่แถบนี้เป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญ มีเรือน้อยใหญ่ผ่านไปผ่านมาอยู่เสมอ จนวันหนึ่งมีเรือสำเภาของพ่อค้าชาวจีนผ่านมา แล้วถูกมรสุมกระหน่ำจนเรืออับปางลง มีผู้เสียชีวิตมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีผู้โชคดี 300 คน หนีตายขึ้นฝั่งรอดมาได้ จึงเรียกดินแดนแถบนี้ว่า “สามร้อยรอด” ก่อนจะเพี้ยนเป็น “สามร้อยยอด” ในเวลาต่อมา
ในอำเภอสามร้อยยอดนั้นก็มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในพื้นที่ของ “อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด” ที่อุทยานแห่งนี้จัดว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ภายในเขตอุทยานมีที่เที่ยวที่มีความงดงามทางธรรมชาติมากมาย ทั้งป่าไม้ ภูเขา ชายหาด ถ้ำ รวมถึงเกาะต่างๆ ด้วย
ครั้งนี้เราจะมาสัมผัสธรรมชาติของ อช.เขาสามร้อยยอด ในแบบที่แตกต่างไปจากทุกครั้ง ส่วนกิจกรรมที่เราจะไปเที่ยวชมกันจุดแรกก็คือ การพายเรือคายัคในคลองชมความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและความงามของป่าชายเลน แต่ก่อนที่เราจะไปนั่งเรือเที่ยวชมป่าชายเลนนั้น เราไปฟังบรรยายถึงประวัติความเป็นมาและสถานที่เที่ยวต่างๆ ใน อช.เขาสามร้อยยอดกันก่อนคร่าวๆ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ของอุทยานคอยแนะนำถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ รวมถึงลักษณะภูมิประเทศ ชนิดพืชและสัตว์ต่างๆ ที่อยู่ในเขตอุทยาน สำหรับเส้นทางที่เราจะล่องกันนั้นมีระยะทางประมาณ 800 เมตร ในเส้นทางนี้จะมีจุดน่าสนใจอยู่ 2 จุด คือ จุดชมวิวเขาหินเทิน และจุดชมวิวซากหอยล้านปี
เมื่อฟังดังนั้นเราก็ไม่รอช้า ได้เวลาเดินไปยังจุดลงเรือ โดยเรือที่ “ตะลอนเที่ยว” นั่งนั้นสามารถบรรจุนักท่องเที่ยวได้ 4 – 5 คน ภายในเรือจะมีเจ้าหน้าที่ของอุทยานเป็นฝีพายให้ทั้งด้านหน้าและหลังเรือ ทันทีที่เรือพายออกจากท่า จะได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของเจ้าหน้าที่คอยบรรยายในจุดต่างๆ ในขณะที่ล่องเรือไปหากมองไปยังพื้นน้ำก็จะเห็นปลาตัวเล็กๆ ว่ายวนอยู่ตามรากไม้เต็มไปหมด เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ก็ทราบว่าเป็นลูกปลาปากเข็ม และปลากระบอก เจ้าหน้าที่ยังบอกอีกด้วยว่าในป่าชายเลนแห่งนี้เป็นแหล่งอนุบาลของพวกลูกปลาก็ว่าได้ เนื่องจากพวกมันยังเล็ก จึงอาศัยป่าชายเลนเป็นแหล่งอนุบาลและเป็นสถานที่หลบภัย และเมื่อพวกมันโตและแข็งแรงเต็มที่ ก็จะกลับสู่ท้องทะเลโดยธรรมชาติ
ในระหว่างทางที่นั่งเรือจะสังเกตเห็นสะพานไม้ทอดข้ามคลอง ซึ่งจุดนี้นักท่องเที่ยวสามารถเดินเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติได้ด้วย นั่งเรือเพลินๆ ชมป่าชายเลนกันต่อไป เรามุ่งหน้าไปยังจุดไฮไลต์ของที่นี่ แต่ด้วยเวลาที่มีจำกัด ทำให้เราไม่สามารถไปชมทั้งสองจุดได้ เราจึงเลือกไปชม “สุสานหอย” จุดชมวิวซากหอยล้านปี ที่จุดนี้จะได้พบกับซากหอยนางรม และเพรียงมากมายที่เกาะติดอยู่ตามโขดหิน มีอายุเก่าแก่กว่า 240 ล้านปี ถัดไปจากสุสานหอยด้านบนเป็นเทือกเขาหินปูน มีความสูงประมาณ 10 เมตร เป็นที่ตั้งของจุดชมวิว ด้านบนสามารถมองเห็นทัศนียภาพป่าชายเลนเบื้องล่างได้อย่างชัดเจน หากมองไปไกลอีกนิดก็จะเห็นท้องทะเลเบื้องหน้าเป็นแนวยาวไกลๆ เรียกได้ว่าที่นี่เป็นป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ และมีสิ่งน่าสนใจซ่อนอยู่ภายในไม่น้อยทีเดียว
นอกจากป่าชายเลนแล้ว อีกสถานที่หนึ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือน อช.เขาสามร้อยยอด คือ “ถ้ำพระยานคร” (หนึ่งในอันซีนไทยแลนด์ของ ททท.) ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ของอุทยานก็ว่าได้ สำหรับถ้ำพระยานคร เป็นถ้ำขนาดใหญ่ เพดานถ้ำมีปล่องทะลุเป็นโพรงขนาดใหญ่ยามแสงอาทิตย์สาดส่องลอดลงมาจะเห็นเป็นภาพสวยงาม ถูกค้นพบโดยเจ้าพระยานครศรีธรรมราช ซึ่งในอดีตขบวนเดินทางของท่านที่มุ่งหน้าสู่กรุงรัตนโกสินทร์ เคยมาแวะพักแรมแถวนี้ แล้วได้สำรวจพบถ้ำบนเขาจึงให้ชื่อว่า “ถ้ำพระยานคร” ภายในถ้ำมีจุดชวนชมหลายจุด อาทิ น้ำตกแห้ง สะพานมรณะ หินรูปเจดีย์ ลายพระหัตถ์ จ.ป.ร., ป.ป.ร. โดยมีไฮไลต์อยู่ที่ “พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์” ที่เป็นพลับพลาจัตุรมุขอันวิจิตรสวยงามตั้งเด่นอยู่กลางถ้ำ
เที่ยวอุทยานกันไปจนหนำใจแล้ว ไปต่อกันที่เมืองประจวบฯ และถ้ามาเมืองประจวบฯ ทั้งทีก็พลาดไม่ได้กับ “อ่าวมะนาว” หลายคนอาจจะงงว่าชื่อนี้ได้แต่ใดมา น้ำทะเลที่อ่าวนี้เปรี้ยวหรืออย่างไร? และเหตุที่อ่าวนี้ถูกเรียกว่าอ่าวมะนาวนั้นก็เนื่องจากว่าลักษณะของอ่าวโค้งกลมเหมือนผลมะนาว จึงกลายเป็นที่มาของคำเรียกว่า “อ่าวมะนาว”
ชายหาดของอ่าวมะนาวนั้น เป็นชายหาดที่ทั้งสะอาดและเป็นระเบียบเนื่องจากอยู่ในความดูแลของกองบิน 5 ในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ หาดอ่าวมะนาวจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ พากันมาพักผ่อนริมชายหาด บ้างก็นั่งเตียงผ้าใบ บ้างก็เอารถมาจอดปูเสื่อนั่งปิกนิก ผู้ใหญ่ก็นั่งคุยกันไปชิลๆ ส่วนเด็กๆ ก็ลงเล่นน้ำทะเล เล่นทรายที่ชายหาดอย่างสนุกสุขสันต์
ไม่เพียงเท่านั้น ในกองบิน 5 ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “พิพิธภัณฑ์อุทยานประวัติศาสตร์กองบิน 5” ที่ภายในจัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์สมัยญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกซึ่งจัดทำอย่างทันสมัย ใครอยากชมต้องมาวันหยุดเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้น
ส่วนใครที่ชอบผจญภัย ที่นี่ก็มีจุดแอดเวนเจอร์สำหรับคนที่แรงเหลือจะลองปีนขึ้นไปบนยอด “เขาล้อมหมวก” ได้ (คลิกอ่าน ชมวิว 5 อ่าวสวยสุดใจ ปีนป่ายเขาหินปูนสุดมัน เจอกันที่ “เขาล้อมหมวก”) โดยบนยอดเขาจะเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท และเป็นจุดชมวิวอ่าวเมืองประจวบฯ ได้ถึง 5 อ่าว แต่การปีนป่ายนั้นค่อนข้างลำบาก เป็นทางบันไดครึ่งหนึ่งและต้องปีนป่ายไปตามภูเขาหินปูนอีกครึ่งหนึ่ง แต่ถ้าใครใจสู้เดินไปถึงยอดเมื่อเห็นทัศนียภาพด้านบนนั้นเรียกได้ว่าสวยจนหายเหนื่อยแน่นอน
จากกองบิน 5 เราเดินทางกันต่อ โดยเราจะไปปิดทริปท่องเที่ยวประจวบฯ กันที่เขาธงชัย ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับหาดบ้านกรูด อำเภอบางสะพาน ซึ่งเขาธงชัยนี้เป็นที่ตั้งของสิ่งสำคัญ 3 สิ่งด้วยกันคือ พระพุทธกิติสิริชัย (หลวงพ่อใหญ่) พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ (พระมหาเจดีย์ 9 ยอด) และพระตำหนักกรมหลวงชุมพรฯ
จุดแรกที่เราไปกันคือ “พระตำหนักกรมหลวงชุมพร” อันเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านและชาวเรือในละแวกนั้น สำหรับพระตำหนักจะตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนยอดเขา เชื่อกันว่ากรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์เคยเสด็จมาประทับ ณ ที่แห่งนี้ เพื่อพักทอดสมอเรือรบ และที่ด้านหน้าของพระตำหนักจึงมีการสร้างสมอเรือจำลองซึ่งหันหน้าออกทางทะเล
ถัดมาเดินขึ้นบันไดบริเวณด้านข้างพระตำหนัก จะพบกับลานกว้างที่ประดิษฐาน “พระพุทธกิติสิริชัย” เป็นรูปทรงแบบคันธารราษฎร์ (ปางตรัสรู้) ขนาดใหญ่ ลักษณะนั่งขัดสมาธิบนดอกบัว ด้านในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ประดิษฐานอยู่ด้านทิศตะวันออกหันหน้าไปทางทิศใต้ สามารถมองเห็นชายฝั่งครึ่งหนึ่ง และทะเลอีกครึ่งหนึ่ง สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ เนื่องในโอกาสทรงพระชนมายุ 60 พรรษา โดยสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประธานถวายนามว่า “พระพุทธกิติสิริชัย” นอกจากจะเป็นจุดที่กราบสักการะของประชาชนทั่วไปแล้ว ยังเป็นจุดชมวิวของหาดบ้านกรูด ที่สามารถมองเห็นได้รอบอีกด้วย
สำหรับด้านบนสุดของยอดเขาธงชัยเป็นที่ตั้งของ “พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ” หรือ พระมหาเจดีย์เก้ายอด พระปรางค์จัตุรมุขสูงสามชั้น สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลในโอกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครองราชย์ครบ 50 ปี สร้างตามสถาปัตยกรรมไทย และเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของ ม.ร.ว.มิตรารุณ เกษมศรี ศิลปินแห่งชาติ สำหรับสัดส่วนของอาคารนั้นมีความเกี่ยวเนื่องกับการครองราชย์ครบ 50 ปีทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นขนาดอาคารที่มีความกว้าง 50 เมตร และสูง 50 เมตร ภายในประกอบด้วยชั้นต่างๆ จำนวน 5 ชั้น อันหมายถึง ขันธ์ 5 ภายในประกอบด้วยหมู่พระเจดีย์ 9 องค์ มีพระพุทธรูป 37 องค์ ชั้นบนสุดเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธรูปทองคำแท้ ซึ่งชื่อของพระมหาธาตุเจดีย์นั้นมีความหมายว่า เป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อประกาศความจงรักภักดีอีกด้วย
หากเดินออกมาด้านนอกตัวอาคารจะเป็นลานกว้างรอบทิศ สามารถมองเห็นชายหาดบ้านกรูด และชายหาดทางสาย รวมถึงท้องทะเลทั้งสองฟากฝั่งของยอดเขาธงชัยได้อย่างสวยงาม เมื่ออิ่มเอมกับสิ่งต่างๆ บนยอดเขาธงชัยแล้ว เราลงเขามาปิดท้ายทริปนี้กันที่ชายหาดบ้านกรูด ชายหาดแห่งนี้ยังเป็นชายหาดที่เงียบสงบ มีถนนตัดเลียบชายหาดยาวไปจนถึงบางสะพานให้ได้ขับรถกันชิลๆ เป็นการปิดทริปที่สมบูรณ์แบบจริงๆ
แม้ว่าการเดินทางของเราในทริปนี้ ไม่ได้เดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆ อย่างหัวหิน หรือปราณบุรี แต่การเดินทางจากสามร้อยยอดมายังบ้านกรูดนั้น ก็ทำให้ได้เห็นประจวบฯ ในมุมใหม่ๆ ทำให้รู้ว่าในอำเภออื่นของจังหวัดประจวบฯ ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นและน่าสนใจมากมาย จนทำให้ “ตะลอนเที่ยว” รู้สึกว่าชักจะติดใจจังหวัดนี้เสียแล้ว
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ โทร.0-3251-3385
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com