xs
xsm
sm
md
lg

“หลีเป๊ะ” เกาะในฝัน สวรรค์ของคนมีความรัก/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
หาดเมาเท่น เกาะหลีเปีะ
แม้หาดบันดาหยาในวันนี้จะเริ่มดูแน่นไปด้วยสิ่งปลูกสร้าง

แต่น้ำทะเลที่หน้าหาดยังคงใสแจ๋วราวกระจก สามารถมองเห็นปะการังและฝูงปลาเบื้องล่างได้อย่างไม่ยากเย็น

นับเป็นภาพแรกอันชวนประทับใจในการมาเยือนเกาะ“หลีเป๊ะ”อีกครั้ง

หลีเป๊ะ เกาะสวรรค์ของคนมีความรัก

เกาะหลีเป๊ะ ตั้งอยู่ใน จ.สตูล เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะตะรุเตา อยู่ทางตอนใต้ของเกาะอาดัง ชื่อเกาะหลีเป๊ะมาจากภาษาถิ่นชาวเล ตั้งบ้างก็ว่าแปลว่าแบนราบ บ้างก็ว่าแปลว่าบาง ซึ่งตามรูปพรรณสัณฐานของเกาะ
ทะเลสวย น้ำใสแจ๋ว ที่หน้าหาดบันดาหยา
หลีเป๊ะแม้จะเป็นเกาะเล็กๆ แต่ด้วยความสวยงามของธรรมชาติ หาดทราย ท้องทะเล เกาะแห่งนี้จึงได้รับฉายาว่า “มัลดีฟส์เมืองไทย” เป็นที่แรกก่อนจะมีฉายานี้ตามมาอีกใน 2-3 แห่ง ซึ่งความจริงแล้วหลีเป๊ะก็คือหลีเป๊ะ เสน่ห์ความงามที่นี่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ไม่จำเป็นต้องไปใช้เครดิตของหมู่เกาะมัลดีฟส์แต่อย่างใด

แรกเริ่มที่เกาะหลีเป๊ะเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่นี่เป็นดังเกาะสวรรค์ เกาะในฝันของใครหลายๆคน

แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน สภาพของเกาะหลีเป๊ะวันนี้ได้เปลี่ยนไป กลายเป็นเกาะท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ ที่ทั้งคนทั้งสิ่งปลูกสร้างและอะไรต่อมิอะไร ล้วนปะเดปะดังเข้ามา
หลีเป๊ะ เกาะสวรรค์ของคนมีความรัก
อย่างไรก็ดีด้วยชื่อเสียงที่มาแรงและความงดงามโดยรวมที่ยังดำรงคงอยู่ ทำให้ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) คัดเลือกเกาะหลีเป๊ะเป็น 1 ใน 10 แหล่งท่องเที่ยวดินแดนในฝัน “Dream Destinations กาลครั้งหนึ่ง…ต้องไป” ภายใต้ธีม “หลีเป๊ะ เกาะสวรรค์ของคนมีความรัก” ซึ่งจะน่าสนใจแค่ไหน คนมีความรัก คู่รัก คงต้องเดินทางไปสัมผัสและพิสูจน์ด้วยตัวเอง

หลีเป๊ะ บนเสน่ห์ที่ยังคงอยู่

แม้ภาพรวมของเกาะหลีเป๊ะวันนี้จะเปลี่ยนไปตามสัจธรรมของการท่องเที่ยวแบบไทยๆ แต่เกาะหลีเป๊ะก็ยังมีความงดงามและเสน่ห์ที่ยังคงอยู่ให้สัมผัส ควบคู่ไปกับเสน่ห์ของความเปลี่ยนแปลงและแสงสีที่มาพร้อมๆกับการเติบโตทางการท่องเที่ยว
ชายทะเลแนวเขตน้ำตื้นฝั่งเกาะอาดัง
สำหรับชายหาดหลักๆของเกาะหลีเป๊ะ นั้นมีอยู่ 3-4 หาดด้วยกัน แล้วแต่ว่าใครจะแบ่ง ใครจะรักจะชอบอย่างไร

เริ่มจากหาดสงบๆอย่าง “หาดชาวเล”(Sunrise Beach) ที่เดิมเคยเป็นถิ่นอาศัยของชุมชนชาวเล แต่เมื่อการท่องเที่ยวเติบโต ที่ดินถูกขาย ให้เช่าทำเป็นที่พัก บังกะโล ชาวเลก็ถูกย้ายไปตั้งชุมชนลึกเข้าไปใกล้ๆกับโรงเรียนบ้านอาดัง(โรงเรียนประจำเกาะหลีเป๊ะ) ขณะที่วิถีชาวเลวันนี้ก็เปลี่ยนไป จากเดิมที่ออกทะเลเป็นหลักวันนี้เปลี่ยนมาทำด้านการท่องเที่ยวขับเรือนำเที่ยว เป็นลูกจ้าง แรงงาน ตามร้านอาหาร โรงแรม หรือบางคนก็เปิดร้านอาหารเองก็มี
พระอาทิตย์ขึ้นที่หาดชาวเล
หาดชาวเลเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นชั้นดี ที่สามารถมองเห็นความงามของท้องทะเลมีเรือจอดเรียงราย กับพระอาทิตย์ดวงกลมแดง(ในวันฟ้าเป็นใจ) ลอยโผล่ขึ้นมาจากม่านเมฆ กลางทะเล โดยมี “เกาะกระ” เกาะเล็กๆที่ตั้งอยู่ใกล้ๆฝั่ง ร่วมเป็นองค์ประกอบในความงาม

หาดชาวเลวันนี้มีบรรยากาศสงบ มีที่พักราคาประหยัดให้เลือกคนไม่พลุกพล่าน กลางคืน มืดเงียบ มีเพียงเสียงคลื่นลมทะเลเห่กล่อม ในคืนเดือนมืดเหมาะต่อการดูดาวมาก นอกจากนี้บรรดาคู่รักหลายคู่ยังนิยมมานั่งพลอดรักจู่จี๋ท่ามกลางแผ่นฟ้าใกล้ผืนน้ำ ที่ให้บรรยากาศโรแมนติกไม่น้อยทีเดียว ส่วนโหมดหลังจากนั้นจะเป็นเช่นไรก็ขึ้นอยู่กับจินตนาการของแต่ละคน
แนวหาดชาวเลทอดยาว
จากหาดชาวเลจุดชมพระอาทิตย์เดินขึ้นเหนือไปจะพบกับแนวหาดทรายยาว ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเล่นน้ำน่าสนใจของเกาะ และเมื่อเดินเลยแนวดงสนไปจนสุดถึงทะเล จะพบกับแนวหาดขาวเนียนสวยงามยื่นเป็นครึ่งวงรีกินเข้าไปในทะเล เป็นหาดน้ำตื้นที่คนนิยมมาเล่นน้ำกันมาก มีน้ำทะเลสวยใสแจ๋ว
สันทรายงามที่หาดเมาเท่น
หากใครที่เดินขึ้นไปชมวิวบนรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่สร้างอยู่บนเนินเขา จะเห็นรูปพรรณสัณฐานอันสวยงามของหาดทราย น้ำทะเล และเกาะอาดังที่ตั้งตระหง่านเป็นฉากหลังอยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งนี่ถือเป็นวิวสุดเริ่ดของเกะหลีเป๊ะ ที่ผู้รักการถ่ายรูปไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
มุมมองพระอาทิตย์ตกบนสันทรายเกาะแหวก
ที่หาดแห่งนี้ในช่วงน้ำลง หน้าหาดจะผุดแนวสันทรายขึ้นมาในทะเล เป็นเกาะเล็กๆแบนๆ น้ำใสแจ๋ว ทรายละเอียดยิบ นับเป็นเกาะแหวก(แนวเดียวกับทะเลแหวก)ที่น่าไปสัมผัสเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ในช่วงเย็นที่นี่ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกอันสวยงาม

สำหรับหาดแห่งนี้ บางคนเรียกว่า “หาดคาร์มา” บ้างก็เรียกว่า “หาดเมาเท่น”(เมาเทิร์น) ตามชื่อรีสอร์ทที่ตั้งอยู่ใกล้ๆหาด ส่วนบางคนก็เรียกว่าหาดชาวเล ตามลักษณะที่เป็นส่วนปลายสุดฝั่งหนึ่งของหาดชาวเล
แสงยามใกล้ค่ำที่หาดเมาเท่น
บนเกาะหลีเป๊ะยังมีหาดน่าสนใจอีกหนึ่งหาด คือ “หาดประมง” หรือ “หาดซันเซ็ท” (Sunset) ที่ถือเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกอันสวยงาม เพราะแนวหาดหันหน้าเข้าประจันกับดวงอาทิตย์ยามเย็นแบบชัดแจ้ง

ทีนี้ก็มาถึงหาดสำคัญของหลีเป๊ะ นั่นก็คือ “หาดบันดาหยา” ที่จัดเป็นหาดอันดับหนึ่งของเกาะ เป็นจุดที่เราจะได้สัมผัสเป็นด่านแรกเมื่อเหยียบเกาะแห่งนี้ เพราะหาดบันดาหยาเป็นจุดลงเรือเทียบท่าชายฝั่ง
ตะวันลับฟ้าที่หลีเป๊ะ
พูดถึงหาดบันดาหยา ชื่อนี้เป็นชื่อแท้ๆของหาดแห่งนี้ แต่ที่ผ่านมาเรามักจะเรียกชื่อหาดนี้ตามฝรั่งกันติดปากว่า“หาดพัทยา” (รวมไปถึงตามเอกสารนำเที่ยวและข้อมูลท่องเที่ยวในอินเตอร์เน็ตก็มักจะเรียกว่าหาดพัทยา) ซึ่งวันนี้ชาวสตูลจำนวนหนึ่งได้รณรงค์ให้กลับมาเรียกชื่อเดิมคือหาดบันดาหยา เพื่อแสดงอัตลักษณ์ของเกาะหลีเป๊ะ
แนวหาดบันดาหยา
หาดบันดาหยา เป็นหาดโค้งยาวสวยงาม มีทรายละเอียดแน่นนุ่มเท้า เป็นหาดยอดฮิตของนักท่องเที่ยว ทั้งมาเล่นน้ำ อาบแดด พักผ่อน ดื่มกิน และเมามาย รวมถึงมาเฝ้ารอชมพระอาทิตย์ตกทะเลอันสวยงาม
ควงกระบอง สีสันบันดาหยายามราตรี
แรกที่ผมมาเที่ยวหาดบันดาหยาครั้งแรกเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว หาดแห่งนี้สงบมาก มีที่พักไม่กี่หลัง ต่างจากวันนี้ที่บันดาหยาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ดูมากไปด้วย สิ่งปลูกสร้าง ที่พัก ร้านอาหาร บาร์เบียร์ โดยอย่างยิ่งในยามค่ำคืนที่หาดบันดาหยาจะคึกคักไปด้วยแสงสีและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาสัมผัสกับสีสันยามราตรี ดื่มกิน เมา ชมควงกระบองไฟ ฟังเพลง เหล่สาว เหล่หนุ่ม และอีกสารพัดกิจกรรมที่จะสรรหา

นอกจากนี้บนหาดบันดาหยายังมีเส้นทางถนนคนเดินอันคึกคักมากไปด้วยร้านรวง ทอดยาวไปสิ้นสุดๆแถวบริเวณกลางเกาะ นับเป็นแหล่งบันเทิงยามราตรีที่ยากจะหลับใหลเช่นเดียวกับหน้าหาดบันดาหยา
ถนนคนเดิน
หลีเป๊ะ เกาะในฝัน

กว่า 15 ปี ผ่านไปไวเหมือนโกหก

นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมมีโอกาสได้มาสัมผัสเกาะหลีเป๊ะ ตอนนั้นเกาะหลีเป๊ะยังไม่ดัง มีคนไปเที่ยวเพียงน้อยนิด แต่นี่แหละคือเกาะในฝันของผมเพราะมัน สงบ สวยงามมาก ธรรมชาติของท้องทะเลก็สมบูรณ์มาก ชนิดที่ชาวเลสามารถดำน้ำแบบดิบๆไม่มีเครื่องช่วยหายใจลงไปจับ“กุ้งมังกร”ใต้น้ำ ขึ้นมาขายได้อย่างไม่ยากเย็น

มาวันนี้กลับการมาเยือนเกาะหลีเป๊ะอีกครั้ง หลังการมาเยือนแบบปีเว้นปีในช่วง 3 ครั้งล่าสุด แม้ผมจะได้เห็นถึงการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด
แนวสันทรายแหวกในทะเลยามน้ำลด
แต่อย่างไรก็ตาม หลีเป๊ะในวันนี้ก็ยังคงเป็นเกาะในฝันของผมอยู่ดี เพียงแต่ว่าฝันของผมอาจต่างจากฝันของคนอื่น เพราะผมฝันว่า เกาะหลีเป๊ะจะได้รับการสร้างภูมิคุ้มกัน มีการจัดระเบียบควบคุมสิ่งก่อสร้าง ควบคุมทัศนะอุจาดไม่ให้เกิดทัศนียภาพอันไม่พึงประสงค์ แก้ปัญหาเรื่องของขยะได้ มีการบริหารจัดการ การวางแผนเพื่อรองรับการเติบโตของเกาะในทิศทางที่ถูกต้องและชัดเจน ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจริงใจและร่วมใจกันปกป้องดูแลรักษาเกาะ ไม่ใช่ต่างคนต่างเข้ามากอบโกยและทิ้งรอยแผลความยับเยินไว้

ทั้งนี้เพื่อให้เกาะหลีเป๊ะดำรงเสน่ห์ความงดงามควบคู่ไปกับความยั่งยืน เป็นอัญมณีเม็ดงามคู่ท้องทะเลไทยไปอีกนานเท่านาน
ตะวันลับฟ้า หาดบันดาหยา
*****************************************
เกาะไข่ สัญลักษณ์แห่งตะรุเตา
นอกจากแหล่งท่องเที่ยวบนเกาะแล้ว เกาะหลีเป๊ะยังเป็นจุดเดินทางหลักในการไปเที่ยวทะเล สัมผัสธรรมชาติอันสวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเกาะต่างๆ อาทิ เกาะตะรุเตา เกาะไข่สัญลักษณ์แห่งตะรุเตาและจ.สตูล เกาะหินงาม เกาะรอกลอย(รอ-กลอย) เกาะหินซ้อน เกาะอาดัง-ราวี เป็นต้น

นอกจากนี้ก็ยังมีกิจกรรมดำน้ำดูปะการัง ตามจุดต่างๆ อาทิ เกาะดง เกาะยาง เกาะหินซ้อน เกาะไผ่ และเกาะจาบังหรือร่องน้ำจาบังที่อุดมไปด้วยปะการังอ่อน ดอกไม้ทะเล และฝูงปลามากมาย โดยเฉพาะกับปะการังเจ็ดสี ที่บริเวณนี้มีความสวยงามขึ้นชื่อเป็นอย่างยิ่ง

จากท่าเรือปากปารา อ.ละงู จ.สตูล มีเรือไปเกาะหลีเป๊ะทุกวัน ขณะที่อาหารการกินบนเกาะมีราคาค่อนข้างแพง ทำให้นักท่องเที่ยวไทยจำนวนมากเลือกที่จะซื้อพวกอาหารแห้ง ของกินขบเคี้ยว และเครื่องดื่ม จากบนฝั่งไป

นอกจากนี้การเดินทางสู่เกาะหลีเป๊ะยังมีการเก็บในหลายส่วนด้วยกัน ได้แก่ ค่าดูแลท่าเรือ 20 บาท ค่าเข้าอุทยาน 40 บาท ค่าเก็บขยะบนเกาะ 20 บาท ค่าเรือแท็กซี่ที่วิ่งเข้า-ออก จากโป๊ะสู่เกาะหลีเป๊ะ 50 บาท

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับเกาะหลีเป๊ะเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำนักงานตรัง (ดูแล จ.ตรัง และสตูล) โทร. 0 7521 5867, 0 7521 1085 หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.inlovesatuntrang.com/index.php
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น