ซันไลต์ จับมือจังหวัดนครพนม จัดกิจกรรมล้างจานทำลายสถิติโลก เพื่อร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวนครพนม โดยชูเส้นทางวันเดียวเที่ยว 3 ประเทศ “ไทย-ลาว-เวียดนาม” เป็นไฮไลท์
ผลิตภัณฑ์น้ำยาล้างจานซันไลต์ บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ร่วมกับหลายหน่วยงานในจังหวัดนครพนม จัดกิจกรรมล้างจานทำลายสถิติโลก(กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด) ในวันที่ 15 ม.ค. 57 ณ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 ด้วยการใช้น้ำยาล้างจานซันไลต์ 1 ถุง(550 มล.) ล้างจานสะอาดรวดเดียวจำนวน 40,800 ใบ สามารถนำไปเรียงต่อเป็นแถวยาวบนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว(ฝั่งไทย) ซึ่งสามารถรวมระยะทางทั้งหมดได้ถึง 10.8 กิโลเมตร ทำลายสถิติเดิมที่ประเทศมาเลเซียเคยทำไว้จำนวน 26,213 ใบ และเรียงต่อกันได้ยาว 6.8 กิโลเมตร
สำหรับกิจกรรม CSR ครั้งนี้ทางซันไลต์ได้จัดเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน บ้านหนองดู่ ต.นาใน อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ก่อนจะให้นักเรียนช่วยกันล้างจานข้าวและอาหารเพื่อนำไปสร้างสถิติโลกดังกล่าว โดยหลังจากการจัดกิจกรรมเสร็จสิ้นจานทั้งหมดได้มอบให้กับหน่วยราชการในจังหวัดนครพนม เพื่อนำไปใช้ประโยชน์อื่นๆต่อไป
นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ระบุว่า ปัจจุบันจังหวัดนครพนมถือเป็นดังเมืองเชื่อมต่อด้านเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว รับการเข้าสู่ AEC ของภูมิภาคอาเซียน
ด้าน ดร.สมชอบ นิติพจน์ นายกองค์การบริหารจังหวัดนครพนม กล่าวว่า จังหวัดนครพนม นอกจากจะได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ผู้คนมีความสุขที่สุดในประเทศไทยแล้ว(จากการจัดอันดับขององค์การสหประชาชาติปี 2555-2556) ยังเป็นเมืองที่คนมีอารมณ์ดีติดอันดับ 8 ของโลก ซึ่งภายหลังการเปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 3 ได้ทำให้เกิดการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวควบคู่ไปกับเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกับเส้นทางวันเดียวเที่ยว 3 ประเทศ กินข้าว 3 แผ่นดิน ไทย-ลาว-เวียดนาม
ขณะที่ นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานกรรมการบริหาร ธุรกิจผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน อาหารและไอศกรีม บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทยเทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า นอกจากการสร้างสถิติโลกใหม่แล้ว ทางซันไลต์ยังต้องการจุดกระแสการท่องเที่ยวให้กับนครพนมอีกด้วย
ทั้งนี้เส้นทางท่องเที่ยวที่ทางซันไลต์และจังหวัดนครพนมมุ่งส่งเสริมก็คือ เส้นทางท่องเที่ยว 3 ประเทศในหนึ่งวัน ที่ริเริ่มมาจาก อบจ.นครพนม ภายใต้แนวคิด “เที่ยวครบ 3 ถิ่น กินข้าว 3 แผ่นดิน”
เส้นทางนี้ตั้งต้นที่จังหวัดนครพนม เดินทางข้ามแม่น้ำโขงที่ สะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 3 ไปเชื่อมกับถนนหมายเลข 12 ของสปป.ลาวที่แขวงคำม่วน แล้วเดินทางต่อไปอีกราว 150 กม. ก็จะถึงด่านนาพ้าว – จอหลอ ด่านชายแดนลาว-เวียดนาม จากด่านจอหลอเดินทางต่อไปอีกประมาณ 150 กม. ก็จะถึงเมืองดงเหย จังหวัดกวางบินห์ ที่ถือเป็นอีกหนึ่งเมืองชายทะเลอันน่าเที่ยวของเวียดนาม ในเส้นทางนี้ ในวันแรกของขาไปเราสามารถรับประทานอาหาร 3 มื้อภายใน 1 วันได้ ดังนี้ มื้อเช้า-ไทย/นครพนม, มื้อเที่ยง-ลาว/เมืองลังคัง, มื้อเย็น-เวียดนาม/เมืองดงเหย
สำหรับไฮไลท์ของสถานที่ท่องเที่ยวใน 3 ประเทศนั้น เริ่มกันที่ นครพนม(ไทย) ที่มี “พระธาตุพนม” เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองสำคัญ และสถานที่ท่องเที่ยวทัวร์ธรรมะชื่อดัง ขณะที่บริเวณถนนริมโขงใจกลางเมืองนั้นก็อวลไปด้วยเสน่ห์ของบรรยากาศเมืองที่สงบงาม เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความชีวิตชีวา มีวัดวาอาราม ตึกเก่าอาคารเก่า สไตล์ยุโรปให้ทัศนา เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบเที่ยวแบบ Slow Travel(แบบเนิบช้า) ชมเมือง สัมผัสวิถีชีวิต นั่งชิลล์ ชิลล์ ชิมอาหารพื้นเมืองรับอากาศสบายริมฝั่งโขง
นอกจากนี้ในนครพนมยังมีประเพณีไหลเรือไฟในช่วงวันออกพรรษา “บ้านลุงโฮจิมินห์” วีรบุรุษของชาวเวียดนาม มีกิจกรรมไหว้พระธาตุ 7 วันประจำวันเกิด มีธรรมชาติของแม่น้ำโขงที่สวยงาม โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้วยามน้ำลง แม่น้ำโขงบริเวณกลางเมืองจะเกิดเป็นหาดทรายอันสวยงาม
ข้ามโขงข้ามประเทศไปฝั่ง สปป.ลาว ที่แขวงคำม่วน ได้ชื่อว่าเป็นดังกุ้ยหลินริมฝั่งโขง เมืองนี้มี “พระธาตุศรีโคตรบอง” เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ซึ่งเด่นมากในเรื่องการอธิษฐานด้านความสำเร็จ หน้าที่ การงาน แต่ห้ามขอเรื่องความรัก(เพราะเกี่ยวพันกับตำนานขององค์พระธาตุ)
ขณะที่เมืองท่าแขกที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับตัวเมืองนครพนมนั้นก็ถือเป็นเมืองที่กำลังมาแรงของเหล่าแบ็กแพ็กเกอร์ เพราะเป็นเมืองริมโขงที่ไม่พลุกพล่าน บรรยากาศดี มากไปด้วยตึกเก่าในแบบโคโลเนียล มีร้านชิลล์ ชิลล์น่านั่งอยู่จำนวนหนึ่ง
ในแขวงคำม่วนยังมีสิ่งน่าสนใจอย่าง “กำแพงหินยักษ์” ที่เป็นปรากฏการณ์แนวกำแพงหินขนาดใหญ่ที่วันนี้มีข้อสันนิษฐานไป 2 แนวทาง คือ หนึ่งนั้นว่าเกิดจากน้ำมือมนุษย์ ส่วนอีกหนึ่งนั้นว่าเกิดจากธรรมชาติสรรค์สร้าง
นอกจากนี้การที่เมืองคำม่วนเต็มไปด้วยภูเขาหินปูนทำให้ที่นี่มีถ้ำสวยๆงามๆมากมาย โดยเฉพาะกับ “ถ้ำน้ำลอดเซบั้งไฟ” กับ “ถ้ำนางแอ่น” ที่ถือเป็น 2 ถ้ำไฮไลท์อันสวยงามของเมืองนี้
ไปกันที่ประเทศที่สาม ในเส้นทางนี้จะเดินทางไปยังจังหวัด “กวางบินห์” ที่มีเมือง“ดงเหย”เป็นเมืองเอก(อำเภอเมือง) กวางบินห์เป็นจังหวัดชายทะเลติดอ่าวตังเกี๋ยที่มีจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นอันสวยงาม และมีอาหารทะเลอุดมสมบูรณ์ มีตลาดปลาที่ดูเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและคึกคักเป็นพิเศษในยามเย็น
ขณะที่ตัวเมืองเอกดงเหยนั้น โดดเด่นไปด้วยป้อมโบราณเก่าแก่สัญลักษณ์ประจำเมือง และโบสถ์เก่าที่เป็นอาคารหลังเดียวที่รอดมาจากการถูกบอมบ์ของทหารอเมริกันในช่วงสงครามเวียดนาม
ส่วนจังหวัดกวางบินห์นั้นเป็นเช่นเดียวกับแขวงคำม่วน คือเต็มไปด้วยภูเขาหินปูน เมืองนี้จึงมีถ้ำสวยๆงามๆมากมาย โดยเฉพาะกับ 2 ถ้ำ สำคัญ คือ “ถ้ำฟองยา”หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ประจำเมือง เป็นถ้ำที่มีแม่น้ำไหลผ่านยาวประมาณ 30 กม. การเที่ยวชมภายในถ้ำต้องนั่งเรือนำเที่ยวจากแม่น้ำซอน(แม่น้ำลิปสติก)ผ่านหมู่บ้านฟองยาเข้าสู่ภายในน้ำ ซึ่งเป็นถ้ำที่มีความอลังการเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยอันงดงาม
ส่วนอีกถ้ำหนึ่ง คือ “ถ้ำสวรรค์” แหล่งท่องเที่ยวที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน แต่ว่ากำลังมาแรงมาก ถ้ำสวรรค์มีความยาวประมาณ 40 กม. แต่ปัจจุบันเปิดให้เที่ยวชมแค่ประมาณ 1 กม. ซึ่งในจุดที่เปิดให้เที่ยวชมที่ตลอดเส้นทางมีการทำทางเดินเป็นสะพานไม้กลมกลืนไปกลับสภาพถ้ำ ที่ภายในนอกจากจะยิ่งใหญ่อลังการมากแล้ว ยังเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยอันสวยงามปานเนรมิตสมกับชื่อถ้ำสวรรค์
สำหรับผู้สนใจเรื่องการข้ามแดน โปรแกรมท่องเที่ยวภายใต้โครงการวันเดียวเที่ยว 3 ประเทศ ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในจังหวัดนครพนม สามารถสอบถามได้ที่ อบจ. นครพนม 0-4251-6293 ต่อฝ่ายการท่องเที่ยว, สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดนครพนม 0-4251-2551, 0-4251-1933, ททท.สำนักงานนครพนม 0-4251-3490-1
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com