แม้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไม่นาน แต่ชื่อเสียงของ “ภูลมโล” นั้นมาแรงไม่เบา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงกลางฤดูหนาวที่ต้นนางพญาเสือโคร่งพร้อมใจกันออกดอกบานสะพรั่ง
นับเป็นแหล่งชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่สวยงามมากอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย
1…
ภูลมโล ตั้งอยู่ใน ต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย จ.เลย เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า มียอดสูง 1,680 เมตรจากระดับน้ำทะเล บนนั้นมีอากาศหนาวเย็นตลอดปี
ที่มาของชื่อภูลมโล เท่าที่ “ตะลอนเที่ยว” ได้ไปพูดคุยกับชาวบ้านแถวนั้น มี 2 ที่มาด้วยกัน ที่มาแรก เป็นภาษาถิ่น (ทางฝั่งเลย) หมายถึงภูเขาที่มีลมพัดผ่านเยอะ หรือ ภูเขาที่มีลมแรงพัดผ่านตลอดทั้งปี (โล เป็นภาษาถิ่น หมายถึงมาก หรือเยอะ)
ส่วนอีกที่มาหนึ่งมาจากทางฝั่งชาวม้ง บ้านร่องกล้า จ.พิษณุโลก ที่บอกว่า แต่ก่อนขุนเขาลูกนี้มีตาน้ำไหลหายลงไปในรู ชาวบ้านเมื่อเดินป่ามาจะใช้ประโยชน์จากตาน้ำแห่งนี้ จึงเรียกเขาลูกนี้ว่า “ภูลงรู” หรือ “ตร๊งลงรู” (ภาษาม้งที่หมายถึง ภูเขาที่มีน้ำไหลลงรู) แต่ต่อมาตอนหลังเรียกเพี้ยนจากภูลงรูเป็น “ภูลมโล”
ในอดีตพื้นที่ภูลมโลเป็นพื้นที่สีแดง เพราะเคยเป็นสมรภูมิรบระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยที่มีความคิดต่าง ครั้นเมื่อเหตุการณ์สงบชาวม้งได้เข้ามาครอบครองพื้นที่ หักร้างถางพง ทำไร่เลื่อนลอย จนภูลมโลกลายเป็นเขาหัวโล้น
ต่อมาทางอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าที่ประกาศจัดตั้งในปี พ.ศ. 2527 ทำการขอพื้นที่คืน โดยตกลงกันให้ชาวม้งปลูกพืชไร่ควบคู่ไปกับต้นพญาเสือโคร่งเป็นระยะเวลา 3 ปี ก่อนออกจากพื้นที่ หลังจากนั้นภูลมโลก็ค่อยๆ พลิกฟื้นผืนป่าและธรรมชาติให้กลับคืนมา จนปัจจุบันภูลมโลกลายเป็นแหล่งปลูกนางพญาเสือโคร่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีจำนวนนับหลายหมื่นต้น บนพื้นที่กว่า 1,200 ไร่
นางพญาเสือโคร่ง เป็นต้นไม้ในวงศ์เดียวกับต้นซากุระของประเทศญี่ปุ่น ยามออกดอกเบ่งบานจะมีสีชมพูสวยงามดูคล้ายดอกซากุระที่ญี่ปุ่น ด้วยเหตุนี้มันจึงได้รับฉายาว่าดอก “ซากุระเมืองไทย”
ทุกๆ ปีในช่วงกลางหนาวราวกลางเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ต้นนางพญาเสือโคร่งที่ขึ้นอยู่ทั่วประเทศจะพร้อมใจกันผลิดอกเบ่งบาน แต่ปีนี้ด้วยความที่อากาศหนาวมาเยือนเร็ว ทำให้ดอกนางพญาเสือโคร่งในหลายพื้นที่เบ่งบานเร็วกว่าปกติ ซึ่งในฤดูกาลนี้ออกดอกบานเยอะกว่าฤดูกาลที่แล้ว เพราะฤดูกาลที่แล้วฝนตกผิดฤดู ชะดอกนางพญาเสือโคร่งที่กำลังบานร่วงหล่นลงไปมาก
2…
ภูลมโลเป็นภูเขาที่ตั้งอยู่บนรอยต่อของสามจังหวัด คือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย การขึ้นไปเที่ยวชมบนยอดภูนั้นสามารถขึ้นได้ 3 เส้นทางใน 3 จังหวัด คือ จังหวัดพิษณุโลกขึ้นทาง อช.ภูหินร่องกล้า จังหวัดเพชรบูรณ์ขึ้นทางบ้านทับเบิก ส่วนจังหวัดเลยขึ้นทาง ต.กกสะทอน ที่เป็นเส้นทางขึ้นไปพิชิตยอดภูลมโลของ “ตะลอนเที่ยว” ในทริปนี้
เส้นทางขึ้นทางฝั่งเลยนี้ตั้งต้นที่ศูนย์ประสานงานชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ชุมชนกกสะทอน เนื่องจากเส้นทางขึ้นภูลมโลเป็นทางลูกรัง มีหล่มและหลุมจำนวนไม่น้อย ทางชมรมฯ จึงจัดรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อพร้อมคนขับไว้ให้บริการนักท่องเที่ยว เพราะหากยานพาหนะไม่พร้อมหรือขับโดยไม่ชำนาญเส้นทางคงไม่สนุกแน่ นักท่องเที่ยวสามารถจอดรถทิ้งไว้ที่ อบต.กกสะทอน (มีคนคอยดูแล) จากนั้นเปลี่ยนมาใช้รถกระบะของชุมชนเดินทางต่อไปบนยอดภูลมโลที่ห่างจากศูนย์ฯ ประมาณ 22 กม.
แม้เส้นทางจะค่อนข้างสมบุกสมบันไม่น้อย โดยเป็นเส้นทางลูกรังขึ้นเขาคดโค้ง (มีทางลาดยางประมาณ 5 กม.) นั่งหลังรถกระบะกระเด้งกระดอนกันมาพักใหญ่ๆ แต่ว่ารอบด้านก็มีความสวยงามของทิวทัศน์ 2 ข้างทางที่เป็นแนวทะเลภูเขากว้างไกล บางช่วงเป็นป่าสนเขียวขจี
และแล้วสิ่งที่ “ตะลอนเที่ยว” รอคอยมานานก็มาถึง หลังจากที่ผ่านป่าเขียวๆ มาได้พักหนึ่ง ก็เริ่มมองเห็นสีชมพูสดใสแทรกอยู่ในคลื่นต้นไม้สีเขียว เมื่อเข้าไปใกล้มากขึ้นสีชมพูก็เริ่มแผ่ขยายกินบริเวณกว้าง เป็นอันว่าเราได้เดินทางมาถึงแปลงปลูกนางพญาเสือโคร่งที่กำลังออกดอกสะพรั่งกันเสียที
บริเวณที่ “ตะลอนเที่ยว” แวะชมดอกไม้สีชมพูนี้เรียกว่า “ภูขี้เถ้า” ซึ่งเป็นเทือกเขาเดียวกับภูลมโล มีพื้นที่ต่อเนื่องกัน ที่ภูขี้เถ้านี้นับว่าเป็นแปลงปลูกต้นพญาเสือโคร่งที่ยังออกดอกเบ่งบานสีชมพูสะพรั่งมากที่สุดในขณะนี้ โดยมีให้ชมกัน 3-4 แปลง (ส่วนบริเวณอื่นๆ เริ่มแตกใบสีเขียวแซมกันบ้างแล้ว) อีกทั้งทุ่งนางพญาเสือโคร่งที่นี่ยังมีหลายมุมมองให้เลือกทัศนาและเลือกถ่ายรูป มีทั้งที่ขึ้นเป็นทุ่งเป็นดงสีชมพูตัดกับสีเขียวของผืนป่า มีทั้งที่ขึ้นลัดเลาะไล่เรียงไปตามแนวถนน มีทั้งที่ขึ้นไล่ระดับไปตามความลาดชันของพื้นที่ มีทั้งที่บานเด่นอยู่ในดงเฟิร์น หรือหากใครจะแหงนเงยหน้ามองขึ้นไปก็จะพบกับดอกซากุระเมืองไทยสีชมพูตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าสดใส
แต่หากใครอยากชมความสดใสเช่นนี้ขอบอกว่าต้องรีบมากันได้แล้ว เพราะช่วงที่นางพญาเสือโคร่งบริเวณนี้จะบานสะพรั่งที่สุดคือจากนี้ไปไม่เกิน 1 สัปดาห์ ส่วนสัปดาห์ที่ 2-3 ก็จะเริ่มมีใบสีเขียวแซมมากขึ้นๆ และทิ้งดอกร่วงจนหมดไปในที่สุด
ชมดอกนางพญาเสือโคร่งบริเวณภูขี้เถ้ามาหลายแปลงจนเวลาบ่ายมากแล้ว ก็ได้เวลานั่งรถต่อไปยังภูลมโลกันเสียที ในวันนี้ “ตะลอนเที่ยว” ไม่เพียงแต่มาชมดอกนางพญาเสือโคร่งและชมวิวอันสวยงามที่ภูลมโลเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสกางเต็นท์นอนค้างคืนสัมผัสบรรยากาศและสัมผัสความหนาวที่ภูลมโลอีกด้วย โดยจุดกางเต็นท์ที่ภูลมโลนั้นทางอุทยานฯ ภูหินร่องกล้าและชุมชนในละแวกนั้นได้จัดสรรพื้นที่ไว้ให้เลือก 3 จุดใหญ่ๆ คือบริเวณลานด้านล่างสุดของยอดภูลมโล หรือจะขึ้นไปสูงอีกนิดที่ลานกางเต็นท์ด้านบนใกล้กับยอดภูลมโล และอีกแห่งหนึ่งก็คือบริเวณสวนหิน ซึ่งอยู่ห่างออกไปจาก 2 จุดที่กล่าวมาราว 3-4 ก.ม.
3…
แม้ดอกนางพญาเสือโคร่งในบริเวณภูลมโลจะเริ่มแตกใบมีสีเขียวแซมมากแล้ว ซึ่งน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง แต่ทิวทัศน์บริเวณจุดกางเต็นท์นับว่างดงามไม่น้อย เพราะเสน่ห์ของยอดภูลมโลไม่ได้มีเฉพาะทุ่งดอกนางพญาเสือโคร่งสีชมพูสะพรั่งพราวเท่านั้น แต่บนนี้ยังเป็นจุดชมวิวชั้นดี มีแนวหน้าผาให้ขึ้นไปเที่ยวชมสัมผัสกับทิวทัศน์อันสวยงามอยู่หลายจุดด้วยกัน ไมว่าจะเป็นจุดชมวิวใกล้กับสวนหิน ที่เป็นก้อนหินใหญ่สามารถขึ้นไปยืนถ่ายรูปขุนเขาอันกว้างไกลจากบนนั้น อีกทั้งยังมองเห็นต้นพญาเสือโคร่ง (ตระกูลเดียวกับนางพญาเสือโคร่ง พญาเสือโคร่งเป็นตัวผู้ นางพญาเสือโคร่งเป็นตัวเมีย) ต้นใหญ่ ขึ้นโดดเด่นอย่างเดียวดายอยู่ริมโค้งถนนที่ทอดตัวเฉียดผ่าน หรือที่จุดชมวิว “ผาภูลมโล” ที่เป็นแนวผาทอดยาว มีชะง่อนหินผายื่นออกไปให้นักท่องเที่ยวไปหามุมถ่ายรูปกันหลายจุดด้วยกัน
ขณะที่บนยอดภูลมโลที่จากจุดจอดรถบนสันภูต้องเดินเท้าขึ้นยอดไปอีกประมาณ 1 กม.นั้นก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวไฮไลต์อันโดดเด่นของที่นี่ โดยเฉพาะจุดชมวิวบริเวณชะง่อนหินยามพระอาทิตย์ขึ้นนั้น ในวันที่ฟ้าเป็นใจดูสวยงามมีเอกลักษณ์คุ้มค่าความเหนื่อย อากาศหนาวที่ต้องเดินฝ่าขึ้นไป
ส่วนในยามเย็นในทางเดินสู่ยอดภูทางฝั่งทิศตะวันตกก็ถือเป็นจุดชมวิวยามเย็นและจุดชมพระอาทิตย์ตกอันสวยงามอีกแห่งหนึ่ง เพราะบนนั้นเมื่อมองลงมาจะเห็นแนวของเนินเขาทอดตัวรับกับแสงอ่อนๆ ของพระอาทิตย์ยามเย็น
นับเป็นองค์ประกอบแห่งความงามบนยอดภูลมโลที่ช่วยหนุนส่งร่วมกันกับความงามของทุ่งสีชมพูในยามเมื่อดอกนางพญาเสือโคร่งเบ่งบาน
4...
นอกจากทุ่งดอกนางพญาเสือโคร่งและวิวทิวทัศน์บนยอดแล้ว ในพื้นที่ภูลมโลยังมีสิ่งน่าสนใจอีกหลากหลาย ได้แก่
ลาน “รอยเท้าไดโนเสาร์” ที่เป็นลานหินริมธารน้ำไหล มีรอยเท้าของเจ้ากะปอมยักษ์แบบปรากฏชัดๆ ให้ชมมากกว่า 10 รอย เป็นรอยเท้าของไดโนเสาร์พันธุ์ “เมกาโลซอรัส” พันธุ์กินเนื้อ มีอายุราว 70-74 ล้านปีก่อน สันนิษฐานว่าเป็นรอยที่พวกมันกำลังเดินหากินในบริเวณนี้
ด้านใครที่ชอบความชุ่มฉ่ำของน้ำตกใกล้ๆ กับลานรอยเท้ากะปอมยักษ์ก็มี “น้ำตกหมันแดง” ที่เป็นน้ำตก 9 ชั้น แต่ละชั้นมีลักษณะแตกต่างกันออกไป โดยชั้นที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดก็คือชั้นที่ 3
ขณะที่ “น้ำตกลาดใหญ่” น้ำตกขนาดกลางที่มีธารน้ำไหลลอดผ่านลานหิน มีลักษณะเด่นด้วยลานหินที่ถูกกรวดหินและน้ำกัดเซาะจนกลายเป็นรูลึก เป็นทางไหลของน้ำที่ไหลผ่านใต้ลานหิน โดยขนาดความกว้างของรูนั้นคนสามารถลงไปจุ่มแช่ตัวเล่นน้ำได้
ใกล้ๆ กับน้ำตกลาดใหญ่เป็นที่ตั้งของ “อนุสรณ์สถานเทิดพระเกียรติบ้านหมากแข้ง” ที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่เคยเสด็จมาเป็นขวัญและกำลังใจให้กับทหารและชาวบ้านที่ร่วมต่อสู้กับ พคท. ซึ่งบริเวณนี้ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการตั้งค่ายสู้รบกับ พคท. มาช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ส่วนใครที่นิยมการเข้าวัดเข้าวา ไหว้พระ ทำบุญ ในเส้นทางท่องเที่ยวภูลมโลก็มี “วัดป่าเย็นศิระธรรมประทีป” วัดป่าสายหลวงปู่มั่น ที่มี “พระมหาเจดีย์ ศรีเย็นศิระพระบริบาล” องค์สีทองอร่ามตั้งตระหง่านโดดเด่น เจดีย์องค์นี้มีความน่าสนใจยิ่ง เพราะนอกจากบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าแล้ว ยังบรรจุพระอรหันตธาตุของพระอรหันต์ในเมืองไทยไว้ครบทุกองค์
นี่ก็คือมนต์เสน่ห์อันโดดเด่นของธรรมชาติที่สวยงามน่ายลแห่งภูลมโล สถานที่ท่องเที่ยวน้องใหม่มาแรง ที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่งว่าหลังจากภูลมโลเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดัง ทางผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย ทั้งชาวบ้านในพื้นที่ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน จะมีแผนบริหารจัดการ รองรับ และป้องกันความเปลี่ยนแปลงที่จะถาโถมเข้ามายังพื้นที่แห่งนี้อย่างไร???
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ในพื้นที่ ต.กกสะทอน นอกจากภูลมโลและสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆ ตามที่กล่าวมาในเนื้อเรื่องแล้ว ยังมีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจ อาทิ ถ้ำโค้ง ถ้ำเสา หมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้ง (บ้านตูบค้อ) น้ำตกตาดหมอก เกษตรที่สูงบ้านหัวนา
สำหรับการเดินทางสู่ภูลมโลนั้นทางฝั่งเลยที่บ้านกกสะทอน เนื่องจากเส้นทางส่วนใหญ่เป็นลูกรังค่อนข้างชันและขรุขระ ทางอุทยานฯ และ อบต.กกสะทอน จึงจัดให้มีบริการรถพาขึ้นชมไป-กลับ ไม่เกิน 5 คน คันละ 1,500 บาท 5-10 คน คันละ 2,000 บาท หากค้างคืนคิดเพิ่มวันละ 300 บาท ต้องเตรียมเสบียงอาหารและน้ำไปเองเพราะด้านบนไม่มีร้านค้าและศูนย์บริการ บริเวณจุดกางเต็นท์มีบริการห้องน้ำไว้ให้ (รถส่วนตัวจอดไว้ในจุดจอดรถที่ทาง อบต.กกสะทอน จัดสรรไว้ให้) ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนกกสะทอน โทร. 09-1373-0903, 08-0791-4748 หรือที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า 0-5535-6607
สามารถสอบถามข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร ในจังหวัดเลย เชื่อมโยงกับภูลมโลได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเลย โทร. 0-4281-2812
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com