xs
xsm
sm
md
lg

“Korean Spoon” อร่อยเต็มอิ่ม อาหารเกาหลีรสต้นตำรับ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บรรยากาศภายในร้าน “Korean Spoon”
แม้ว่า “ตระเวนกิน” จะไม่ใช่สาวกเคป็อปตัวยง ที่คลั่งไคล้ดาราเกาหลีสาวสวย หรือหนุ่มเกาหลีตี๋หล่อ และก็ไม่ได้ติดซีรีย์เกาหลีงอมแงม แต่เราก็มีความชื่นชอบในความเป็นเกาหลีอยู่ไม่น้อย นั่นก็อาหารเกาหลีนั่นเอง

ซึ่งทุกวันนี้การที่จะหาอาหารเกาหลีกินในบ้านเราไม่ยากเลย มีร้านอาหารที่ขายอาหารเกาหลีอันหลากหลายให้ได้ไปเลือกลิ้มลองตามใจชอบ แต่การที่จะหาว่าร้านอาหารเกาหลีร้านไหน ที่มีอาหารเกาหลีแท้ๆ แบบต้นตำรับให้ได้ชิมกันนั้นก็ต้องเสาะแสวงหากันสักหน่อย
โต๊ะนั่งสบายๆ
และแล้ว “ตระเวนกิน” ก็ได้มาเจอเข้ากับร้านอาหารเกาหลีแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า “Korean Spoon” ตั้งอยู่ที่Crystal Design Center ที่นี่เป็นร้านอาหารเกาหลีขนานแท้จริงๆ เพราะว่ามีเจ้าของร้านเป็นสาวชาวเกาหลี ชื่อว่าคุณอิง Jae Young Byun (เจ ยอง เบียน) ซึ่งตัวเธอเป็นเชฟเองด้วย และเป็นเชฟที่ได้รับใบรับรองการทำอาหารจากรัฐบาลเกาหลีโดยตรงด้วย ทำให้เชื่อมั่นได้เลยว่าอาหารเกาหลีของที่นี่ ปรุงตามสูตรอาหารเกาหลีต้นตำรับอย่างแท้จริง ซึ่งวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหาร ทางร้านได้นำเข้ามาจากเกาหลีโดยพาะ และคัดสรรแต่วัตถุดิบระดับพรีเมี่ยม คำนึงถึงเรื่องคุณภาพเป็นสำคัญ
Gujeolpan
เมื่อขอเมนูมาเปิดดูจะพบกับอาหารเกาหลีที่ชวนกินมากมาย เรียกว่ามีให้เลือกสั่งมากินตามใจชอบได้เลย ซึ่งในมื้อนี้เราก็ขอเลือกสั่งเมนูจานเด่นมาลองลิ้มกัน ประเดิมด้วยเมนูนี้ Gujeolpan (500 บาท+) หรือที่เรียกว่านพเก้า เป็นอาหารเกาหลีในวัง มีหน้าตาที่ชวนกินมาก ประกอบไปด้วยแผ่นแป้ง 3 สีมีสีเหลือง สีเขียว สีขาว และยังมีกุ้งสด ปู เนื้อหมูปรุงรส ไข่ขาว ไข่แดง แตงกวา แครอท เห็ดหอม และน้ำจิ้มสูตรพิเศษที่ทางร้านปรุงขึ้น เวลากินให้นำแผ่นแป้งมาห่อกับเครื่องทุกอย่างและราดน้ำจิ้ม ห่อเป็นคำส่งเข้าปากเคี้ยวกร้วมคำโต สัมผัสได้ถึงความนุ่มของแผ่นแป้ง ได้รสชาติของไส้ทุกอย่างที่กลมกลืนเข้ากับน้ำจิ้มรสกลมกล่อม อร่อยถูกปากมากๆ
Nakji-bokkeum
จานต่อมาเสิร์ฟมาร้อนๆ คือ Nakji-bokkeum (350 บาท+) เป็นหนวดหมึกที่ผ่านการหมักด้วยน้ำผลไม้ ทำให้มีความหวานและนุ่ม แล้วนำมาผัดกับซอสเกาหลีโกชูจังให้เข้ากัน ชิมแล้วหนวดหมึกเคี้ยวเด้งนุ่มหนึบหนับปากได้รสชาติซอสโกชูจังเข้มข้นโดนใจปากดีจริง
Dolsot-bibimbap
เมนูถัดมาไม่สั่งมาชิมไม่ได้ นั่นคือ Dolsot bibimbap (250 บาท+) ข้าวยำเกาหลีแบบต้นตำรับ ที่เสริ์ฟมาในชามร้อน ข้าวยำเกาหลีประกอบไปด้วยข้าวเกาหลี เนื้อหมูที่ปรุงรสมาแล้ว (หรือจะเลือกเป็นเนื้อวัวก็ได้) ถั่วงอก ปวยเล้ง ซูกินี่ แครอท เห็ดหอม ไข่ขาว ไข่แดง และมีน้ำจิ้มโคชูจังที่ทางร้านปรุงขึ้นมาเป็นพิเศษตามสูตร เวลากินต้องคลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากันให้หมด ชิมข้าวยำเกาหลีข้าวเป็นเม็ดเคี้ยวนุ่มกลมกลืนเข้ากับเครื่องทุกอย่างแบบกลมกล่อมและได้รสชาติซอสโกชูจังเข้มข้นถูกใจ
Haemul-sundubu-jjigae
จากนั้นมาซดน้ำซุปร้อนๆ ให้ชื่นใจกับเมนูนี้ Haemul-sundubu-jjigae (200 บาท+) เป็นซุปเต้าหู้ซีฟู้ดเสิร์ฟมาในหม้อร้อนๆ ในซุปมีเต้าหู้สีขาว หมึก หอย กุ้ง ใส่ไข่ด้วย และปรุงรสตามสูตรเด็ดของทางร้าน ได้ซดน้ำซุปร้อนๆ ช่วยให้คล่องคอ น้ำซุปหอมๆ รสเข้มข้น เต้าหู้นุ่มนิ่ม ซีฟู้ดที่ใส่มาก็เนื้อหวานสด กินแล้วอร่อยลิ้นดีแท้
Ong-gi-galbi (เนื้อวัว)
แล้วที่นี่ยังมีบาร์บีคิวสไตล์เกาหลีให้บริการด้วย โดยจะเตาบาร์บีคิวอยู่ที่โต๊ะให้แล้ว และให้เลือกสั่งเนื้อมาปิ้งย่างกินกันได้เลย เราขอแนะนำถ้าใครชอบกินเนื้อวัวควรสั่ง Ong-gi-galbi (เนื้อวัว 400 กรัม 990 บาท+) ซึ่งถ้าสั่งบาร์บีคิวทางร้านจะเสิร์ฟมาแบบครบชุด คือมีเนื้อวัวส่วนซี่โครงที่คัดสรรมาอย่างดี นำมาหมักกับผลไม้ให้นุ่มและมีความหวาน โดยปราศจากสารเคมี แล้วยังมีสลัด 3อย่าง มีสลัดงาดำ สลัดแดง สลัดกะหล่ำปลี และมีผักสดมาให้ห่อด้วย และมาพร้อมกับน้ำจิ้มรสเด็ดสูตรเฉพาะของทางร้าน เวลากินนำเนื้อลงไปย่างบนเตาร้อนๆ (หรือถ้าใครจะให้ทางร้านช่วยย่างให้ก็ได้) ลิ้มรสเนื้อซี่โครงย่างสุกกำลังดี สัมผัสได้ถึงความนุ่มของเนื้อที่ดี เคี้ยวนิ่มหนึบหนับปากอร่อยโดนใจมากๆ
Ong-gi-galbi (เนื้อหมู)
แต่ถ้าใครไม่กินเนื้อวัว นำเสนอให้สั่ง Ong-gi-galbi (เนื้อหมู 400 กรัม 650 บาท+) เป็นเนื้อหมูส่วนซี่โครงกับส่วนสันคอหมักกับผลไม้ให้เนื้อนุ่มหวาน และหมักกับซอสเกาหลีอีกที และเสิร์ฟมาเป็นชุดครบเซตเหมือนกับเนื้อวัว แต่จะมีแอปเปิ้ลและกุ้งมาให้ย่างเพิ่มด้วย ย่างเนื้อหมูจนสุกได้ที่ ส่งเข้าปากเคี้ยวแล้วสัมผัสได้ถึงความนุ่มของเนื้อหมูที่ดี และยังมีรสซอสเกาหลีที่ซึมถึงเนื้อใน ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มเพิ่มก็อร่อยถูกลิ้นแล้ว
ด้านหน้าร้าน “Korean Spoon”
มื้อนี้เราได้กินอาหารเกาหลีแบบต้นตำรับจนแน่นท้อง แต่ก็ยังแอบมองเห็นว่าในเมนูอาหารยังมีเมนูอื่นๆ ที่ชวนกินอีกมากมาย อาทิ Samgyetang (400 บาท+) Beoseot-Bulgogi (500 บาท+) Haemul-pajeon (300 บาท+) Budae jeongol (600 บาท+) และเมนูจานเด็ดอื่นๆ อีกเพียบ ซึ่งถ้าสั่งอาหารแบบอาลาคาร์ตแล้วล่ะก็ ทางร้านจะมีเครื่องเคียงถึง 9 อย่าง ที่จะเสิร์ฟให้ได้กินแบบไม่อั้น สามารถขอเติมได้ตลอด และเครื่องเคียงต่างๆ จะหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ในแต่ละอาทิตย์

เอาเป็นว่าถ้ามิตรรักนักกินคนไหนเป็นสาวกเคป๊อปในเรื่องอาหารเหมือนอย่าง “ตระเวนกิน” แล้วล่ะก็ ขอบอกว่าให้จูงมือกันมาอิ่มอร่อยกับอาหารเกาหลีแบบต้นตำรับ ที่ร้าน “Korean Spoon” กันได้เลย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

“Korean Spoon” ตั้งอยู่ที่Crystal Design Center (CDC) เฟส 2 อาคาร K3 ชั้น 2 ถ.ประดิษฐ์มนูธรรม แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. การเดินทางถ้ามาจากถ.รามอินทรา เลี้ยวเข้าถ.เลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ตรงไปเข้ามาที่อาคารศูนย์การค้าคริสตัลดีไซน์เซ็นเตอร์ ร้าน Korean Spoon อยู่ที่อาคาร K3 ชั้น 2 มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน เปิดจันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 11.30-22.00 น. ศุกร์ - อาทิตย์ เวลา 11.00-23.00 น. โทร. 0-2102-2385
คลิก!! อ่านรายละเอียดและแผนที่การเดินทางไปยัง ร้าน "Korean Spoon"
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของผู้จัดการท่องเที่ยว Travel @ Manager on Facebook รับข่าวสารทั้งเรื่องกินเรื่องเที่ยวแบบรวดเร็วทันใจ และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!!

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com
กำลังโหลดความคิดเห็น