นวัตกรรมโมเสกติดผนัง ‘SONITE’ เป็นนวัตกรรมระดับโลกฝีมือคนไทย เข้ามาช่วยให้การติดโมเสกลวดลายสวยงามบนผนังเป็นเรื่องง่ายขนาดที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ ขณะเดียวกัน ในแง่ของบริษัทผู้ผลิตเองนับเป็นก้าวที่กล้าและท้าทาย เพราะเลือกจะสร้างความแตกต่าง ไม่เคยมีมาก่อนในตลาด เพื่อเป็นทางเลือกใหม่แก่ลูกค้า
นิติพันธุ์ ดารกานนท์ ประธาน Sonite Innovative Surfaces Co.,Ltd. เล่าจุดเริ่มต้นเกิดจากการคาดการณ์ว่า ธุรกิจดั้งเดิมซึ่งทำสินค้าหัตถกรรมแต่งบ้านส่งออก ในอนาคตจะต้องประสบปัญหาต้นทุนสูงขึ้นเรื่อยๆ จากปัจจัยค่าแรงและวัตถุดิบเพิ่มขึ้น จึงมองหาลู่ทางสร้างธุรกิจใหม่เพื่อช่วยเสริมธุรกิจเดิมเพื่อรักษาระดับรายได้ขององค์กร ภายใต้เงื่อนไขที่อยากจะใช้พื้นฐานบริษัทเดิมมาพัฒนาต่อได้
“ผมได้ไอเดียจากตอนเดินทางไปโบสถ์ที่ฝรั่งเศส เห็นภาพโมเสกติดผนังสวยงามมาก ก็เลยเกิดคิดต่อถึงขั้นตอนการทำที่มีความยุ่งยาก เพราะต้องตัดกระเบื้องหรือแก้วเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วค่อยๆ นำมาต่อประกอบกันเป็นภาพ ทำให้งานลักษณะนี้ในท้องตลาดมีน้อยมาก ช่างที่ทำได้ก็หายากมาก ทำให้ผมเห็นช่องว่างของตลาดที่จะทำให้งานโมเสกติดกำแพงกลายเป็นเรื่องง่าย สามารถตกแต่งได้ตามบ้านทั่วไป” นิติพันธุ์เผยแรงบันดาลใจเบื้องต้น
จากแนวคิดดังกล่าว นักธุรกิจหนุ่มและทีมงานได้ลงมือลงแรงวิจัยและพัฒนา ทั้งด้านเทคโนโลยี เครื่องจักร สูตรเคมี และดีไซน์ของตัวเอง กว่าจะสำเร็จใช้เวลากว่า 4 ปี ภายใต้แบรนด์ ‘SONITE’ โดยโมเสกที่พัฒนาขึ้นทำจากวัสดุพอลิเมอร์ชนิดพิเศษ คุณสมบัติแข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบา และไม่ลามไฟ
แต่ละชิ้นมีลักษณะผิวเฉพาะตัวไม่ซ้ำกันเลย โดยมีรูปทรงหลากหลาย ไม่ใช่แค่สี่เหลี่ยมเท่านั้น ส่วนสีให้เลือกกว่า 300 สี อีกทั้งมีหลายขนาด โดยชิ้นเล็กที่สุดแค่แผ่นละ 5 มิลลิเมตรเท่านั้น และที่สำคัญสามารถผลิตได้แบบเฉพาะเจาะจง แม้แต่สั่งพิเศษแค่ชิ้นเดียวในโลกก็ทำได้
นิติพันธุ์ระบุว่า โมเสก ‘SONITE’ถูกออกแบบให้ใช้งานได้ง่ายที่สุด เหมือนการใช้กระเบื้องปูนปูพื้นหรือผนังทั่วไปทุกประการ โดยลักษณะเป็นแผ่นสำเร็จรูป แค่นำไปติดตามตำแหน่งที่ต้องการแล้วลอกฟิล์มบางๆ ออกก็เสร็จเรียบร้อย
“เท่าที่ส่วนตัวผมสืบหาข้อมูลมายังไม่เคยมีผลิตภัณฑ์ลักษณะนี้ในโลกมาก่อน อีกทั้ง TCDC (Thailand Creative & Design Center) เคยคัดเลือกให้เป็นสินค้าใหม่ที่สุด อีกทั้งในการไปออกแสดงสินค้าที่สหรัฐฯ ได้รับคัดเลือกเป็นสินค้าใหม่ยอดนิยม นอกจากนั้นยังได้รับรางวัลด้านนวัตกรรมต่างๆ มาอีกมากมาย จึงเป็นการการันตีส่วนตัวของผมว่านี่เป็นนวัตกรรมที่โลกไม่เคยมีมาก่อน โดยจดสิทธิบัตรทั้งในและต่างประเทศไว้เรียบร้อยแล้ว” นิติพันธุ์กล่าว
ด้านการทำตลาด เบื้องต้นอาศัยนำเสนอต่อดีไซเนอร์แต่งบ้านควบคู่กับออกงานแสดงสินค้าของแต่งบ้าน ซึ่งปัญหาในระยะแรกคือ ผู้ใช้ยังไม่รู้จักผลิตภัณฑ์นี้มาก่อน แต่เมื่อได้ทดลองใช้และรู้ถึงคุณสมบัติทำให้ตลาดขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ โดยปัจจุบันมีช่องทางขายผ่านทางโชว์รูมที่ Crystal Design Center และส่งขายปลีกผ่านร้าน “บุญถาวร”
เจ้าของธุรกิจเสริมว่า ราคาของโมเสก ‘SONITE’ เฉลี่ยตารางเมตรละ 1,000-10,000 บาท (แล้วแต่ลวดลาย) ซึ่งเป็นราคาที่อยู่ตรงกลางระหว่างกระเบื้องราคาถูกของจีน กับกระเบื้องราคาแพงจากฝรั่งเศส และอิตาลี โดยลูกค้ามีตั้งแต่โรงแรม อาคาร โครงการบ้านจัดสรร และบ้านทั่วไป
ทุกวันนี้ธุรกิจใหม่ที่ได้ปลุกปั้นขึ้นเข้ามามีส่วนสำคัญช่วยสร้างตลาดใหม่ โดยยังทำควบคู่กับธุรกิจดั้งเดิม นอกจากนั้นเตรียมแผนล่วงหน้าไปอีก 5 ปี ทั้งเรื่องเทคโนโลยี และดีไซน์สำหรับเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ และหนีคู่แข่งที่จะลอกเลียนแบบออกไป
“สิ่งที่เราทำอยู่ แม้จะเป็นทางเลือกที่ยากและเหนื่อย แต่ผมคิดว่าเป็นสิ่งจำเป็น เพราะจุดขายของประเทศไทยทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องราคาถูก แรงงานถูก หรือมีทรัพยากรราคาถูกอีกต่อไปแล้ว ดังนั้น ในการทำธุรกิจเราต้องทำเพื่อวันพรุ่งนี้ ไม่ใช่แค่ปัจจุบัน โดยเฉพาะเรื่องเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ โดยใช้นวัตกรรมและดีไซน์” นิติพันธุ์กล่าวในตอนท้าย
@@@@@@@@@@@@@@@@@
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *
