xs
xsm
sm
md
lg

“คุนหมิง” ในอ้อมกอดของฤดูใบไม้ผลิ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ประตูทางขึ้นสู่เขาซีซาน
ความกว้างใหญ่ไพศาลของผืนแผ่นดินจีนนั้น หากจะท่องเที่ยวให้ทั่วก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลากี่เดือนกี่ปีถึงจะครบถ้วน อีกทั้งการเดินทาง แม้จะเลือกเดินทางด้วยเครื่องบิน ก็ต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมงอยู่เหมือนกัน

สำหรับเส้นทางการบินจากกรุงเทพฯไปสู่เมืองจีนที่สั้นมากก็คือการบินไปลงที่ "นครคุนหมิง" ที่ในวันที่ 15 พ.ย. นี้ สายการบินแอร์เอเชีย จะเปิดเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ (ดอนเมือง)-คุนหมิง ให้ผู้สนใจได้เดินทางไปท่องเที่ยวเมืองแห่งนี้กันในราคาย่อมเยา

“ตะลอนเที่ยว” นั่งเครื่องจากกรุงเทพฯ(ดอนเมือง)เพียงไม่นานแค่ประมาณชั่วโมงครึ่ง ก็มาถึง “สนามบินนานาชาติฉังสุ่ย” สนามบินแห่งใหม่ล่าสุดของนครคุนหมิงที่เพิ่งเปิดใช้อย่างเป็นทางการได้เพียงปีเศษ
ทางเดินลัดเลาะตามหลืบเขา
หลังเดินสูดกลิ่นใหม่ของสนามบินจนพอใจ ก็ออกเดินทางเข้าไปยังตัวเมืองคุนหมิง โดยใช้เวลาประมาณ 40 นาที ระหว่างนี้ลองมาทำความรู้จักกับคุนหมิงให้มากขึ้นเสียหน่อยดีกว่า

“คุนหมิง” (Kunming) เป็นเมืองเอก หรือนครหลวงของมณฑลยูนนาน โดยจะอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน กล่าวกันว่าเมืองคุนหมิงเป็น “นครแห่งฤดูใบไม้ผลิ” (Spring City) ก็เนื่องจากที่นี่จะมีอุณหภูมิเฉลี่ยระหว่าง 15-18 องศาเซลเซียส ตลอดทั้งปี เรียกว่ากำลังเย็นสบาย ไม่ร้อนไม่หนาวมากเกินไป อีกทั้งยังโอบล้อมด้วยขุนเขาเขียวขจี เป็นเมืองท่องเที่ยวและพักผ่อนที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว
ประตูมังกรหลงเหมิน
ถ้าใครที่มาถึงคุนหมิงใหม่ๆ อาจจะรู้สึกคอแห้งกว่าปกติเล็กน้อย เนื่องจากเมืองคุนหมิงตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลเฉลี่ย 1,891 เมตร ทำให้อากาศค่อนข้างแห้งและเบาบาง จึงต้องให้เวลาร่างกายค่อยๆ ปรับตัวสักระยะ หรือจะจิบน้ำเปล่าบ่อยๆ ก็จะพอช่วยได้

พอเข้ามาถึงตัวเมืองคุนหมิงแล้ว ก็จะสังเกตเห็นตึกรามบ้านช่องแบบสมัยใหม่ รถราบนท้องถนนก็มากมาย ผู้คนเดินไปมากันตลอด บางคนก็เลือกที่จะขี่จักรยาน จักรยานไฟฟ้า หรือมอเตอร์ไซค์ อยู่ในเลนเฉพาะที่ทางการจัดสรรไว้ให้
ไหว้เทพเจ้าเพื่อความเป็นสิริมงคล
ได้สัมผัสเมืองคุนหมิงพอหอมปากหอมคอแล้วก็กลัวจะเสียเวลาเที่ยว “ตะลอนเที่ยว” ก็เลยขอตัดรายการชมเมือง มุ่งหน้าออกนอกเมืองไปเล็กน้อย แล้วก็มาถึง “เขาซีซาน” อันเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของเมืองคุนหมิง

มีคำกล่าวของคนจีนที่ได้พูดไว้ว่า หากมาเมืองคุนหมิงแล้วก็ต้องมาลอดประตูมังกรบนเขาซีซานแห่งนี้ ซึ่งเมื่อลอดแล้วฐานะจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า นั่นก็หมายความว่า ถ้ามาที่เมืองคุนหมิงก็ต้องมาลอดประตูมังกรบนเขาซีซาน เมื่อลอดแล้วจะมีความเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น คิดอะไรก็จะได้สมปรารถนา มีทรัพย์สินเพิ่มพูนยิ่งๆ ขึ้นไป
ทิวทัศน์เมืองคุนหมิงและทะเลสาบเตียนฉือ
แต่ก่อนจะได้ลอดประตูมังกรนั้น ก็ต้องออกกำลังกายพิชิตเขาซีซานกันเสียก่อน เริ่มต้นจากการซื้อบัตรผ่านประตู แล้วนั่งรถบัสของอุทยานขึ้นไปด้านบน จากนั้นก็นั่งรถรางขึ้นไปอีกทอดหนึ่ง (หรือใครจะเลือกนั่งกระเช้าไฟฟ้า เขาก็มีบริการเช่นกัน) จนมาถึงสถานีด้านบน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นออกเดินไปสู่ยอดเขา

บันไดที่ทอดขึ้นไปสู่ยอดเขาซีซานนั้นมี 300 กว่าขั้น (บางคนก็บอกว่ามี 333 ขั้น หากใครอยากจะพิสูจน์ก็ต้องลองเดินนับดู) ค่อยๆ เดินกันไปสักพักเดียวก็ถึง แต่ระหว่างทางนั้นก็ยังมีมุมให้พักเหนื่อย เริ่มแรกจาก วิหารหลิงกวง แวะไหว้เทพเจ้าในวิหาร แล้วเดินขึ้นบันไดต่อไปอีกทอดก็จะเจอกับ ศาลาซานชิงเก๋อ เป็นจุดขายของที่ระลึก นั่งพักจิบเครื่องดื่ม เข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อย ก้าวขึ้นบันไดเดินต่อไปก็จะเจอกับ Phoenix Rock และ บ่อน้ำวัวกตัญญู
สัญลักษณ์แสดงถึงการเป็นมรดกโลก
สำรับคนไทยที่จะเดินขึ้นเขาซีซานก็ไม่ต้องกลัวว่าจะหลงทาง เพราะป้ายบอกทางที่มีอยู่ทั่วนั้นมีภาษาไทยเขียนกำกับอยู่ด้วย แบบนี้แสดงว่าต้องมีชาวไทยมาเที่ยวที่นี่เยอะแยะจนกระทั่งต้องมีภาษาไทยอธิบายอยู่ด้วยเพื่อความสะดวก

พักเหนื่อยกันจนพลังกลับมา ก็มาเดินต่อกันในบันไดช่วงสุดท้าย ที่จะลัดเลาะไปตามหลืบเขา เผลอแป๊บเดียวก็ได้ลอดซุ้มประตูมังกรแบบไม่ตั้งตัว เพราะบริเวณสุดขั้นบันไดนั้นก็คือ “ประตูมังกร” หรือ “หลงเหมิน” และยังมีวิหารเทพเจ้าให้เข้าไปสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย
ไฮไลต์ของป่าหิน
ทุกคนที่ได้มาลอดประตูมังกรแห่งนี้แล้ว ก็ต้องถือว่ามีความมานะพยายาม เชื่อได้ว่าจะต้องได้รับโชคลาภกลับไปอย่างแน่นอน แต่ถ้าขึ้นมาถึงที่นี่แล้วก็อย่าลืมเอื้อมมือขึ้นไปลูบสะดือมังกร ที่อยู่บนขอบประตูมังกร ชาวจีนเขาบอกกันว่า จุดนี้แหละเป็นจุดที่สำคัญที่สุดบนเขาซีซาน

อีกอย่างหนึ่งที่ได้รับนอกจากโชคลาภและความเป็นสิริมงคลแล้ว หากขึ้นมาบนเขาซีซานก็จะได้ชมทัศนียภาพรอบๆ เมืองคุนหมิงอีกด้วย ฟ้าสีครามที่สดสวย มีแดดส่องสะท้อนกับแผ่นน้ำด้านล่าง ซึ่งก็คือ “ทะเลสาบเตียนฉือ” อันเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของคุนหมิง และเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน สังเกตดูจะเห็นทะเลสาบที่กว้างขวางสุดลูกหูลูกตา มีตัวเมืองคุนหมิงที่สร้างอยู่ริมขอบทะเลสาบ ซึ่งที่จริงแล้วตัวเมืองคุนหมิงบางส่วนก็สร้างขึ้นโดยการถมทะเลสาบเตียนฉือ เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการขยายเมืองด้วย
สระน้ำดอกบัว
สูดอากาศสบายๆ แบบเต็มปอดจากบนยอดเขาแล้ว ก็ขึ้นรถไปเที่ยวกันต่ออีกที่หนึ่ง ซึ่งที่นี่อยู่ห่างจากตัวเมืองออกมาอีกไกลพอควร ถึงจะใช้เวลาเดินทางนานหน่อย แต่ความอลังการน่าชมนั้นทำให้หลายเมื่อยไปเลยทีเดียว เพราะที่นี่ก็คือ “อุทยานป่าหิน” ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก

อุทยานป่าหิน เป็นแหล่งรวมหินปูนรูปร่างแปลกตาที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ในพื้นที่กว่า 350 ตารางกิโลเมตรนั้น จะมีหินปูนทั้งเล็กและใหญ่เรียงรายกระจัดกระจายกันไปทั่ว เดิมนั้นบริเวณนี้เป็นหินปูนที่เกิดขึ้นใต้ผิวน้ำ แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็มีการเปลี่ยนแปลงของผิวโลก หินปูนเหล่านี้ก็เลยได้ขึ้นมาอวดโฉมปรากฏให้ผู้คนได้เห็นจนถึงปัจจุบัน
สัมผัสหินรูปใบเรือเพื่อความเฮง
ความน่าอัศจรรย์ของธรรมชาตินั้นได้สรรค์สร้างรูปร่างที่แปลกตากมากมายให้กับหินปูนก้อนต่างๆ จุดใหญ่ๆ ที่นักท่องเที่ยวมักจะเข้าไปชมกันนั้นแบ่งออกเป็นส่วนของป่าหินใหญ่ และป่าหินเล็ก โดยจากปากประตูเดินเข้ามานั้น ก็ต้องเดินผ่าน “สะพานแห่งมิตรภาพ” เข้าไปยังส่วนของป่าหินใหญ่

แค่เพียงเริ่มออกเดินก็เริ่มตื่นตาตื่นใจกับหินปูนรูปร่างต่างๆ ตามแต่จะจินตนาการกันไป บ้างก็บอกว่าเหมือนเห็ด บ้างก็บอกว่าเป็นรูปสัตว์ต่างๆ แต่มาถึงจุดไฮไลต์สำคัญก็ต้องบริเวณก้อนหินที่สลักตัวอักษรภาษาจีน ซึ่งแปลเห็นไทยก็คือคำว่า “ป่าหิน” ตรงจุดนี้จะมีนักท่องเที่ยว (โดยเฉพาะชาวจีน) แวะเวียนมาถ่ายรูปกันอยู่ตลอดเวลา
ก้อนหินอาซือหม่า
ใกล้ๆ กันจะมีทางเดินขึ้นไปบนเก๋งจีนที่อยู่ด้านบน ตรงนี้ก็ต้องออกกำลังกายฝ่าฝูงชนขึ้นไปด้านบน เพื่อจะได้ชมทิวทัศน์มุมสูงของอุทยานป่าหินที่ดูเหมือนยอดเขาสูงๆ ต่ำๆ เรียงรายสลับกันไปมา แต่ถ้ากลัวขึ้นไปไม่ไหว ก็แนะนำให้เปลี่ยนเส้นทางไปนั่งรถรางชมบริเวณรอบๆ ป่าหินใหญ่ ที่ก็ดูสวยงามแปลกตาไปอีกแบบ

นั่งรถรางมาหยุดตรงสระน้ำใหญ่อีกแห่งหนึ่ง จุดนี้เรียกกันว่า “สระน้ำดอกบัว” ลองใช้จินตนาการ มองว่ากลุ่มหินปูนที่ขึ้นอยู่รอบๆ สระน้ำเป็นดอกบัว แล้วเราก็นั่งอยู่ในศาลาจีนกลางน้ำ ชื่นชมความงดงามของเหล่าดอกบัวมากมาย แหม...แสนจะสดชื่นจริงๆ
ล่องเรือกลางหุบเขา
กลับมาสู่ทางเดินเดิม ก็เข้าสู่เขตของป่าหินเล็ก ที่ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน บางจุดมีก้อนหินรูปทรงสวยๆ ขึ้นอยู่กลางสนามหญ้า แซมด้วยดอกไม้เล็กๆ น่ารัก หินบางก้อนเขาก็ว่ารูปร่างเหมือนกับใบของเรือสำเภา ถ้าได้สัมผัสแล้วจะเฮงๆ รวยๆ

และอีกจุดสำคัญก็คือ “ก้อนหินอาซือหม่า” ตรงนี้ก็มีนักท่องเที่ยวไปถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกมากมายเช่นกัน ที่เรียกว่า “อาซือหม่า” ก็เพราะหินก้อนนี้รูปร่างลักษณะคล้ายกับหญิงสาวชาวเผ่าซาหนี ซึ่งเป็นชนเผ่าพื้นเมืองที่อาศัยในบริเวณนี้ โดยหญิงสาวนั้นสวมหมวกและสะพานตะกร้าไว้ด้านหลัง (ถ้าอยากเห็นการแต่งกายของชนเผ่าซาหนี ให้สังเกตเจ้าหน้าที่ที่ขับรถราง หรือแม่ค้าในบริเวณอุทยานป่าหิน มักจะแต่งกายด้วยชุดของชนเผ่าซาหนี) โดยหญิงสาวที่มีหน้าตาสวยงามของชาวเผ่าซาหนี จะมีคำเรียกว่า “อาซือหม่า” ซึ่งหินก้อนนี้ก็ยังถูกนำไปเป็นสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวเมืองคุนหมิงอีกด้วย
ทางเดินเข้าสู่ถ้ำจิ่วเซียง
“ตะลอนเที่ยว” ต้องบอกว่า ความน่าอัศจรรย์ของธรรมชาติในเมืองคุนหมิงยังไม่ได้หมดแค่ที่อุทยานป่าหินเท่านั้น เพราะว่าจะพาไปดูอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจกันอีกที่ “ถ้ำจิ่วเซียง” แหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งที่ห้ามพลาดเมื่อมาถึงคุนหมิง

ที่ “ถ้ำจิ่วเซียง” มีกิจกรรมให้ทำมากมาย ตั้งแต่เดินเข้าประตู ก็ต้องลงลิฟท์ไปชั้นล่างสุด เพื่อล่องเรือชมหุบเขาที่มีน้ำไหลคั่นกลาง ความลึกของน้ำก็อยู่ที่ 10-15 เมตรขึ้นไป ก่อนลงเรือจึงต้องใส่ชูชีพเพื่อความปลอดภัย
สีสันภายในถ้ำ
ล่องเรือเสร็จแล้วก็ได้เวลาเดินชมความงามภายในถ้ำจิ่วเซียง เส้นทางเดินชมนั้นก็มีการทำสะพานไม้ให้เดินอย่างสะดวกสบาย มีป้ายอธิบายข้อมูลต่างๆ เสร็จสรรพ ภายในถ้ำจิ่วเซียงมีทั้งหินงอกหินย้อยรูปร่างสวยงามแปลกตามากมาย ซึ่งก็เกิดจากการกัดเซาะของน้ำและการกัดเซาะของภูเขาไฟโบราณ จนทำให้เกิดเป็นโพรงถ้ำ และมีหินงอดหินย้อยอย่างที่เห็นอยู่

ความน่าชมนั้นนอกจากรูปร่างที่สวยงามของตัวหินแล้ว ยังมีการจัดแสงสีสลับไปมา ทั้งเขียว แดง เหลือง น้ำเงิน ทำให้ในถ้ำจิ่งเซียงกลายเป็นอีกโลกหนึ่งที่อยู่ใต้ผืนพิภพ
สะพานสายรุ้ง
มุมหนึ่งภายในถ้ำมีการจัดแสดงนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับถ้ำจิ่งเซียง ทั้งกระบวนการเกิดหินงอกหินย้อย การขุดพบถ้ำ ขุดพบสิ่งของสำคัญต่างๆ โดยเฉพาะก้อนหินธรรมชาติที่มีลวดลายเป็นตัวอักษรและตัวเลขที่มีความเกี่ยวข้องกับถ้ำจิ่วเซียงแห่งนี้

บริเวณไฮไลต์ของถ้ำจิ่วเซียง เริ่มตั้งแต่บริเวณสะพานสายรุ้งที่ทอดข้ามหุบผา เดินมาเรื่อยๆ จนถึงตอนกลางของถ้ำ ลำน้ำที่ไหลตกลงมาจากหน้าผามาสู่กลางถ้ำเป็นน้ำตกสองสาย เรียกว่า น้ำตกผัวเมีย เมื่อมองย้อนกลับไปด้านบนจะเห็นลำแสงที่ส่องทอดมายังน้ำตกทำให้ดูเหมือนกับภาพวาด
น้ำตกผัวเมีย
ขากลับออกจากถ้ำจิ่วเซียง นักท่องเที่ยวทั้งหลายคงต้องออกกำลังกายกันหน่อย เพราะต้องเดินขึ้นบันไดเพื่อขึ้นไปสู่พื้นดินด้านบน แต่ระหว่างทางที่เดินนั้นก็มีลมเย็นสบายพัดเข้ามาในถ้ำตลอดเวลา และเมื่อถึงด้านบนแล้ว ก็ต้องนั่งกระเช้าไฟฟ้าข้ามเขาไปอีกสองลูก เพื่อกลับไปขึ้นรถที่จุดเดิม ระหว่างที่นั่งอยู่บนกระเช้าอาจจะดูหวาดเสียวไปหน่อยสำหรับคนที่กลัวความสูง แต่สายลมเย็นๆ และทิวทัศน์เขียวขจีของป่าเขาแถวนั้นก็แทบจะทำให้ลืมกลัวกันไปเลย
ข้ามกระเช้าไฟฟ้ากลับ
มีคำกลอนของชาวจีนได้กล่าวไว้ว่า บนดินชมป่าหินงาม ใต้ดินชมจิ่วเซียง นั่นก็หมายถึงการไปชมความน่าอัศจรรย์ของอุทยานป่าหิน และชมความสวยงามของถ้ำจิ่วเซียงนั่นเอง ซึ่งเราก็ได้ไปชมกันจนครบแล้ว แต่ถ้าจะให้สัมผัสถึงความเป็นคุนหมิงถึงกลางใจเมือง ก็ต้องเดินทางย้อนกลับเข้าตัวเมือง มายืนอยู่ตรงหน้า “ประตูม้าทอง และ ประตูไก่มรกต”
ย่านการค้าบริเวณประตูม้าทองและไก่มรกต
บริเวณประตูม้าทองและประตูไก่มรกต ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองคุนหมิง ทั้งสองประตูนี้สร้างขึ้นมากว่า 400 ปีแล้ว และถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของนครคุนหมิงอีกแห่งหนึ่ง

ที่นี่ ทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวจีนเอง นิยมมาเดินเล่นกันในช่วงเย็น บ้างก็มาชมพระอาทิตย์ตกดิน บ้างก็มาเดินเล่นพักผ่อน หรือมาทำกิจกรรมยามว่างอื่นๆ ที่เมืองไทยอาจจะไม่มี เช่น มานั่งให้แม่ค้าขัดรองเท้าให้
แม่ค้าขัดรองเท้า
แต่ที่สำคัญที่สุด (และบางคนอาจจะชอบที่สุดด้วย) ก็คือ บริเวณนี้เป็นถนนคนเดินด้วย ชื่อว่า ถนนจินปี้ลู่ ซึ่งก็มาจากชื่อของประตูม้าทอง (จินหม่า) และประตูไก่มรกต (ปี้จี) ถนนนี้เป็นย่านการค้าที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของคุนหมิง ปัจจุบันก็เป็นแหล่งช้อปปิ้งของชาวจีนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีทั้งห้างแบรนด์เนมจากต่างชาติ ห้างดังของเมืองจีน ร้านอาหารเครื่องดื่ม ร้านขายของที่ระลึก ซูเปอร์มาร์เก็ต และยังจัดให้เป็นที่เดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจยามเย็นอีกด้วย

เดินเที่ยวคุนหมิงจนเหนื่อย ได้ไปทั้งขึ้นเขา เข้าถ้ำ เดินป่าหิน ตบท้ายด้วยการมาช้อปปิ้งของฝากที่ถนนคนเดิน ถือว่าครบถ้วนสำหรับกิจกรรมในหนึ่งทริปนี้ แถมด้วยอากาศเย็นสบายสมกับเป็นนครแห่งฤดูใบไม้ผลิ ทำให้ “คุนหมิง” ประทับอยู่ในความทรงจำไปอีกแสนนาน ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ก็จะได้กลับมาเยือนอีกครั้งหนึ่งแน่นอน
แหล่งช้อปปิ้งของคุนหมิง
 
 
 
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของผู้จัดการท่องเที่ยว Travel @ Manager on Facebook รับข่าวสารทั้งเรื่องกินเรื่องเที่ยวแบบรวดเร็วทันใจ และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!!

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น