xs
xsm
sm
md
lg

ใครว่าเมืองไทยไม่มีแรด!!!/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
แรด สัตว์ใหญ่ที่อยู่ในสภาะวะใกล้สูญพันธุ์เต็มที(ภาพ : museumvictoria.com.au)
สูญพันธุ์จากเมืองไทยไปหลายสิบปีแล้ว แต่จู่ๆ ชื่อและรูปของ “แรด” ก็มาปรากฏบนโซเชียลมีเดียบ้านเรา โดยเฉพาะในเฟซบุ๊กมีการแชร์กันกระจาย

ส่วนที่มาที่ไปของการแชร์นั้น ใครอยากรู้คงต้องไปถามคนแชร์ คนกดไลค์กันเอาเอง

สำหรับแรดถือเป็นสัตว์ใหญ่ที่มี “นอ” เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันโดดเด่น

แรดเป็นสัตว์บกขนาดใหญ่รองจากช้าง เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง วงศ์ Rhinocerotidae แรดเป็นสัตว์ที่มีหนังหนามาก ตาเล็กแถมสายตายังแย่มาก แต่มันมีจมูกดีมาก มีปากงุ้ม มีนอเป็นอาวุธ

ปัจจุบัน (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย) มีการแบ่งแรดออกเป็น 5 ชนิด ได้แก่

-แรดขาว (Ceratotherium simum) เป็นแรดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก พบในทวีปแอฟริกา
-แรดดำ (Diceros bicornis) เป็นแรดที่มีความใหญ่รองมาจากแรดขาว พบในทวีปแอฟริกาเช่นกัน
-แรดอินเดีย (Rhinoceros unicornis) พบในภูมิภาคเอเชียใต้ จัดเป็นแรดทีมีเพียงนอเดียว มีลักษณะเด่นคือ ผิวหนังหนาและมีรอยย่นเห็นได้ชัดเจน
-แรดชวา (Rhinoceros sondaicus) พบในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีลักษณะคล้ายคลึงกับแรดอินเดีย เป็นแรดชนิดที่หายากที่สุดในโลก และได้รับการจัดอันดับว่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมชนิดที่หายากที่สุดในโลกอีกด้วย
- กระซู่ หรือแรด 2 นอ หรือ แรดสุมาตรา, แรดขน (Dicerorhinus sumatrensis) มีลักษณะเด่นที่สุดคือมี 2 นอ นอหน้าใหญ่กว่านอหลัง จัดเป็นสัตว์ตระกูลแรดที่มีขนาดเล็กที่สุด พบในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่นกัน มีลักษณะเด่นคือ มีขนปกคลุมทั้งลำตัว เป็นแรดที่หายากมากอีกชนิดหนึ่ง

เมื่อพูดถึงแรดแล้ว หลายๆ คนอาจคิดว่าแรดมีในธรรมชาติเฉพาะที่แอฟริกา อเมริกาใต้ หรืออินเดียเท่านั้น แต่อันที่จริงเมืองไทยก็(เคย)มีแรดอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ว่ามันสูญพันธุ์ไปจากเมืองไทยนานแล้ว

ทั้งนี้หากย้อนกลับไปดูข้อมูลการพบแรดในบ้านเราในยุคที่ป่าไม้ยังอุดมสมบูรณ์อยู่นั้น มีข้อมูลว่าประเทศไทยเราเคยมีแรดอยู่ 2 ชนิด คือ กระซู่กับแรดชวาหรือที่เรามักเรียกกันสั้นๆ ว่า “แรด”

ทั้งแรดและกระซู่ ปัจจุบันเป็นหนึ่งในสัตว์ป่าสงวนของไทย จัดอยู่ในสัตว์บัญชีหมายเลข 1 ของไซเตส มีสถานภาพเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่งของโลก ส่วนของไทยเป็นสัตว์สูญพันธุ์ไปนานแล้ว
กระซู่ สัตว์ในตระกูลแรดที่มีขนาดเล็กที่สุด(ภาพ : 3.bp.blogspot.com)
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาเคยมีข่าวการค้นพบร่องรอยของกระซู่ให้ฮือฮากันบ้าง ไม่ว่าจะเป็นที่ป่าภูเขียว แก่งกระจาน เขาสก ป่าฮาลา-บาลา เป็นต้น แต่นั่นก็เป็นเพียงการพบร่องรอย ซึ่งหลายคนเชื่อว่าในป่าลึกตามรอยต่อชายแดนน่าจะยังมีกระซู่ที่หากินข้ามแดนหลงเหลืออยู่ ส่วนแรดนั้นน่าจะมีเพียงวิญญาณเท่านั้น

สำหรับสาเหตุของการใกล้สูญพันธุ์ของแรดบนโลกนี้ ปัจจัยหลักก็มาจากการล่าของมนุษย์ โดยเฉพาะการล่าเพื่อนำนอไปขาย หรือเอาอวัยวะไปขายทำยาจีน ซึ่งเชื่อกันว่าอวัยวะทุกส่วนของแรดสามารถนำไปเป็นส่วนประกอบของยาจีนได้ทั้งหมด โดยเฉพาะนอนั้นถือเป็นของวิเศษสามารถแก้โรคได้สารพัด ทั้ง หวัด ลมชัก ลมอัมพาต หรือแม้กระทั่งเอดส์ นอกจากนี้บางคนยังเชื่อว่ายาจากนอแรดยังช่วยเพิ่มพลังทางเพศอีกด้วย

ในบ้านเราเคยมียาซองยี่ห้อหนึ่งใช้ชื่อนอแรดมาประกอบ แต่สุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนมาใช้ชื่อที่ใกล้เคียงแทน

นอกจากนี้การที่ป่าไม้แหล่งอาศัยของแรดที่ถูกทำลายลงไปมากก็ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุสำคัญที่ทำให้แรดลดจำนวนลงไปมากจนตกอยู่ในสภาวะใกล้สูญพันธุ์ เพราะแรดเป็นสัตว์ที่ปรับตัวเข้ากับสภาพธรรมชาติที่เปลี่ยนไปได้ยาก

กลับมาที่บ้านเรา แม้แรดจะสูญพันธุ์ไปนานแล้ว แต่คนไทยส่วนใหญ่ก็ยังคงคุ้นหูกับคำว่าแรดแบบติดอยู่ที่ริมฝีปาก อยากจะบอกใครบางคนว่าทำไมคุณช่าง “แรด” เหลือเกิน

เพราะคนไทยเราแต่ไหนแต่ไรมามักจะเปรียบผู้หญิงที่มีความประพฤติไม่เหมาะสม ไม่เป็นกุลสตรี ไม่สำรวม ทำกิริยาไม่เหมาะสมเวลาอยู่ต่อหน้าผู้ชายว่า (เธอ)“แรด”! หรือถ้าจะให้ฟังได้อารมณ์หน่อยก็ “อีแรด”!!!

เหตุที่คนไทยสมัยโบราณเปรียบผู้หญิงบางคนที่มีพฤติกรรมตามที่กล่าวมาข้างต้นว่าแรด จากข้อมูลที่ผมสืบค้นพบว่า เวลาถึงฤดูผสมพันธุ์ แรดตัวเมียจะเกิดความต้องการอย่างมาก มันต้องเสาะหาตัวผู้มาผสมพันธุ์ด้วย ถ้าตัวผู้ตัวไหนไม่ยอมมันจะเอานอไล่ขวิดให้ยอมให้ได้ แต่ถ้าตัวผู้ไม่ยอมจริงๆ ตัวเมียก็จะไล่ขวิดจนตัวผู้ที่สู้ไม่ได้ล้มตายกันเลยทีเดียว

จากคำด่าแรดน่าจะเป็นข้อสันนิษฐานที่ช่วยยืนยันได้ว่าเมืองไทยเคยมีประชากรแรดอาศัยอยู่ ชนิดที่ให้คนโบราณสังเกตพฤติกรรมของมันออก และนำมาประยุกต์เป็นคำด่าที่ติดปากมาจนถึงทุกวันนี้
เกาะแรด ชุมพร
สำหรับในบ้านเรานั้นปัจจุบันใครที่อยากชมแรดตัวเป็นๆ ก็ต้องไปชมกันในสวนสัตว์ นอกจากนี้ชื่อของแรดยังมีปรากฏอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวบางแห่ง เป็นแหล่งท่องเที่ยวแรดๆ อย่างเช่น "เกาะแรด" จ.ชุมพร ที่เป็นเกาะขนาดเล็กไม่มีชายหาดมีแต่โขดหินและหน้าผาสูง ตัวเกาะเมื่อมองถูกมุมจะพบว่ามีรูปพรรณสัณฐานคล้ายแรดหมอบกลางทะเล เพราะมีเนินหินยื่นขึ้นมาดูเหมือนนอ เกาะแรดถือเป็นหนึ่งในจุดดำน้ำยอดนิยมของชุมพร เพราะโลกใต้ทะเลมีปะการังและมีปลาสวยงามมากหลาย

ข้ามจากทะเลอ่าวไทยไปฝั่งอันดามันก็มี “แหลมท้ายแรด” หรือแหล่งโบราณคดี “เขากาโรส” ต.อ่าวลึก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์โบราณคดี ที่นี่มีภาพเขียนสีโบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์รูปคนและสัตว์ให้ล่องเรือชมกัน ซึ่งถือเป็นภาพเขียนสีที่ยังคงมีความสมบูรณ์อยู่มากทีเดียว

จากทะเลขึ้นมาเที่ยวน้ำตก“บางหัวแรด”ที่อุทยานแห่งชาติเขาสก จ.สุราษฎร์ธานี น้ำตกบางหัวแรดเป็นน้ำตก 2 ชั้นที่แม้จะไม่สูงแต่ก็มีความสวยงาม ถือเป็นพื้นที่ล่องแก่งสุดมันแห่งลำคลองศก

ขึ้นจากใต้มาดูที่เที่ยวแรดๆ กันที่ จ.อุทัยธานี กับ “เขาผาแรด” แห่ง ต.ลานสัก อ.ลานสัก เขาผาแรดเป็นเขาลูกเล็กๆ สูงประมาณ 376 เมตร แต่ภายในเขามีถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยสวยงามอยู่ อีกทั้งยังมีค้างคาวให้ชม และมีสำนักสงฆ์บริเวณเชิงเขาให้ผู้มีจิตศรัทธาได้กราบไหว้พระกัน

ชื่อแรดในอุทัยฯ ยังไม่หมด เพราะจังหวัดนี้ยังมี“ปลาแรด”แห่งแม่น้ำสะแกกรังเป็นอาหารขึ้นชื่อ

ส่วนใครที่อยากสัมผัสอะไรเกี่ยวกับแรดช่วงหน้ามะม่วงก็มี “มะม่วงแรด” ให้ลองลิ้มชิมรสกัน กับรสเปรี้ยวๆ หวานๆ

ครับ นั่นก็คือเรื่องราวบางส่วนเกี่ยวกับแรดที่ต่อยอดจากสัตว์ไปยังแหล่งท่องเที่ยวมาจนถึงของกิน ซึ่งด้วยความเป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์และเป็นสัตว์ที่มีลักษณะพิเศษ ทำให้มีการกำหนด “วันแรดโลก” ขึ้น ตรงกับวันที่ 22 ก.ย. ของทุกปี

สำหรับสวนสัตว์ องค์กร หรือหน่วยงานใดๆ ที่หากจะจัดกิจกรรมในวันแรดโลกที่ใกล้จะถึงนี้ ในเฟซบุ๊กผมเห็นมีการแชร์ภาพของพรีเซ็นเตอร์วันแรดโลกเข้าประกวดกันกระจาย ใครอยากรู้คงต้องเข้าไปหาดูกันเอาเอง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น