xs
xsm
sm
md
lg

ลุ้นระทึก!!!ตลาดร่มหุบ ช้อปของดีตลาดน้ำอัมพวา...เที่ยว"เมือง 2 สมุทร" เล็กๆแต่น่ารัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บรรยากาศบริเวณปากแม่น้ำท่าจีน
ประเทศไทยมีจังหวัด 3 สมุทร ได้แก่ สมุทรปราการ สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม โดยจังหวัด 2 สมุทรหลังคือ สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม มีพื้นที่ติดกัน ด้วยเหตุนี้ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)จึงชูกิจกรรม "ก๊อกแก๊กทัวร์" เที่ยว "เมือง 2 สมุทร" 2 จังหวัดแห่งสายน้ำ สมุทรสงครามและสมุทรสาครขึ้น เพื่อส่งเสริมการทั้งเที่ยวในจังหวัดทั้งสอง อีกทั้งยังเป็นที่มาของการออกท่องเมือง 2 สมุทรในทริปนี้

สำหรับจังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดสมุทรสงครามนั้นเป็นจังหวัดเล็กๆ และนับว่าเป็นเมืองแห่งสายน้ำสมกับชื่อจริงๆ โดยทั้งอาณาเขตของทั้งสองจังหวัดนั้นติดต่อกับท้องทะเลอ่าวไทย อีกทั้งยังเป็นเมืองปากอ่าวและมีแม่น้ำสายสำคัญไหลผ่านอีกด้วย โดยจังหวัดสมุทรสาครนั้นเป็นจุดสิ้นสุดของแม่น้ำท่าจีน ส่วนจังหวัดสมุทรสงครามก็เป็นจุดสุดท้ายของแม่น้ำแม่กลองที่ไหนผ่านหล่อเลี้ยงผู้คนสองฝากฝั่งจนมาออกสู่ทะเลอ่าวไทย
พระอุโบสถหลังเก่า “วัดโคกขาม”
ทั้งสองจังหวัดนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆหลากหลาย "ตะลอนเที่ยว" จึงขอเริ่มพาไปเที่ยวในจังหวัดที่ใกล้เมืองกรุงมากที่สุดอย่าง “สมุทรสาคร” ปลายสุดแห่งแม่น้ำท่าจีน โดยสถานที่แรกที่เราจะไปนั้นก็คือ “วัดโคกขาม” ในตำบลโคกขาม อำเมือง โดยตะลอนเที่ยวจะพามาไหว้พระทำบุญเอาฤกษ์เอาชัยก่อนออกไปตะลอนยังที่อื่นๆ วัดโคกขามแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา พื้นที่ในวัดนั้นกว้างขวาง มีสิ่งที่น่าสนใจนั้นคือพระอุโบสถหลังเก่าเป็นสถาปัตยกรรมในช่วงสมัยอยุธยาตอนปลาย อีกทั้งภายในได้ประดิษฐาน "หลวงพ่อสัมฤทธิ์" องค์จำลองเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธศิลป์เลียนแบบพระพุทธสิหิงค์ นับได้ว่าเป็นพระพุทธสิหิงค์ 1 ใน 4 องค์ของประเทศเทศไทย โดยองค์จริงนั้นได้เก็บรักษาไว้ในกุฏิเพื่อความปลอดภัย
หลวงพ่อสัมฤทธิ์
ส่วนสถานที่อีกแห่งที่เราจะมากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอพรนั้นก็อยู่ถัดไปไม่ไกลมาก ที่ “ศาลพันท้ายนรสิงห์” อนุสรณ์แห่งความซื่อสัตย์ ศาลแห่งนี้อยู่ที่ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร เชื่อกันว่าเป็นศาลที่พระเจ้าเสือ พระมหากษัตริย์สมัยอยุธยาสร้างให้แก่นายพันท้ายเรือของพระองค์
“อนุเสาวรีย์พันท้ายนรสิงห์”
"ตะลอนเที่ยว" ขอกล่าวประวัติคร่าวๆ ให้ฟัง ตามเรื่องในพงศาวดาร สมเด็จพระเจ้าเสือได้เสด็จโดยเรือพระที่นั่งเอกชัยประพาสเพื่อทรงเบ็ด ณ ปากน้ำเมืองสาครบุรี (จังหวัดสมุทรสาครปัจจุบัน) เมื่อเรือพระที่นั่งถึงตำบลโคกขามซึ่งเป็นคลองคดเคี้ยวและมีกระแสน้ำเชี่ยว พันท้ายนรสิงห์ซึ่งถือท้ายเรือพระที่นั่งมิสามารถคัดแก้ไขได้ จึงเป็นเหตุให้โขนเรือพระที่นั่งชนกับกิ่งไม้หักตกลงไปในน้ำ ตามกฎมณเฑียรบาลผู้ที่เป็นเหตุทำให้หัวเรือพระที่นั่งหักต้องถูกประหารชีวิต แม้พระเจ้าเสือจะพระราชทานอภัยโทษแต่พันท้ายนรสิงห์ไม่ยอมเพราะจะเป็นการขัดกฎมณเฑียรบาลจึงขอให้ประหาร หลังจากประหารชีวิตแล้วจึงได้สร้างศาลเพียงตาขึ้น โดยปัจจุบันศาลพันท้ายนรสิงห์นั้นเป็นศาลหลังใหม่ที่สร้างทดแทนศาลหลังเดิมที่ได้ชำรุดทรุดโทรมไปแล้ว อีกทั้งยังมีอนุสาวรีย์พันท้ายนรสิงห์อยู่บริเวณหน้าศาลด้วย ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้เป็นที่เคารพนับถือและมีผู้ศรัทธามากราบไหว้เป็นจำนวนมาก
ทัศนียภาพบริเวณ “นาเกลือ”
ที่เมืองสมุทรสาครยังมีสิ่งที่ทำให้ "ตะลอนเที่ยว" เกิดความรู้สึกตื่นตาตื่นใจ นั้นก็คือ “นาเกลือ” โดยตลอดเส้นทางของเมืองสมุทรสาครนั้น เราสามารถเห็นนาเกลือได้เป็นระยะๆ นาเกลือถือเป็นการผลิตเกลืออีกวิธีหนึ่งซึ่งเป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านในเถบนี้ โดยมีขั้นตอนคร่าวๆ คือ ใช้กังหันทดน้ำทะเลมาขังไว้ในแปลงนาที่เตรียมไว้และใช้แสงแดดทำให้น้ำระเหยจนตกผลึกกลายเป็นเกลือ โดยเกลือที่ได้ในแถบนี้จะเรียกว่าเกลือสมุทร ทัศนียภาพของท้องทุ่งนาเกลือนั้นถือว่าสวยงามไม่น้อยเลยทีเดียวเพราะด้วยสีขาวจากเกลือที่กองไว้เป็นจุดๆ และความกว้างใหญ่ของทองนาเกลือนั้นก็ทำให้ใครหลายคนรู้สึกตื่นเต้นไปตามๆกัน และหากใครสนใจก็สามารถซื้อเกลือกลับได้อีกด้วย โดยจะมีร้านขายตลอดเส้นทางเป็นการอุดหนุนผลิตภัณฑ์ชุมชนอีกทางหนึ่ง
บรรยากาศขณะรถไฟกำลังมา “ตลาดร่มหุบ”
ผ่านท้องทุ่งนาเกลือมาได้สักพัก ก็เข้ามาในเขตของ "จังหวัดสมุทรสงคราม" เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่แพ้จังหวัดใกล้เคียงเลยทีเดียว

สถานที่ท่องเที่ยวที่ "ตะลอนเที่ยว" จะไปเยือนที่แรกนั้นถือเป็นไฮไลท์เด่นของจังหวัดนี้กันเลยทีเดียวนั่นก็คือ “ตลาดร่มหุบ” หรือ “ตลาดแม่กลอง” ซึ่งตั้งอยู่ใน อ.เมือง ความพิเศษของตลาดแห่งนี้นั้นหลายๆ คนคงทราบกันดีว่าเป็นตลาดที่น่าหวาดเสียวที่สุด เนื่องจากตลาดแห่งนี้ตั้งอยู่บนทางรถไฟที่แล่นผ่านไปสู่สถานีแม่กลองที่อยู่ไม่ไกล ในช่วงเวลาที่พ่อค้าแม่ขายและเหล่าผู้คนกำลังจับจ่ายซื้อของอยู่ หากรถไฟมาก็จะส่งสัญญาณเตือน และทุกๆ คนในพื้นที่ตลาดก็จะสาละวนในการเก็บของและหาที่หลบเพื่อหลีกทางให้แก่ขบวนรถไฟ แต่อย่าตกใจไปเพราะรถไฟไม่ได้แล่นเร็วมาก หากได้ไปอยู่ในเหตุการณ์ก็ถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่สร้างความตื่นเต้นอย่างไม่รู้ลืมทีเดียวเชียว
ปลาทูแม่กลอง” ของกินขึ้นชื่อของสมุทรสงคราม
ภายในตลาดแห่งนี้ยังมีสิ้นค้ามากมายให้ได้เลือกซื้อ โดยเฉพาะของทะเลนั้นถือว่าสดใหม่จากทะเล ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลานานาชนิด แต่ที่ขึ้นชื่อที่สุดต้องเป็น “ปลาทูแม่กลอง” ที่มีเอกลักษณ์คือ “หน้างอคอหัก” นอนอยู่ในเข่งรอให้ผู้ที่มาเยือนได้ซื้อกลับไปลองลิ้มชิมรส เพราะถิ่นแม่กลองนี้ขึ้นชื่อเรื่องปลาทูเพราะบริเวณอ่าวไทยเขตสมุทรสงครามนั้นมีปลาทูชุกชุมและมีคุณภาพดีจนใครๆ ก็ต้องพูดถึง
บรรยากาศ “ตลาดน้ำอัมพวา” ในยามค่ำคืน
ปิดท้ายเมือง 2 สมุทร กันที่สถานที่ท่องเที่ยวเด่นยอดนิยมของเมืองสมุทรสงคราม ที่ “ตลาดน้ำอัมพวา”  ในอำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ตลาดน้ำแห่งนี้จะเปิดตั้งแต่ช่วงบ่ายจนไปถึงยามค่ำคืน โดยในช่วงเย็นย่ำถึงช่วงค่ำนั้นบรรยากาศกำลังคึกคักจอแจไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศ ภายในพื้นที่ตลาดมีร้านค้าร้านอาหารมากมายหลากหลายทั้งอาหารคาวหวาน อาหารพื้นถิ่น สินค้าของที่ระลึกอยู่ตลอดสองฝั่งคลอง และมีเรือพ่อค้าแม่ขายที่พายมาขายของสร้างสีสันให้กับในคลองแห่งนี้เพิ่มขึ้นอีก
แม่น้ำแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม
นอกจากนักท่องเที่ยวจะมาเดินเล่น ชิมอาหารและซื้อของฝากกันที่ตลาดแล้ว ส่วนมากก็จะนิยมไปล่องเรือชมทิวทัศน์ของแม่น้ำแม่กลองชมวิถีชีวิตและบรรยากาศบ้านเรือนริมน้ำที่จะได้เห็นตลอดทางที่เรือแล่น และยังจะได้แวะชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่น่าสนใจ เช่น วัดบางแคน้อย ค่ายบางกุ้ง โบสถ์บางนกแขวก อีกทั้งยังมีบริการเรือพาไปชมหิ่งห้อยในยามค่ำคืนอีกด้วย

ในครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ท่องเที่ยวที่คุ้มจริงๆ เพราะนอกจากจะได้เที่ยวหลากหลายสถานที่และหลากหลายอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์สงบที่วัดโคกขาม อารมณ์ตื่นเต้นที่ตลาดร่มหุบ อารมณ์ชื่นบาน ช้อป-ชิม-ชม ที่ตลาดน้ำอัมพวา จึงอยากจะขอบอกต่อๆ กันว่าหากใครที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่รู้สึกจำเจและไม่ไกลกรุงเทพฯ เมือง 2 สมุทร สมุทรสาครและสมุทรสงครามก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยที่เดียว

**********************************************************************************

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานภาคกลาง (ททท.) โทร. 0-2250-5500 และทางเว็บไซต์ www.tiewpakklang.com  

******************************************************************************

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น