ประเทศไทยมีพิพิธภัณฑ์ดีๆน่าสนใจมากมาย แต่น่าแปลกที่พฤติกรรมคนไทยกับไม่ค่อยนิยมเข้าพิพิธภัณฑ์สักเท่าไหร่
อย่างไรก็ดีการเที่ยวชมสำหรับคนชอบเที่ยวพิพิธภัณฑ์หรือคนที่สนใจจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆนั้น มันมีเสน่ห์และความเพลิดเพลินที่น่าสนใจไม่น้อย
สำหรับทริปนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ฉันเลือกเที่ยวพิพิธภัณฑ์เป็นหลักร่วมไปกับสิ่งน่าสนใจรอบๆเกาะรัตนนโกสินทร์ เพื่อเที่ยว - ชม แหล่งเรียนรู้และพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ที่อยู่บริเวณรอบๆ เกาะรัตนโกสินทร์ โดยฉันเริ่มต้นที่ “มิวเซียมสยาม” พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนสนามไชย รูปร่างภายนอกสวยงามเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งตึกมิวเซียมสยามเป็นตึกเก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 เดิมเคยเป็นกระทรวงพาณิชย์มาก่อน อีกทั้งยังมีสถาปัตยกรรมที่งดงามไม่แพ้ที่ไหนอีกด้วย
เรื่องราวในมิวเซียมสยามนั้นเน้นเรื่องประวัติศาสตร์ไทย แต่ที่โดดเด่นก็คือการเป็นพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ที่เน้นสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ในการชมพิพิธภัณฑ์ และสิ่งหนึ่งที่ทำให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่เหมือนที่ไหนก็คือ นอกจากจะได้เดินดูเฉยๆ แล้ว ยังสามารถจับต้องสิ่งของที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ได้ สามารถเล่นและถ่ายรูปได้ เหมือนกับได้เรียนรู้กันแบบสมจริงสมจังอีกด้วย
เมื่อเข้าไปยังพิพิธภัณฑ์มิวเซียมสยามแล้ว จะเจอกับนิทรรศการชุด “เรียงความประเทศไทย” ที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของบ้านเมืองและผู้คนในประเทศไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยดึงลักษณะเด่นของประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต การเมือง วัฒนธรรมของแต่ละช่วงเวลาจากสุวรรณภูมิสู่สยามประเทศถึงประเทศไทย เพื่อเรียนรู้อดีตของผู้คนในดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และค้นหาคำตอบว่า “เราคือใคร” และ “ความเป็นไทยหมายถึงอะไร”
นอกจากจะได้เรียนรู้เรื่องราวความเป็นมาของอดีตในแต่ละช่วงเวลาแล้ว ก็ยังสามารถเข้าไปมีประสบการณ์ร่วมกับอดีตที่เคยผ่านมาได้ด้วย อย่างที่ห้องหนึ่ง ฉันก็ยังได้ลองเข้าไปสวมบทบาทเป็นผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์ของช่อง 4 บางขุนพรหม มีทั้งโต๊ะผู้ประกาศข่าวและมีกระดาษให้อ่าน เสมือนว่าได้เป็นผู้ประกาศข่าวกันจริงๆ หรือจะเป็นห้องที่มีการลองเครื่องแต่งตัวของคนไทยในสมัยก่อน ก็ทำให้การมาชมพิพิธภัณฑ์ดูสนุกไปอีกแบบ
เมื่อฉันออกจากมิวเซียมสยามมา ฉันก็มุ่งหน้ามาที่วัดราชนัดดารามวรวิหาร เพื่อเข้ามาชมสิ่งโดดเด่นของวัดราชนัดดาฯ นั่นก็คือ “โลหะปราสาท” (พุทธสถานที่มีเรือนยอดเป็นโลหะที่เหลืออยู่เพียงหลังเดียวในโลก) โลหะปราสาทนับเป็นโลหะปราสาทองค์แรกและองค์เดียวในประเทศไทย และนับเป็นโลหะปราสาทองค์ที่ 3 ของโลก
ถึงแม้ว่าโลหะปราสาทแห่งนี้จะเป็นโลหะปราสาทที่เหลืออยู่เพียงหลังเดียวของโลก แต่โลหะปราสาทแห่งนี้ ก็ไม่ได้เป็นโลหะปราสาทหลังแรก เพราะก่อนหน้านี้ในประวัติศาสตร์ก็เคยมีการสร้างโลหะปราสาทมาแล้ว 2 หลังด้วยกัน คือโลหะปราสาทที่ประเทศอินเดีย (ซึ่งปัจจุบันไม่เหลือร่องรอยให้เห็นแล้ว) และประเทศศรีลังกา (ปัจจุบันเหลือเพียงซากปราสาท)
เมื่อมาถึงฉันไม่รอช้ารีบเดินตรงปรี่ไปยังโลหะปราสาทยอดสูงทันที ภายนอกดูใหญ่โตอลังการสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ โลหะปราสาทแห่งนี้มีทั้งหมด 7 ชั้นด้วยกัน เมื่อเดินเข้าไปยังด้านใน ชั้นหนึ่งจะเป็นการจัดแสดงนิทรรศการ ที่บอกเล่าเรื่องราวของโลหะปราสาท เมื่อเดินชมนิทรรศการจนครบแล้ว ฉันมุ่งหน้าเดินขึ้นบันไดเพื่อขึ้นไปยังชั้นบน ในส่วนของชั้นที่สองจะเป็นสถานที่นั่งสมาธิและเดินจงกลม เมื่อเดินขึ้นต่อไปเรื่อยๆ จะมองเห็นทัศนียภาพบริเวณรอบๆ วัดราชนัดดาฯ อย่างชัดเจน และนอกจากนี้โลหะปราสาทส่วนบนยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุอีกด้วย (หากไปชมโลหะปราสาทในช่วงเวลานี้อาจจะไม่ได้เห็นความสวยงามอย่างเต็มที่ เนื่องจากมีการบูรณะโลหะปราสาทอยู่)
จากนั้นฉันเลือกเดินทางไปยัง "พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว" ที่ตั้งอยู่เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ที่ก็อยู่ไม่ไกลจากบริเวณโลหะปราสาทนัก เพื่อเรียนรู้เรื่องราวในอดีตอันทรงคุณค่า เมื่อฉันมาถึงด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ฯ พระปกเกล้า ก็มองเห็นสถาปัตยกรรมตะวันตกสไตล์นีโอคลาสสิกสีขาว มีทั้งหมด 3 ชั้น และมียอดโดมตรงกลาง ซึ่งก็คืออาคารพิพิธภัณฑ์นั่นเอง
อาคารหลังนี้สร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เดิมเป็นสำนักงานใหญ่กรมโยธาฯ ต่อมาในปี ในปี พ.ศ.2523 ได้ปรับเปลี่ยนเป็น “พิพิธภัณฑ์รัฐสภา” ก่อนจะเปลี่ยนเป็น พิพิธภัณฑ์ฯ พระปกเกล้า ในปี พ.ศ.2544 โดยมีสถาบันพระปกเกล้าเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ
ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงนิทรรศการถาวรเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับรัชกาลที่ 7 ทั้งหมด ตั้งแต่การสืบราชสันติวงศ์ พระราชประวัติก่อนเสด็จขึ้นครองราชย์ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระราชกรณียกิจ การเปลี่ยนแปลงการปกครอง การพระราชทานรัฐธรรมนูญ สิ่งของเครื่องใช้ส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี รวมถึงยังมีการแสดงในส่วนของศาลาเฉลิมกรุงเก่าอีกด้วย ซึ่งในส่วนนิทรรศการทั้งหมดนั้นจะอยู่ในชั้นที่ 2 และ 3
เมื่อเข้าสู่ตัวพิพิธภัณฑ์ ด้านในมีการจัดแบ่งโซนไว้อย่างเรียบร้อย โดยทางเดินจะช่วยบังคับให้เราไล่เรียงเรื่องราวต่างๆ ไปตามลำดับกาลและง่ายต่อการเข้าใจ จนทำให้ฉันรู้สึกเหมือนว่าได้ย้อนเวลากลับไปในช่วงเหตุการณ์ต่างๆ ในสมัยก่อนได้ดีทีเดียว
ปิดท้ายการเดินทางของวันนี้ ฉันมาจบลงที่บริเวณถนนราชดำเนินกลาง ข้างลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “นิทรรศน์รัตนโกสินทร์” ภายในจัดแสดงประวัติศาสตร์ในยุครัตนโกสินทร์ผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัยทั้งสื่อจัดแสดง หุ่นจำลอง การนำสื่อผสมเสมือนจริง 4 มิติ ทำให้เราได้ร่วมสนุก และตื่นตาตื่นใจไปกับการจัดแสดงที่ร้อยเรียงเรื่องราวเป็น 9 ห้องด้วยกัน ได้แก่ รัตนโกสินทร์เรืองโรจน์, เกียรติยศแผ่นดินสยาม, เรื่องนามมหรสพศิลป์, ลือระบิลพระราชพิธี, สง่าศรีสถาปัตยกรรม, ดื่มด่ำย่านชุมชน, เยี่ยมยลถิ่นกรุง, เรื่องรุ่งวิถีไทย และดวงใจปวงประชา
สำหรับการเข้าชมภายในแต่ละห้องจะมีเจ้าหน้าที่คอยบรรยายประวัติต่างๆ ให้เราฟัง เริ่มแรกฉันได้เข้าสู่อุโมงค์กาลเวลา ถัดมาก็เข้าสู่ห้องดื่มด่ำย่านชุมชน และห้องอื่นๆตามลำดับ แต่การมาที่นี่ของฉันไม่เพียงแต่จะได้เรียนรู้เท่านั้น ฉันยังทำกิจกรรมต่างๆ ของแต่ละห้องอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการจำลองร้านทำผม การถ่ายรูปหน้าปกนิตยสารในสมัยก่อน หรือกระทั่งห้องจำลองการนั่งรถไฟฟ้าบีทีเอสก็ตาม
นอกจากนี้แล้วภายในนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ยังมีห้องสมุดให้ฉันได้เข้าไปนั่งอ่านหนังสืออย่างเพลิดเพลินใจอีกด้วย และการเข้าชมพิพิธภัณฑ์รอบๆ เกาะรัตนโกสินทร์ของฉันในครั้งนี้ นอกจากฉันจะได้เรียนรู้วิถีชีวิต และประวัติศาสตร์แล้ว ฉันยังได้ความสนุกและความประทับใจกลับบ้านไปอีกด้วย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สำหรับใครที่อยากจะไปสัมผัสประสบการณ์การท่องพิพิธภัณฑ์บริเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ทางสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) ได้จัดโครงการ “Muse Pass” ขึ้น ซึ่งเป็นโครงการที่จะพาท่องเที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ร่วมเดินทางเพื่อสัมผัสวิถีชีวิตไทย และร่วมย้อนอดีตรำลึกถึงความรุ่งเรืองในยุครัตนโกสินทร์ ผ่านพิพิธภัณฑ์ต่างๆ อาทิ มิวเซียมสยาม นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โลหะปราสาท เป็นต้น
บัตร Muse Pass สามารถใช้ท่องเที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์ได้ภายในใบเดียว โดยสามารถเข้าเยี่ยมชมมิวเซียมสยาม นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โลหะปราสาท และชิมอาหารอร่อยในย่านเก่าแก่บางลำพูและท่าเตียน และสามารถใช้สิทธิ์ส่วนลดในร้านค้า ร้านอาหาร ที่เข้าร่วมโครงการ พร้อมบริการรถรับ-ส่ง ตลอดเส้นทางท่องเที่ยว โดยหมดเขตภายในเดือนกันยายนปีนี้เท่านั้น
บัตร Muse Pass ราคาใบละ 100 บาท มีจำหน่ายที่มิวเซียมสยามและนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ สามารถใช้บัตรได้ตั้งแต่วันนี้ - 30 กันยายน 2556 สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ มิวเซียมสยาม โทร. 0-2225-2777 ต่อ 123, 505 www.museumsiam.org, www.facebook.com/museumsiamfan และ นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ โทร. 0-2621-0044 www.nitasrattanakosin.com, www.facebook.com/nitasrattanakosin
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของผู้จัดการท่องเที่ยว Travel @ Manager on Facebook รับข่าวสารทั้งเรื่องกินเรื่องเที่ยวแบบรวดเร็วทันใจ และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!!
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com