แม้การจากไปของ“จิม ทอมป์สัน”ผู้ได้ชื่อว่าเป็น“ราชาผ้าไหมไทย” หนึ่งในบุคคลระดับตำนานจะยังคงเป็นปริศนา แต่จากข้อมูลหลักฐานส่วนใหญ่ระบุตรงกันว่า เขาหายตัวไปอย่างลึกลับ ที่“คาเมรอน ไฮแลนด์”(Cameron Highlands) ซึ่งปัจจุบันถือเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวขึ้นชื่อของมาเลเซีย ที่คนไทยนิยมเดินทางไปเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก
รู้จักคาเมรอน ไฮแลนด์
คาเมรอน ไฮแลนด์ เป็นดินแดนที่ราบสูงทางภาคเหนือของมาเลเซีย ตั้งอยู่ในรัฐปาหัง ดินแดนแห่งนี้ เดิมที่นี่เป็นป่าเขากับถิ่นที่อยู่ของชนพื้นถิ่น จนกระทั่งในปี ค.ศ.1885 “วิลเลียม คาเมรอน”(William Cameron)นักสำรวจชาวอังกฤษเดินทางมาค้นพบ ซึ่งเขาได้บรรยายว่าดินแดนแห่งนี้เป็น “ที่ราบสูงที่ลาดเอียงได้อย่างสวยงามและโอบล้อมไปด้วยหุบเขาสูงตระหง่าน”
หลังจากนั้นดินแดนแห่งนี้ก็ได้รับการพัฒนา มีการสร้างชุมชน สร้างเมืองขึ้น โดยคนกลุ่มแรกๆที่เข้ามาจับจองพื้นที่ คือพวกเจ้าของไร่ชา เจ้าของฟาร์ม ผู้มีอันจะกินที่มองหาดินแดนที่มีอากาศดี สงบ เป็นส่วนตัว ขณะที่ทางผู้ปกครองในยุคนั้นคืออังกฤษก็ได้สร้างที่นี่เป็นเมืองพักตากอากาศ ให้เป็นที่รองรับสำหรับผู้ป่วย ผู้สูงวัย และผู้เกษียณอายุ โดยมีชาวจีนเดินทางเข้ามาทำไร่ ทำสวนผัก หลังจากที่เมืองค่อยๆพัฒนาขึ้น
สำหรับชื่อคาเมรอน ไฮแลนด์นั้น ได้ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติในภายหลังแก่ผู้ค้นพบดินแดนแถบนี้(อย่างเป็นทางการ)คือ“วิลเลียม คาเมรอน”
ปัจจุบันคาเมรอน ไฮแลนด์มีเมือง(อำเภอ)หลัก 3 เมือง ไล่ไปตามระดับความสูง คือ “ริงเลท”(Ringlet) เมืองที่สร้างขึ้นเป็นแห่งแรกในคาเมรอน ชาวเมืองส่วนใหญ่เป็นคนจีน ที่นี่ถือเป็นพื้นที่หลักในการทำสวนผลไม้ สวนผัก
เมืองสำคัญสูงขึ้นถัดไปคือเมือง “ทานา ราตา”(Tanah Rata) เป็นศูนย์กลางการปกครอง เมืองราชการในอดีต มีบ้านพัก บังกะโล ตลาด ร้านค้า ร้านอาหารมากมาย โดยเฉพาะกลุ่มตึกเก่า และกลุ่มอาคารกลางเมืองที่สร้างอย่างสวยงามนั้นซึ่งถือเป็นจุดเดินเที่ยวชั้นดีของเมืองนี้
ส่วนเมืองสำคัญลำดับสุดท้ายคือ“บรินชาง”(Brinchang) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่สูงสุดในหุบเขา มีการทำ ไร่ชา สวนผลไม้ ฟาร์มสตรอเบอร์รี่ และพืชผักเมืองหนาวอื่นๆ ซึ่ง“ตะลอนเที่ยว” กับคณะเลือกพักในเมืองบรินชางที่โรงแรม “Equatorial” ที่มีวิวรอบข้างสวยงาม จากระเบียงพักชั้นต่างๆสามารถมองลงมาเห็นทิวทัศน์เมืองบรินชางในหุบเขาได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ Equatorial ยังถือเป็นโรงแรมที่มีคนไทยนิยมไปพักกันไม่น้อย ถึงขนาดทางโรงแรมมีคาราโอเกะเพลงไทยไว้บริการกันเลยทีเดียว
ไร่ชา -ลาเวนเดอร์-สตรอเบอร์รี่
คาเมรอน ไฮแลนด์ มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสูง มีความสูงเฉลี่ย 1,524 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นดินแดนที่มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี มีจุดสูงสุดคือยอดเขาบรินชางที่สูงด้วยเลขสวยคือ 6,666 ฟุต หรือราว 2,000 เมตร(1,999.80 เมตร) ซึ่งนักทองเที่ยวสามารถเดินทางขึ้นไปสัมผัสกันได้
ปัจจุบันแม้พื้นที่ส่วนใหญ่ของคาเมรอน ไฮแลนด์จะได้รับการพัฒนาสร้างอาคารสถานที่และสิ่งต่างๆรองรับการเติบโตของเมืองและธุรกิจท่องเที่ยวที่กำลังโตวันโตคืน แต่เมืองนี้ก็ยังคงหลงเหลือสภาพป่าฝนเขตร้อนชื้นให้สัมผัสกันพอสมควร โดยเฉพาะกับเฟิร์นมหาสดำที่ถือเป็นพืชโบราณ พืชดึกดำบรรพ์เหลือน้อยในบ้านเรา แต่ที่นี่มีให้เห็นกันเพียบ ทั้งตามป่าเขา ตาม 2 ข้างทาง ริมไร่ หรือแม้กระทั่งแต่ในเมือง
ด้วยความที่มีอากาศดี ดินดี คาเมรอน ไฮแลนด์จึงเป็นแหล่งปลูกพืชผักเมืองหนาวชั้นนำของมาเลเซีย ส่งผลให้ที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่เปิดไร่ เปิดฟาร์ม เปิดสวนให้คนเข้าไปเที่ยวชมกันเป็นจำนวนมาก
สำหรับทริปนี้ “ตะลอนเที่ยว” พุ่งเป้าไปที่ 3 แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรยอดฮิตของเมือง เริ่มกันที่ “ไร่ชาสุไหง ปาลัส”(Sungei Palas) ในสังกัด BOH ชาแบรนด์ดังของมาเลเซีย ตั้งอยู่ในเมืองบรินชาง เป็นไร่ชาขนาดใหญ่ที่สูงที่สุดในคาเมรอน ไฮแลนด์
ภายในไร่มีจุดชมวิว จุดถ่ายรูปไร่ชาอันกว้างไร่สวยงาม มีการจัดตกแต่งภูมิทัศน์อย่างสวยงาม นอกจากนี้ยังมีโรงงานผลิตชาเปิดให้เที่ยวชม มีพิพิธภัณฑ์ชาให้เดินดูกรรมวิธีแบบโบราณ รวมถึงมีร้านขายของที่ระลึกเน้นชาสารพัด และร้านอาหาร เครื่องดื่ม ที่มีมุมระเบียงเป็นไฮไลท์ให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปไร่ชาในมุมสวยเริ่ดกัน
จุดต่อไปเป็นไร่หรือฟาร์มสตรอเบอรี่ที่มีให้เลือกเที่ยวกันหลายแห่ง บางสวนเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าไปเก็บสตรอเบอร์รี่สดๆจากต้นได้ ในราคาตามที่สวนกำหนด แต่งานนี้เราพุ่งเป้าไปที่ “Big Red Straw Berry Farm” ฟาร์มชื่อดังที่มีการปลูกสตรอเบอร์รี่ในกระถางและปลูกพืชผักแบบไฮโดรโพนิก ในฟาร์มมีมุมสวยๆเก๋ๆให้ถ่ายรูป มีสตรอเบอรี่สดๆสีแดงสวยให้เลือกซื้อ และของกินที่มีส่วนของสตรอเบอรี่มากหลายให้เลือกกิน
มาถึงแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรลำดับสุดท้าย เป็น “สวนลาเวนเดอร์”(Lavender Garden)ที่ย่าน “Kea Farm” ที่นี่เป็นสวนสวย ด้านในตกแต่งอย่างกิ๊บเก๋ มีมุมสวยงามให้เลือกถ่ายรูปกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นมุมที่นำรองเท้ามาปลูกต้นไม้ มุมตู้ไปรษณีย์ มุมคิตตี้ที่เด็กๆชอบกันมาก มุมคิวปิด มุมป้ายเก๋ๆ และมุมไฮไลท์คือมุมแปลงดอกไม้ด้านหน้าที่ปลูกลาเวนเดอร์ ซัลเวีย บีโกเนีย เป็นแปลงสีม่วง เหลือง แดง ตัดสลับกันอย่างสวยงาม
ขณะที่ด้านบนนั้นเป็นสวนสตรอเบอร์รี่ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าไปเก็บสตรอเบอรี่ในสวนได้ ส่วนบริเวณทางออกเป็นโซนร้านขายของที่ระลึก มากไปด้วยสีสัน มีดีไซน์ ซึ่งสามารถเรียกเงินจากผู้มาเยือนได้ไม่น้อยเลย
ตลาด-ดอกไม้-ผึ้ง - ผีเสื้อ
เลยจากย่าน Kea Farm ไปไม่ไกลเป็นเมือง“ทริงแคป”(Tringkap) ที่นี่มีตลาดพืช ผัก ผลไม้ และของที่ระลึก ให้เลือกช้อปกัน นอกจากนี้ในตลาดยังมี “สวนกุหลาบ”(Rose Centre) ที่ภายในมีกุหลาบ แคคตัส และดอกไม้อีกสารพัดทั้งดอกไม้จริง ดอกไม้ปลอม รวมไปถึงสิ่งประดับสวนอื่นๆให้เลือกชม อีกทั้งยังมีจุดชมวิวให้เดินขึ้นไปชมเมืองทริงแคป ที่มองลงไปเห็นบ้านเรือนปลูกสร้างไล่ระดับตามสภาพพื้นที่ไปอย่างมีสีสัน
ขณะที่ใกล้ๆกัน(มีทางเดินเชื่อมถึง) เป็นพื้นที่จัดแสดงเกี่ยวกับการทำฟาร์มผึ้งหนึ่งในอาชีพที่คนที่นี่นิยมทำกัน มีการนำเสนอให้เห็นถึงผึ้งกับรังชนิดต่างๆ ที่เมื่อได้เห็นใกล้ๆ“ตะลอนเที่ยว” จึงรู้ว่าลวดลายเส้นสายบนรังผึ้งนั้นคืองานศิลปะดีนี่เอง
คาเมรอน ไฮแลนด์ยังมีจุดท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่คนนิยมไปกันนั่นก็คือ “สวนผีเสื้อ”ที่เมื่อเข้าไปภายในมีผีเสื้อมากมายหลากสีสันให้ชม ผีเสื้อบางตัวนึกว่ามันตายแล้วเขาเอามาสตาฟฟ์ไว้ ที่ไหนได้มันยังเป็นอยู่ หนวดกระดิกไหวๆ แต่ตัวกลับเกาะนิ่งบนดอกไม้ ใบไม้ ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปกันอย่างง่ายดาย เหมือนว่ามันรู้งาน ช่วยเจ้าของทำมาหากินยังไงยังงั้น
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นสวนผีเสื้อแต่ที่นี่ก็ยังมีสัตว์อื่นๆให้เที่ยวชม อาทิ แมลงแปลกๆ กิ้งก่า กว่าง ด้วง กบ นก หนู กระต่าย เต่า รวมไปถึงงู สัตว์มีพิษที่ดูน่าเกลียดน่ากลัว แต่ว่ากลับมีคนไปเฝ้าดูมันเป็นจำนวนมาก
บ้านหลังสุดท้ายของจิม ทอมป์สัน
ในยุคที่อังกฤษมาบุกเบิกสร้างเมือง พวกเขาได้นำบ้านสไตล์ยุโรปและบ้านสไตล์ทิวดอร์(Tudor) ที่เป็นงานสถาปัตยกรรมคลาสสิกจากเมืองผู้ดีมาด้วย
บ้านสไตล์ทิวเดอร์เดิมทำจากโครงไม้สน หรือไม้โอ๊ค ภายนอกเน้นทาสีขาว มีลวดลายทาสีเข้มตัดตามโครงสร้างทั้งเส้นนอน เส้นตั้ง และเสียงเฉียง ดูสวยงาม ซึ่งปัจจุบันสถาปัตยกรรมสไตล์นี้ได้กลายมาเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของคาเมรอน ไฮแลนด์ ที่มีโรงแรม รีสอร์ท จำนวนมาก สร้างในรูปแบบนี้
สำหรับอาคารเก่าจากยุคอดีตที่วันนี้มีคนนิยมไปเที่ยวชมกันมากก็คือ “โรงแรมสโมกเฮ้าส์”(Smokehouse Hotel) ที่เป็นโรงแรมแห่งแรกในคาเมรอน ไฮแลนด์สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1937 ในสไตล์ทิวดอร์ อาคารสร้างอย่างสมส่วน บริเวณรอบๆมีสวนหย่อม มีไม้ดอกไม้ประดับตกแต่งอย่างสวยงาม นักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวชมภายนอกได้อย่างสำรวม ส่วนถ้าจะเข้าไปถ่ายภายในหรือถ่ายสวนสวยต้องขออนุญาตทางเจ้าของเขาก่อน
ในคาเมรอน ไฮแลนด์ ยังมีบ้านหลังสำคัญมากอีกหนึ่งหลัง นั่นก็คือ “Moonlight House” หรือ “บ้าน(พัก)จิม ทอมป์สัน”
บ้านมูนไลท์เป็นบ้านเก่าที่จิม ทอมป์สัน เคยมาพักเมื่อครั้งที่มาพักผ่อนเมื่อกว่า 45 ปี ที่แล้ว ก่อนที่เขาจะหายตัวลึกลับไปในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1967(พ.ศ.2510) แถวบริเวณที่วันนี้คือ โรงแรม Strawberry Park ซึ่งจากนั้นมาเลเซียได้ตีให้จิมเป็นคนสาบสูญหลังจากนั้นอีก 10 ปี ผ่านมา
มาวันนี้แม้การหายตัวของจิม ทอมป์สันยังเป็นปริศนา แต่บ้านมูนไลท์ที่เป็นบ้านหลังสุดท้ายก่อนที่จิมจะหายไปได้ถูกชูเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเด่นอีกแห่งหนึ่งของคาเมรอน ไฮแลนด์ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวตามร่องรอยของจิม ทอมป์สันมาดูบ้านหลังนี้ไม่ได้ขาด
บ้านมูนไลท์สร้างคู่กับบ้านซันไรส์(Sunrise House)ที่อยู่ใกล้ๆกัน ซึ่งปัจจุบันบ้านทั้ง 2 หลัง ได้มีผู้มาซื้อกิจการไปทำเป็นโรงแรมที่พัก
สำหรับผู้ที่ไปเที่ยวคาเมรอน ไฮแลนด์ สิ่งต่างๆที่ “ตะลอนเที่ยว” เล่ามา ถือเป็นเสน่ห์บางส่วนของเมืองบนขุนเขาสูงแห่งนี้ที่รอคอยให้ผู้สนใจเดินทางไปสัมผัส
****************************************
คาเมรอน ไฮแลนด์ ตั้งอยู่ในรัฐปาหัง ทางภาคเหนือของมาเลเซีย ห่างจากเมืองหลวงกัวลาลัมเปอร์ประมาณ 200 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมงเนื่องจากเส้นทางสู่คาเมรอน ไฮแลนด์ เป็นทางขึ้นเขา มีสภาพคดเคี้ยว จากเมืองไทยมีเส้นทางรถยนต์ที่คนไทยนิยม คือเส้นทางไปจากด่านสะเดา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แล้วเดินทางสู่คาเมรอน ไฮแลนด์
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลการเดินทาง ที่พัก ร้านอาหาร สายการบิน และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในมาเลเซียได้ที่ การท่องเที่ยวมาเลเซีย สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 0-2636-3380
**********************************************************
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของผู้จัดการท่องเที่ยว Travel @ Manager on Facebook รับข่าวสารทั้งเรื่องกินเรื่องเที่ยวแบบรวดเร็วทันใจ และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!!
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com