xs
xsm
sm
md
lg

เสน่ห์ในความเก่า ตลาดโบราณ “หัวตะเข้-หลวงแพ่ง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นั่งเล่นริมน้ำที่ตลาดหัวตะเข้
ภาพเรือนแถวไม้โย้เย้ริมคลอง หลังคาสังกะสีผุเก่า หากจะบอกว่าเป็นความสวยงามก็คงไม่ใช่ แต่ถ้าบอกว่าเป็น “เสน่ห์” น่าจะเหมาะกว่า เพราะความเก่าแก่ใช่ว่าจะหมายถึงความทรุดโทรมผุพังเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายถึงการผ่านร้อนผ่านหนาวและผ่านเรื่องราวมากมาย ที่หากมองข้ามความผุพังทรุดโทรมเข้าไปให้ลึกก็จะเห็นเสน่ห์ในความเก่านั้น

ฉันจึงรู้สึกดีใจ เมื่อได้ติดสอยห้อยตาม “กลุ่มเครือข่ายการท่องเที่ยวภาคประชาสังคม” ซึ่งเป็นกลุ่มองค์กรภาคประชาชนที่ไม่ได้มุ่งแสวงหากำไร แต่แสวงหาความร่วมมือเพื่ออนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม และทรัพยากรที่มีคุณค่าของชุมชนต่างๆ ให้คงอยู่ โดยใช้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการพัฒนาสังคมและท้องถิ่น มาเที่ยวยัง “ตลาดเก่าริมคลองประเวศบุรีรมย์” เพื่อมาร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ เสริมสร้างประสบการณ์ด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมและวิถีชุมชน โดยตลาดเก่าที่ว่าก็คือ “ตลาดหัวตะเข้” และ “ตลาดหลวงแพ่ง” นั่นเอง
ห้องแถวริมน้ำกลายเป็นแกลอรี่แสดงผลงานศิลปะ
ก่อนอื่นต้องขอพูดถึง “คลองประเวศบุรีรมย์” กันก่อน โดยคลองแห่งนี้เป็นลำคลองสายหลักที่ใหญ่และยาวที่สุดของเขตลาดกระบัง ร.5 โปรดเกล้าฯ ให้ขุดขึ้นในปี 2421 โดยขุดต่อจากคลองพระโขนงยาวตรงถึงแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ความยาวรวม 46 กม. และต่อมายังได้ขุดคลองแยกจากคลองประเวศบุรีรมย์ อีก 4 คลอง คือ คลองหนึ่ง คลองสอง คลองสาม และคลองสี่
ผลงานทำมือของนักเรียนนักศึกษาวางขายให้เลือกซื้อกัน
สำหรับ “ตลาดหัวตะเข้” ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตลาดกระบังของกรุงเทพฯ ที่นี่เป็นตลาดโบราณริมน้ำอายุร้อยกว่าปี มีบรรยากาศของเรือนแถวไม้เรียงรายริมสองฟากฝั่งคลองประเวศบุรีรมย์ เหตุที่ชื่อว่า "หัวตะเข้" ก็เพราะแต่ก่อนนี้มีจระเข้ชุกชุม ตลาดแห่งนี้ก็เหมือนตลาดโบราณหลายๆ แห่ง ที่เคยมีร้านรวงคึกคักมีชีวิตชีวา มีร้านค้ากว่าร้อยห้องและเป็นสถานที่จอดเรือซื้อขายขนถ่ายสินค้า เนื่องจากแต่ก่อนยังใช้ลำคลองเป็นเส้นทางสัญจรหลัก การค้าขายและวิถีชีวิตต่างๆ จึงเกิดขึ้นริมลำคลอง แต่เมื่อมีการตัดถนนเดินทางด้วยรถยนต์แล้ว ตลาดริมน้ำจึงค่อยๆ ซบเซา และล้มหายตายจากไปบ้าง แม้จะมีการอนุรักษ์และฟื้นฟูขึ้นมาอีกแต่ก็ยังไม่เต็มร้อยนัก
ศิลปินตัวจริงก็มาร่วมสร้างผลงานศิลปะด้วยเช่นกัน
ตลาดหัวตะเข้ ก็เป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีความพยายามในการฟื้นฟูให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง โดยได้รับความร่วมมือจากชาว “ชุมชนหลวงพรต-ท่านเลี่ยม” ที่พยายามหาจุดเด่นของสถานที่มาเป็นจุดขายได้อย่างน่าสนใจ โดยใกล้ๆ กับตลาดหัวตะเข้เป็นที่ตั้งของสถานศึกษาหลายแห่ง เช่น วิทยาลัยช่างศิลป์ ลาดกระบัง ที่เปิดสอนมาตั้งแต่ปี 2521 รวมทั้งสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เรียกได้ว่าเป็นสถานศึกษาที่อยู่คู่กับชุมชนมาแต่ไหนไร ดังนั้นภาพที่คุ้นตาของคนในชุมชนคือภาพของนักเรียนนักศึกษาที่มาทำกิจกรรมในชุมชน ทั้งมานั่งวาดภาพที่ตลาดริมคลอง และหลายครั้งที่มีกิจกรรมด้านศิลปะ ชาวชุมชนเองก็ให้ความร่วมมือเป็นแบบวาดภาพบ้าง หรือคนเฒ่าคนแก่มาถ่ายทอดเรื่องราวเก่าๆ ให้ฟังบ้าง ทางชุมชนร่วมกับวิทยาลัยช่างศิลป์จึงใช้ความผูกพันนี้จัดทำเป็น “ตลาดนัดศิลปะ” ขึ้น โดยจะจัดขึ้นทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ต้นเดือน
นักเรียนนั่งวาดรูปอย่างสบายอารมณ์ที่ตลาดหัวตะเข้
ฉันได้มีโอกาสไปชมตลาดนัดศิลปะที่ตลาดหัวตะเข้มาแล้วพบว่าน่าสนใจไม่น้อย โดยบรรดานักเรียนนักศึกษาจะนำเอาผลงานศิลปะของตนมาจัดแสดง หรือวางขายของที่ระลึกทำมือแบบเก๋ๆ และมีชิ้นเดียวในโลก การจัดวางผลงานก็เน้นความสบายๆ โดยขอความร่วมมือจากชุมชนในตลาด บ้านไหนว่างก็ขอใช้พื้นที่ ฝาบ้านไหนว่างก็ขอแขวนภาพวาด ที่ตรงไหนว่างนักศึกษาก็ขอเอาสินค้าแฮนด์เมดไปวางขาย ไม่เพียงนักเรียนนักศึกษาเท่านั้น แต่ยังมีศิลปินมืออาชีพมาแฝงตัวสร้างผลงานอยู่ที่นี่อีกมาก สร้างความมีชีวิตชีวาให้เกิดกับชุมชน และยังเป็นการปลูกฝังความรักศิลปะให้เกิดแก่เด็กๆ ในชุมชนอีกด้วย ขอแจ้งไว้ตรงนี้ว่าตลาดนัดศิลปะจะจัดขึ้นครั้งถัดไปในวันที่ 3-4 พฤศจิกายนนี้ ใครสนใจต้องจดลงปฏิทินไว้เลย
บ้านไม้เก่าหากดัดแปลงอย่างเหมาะสมก็ดูเก๋ได้เหมือนกัน
ไม่เพียงแค่ผลงานศิลปะเท่านั้น ที่นี่ฉันยังได้ชิมอาหารอร่อยๆ ที่ชาวชุมชนตั้งใจทำให้นักท่องเที่ยวได้ชิม ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยว ผัดไทย หอยทอด ยำแหนม สาคู ขนมปากหม้อ ขนมขบเคี้ยวต่างๆ ฉันลองชิมดูจนอิ่มก่อนจะเดินชมบรรยากาศในตลาดหัวตะเข้ ที่นี่ยังมีร้านรวงเก่าๆ เปิดให้บริการ ทั้งร้านขายเครื่องเขียนเก่าแก่อย่างร้านไทยสามัคคี ที่ยังเป็นร้านประจำของนักเรียนนักศึกษาในละแวกนี้ นอกจากขายเครื่องเขียนและอุปกรณ์ศิลปะแล้วมีหนังสืออ่านนอกเวลาเก่าๆ น่าซื้อหาไปสะสมกันอีกด้วย นอกจากนั้นก็ยังมีร้านขายของชำ ร้านขายของที่ระลึกต่างๆ ให้ได้ซื้อหากันเพลินๆ ในบรรยากาศของห้องแถวไม้ริมน้ำ
มุมสบายในตลาดหัวตะเข้
มาเที่ยวที่ตลาดหัวตะเข้แล้ว ยังสามารถมากราบไหว้องค์เซียน หรือพระโพธิสัตว์แป๊ะโค้ว ที่โรงเจฮะเฮงตั้ว ทางฝั่งตลาดใหม่ได้ สำหรับประวัติขององค์เซียนมีอยู่ว่า เมื่อร้อยกว่าปีก่อนท่านได้เดินทางมาจากเมืองจีนมาพำนักอยู่ในแถบลาดกระบังนี้ ท่านเป็นผู้ยึดมั่นในหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าด้วยการถือศีลกินเจ สวดมนต์ภาวนาอยู่ในโรงเจแห่งนี้จนได้ฌานสมาบัติ ละสังขารไปในขณะกำลังนั่งสมาธิอยู่ ร่างที่ไม่เน่าเปื่อยของท่านยังคงมีผู้มาเคารพกราบไหว้กันที่โรงเจแห่งนี้
บรรยากาศของตลาดหลวงแพ่ง
จากตลาดหัวตะเข้ หากนั่งเรือล่องคลองประเวศฯ มาทางทิศตะวันออก ราวๆ 8 กม. ก็จะมาถึง “ตลาดหลวงแพ่ง” ตลาดเก่าแห่งที่สองที่ฉันได้มาเยือน

แม้จะอยู่ริมคลองประเวศฯ แต่ตลาดหลวงแพ่งกลับได้ชื่อตาม “คลองหลวงแพ่ง” คลองขุดที่ตัดขวางมาบรรจบเป็นสามแยกที่คลองประเวศฯ เนื่องจากตลาดตั้งอยู่บริเวณสามแยกปากคลองหลวงแพ่ง จึงได้ชื่อว่า “ตลาดหลวงแพ่ง” ไม่มีหลักฐานแน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าหลวงแพ่งคือผู้ที่ดำเนินการขุดคลองนั่นเอง นอกจากนั้น คลองหลวงแพ่งยังเป็นเส้นแบ่งระหว่างกรุงเทพฯ กับฉะเชิงเทราอีกด้วย
ก๋วยเตี๋ยวเตี่ย ที่ยังคงราคา 15 บาท
ที่นี่ฉันได้เจอ “เจ๊ไฝ” เพ็ญจันทร์ วัฒนกิจ ทายาทเจ้าของตลาดโรงกระดาน 33 ห้อง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตลาดหลวงแพ่ง เจ๊ไฝเล่าว่า ตลาดหลวงแพ่งเรียกรวมตลาดห้องแถวทั้งสองฝั่งคลองประเวศฯ ฝั่งตลาดทางทิศใต้มีร้านค้ามากมายกว่า 100 ห้อง ค้าขายทั้งของกินของใช้ เคยเฟื่องฟูถึงขนาดมีร้านทองนับสิบร้าน มีเรือมาจอดต่อๆ กันกว่าครึ่งคลอง คึกคักทั้งกลางวันกลางคืน ส่วนตลาดฝั่งทิศเหนือ มีห้องแถว 33 ห้อง เรียกตลาดโรงกระดาน 33 ห้อง อากงหรือคุณปู่ของเจ๊ไฝเป็นคนสร้างขึ้น โดยเปิดเป็นร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้าง ทั้งเสา ไม้รวก ไม้ไผ่ ตะปู ฯลฯ ชื่อว่าโรงกระดาน ชือเต็กจือ ปัจจุบันนี้ก็ยังอยู่ในสภาพร้าง แต่ยังหลงเหลือป้ายชื่อและโครงสร้างไว้ให้ระลึกถึง
 วิถีชีวิตสบายๆ ที่ตลาดหลวงแพ่ง
เจ๊ไฝเล่าต่อว่า อายุอานามของตลาดหลวงแพ่งก็ราว 60-70 ปี ผ่านยุครุ่งเรืองมาจนถึงยุคซบเซาหลังจากที่โรงไม้แปรรูปปิดกิจการไป อีกทั้งมีการคมนาคมทางบกที่สะดวกสบายกว่าเข้ามาแทน คนจึงใช้เรือสัญจรน้อยลง เป็นเหตุให้ตลาดต้องเงียบเหงา แต่ชาวชุมชนคลองหลวงแพ่งที่อยู่อย่างเงียบเหงามานานต่างอยากเห็นความมีชีวิตชีวา จึงช่วยกันฟื้นฟูตลาดกลับคืนมาดังเดิม แม้ไม่ถึงกับคึกคักอย่างแต่ก่อน แต่ก็ขอให้มีคนมาเยี่ยมเยียนบ้างก็พอใจ
 ร้านขายยาเก่าแก่ที่เปิดให้บริการจนปัจจุบัน
สำหรับฉันแล้วตลาดหลวงแพ่งนับว่าเป็นตลาดที่น่ารักไม่น้อย บรรยากาศเป็นเรือนไม้ห้องแถวริมน้ำแบบเดียวกับตลาดหัวตะเข้ ความคึกคักอาจจะยังสู้ไม่ได้เพราะเพิ่งเริ่มฟื้นฟูกันได้ไม่นาน แต่ก็มีความน่ารักซ่อนอยู่ในความเก่า ฉันเดินเล่นอยู่ที่ฝั่งตลาดโรงกระดาน ได้ชิมของอร่อยราคาน่าประทับใจอย่าง “ก๋วยเตี๋ยวเตี่ย” ก๋วยเตี๋ยวหมูรสเด็ดที่ขายราคา 15 บาท มาแต่ไหนแต่ไร ได้ชิมเต้าหู้ทอด เผือกทอด บ๊ะจ่างสดรสชาติดี ได้ชมบ้านเจ๊ไฝทีเปิดเรือนไม้ริมน้ำเป็นโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยวได้มาพักกันด้วย และเมื่อเดินข้ามสะพานมายังฝั่งตรงข้ามก็ได้เห็นร้านขายยาเก่าแก่ที่ขายทั้งยาจีน ยาไทย แผนโบราณและแผนปัจจุบัน แถมยังมีเครื่องบดยาแบบโบราณที่ยังใช้อยู่จนปัจจุบันอยู่ด้านหลังร้านอีกด้วย
 นั่งเรือกอและชมบรรยากาศสองฝั่งคลอง
นอกจากจะได้เดินเล่นถ่ายรูปสบายๆ แล้ว หากใครอยากชมทิวทัศน์สองฝั่งคลอง ที่นี่ก็มีบริการนั่งเรือเที่ยว แถมยังเป็นเรือแบบพิเศษคือ “เรือกอและ” ที่นำมาดัดแปลงให้มีหลังคา และเปลี่ยนลวดลายของภาคใต้ เป็นแบบภาคกลาง ด้วยสีทองที่ใช้ในงานเบญจรงค์ ล่องกันแบบชิลๆ ชมวิวบ้านเรือนริมคลองในราคาเบาๆ เพียงคนละ 50 บาท

ทั้งสองแห่งเป็นตลาดเก่าที่ค่อยๆ ฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาด้วยแรงกำลังของคนในชุมชน แต่จะกลับคืนมีชีวิตได้มากแค่ไหนนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ มีส่วนช่วยอย่างมาก ดังนั้นใครที่ชื่นชอบบรรยากาศเก่าๆ ของตลาดโบราณริมน้ำต้องลองไปสัมผัสกันดูสักครั้ง เพื่อเป็นกำลังใจให้กับชุมชนต่อไป
ถึงเป็นตลาดเก่าแต่ยังคงมีเสน่ห์ไม่น้อย

*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 

“ตลาดหัวตะเข้”
ตั้งอยู่บนถนนลาดกระบัง ซอยลาดกระบัง 17 ด้านหลังตลาดสดอุดมผล แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ 10.00-16.00 น. และทุกวันเสาร์อาทิตย์ต้นเดือนจะมีตลาดนัดศิลปะ ส่วน “ตลาดหลวงแพ่ง” ตั้งอยู่บนถนนหลวงแพ่ง ซอยหลวงแพ่ง 5 เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ 10.00-16.00 น.

 

กำลังโหลดความคิดเห็น