ข่าวแผ่นดินไหวและการเตือนสึนามิทางภาคใต้เมื่อวันก่อน ทำเอาความชื่นมื่นในช่วงเทศกาลสงกรานต์สะดุดไปเล็กน้อยด้วยความกังวลและเป็นห่วงพี่น้องทางใต้ แต่เหตุการณ์นี้ก็ทำให้เราต้องยิ่งตระหนักในความไม่ประมาทของการใช้ชีวิตมากขึ้น เพราะเรื่องไม่คาดฝันนั้นเกิดขึ้นได้เสมอ
ดังนั้นในช่วงปีใหม่ไทย นอกจากฉันจะเล่นน้ำสงกรานต์กันตามประเพณีแล้ว การได้เข้าวัดทำบุญไหว้พระก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดีงามที่อยากให้ทุกคนได้ทำร่วมกัน โดยทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้จัดเส้นทางไหว้พระขึ้นอีกหนึ่งเส้นทางใหม่ในกรุงเทพฯ คือ “เปิดสิ่งมหัศจรรย์ล้ำค่า 6 พระอารามหลวง” ซึ่งจะได้ทั้งไหว้พระและชมของดีที่บางวัดเปิดให้สักการะเฉพาะช่วงสงกรานต์เท่านั้นอีกด้วย โดยสิ่งมหัศจรรย์ล้ำค่าใน 6 พระอารามหลวงนั้น ได้แก่
“วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรมหาวิหาร” เปิดให้สักการะรอยพระพุทธบาทจำลอง และพระพุทธรูป ภปร. ซึ่งประดิษฐานอยู่ด้านหลังพระอุโบสถ และไม่เคยเปิดให้สักการะมาก่อน นอกจากนั้นยังสามารถกราบสักการะพระพุทธชินสีห์และหลวงพ่อศาสดาในพระอุโบสถ และสรงน้ำพระไพรีพินาศได้อีกด้วย
“วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร” เชิญร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์มหาสมัยสูตร ซึ่งเป็นการปลุกเสกน้ำพระพุทธมนต์ที่กระทำต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 มีความเชื่อกันว่ามหาสมัยสูตรคือพระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแล้วมีเหล่าเทพมาประชุมสดับรับฟังมากที่สุด โดยทางวัดจะจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์มหาสมัยสูตรขึ้นในวันที่ 15 เม.ย. ตั้งแต่ 17.00 น. เป็นต้นไป ผู้ที่มาร่วมพิธีจะได้รับน้ำพระพุทธมนต์มหาสมัยสูตร ยันต์ พระ และเหรียญภูเขาทองเพื่อเป็นสิริมงคลด้วย นอกจากนั้นทางวัดยังเปิดวิหารพระอัฎฐารส พระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติให้สักการะกันด้วย
“วัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร” กราบหลวงพ่อโต หรือพระศรีศากยมุนี พระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมืองที่รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญมาจากวัดมหาธาตุ กรุงสุโขทัย มาประดิษฐานไว้ยังวัดสุทัศน์ฯ เพื่อเป็นหลักแก่บ้านเมือง และพระองค์มีพระราชศรัทธาถึงขนาดเดินด้วยพระบาทเปล่าเพื่อแห่องค์พระศรีศากยมุนีจากท่าช้างมายังวัดสุทัศน์ฯ อีกด้วย
“วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร” วัดประจำรัชกาลที่ 4 ที่แม้จะมีขนาดเล็ก แต่มีสัดส่วนลงตัวงดงามยิ่งนัก เมื่อเข้าไปกราบพระในพระวิหาร ก็จะได้กราบทั้งพระพุทธสิหังคปฏิมากร พระพุทธนิรันตราย ซึ่งอยู่ในครอบแก้วด้านหน้าพระประธาน และยังจะได้กราบพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ พระศรีศาสดา ที่จำลองเป็นองค์เล็กๆ มาประดิษฐานอยู่ในซุ้มด้านหลังพระประธานอีกด้วย นอกจากนั้น จิตรกรรมฝาผนังที่นี่ก็ยังงดงามไปด้วยเรื่องราวของพระราชพิธี 12 เดือน ประเพณีโบราณที่มีรายละเอียดให้ศึกษา และมีพระบรมสาทิสลักษณ์ของรัชกาลที่ 4 ขณะทรงกำลังส่องกล้องโทรทัศน์ทอดพระเนตรจันทรุปราคาอีกด้วย
“วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร” ชมพระอุโบสถงดงามที่แม้ภายนอกจะเป็นสถาปัตยกรรมแบบไทย แต่ภายในกลับวิจิตรอลังการไปด้วยการตกแต่งด้วยศิลปะยุโรปแบบโกธิคที่มักมีคนกล่าวว่าคล้ายพระที่นั่งแห่งหนึ่งในพระราชวังแวร์ซาย กราบพระประธานซึ่งมีนามว่าพระพุทธอังคีรส และยังสามารถเดินชมสุสานหลวง ซึ่งรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างไว้เพื่อประดิษฐานพระสรีรังคารแห่งสายพระราชสกุลในพระองค์
“วัดราชโอรสาราม ราชวรวิหาร” วัดไทยสไตล์จีนที่สร้างขึ้นตามพระราชนิยมของรัชกาลที่ 3 และยังเป็นวัดประจำรัชกาลของพระองค์อีกด้วย พระอุโบสถจะไม่มีช่อฟ้า ใบระกา และหางหงส์ แต่จะประดับด้วยเครื่องกระเบื้องแบบศิลปะจีน ภายในวัดมีพระพุทธรูปถึง 3 อิริยาบถให้สักการะ ทั้งพระพุทธรูปนั่ง พระพุทธรูปนอน และพระพุทธรูปยืน ที่ปกติแล้วจะไม่ค่อยได้เปิดให้เข้าสักการะบ่อยนัก
ไม่เพียงจะได้เข้าไปกราบพระพุทธรูปสำคัญและชมของดีของแต่ละวัดแล้ว วัดแต่แห่งก็ยังจัดให้มีตลาดโบราณเพื่อจำหน่ายอาหารเครื่องดื่ม ซึ่งก็มีทั้งอาหารไทยและขนมไทยแสนอร่อย น้ำสมุนไพรและน้ำหวานชื่นใจ รวมถึงของที่ระลึกซึ่งเป็นงานศิลปหัตถกรรมของไทย นำมาจำหน่ายโดยพ่อค้าแม่ค้าที่แต่งชุดไทยเพื่อสร้างบรรยากาศสงกรานต์แบบไทยๆ ไม่ให้ลบเลือนไป ดังนั้นฉันจึงอยากเชิญทุกท่านที่สนใจ ร่วมสักการะสิ่งมหัศจรรย์ล้ำค่า 6 พระอารามหลวง ได้ตั้งแต่วันนี้ - 16 เมษายน นี้ ...สวัสดีปีใหม่ไทย สุขใจวันสงกรานต์แด่ทุกท่าน