xs
xsm
sm
md
lg

“อันซีนอันดามัน” เสน่ห์ด้ามขวานฝั่งตะวันตก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ท่าปอม คลองสองน้ำ(ภาพ : ททท.)
เมื่อฤดูร้อนมาเยือน หลายคนคงจะอยากเดินทางไปพักผ่อนคลายร้อน สัมผัส หาดสวย น้ำใส ทรายขาว และ(แอบ)มองสาวๆนุ่งบิกีนี(สำหรับหนุ่มๆ) กันตามหาดชายทะเล เกาะต่างๆ โดยเฉพาะทะเลไทยฝั่งอันดามันที่ลือเลื่องในเรื่องของความงาม

นอกจากความสวยงามทะเลอันดามันแล้ว ในกลุ่มจังหวัดอันดามัน อันได้แก่ ได้แก่ ระนอง ตรัง กระบี่ พังงา ภูเก็ต และสตูล ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆที่น่าสนใจมากมายทั้งธรรมชาติ(บนฝั่ง) วัดวาอาราม ศิลปวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม วิถีชีวิต อาหารการกินอันเป็นเอกลักษณ์ รวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยวประเภทอันซีนไทยแลนด์ 1 และ 2 ที่คัดสรรโดยทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เมื่อปี พ.ศ. 2546 และ 2547

ด้วยเหตุนี้ทำให้เมื่อเร็วๆนี้ทางกลุ่มจังหวัดอันดามันได้หยิบยกแหล่งท่องเที่ยวประเภทอันซีนอันดามันขึ้นมา(อีกครั้ง) เพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซันนี้ โดยมุ่งเน้นไปที่การเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลหลักๆอันเด่นดังของกลุ่มจังหวัดทางฝั่งทะเลอันดามัน

สำหรับแหล่งท่องเที่ยวอันซีนอันดามันของกลุ่มจังหวัดอันดามันทั้งหก ได้แก่
ภูเขาหญ้า
ระนอง

ภูเขาหญ้า : เป็นภูเขาเล็กๆหลายลูกที่ไม่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้น มีเพียงต้นหญ้าปกคลุมไปทั่วบริเวณ ดูคล้ายเขาหัวโล้นตามธรรมชาติ ทำให้มีลักษณะรูปร่างสวยงามแปลกตาไปอีกแบบ โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้งที่ต้นหญ้ากลายเป็นสีเหลือง ในยามเย็นเมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องจะย้อมภูเขากลายเป็นสีเหลืองทอง ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปบนภูเขาหญ้าเพื่อชมทิวทัศน์ได้แบบรอบทิศทางเลยทีเดียว
ปูไก่ สิมิลัน
พังงา

ปู่ไก่ สิมิลัน : หมู่เกาะสิมิลันเป็นอีกหนึ่งหมู่เกาะที่โด่งดังแห่งท้องทะเลพังงา เกาะแห่งนี้มีหาดทรายสวยงามละเอียดขาวเนียนราวกับแป้ง มีน้ำทะเลใสแจ๋วที่วันดีคืนดีอาจได้พบกับเต่าทะเลมาแหวกว่ายอวดโฉม มีหินเรือใบสัญลักษณ์ของสิมิลันเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ และเป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังน้ำลึกอันสวยงามที่สุดในเมืองไทยที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก นอกจากนี้หมู่เกาะสิมิลันยังมีอันซีนเป็น“ปูไก่” ตัวโตบนเกาะสี่ที่จะพากันออกหากินยามค่ำคืนพร้อมกับส่งเสียงร้องคล้ายลูกไก่ ให้นักท่องเที่ยวผู้สนใจได้ออกท่องราตรีไปกับเจ้าหน้าที่ของอุทยานฯสิมิลันเพื่อไปชมความน่ารักน่าทึ่งของเจ้าปู่ไก่กัน
โลกใต้ทะเล หมู่เกาะสุรินทร์(ภาพ : ททท.)
กัลปังหาน้ำตื้น และโลกใต้ทะเล หมู่เกาะสุรินทร์ : หมู่เกาะสุรินทร์ ตั้งอยู่ในเขตทะเลพังงา หมู่เกาะแห่งนี้นอกจากจะมีหาดทรายชายทะที่สวยงามให้ชม มีวิถีของชาวเล “มอแกน” ให้สัมผัสแล้ว โลกใต้ทะเลยังความสวยงามจนได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน จุดชมปะการังน้ำตื้นที่สวยที่สุดในเมืองไทย

นอกจากนี้บริเวณอ่าวสุเทพของที่นี่ ยังมีกัลปังหาน้ำตื้นที่สวยงามปานเนรมิต ท่ามกลางสัตว์ใต้ทะเลอันสวยงามที่แหวกว่าย ซึ่งเพียงแค่ดำน้ำตื้น(สน๊อกเกิ้ล)ก็สามารถยลโฉมความงดงามได้อย่างไม่ยากเย็น ขณะที่บริเวณกองหินริเชลิว ที่มีลักษณะเป็นภูเขาใต้น้ำนั้นก็ถือเป็น 1 ใน จุดดำน้ำที่ดีที่สุดในเมืองไทย ซึ่งมากมายไปด้วยสัตว์ทะนานาชนิด อาทิ ทากทะเล และฝูงปลาสาก หากวันไหนโชคดีหน่อยอาจได้พบกับฉลามวาฬที่มาแหวกว่ายอยู่บริเวณนั้น เพราะกองหินริเซลิวเป็นจุดที่พบฉลามวาฬบ่อยที่สุดในทะเลไทย
ทุ่งหญ้าเกาะพระทอง(ภาพ : ททท.)
เกาะพระทอง : เกาะที่ยังคงความเป็นธรรมชาติอันพิสุทธิ์ บนเกาะมีสิ่งโดดเด่น อาทิ หาดทรายสีทอง แหล่งวางไข่เต่าทะเล กวางม้า นกตะกรุมฝูงสุดท้าย ป่าเสม็ด และไฮไลท์สำคัญทางการท่องเที่ยวคือทุ่งหญ้าสะวันนาแบบซาฟารีที่กว้างใหญ่งดงาม จนหลายๆคนขนานนามเกาะแห่งนี้ว่าเป็นสวรรค์แห่งทุ่งหญ้าซาฟารีของท้องทะเลใต้
ถ้ำพุงช้าง
ถ้ำพุงช้าง : ถ้ำที่อยู่ใต้ภูเขาที่มีลักรูปร่างลักษณะคล้ายกับช้าง เมื่อมาพังงาแล้วไม่มาถ้ำพุงช้างก็เหมือนมาไม่ถึง การเข้าถ้ำพุงช้างได้มีจัดกิจกรรมให้นั่งเรือแคนูและแพเข้าไป แล้วต่อด้วยเดินลุยน้ำเข้าไปผจญภัยภายในถ้ำ ที่อุดมไปด้วยหินงอกหินย้อยมากมาย ซึ่งลักษณะแตกต่างกันไป แต่อันซีนฯของที่นี่คือ เมื่อเข้าไปในถ้ำจะเห็นหินที่มีลักษณะคล้ายรูปช้าง มีหัว มีงา ขาหน้าและงวง ลักษณะเหมือนช้างไม่มีผิด
ถ้ำลอดเขาพนัก(ภาพ : ททท.)
ถ้ำลอดเกาะพนัก : ถ้ำในขุนเขากลางทะเลแห่งอ่าวพังงา ที่เกิดจากแรงกัดเซาะของคลื่น ทะลุทะลวงจนเป็นโพรงให้ผู้คนดั้นด้นเข้าไปค้นหา สำหรับการเข้าถ้ำต้องพายเรือแคนูลัดเลาะขุนเขากลางทะเล ฝ่าความมืดเข้าไปในโพรงถ้ำ ที่หากไปถูกจังหวะ เวลา จะได้พบกับทะเลสาบสะท้อนแสงเป็นสีเขียวมรกตงดงามภายในถ้ำ ที่แวดล้อมไปด้วยภูผา นับเป็นอีกหนึ่งความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่น่าสนใจยิ่ง
ทะเลแหวก
กระบี่

ทะเลแหวก : ส่วนหนึ่งของธรรมชาติอันน่าทึ่งกลางทะเลกระบี่บริเวณเกาะ 3 เส้า ที่ประกอบไปด้วย เกาะไก่หรือเกาะด้ามขวาน เกาะหม้อ และเกาะทับ ในช่วงน้ำลงจะเกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลจะค่อยๆลดระดับลงจนปรากฏสันทรายผุดโผล่ขึ้น เชื่อมระหว่างเกาะทั้งสาม จนถูกยกให้เป็นทะเลแหวกกลางอันดามัน ซึ่งนักท่องเที่ยวหากไปถูกจังหวะและช่วงเวลา นอกจากจะได้พบกับภาพทะเลแหวกอันงดงามแล้ว ยังสามารถลงไปเดินเล่นบนสันทรายกลางทะเลได้อย่างสบายเท้าและชุ่มฉ่ำในอารมณ์อีกด้วย
สระมรกต
สระมรกต : ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม อ.คลองท่อม สระมรกตมีลักษณะเป็นสระน้ำใสวาวสีเขียวมรกตรูปวงรี รอบข้างโอบล้อมด้วยผืนป่าเขียวขจี มีอยู่ด้วยกัน 3 สระ บริเวณขอบสระบางช่วงเป็นลานหินปูนกว้าง มีน้ำในสระใสแจ๋วราวกระจก แถมเป็นธารน้ำใต้ดินที่ไหลผุดขึ้นมาผสมผสานกับน้ำในผืนป่า มีอุณหภูมิอุ่น ๆ ราว 30-50 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติเป็นสะพานไม้ให้นักท่องเที่ยวได้เดินสัมผัสกับความน่าสนใจของธรรมชาติ ทั้งสภาพป่า ผืนป่าพรุ ลำธาร ธารน้ำผุดที่มันจะผุดขึ้นมาตามเสียงปรบมือ ดอกกล้วยไม้เฉพาะถิ่น รวมไปถึงนกแต้วแร้วท้องดำ นกหายากที่หากโชคดีก็จะได้พบมันออกมาอวดโฉมให้เห็น
น้ำตกร้อน
น้ำตกร้อนคลองท่อม : สายธารน้ำอันมหัศจรรย์แห่งสะพานยูง อ.คลองท่อม เป็นน้ำตกลักษณะพิเศษที่มีความร้อนตลอดทั้งปี มีต้นกำเนิดจากน้ำแร่ร้อนที่ซึมออกมาจากผิวดินที่ตั้งอยู่บนรอยพรุนของเปลือกโลกที่มีพลังความร้อนปลดปล่อยขึ้นมาสู่สายน้ำเบื้องบน เกิดเป็นน้ำตกร้อนที่มีอุณหภูมิเฉลี่ย อยู่ที่ 42 องศาเซลเซียส ไหลผ่านแอ่งหินปูนน้อยใหญ่ ลดหลั่นลงไปยังลำธารหินปูนเบื้องล่าง ท่ามกลางธรรมชาติแวดล้อมอันร่มรื่น เหมาะแก่การลงไปแช่ผ่อนคลายในรูปแบบของสปาธรรมชาติยิ่งนัก
ท่าปอม คองสองน้ำ
ท่าปอม คลองสองน้ำ : ตั้งอยู่บนในพื้นที่ ต.เขาคราม อ.เมือง เป็นลำคลองสายสั้นๆแต่ว่าน่ามหัศจรรย์ไปด้วยระบบนิเวศอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ของป่ารอยต่อสองชนิดคือป่าชายเลนและป่าพรุ น้ำจืด ซึ่งทำให้เกิดลักษณะคลองสองน้ำขึ้น คือยามช่วงน้ำลงน้ำจืดจะไหลดันน้ำเค็มออกไป กลายเป็นลำคลองน้ำใสแจ๋ว เบื้องล่างมองลงไปเห็นก้นคลอง และพืชพันธุ์ไม้น้ำอันอุดมสมบูรณ์ได้อย่างชัดเจน ยามสะท้อนแสงเกิดเป็นลำคลองสีเขียวมรกตอันสวยงาม ส่วนครั้นพอถึงยามน้ำทะเลหนุน น้ำเค็มจะไหลดันเข้ามาผสมเกิดเป็นลำคลองสีฟ้าอย่างน่ามหัศจรรย์ นอกจากนี้ท่าปอม คลองสองน้ำ ยังมีพืชพันธุ์ไม้น้ำที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ ชมพู่น้ำ ระกำ หลุมพี ตังหน หลาวชะโอน โกงกาง เป็นต้น
พระผุด
ภูเก็ต

พระผุด : ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระทอง ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง พระผุด เป็นหนึ่งในพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองภูเก็ตที่มีความแปลกแตกต่าง เพราะมีพุทธลักษณะเป็นพระพุทธรูปผุดขึ้นมาจากพื้นดินเพียงครึ่งองค์ (ครึ่งบน) ที่อาจจะเป็นพระประธานหนึ่งเดียวในโลกที่มีเพียงครึ่งองค์ก็ว่าได้ โดยองค์พระผุดนี้มีความเชื่อว่า หากใครไปสักการะกราบไหว้แล้วอธิษฐานขอพร ก็สัมฤทธิ์ผลดลบันดาลให้ตามที่ปรารถนา ซึ่งนอกจากองค์พระผุดแล้ว ในวัดพระทองยังมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านที่ทางวัดจัดสร้างไว้ โดยได้รวบรวม วัตถุสิ่งของที่มีค่าทางประวัติศาสตร์ไว้มากมาย ที่บอกถึงวิถีชีวิตของชาวภูเก็ตสมัยก่อนได้เป็นอย่างดี
สระมรกต
ตรัง

ถ้ำมรกต : เป็นถ้ำกลางทะเล ตั้งอยู่ที่ “เกาะมุก” กลางทะเลตรัง ปากทางเข้าถ้ำมรกตมีลักษณะเป็นโพรงเล็กๆ การเข้าถ้ำมรกตต้องใส่เสื้อชูชีพลอยคอฝ่าความมืดมิดเข้าไป(โดยมีคนนำส่งไฟนำทาง) จากนั้นก็จะได้พบกับแสงสว่างที่อยู่ภายในถ้ำ ที่มีลักษณะเป็นหาดทรายเล็กๆ ที่ล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงชัน ซึ่งเมื่อแสงจากภายนอกสาดส่องสะท้อนกับผืนน้ำภายในถ้ำ จะกลายเป็นสีเขียวมรกตสดใส จึงเป็นชื่อเรียกถ้ำแห่งนี้ว่า“ถ้ำมรกต” ที่ปัจจุบันถ้ำแห่งนี้ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์อันโดดเด่น ที่ถ้าหากมาเที่ยวทะเลตรังแล้วไม่มาเที่ยวถ้ำมรกตก็เหมือนยังมาไม่ถึงทะเลตรัง
ถ้ำเลเขากอบ
ถ้ำเลเขากอบ : ตั้งอยู่ในอำเภอห้วยยอด การเข้าชมถ้ำจะต้องพายเรือลอดถ้ำเข้าไป ภายในถ้ำงดงามด้วยหินงอกหินย้อยตระการตา ในถ้ำภายในแบ่งเป็นหลายๆ ห้อง เช่น ถ้ำคนธรรพ์ ถ้ำรากไทร ถ้ำเจ้าสาว ฯลฯ แต่ที่ถือว่าเป็นไฮไลท์อันน่าตื่นเต้นของถ้ำเลเขากอบก็คือช่วงพายเรือออกจากบริเวณที่เรียกว่าท้องมังกร เพราะเรือจะอยู่ห่างจากเพดานถ้ำแค่ไม่กี่ฟุต บางช่วงอยู่ห่างจากเพดานถ้ำเพียงแค่คืบ ทั้งคนพายและคนโดยสารเรือจึงต้องนอนราบไปกับเรือ กว่าจะออกจากถ้ำได้ก็ทั้งเสียวทั้งสนุก ทำให้ปัจจุบันถ้ำแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการมาเที่ยวเมืองตรังกันเลยทีเดียว
ทะเลบัน
สตูล

อุทยานแห่งชาติทะเลบัน : ทะเลบันมาจากภาษามลายูว่า “เลอ โอ๊ต กะ บัน” เป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ที่แวดล้อมไปด้วยป่าดิบและภูเขาหินปูน เกิดจากการยุบตัวของแผ่นดิน ทุกๆเช้าจะมีสายหมอกปลุกคลุมเหนือบึงน้ำ และในตอนกลางคืนทั้งป่าจะเต็มไปด้วยเสียงของจงโคร่งหรือเขียดว้าก สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่ชาวบ้านเรียกว่า หมาน้ำ และทำให้หมาน้ำกลายเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของผืนป่าแห่งนี้ไปโดยปริยาย
น้ำใส ทะเลสวยที่เกาะหลีเป๊ะ
เกาะหลีเป๊ะ : เกาะอันสวยงามแห่งอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ได้รับฉายาว่าเป็น “มัลดีฟเมืองไทย” ชื่อเกาะหลีเป๊ะ หมายถึง เกาะที่ราบเรียบคล้ายกระดาษ มาจากภาษาท้องถิ่นของชาวเล บนเกาะสวยงามไปด้วยหาดทรายชายทะเล มีหาดทรายขาวละเอียดราวแป้ง น้ำทะเลใสแจ๋วแหวว มีชายหาดหลักๆอยู่ 3 หาด คือ หาดซันเซ็ท หาดซันไรส์ และหาดพัทยา(บันดาหยา) นอกจากนี้ยังมีวิถีชีวิตของชาวเล “อูรักลาโว้ย” ที่ปัจจุบันดำรงชีวิตอยู่ท่ามกลางกระแสธารแห่งการท่องเที่ยวและวิถีของโลกยุคใหม่ ในขณะที่สภาพทั่วไปบนเกาะหลีเป๊ะในวันนี้ก็มีพัฒนาเติบโตทางวัตถุ มีทั้งสิ่งปลูกสร้าง อาคาร รีสอร์ท ร้านค้า ร้านอาหาร บาร์เบียร์ ถนนคนเดิน ซึ่งเป็นไปตามรูปแบบของการท่องเที่ยวแบบไทยๆ ที่ใครหลายคนเห็นแล้วอดเสียดายบรรยากาศอันสงบงามของเกาะหลีเป๊ะในวันวานไม่ได้
*********************

และนั่นก็คือแหล่งท่องเที่ยวประเภทอันซีนไทยแลนด์ทั้ง 1 และ 2 จากกลุ่ม 6 จังหวัดอันดามัน ซึ่งเดิมยุคแรกเริ่ม ส่วนใหญ่ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวกระแสรอง แต่ปัจจุบันอันซีนอันดามันหลายแห่งขึ้นชั้นมาเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวกระแสหลัก ที่หากใครกำลังสนใจและมองหาสถานที่ท่องเที่ยวในโอกาสต่อไป อันซีนอันดามันถือเป็นอีกตัวช่วยที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
กำลังโหลดความคิดเห็น