xs
xsm
sm
md
lg

ขอพรเทพแห่งความรัก รับวันวาเลนไทน์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : หนุ่มลูกทุ่ง
พระตรีมูรติ หน้าลานเซ็นทรัลเวิลด์
ใกล้ถึงวันแห่งความรัก 14 กุมภา วันวาเลนไทน์แล้ว วันที่เหล่าคู่รักต่างรอคอย ถือเป็นวันที่ดอกกุหลาบบานสะพรั่งมากที่สุด กิจกรรมที่คู่รักนิยมทำกันก็มีทั้งดินเนอร์หวาน ดูหนังรักโรแมนติก เดินกินลมชมบรรยากาศงามๆยามค่ำคืน บางก็จูงไม้จูงมือกันไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอพรให้รักเรายั่งยืนชั่วนิรันดร์

ซึ่งการขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นนิยมทำกันในทุกๆศาสนา และนี่ก็ใกล้จะถึงวันแห่งความรักอีกครั้ง ฉันจึงขอเสนอ "เทพแห่งความรัก" ให้ทั้งบรรดาคนโสดและคนมีคู่ให้ได้มาขอพรความรักให้สุขสมหวัง เทพองค์แรกเป็นเทพที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามได้แก่ "พระทัตตาเตรยะ" หรือที่เรารู้จักกันในนาม "พระตรีมูรติ"
พระกฤษณะและพระนางราธา วัดเทพมณเฑียร
คำว่า "ตรีมูรติ" แปลว่า รูปสาม มีความหมายถึง รูป 3 องค์ของเทวะหรือธรรมชาติที่ทรงอำนาจ คือ อัคนีหรือไฟ วายุหรือลม และสุริยะหรือดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็น การรวมพลังของเทพเจ้าทั้งสามได้แก่ พระพรหม หรือผู้สร้างโลก พระนารายณ์ หรือผู้รักษาโลก และพระศิวะหรือผู้ทำลายโลก เป็นหนึ่งเดียว อาจเปรียบได้ว่า พระตรีมูรติ มีพลังของเทพเจ้าทั้งสามในรูปเดียว

คนส่วนใหญ่ซึ่งเชื่อกันว่า หากบูชา "พระตรีมูรติ" จะมีความหมายที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ทั้งในชีวิต ความรัก และการงาน ความศรัทธาที่มีต่อพระองค์ ได้สืบทอดผ่านกันมาหลายยุคหลายสมัย จนได้รับเทิดทูนกลายเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของการประทานความรัก และความสมหวังให้มวลมนุษย์ในทุกวันนี้ รูปเคารพองค์พระตรีมูรติที่หนุ่มสาวนิยมไปสักการะขอพรประทานความรัก คือ พระตรีมูรติที่หน้าลานเซ็นทรัลเวิลด์ และนิยมบูชาด้วยดอกกุหลาบแดง 9 ดอก ธูปสีแดง 9 ดอก และเทียนสีแดง 1 คู่
พระกฤษณะและพระนางราธา วัดวิษณุ
อีกองค์เทพที่ขึ้นชื่อเรื่องความรักในศาสนาฮินดูก็คือ "พระกฤษณะและพระนางราธา" องค์พระกฤษณะ ซึ่งก็คือปางอวตารแห่งองค์พระนารายณ์นั้น ได้รับการขนานนามว่าเป็นทั้งนักรบและนักรัก เนื่องจากพระองค์มีชายาหลายร้อยคน หรือบางแห่งว่าถึงหมื่นคนเลยทีเดียว โดยในทุกปางอวตารของพระนารายณ์นั้น พระนางลักษมีก็จะอวตารลงมาเป็นพระชายาเสมอ เช่น เมื่อพระนารายณ์ อวตารลงเป็นพระราม พระนางลักษมี ทรงอวตารเป็นนางสีดา พระนารายณ์อวตารเป็นพระกฤษณะ พระนางลักษมีอวตารเป็นนางราธา เป็นต้น

และในภาคของพระกฤษณะและพระนางราธา ก็ได้เกิดเรื่องราวแห่งความรักมากมาย บางตำนานเล่าว่า พระกฤษณะเกิดในราชวงศ์กษัตริย์ และถูกพญากังสะตามฆ่า เนื่องจากมีเสียงดังมาจากเบื้องบนว่าตนจะถูกคนเลี้ยงโค(พระกฤษณะ)ฆ่า ตั้งแต่เกิดพระกฤษณะจึงต้องต่อสู้กับอสูรร้ายที่หวังเอาชีวิตมาโดยตลอด
พระแม่มารีและพระบุตรโบสถ์แม่พระบังเกิด(รูปจาก PONG (http://www.panoramio.com))
เมื่อหลบไปอยู่ทุ่งเลี้ยงวัวพระองค์ก็ได้พบกับพระนางราธา แม้พระองค์จะมีเมียมากมายและแต่งงานหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็เล่ากันว่าพระองค์มีพระนางราธาอยู่ในใจเสมอและรักมากที่สุด และพระนางราธาก็รักพระกฤษณะอย่างสุดหัวใจและรอพระกฤษณะเสมอ ทำให้เราเห็นรูปเคารพขององค์พระกฤษณะคู่กับพระนางราธาอยู่บ่อยครั้ง

ด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ของพระกฤษณะและพระนางราธา ทำให้ผู้คนนับถือทั้งสองพระองค์ในด้านของความรักและความภักดี ใครที่ต้องการกราบไหว้ขอทั้ง 2 พระองค์สามารถไปได้ที่วัดเทพมณเฑียร เสาชิงช้า, วัดวิษณุ เป็นต้น

จากฮินดูแล้ว เรามาที่คริสต์ศาสนากันบ้าง สำหรับศาสนาคริสต์นั้นถือเป็นศาสนาแห่งความรัก พระเจ้ารักมนุษย์ และสอนให้รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง โดยย้อนกลับไปสมัยก่อนพระเยซูประสูติ พระนางมารีอาที่กำเนิดในครอบครัวนักบุญ ได้ถวายตัวแด่พระเป็นเจ้า โดยตั้งใจจะถือพรหมจรรย์ เมื่อถึงเวลาอันควรก็ต้องแต่งงานกับชายคนหนึ่งเพื่อเป็นคู่อุปถัมภ์ พระนางมารีอาได้หมั้นกับนักบุญยอแซฟ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เทวดาคาเบรียลมาแจ้งแก่พระนางว่าจะตั้งครรภ์พระเยซูทั้งที่นางยังบริสุทธิ์
พระแม่มารี ภายในโบสถ์คอนเซ็ปชัญ
เมื่อนักบุญยอแซฟทราบเรื่อง ก็รับพระนางมาเป็นภรรยาของตน และร่วมกันสร้างครอบครัวใหม่ให้กลายเป็นครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองและเลี้ยงดูพระกุมารเยซูอย่างไม่มีที่ติ และในวาระสุดท้ายของชีวิตพระนางมารีอาได้รับเกียรติจากพระเป็นเจ้า ให้ออกจากโลกนี้พร้อมทั้งร่างกายและวิญญาณไปสู่สวรรค์ ด้วยคุณความดีและความรักอันบริสุทธิ์ของพระนางมารอาและนักบุญยอแซฟ ชาวคริสตจักรจึงนับถือและบูชายิ่ง

และที่ลืมไม่ได้คือ "เซนต์วาเลนไทน์" โดยมีตำนานเล่าว่า ในยุคสมัยของจักรวรรดิโรมันเมื่อนานมาแล้ว กษัตริย์คลอดิอุสที่2 ผู้ออกกฎหมายบีบบังคับให้ประชาชนเลิกนับถือศาสนาคริสต์ และห้ามให้มีการแต่งงานของพวกคริสเตียนเกิดขึ้น แต่ยังคงมีผู้นำคริสเตียนคนหนึ่งชื่อวาเลนตินัส คอยลักลอบแอบจัดงานแต่งงานให้กับคู่รักคริสเตียนจนถูกจับขังและรับโทษทรมานแสนสาหัสอยู่ในคุก
พระแม่มารี ด้านนอกโบสถ์คอนเซ็ปชัญ
ในขณะที่ถูกคุมขัง เขาก็พบรักกับสาวตาบอด ซึ่งเธอเป็นลูกสาวของผู้คุมในคุก ด้วยความรักและคำอธิษฐานของเขา พระเจ้าได้ทรงโปรดให้ตาของสาวคนรักหายเป็นปกติ เมื่อความนี้ล่วงรู้ถึงหูกษัตริย์ พระองค์จึงสั่งให้ประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะของวาเลนตินัส ในคืนสุดท้ายก่อนที่จะถูกนำไปประหาร เขาได้เขียนจดหมายสั้น ๆ เป็นการอำลาส่งไปให้หญิงคนรักของเขา โดยลงท้ายในจดหมายว่า ...จากวาเลนไทน์ของเธอ

เมื่อคนทั่วไปทราบเรื่องราวจึงเกิดความประทับใจในความรักของเขา ยึดถือเอาวันที่14 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็น "วันแห่งความรัก" หรือ "Valentine's Day" นั้นเอง
เจ้าแม่กวนอิมปางพันเนตรพันกร ณ ตำหนักเจ้าแม่กวนอิม
ข้ามมาที่พุทธศาสนากันบ้าง ฝ่ายมหายานนับถือ "เจ้าแม่กวนอิม" หรือ "พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์" เป็นพระผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักความเมตตาต่อสรรพสัตว์ เป็นพระผู้เปี่ยมด้วยความกตัญญู และเป็นสัญลักษณ์แห่งเมตตามหาการุณย์เพื่อโปรดสัตว์ให้หลุดพ้นจากห้วงทุกข์ ในตำนานพื้นบ้านของจีนเล่าไว้ว่า เจ้าแม่กวนอิมในชาติสุดท้ายนั้นมีพระนามเดิมว่า “เจ้าหญิงเมี่ยวซ่าน” ทรงจุติเป็นพระราชธิดาองค์ที่ 3 ของพระเจ้าเมี่ยวจวง กษัตริย์ผู้โหดร้ายทารุณ

เมื่อโตขึ้นพระราชธิดาองค์ที่1และ 2 ปรารถนาที่จะเข้าสู่พิธีวิวาห์ มีแต่องค์หญิงเมี่ยวซ่านที่ไม่พึงปรารถนาในสิ่งใด ๆ นอกเหนือไปจากพระเมตตาที่ทรงการุณย์ช่วยเหลือสรรพสัตว์ ทรงถือศีลกินเจ และเรียนรู้ในหลักธรรมของพระพุทธศาสนา ทำให้พระราชบิดากริ้วโกรธที่ขัดพระทัย จึงลงโทษทัณฑ์ทรมานพระธิดาเมี่ยวซ่านนานัปการ จงถึงขั้นสั่งประหารชีวิต แต่ก็ไม่อาจกระทำสิ่งใดพระธิดาเมี่ยวซ่านได้
เจ้าแม่กวนอิมทองคำ มูลนิธิเทียนฟ้า
หลังจากนั้น เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านจึงทรงหนีออกจากวังเพื่อออกบวช มุ่งมั่นประกอบคุณงามความดีและบำเพ็ญศีลภาวนา ในเวลาต่อมาพระเจ้าเมี่ยวจวง ต้องประสบเคราะห์กรรมที่ได้ทรงกระทำไว้ ทำให้ทรงป่วยด้วยโรคร้ายแรงที่ต้องรักษาด้วยพระโอสถที่ปรุงจากดวงตาและแขนของผู้ที่เป็นทายาทเท่านั้น ซึ่งพระธิดาองค์ที่1และ2 ไม่มีผู้ใดยินยอมกระทำเช่นนั้น

เมื่อข่าวนี้ล่วงรู้ถึงเจ้าหญิงเมี่ยวซ่าน พระองค์จึงกลับเข้าวัง ให้อภัยต่อการกระทำของพระบิดา และทรงยอมสละดวงตาและแขนทั้งสองข้างเพื่อใช้ปรุงเป็นพระโอสถ จนกระทั้งพระเจ้าเมี่ยวจวงฟื้นคืนเป็นปกติ ความกตัญญูของเจ้าหญิงเมี่ยวซ่าน สร้างความตื้นตันให้แก่โลกมนุษย์และสรวงสวรรค์ เมื่อพระองค์ทรงบรรลุมรรคผลเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิม องค์ศากยมุณี(พระสัมมาสัมพุทธเจ้า)จึงประธานคืนดวงตาและแขนให้แก่พระองค์
เจ้าแม่กวนอิม ที่ตำหนักเจ้าแม่กวนอิม
จากตำนานชาวพุทธมหายานจึงได้นับถือองค์เจ้าแม่กวนอิมทั้งในด้านของความรัก ความเมตตา และความกตัญญู ซึ่งในไทยเราก็มีรูปเคารพเจ้าแม่กวนอิมอยู่มากมาย เช่น ตำหนักเจ้าแม่กวนอิม โชคชัย4, มูลนิธิเทียนฟ้า เป็นต้น

และนั่นก็คือความเชื่อในเรื่องเทพแห่งความรักใน 3 ศาสนา ซึ่งการมอบความรักให้แก่กันไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบใด จะอยู่ในรูปของคนรัก รักแบบครอบครัว รักเพื่อนพ้อง รักสรรพสัตว์ ก็ทำให้หัวใจผู้ให้และผู้รับชุ่มฉ่ำชื่นมื่นเช่นกัน วาเลนไทน์นี้ขอให้ทุกคนมีความสุขกับความรักครับพี่น้อง
กำลังโหลดความคิดเห็น