xs
xsm
sm
md
lg

ขึ้นกระเช้าชมงานราชพฤกษ์-เที่ยวชิลล์ๆ ในเมืองเชียงใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วิวสวยๆของงานราชพฤกษ์จากมุมมองบนกระเช้า
ปีใหม่นี้เชื่อว่าเมืองท่องเที่ยวอย่าง “เชียงใหม่” คงจะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวเหมือนทุกคราว ด้วยสภาพอากาศที่เย็นกำลังดี แถมยังมีความสวยงามของเมือง และความน่ารักของผู้คน ทำให้จุดหมายของหลายๆ คนมุ่งตรงมายังเมืองเชียงใหม่ “ตะลอนเที่ยว” เองก็เช่นเดียวกัน แต่ในครั้งนี้ขอมาเที่ยวกันแบบสบายๆ ชิลล์ๆ กันในเมืองเชียงใหม่ ไม่ต้องขับรถขึ้นดอยไกลๆ เพราะแค่ที่เที่ยวในเมืองก็มีมากมายเที่ยวได้หลายวัน

มาเชียงใหม่ช่วงนี้ “ตะลอนเที่ยว” แนะนำว่าต้องไม่พลาด “งานมหกรรมพืชสวนโลกฯ” ที่ปีนี้จัดใหญ่เป็นพิเศษ เพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ 3 วโรกาสสำคัญของคนไทย คือเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา84 พรรษา ในปี 2554 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในปี 2555 และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชนมพรรษา 60 พรรษา ในปี 2555
น้องคูนและผองเพื่อน เตรียมต้อนรับที่งานมหกรรมพืชสวนโลก
นอกจากจะจัดใหญ่แล้ว ปีนี้ก็ยังมีอะไรใหม่ๆ มาให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกันอีกต่างหาก เริ่มตั้งแต่มาสค็อตตัวใหม่ นำทีมโดยน้องคูน และเพื่อนพ้อง ได้แก่ ลมบิน ดินฉ่ำ น้ำใส และไออุ่น ที่น่ารักไม่แพ้มาสค็อตเมื่อปี 2549 เลยทีเดียว กระเช้าราชพฤกษ์ลอยฟ้า (Giant Flora Wheel) ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งน่าสนใจที่จะพาเราขึ้นไปชมวิวงานมหกรรมพืชสวนโลกในความสูงถึง 40 เมตร ได้ชมบรรยากาศในมุมสูงแถมยังเสียว (สำหรับคนกลัวความสูง) อีกต่างหาก
กระเช้าราชพฤกษ์ลอยฟ้า
ส่วนในช่วงกลางคืน อากาศเย็นๆ ชิลล์ๆ อย่างนี้ก็อย่าเพิ่งรีบกลับ เพราะยังมีแสงไฟสวยงามนับล้านดวงให้ชมที่สวนแสงแห่งจินตนาการ ที่อยู่บริเวณด้านหน้าสวนราชพฤกษ์ และที่บึงราชพฤกษ์ก็มีการแสดงม่านน้ำที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติให้ได้ชมกันสนุกสนานอีกด้วย ส่วนใครที่อยากชมดอกไม้สวยๆ และการจัดสวนเก๋ๆ ของสวนองค์กรและสวนนานาชาติคราวนี้ก็ไม่ต้องผิดหวัง เพราะแต่ละที่แต่ละแห่งต่างจัดเต็มมาให้นักท่องเที่ยวได้ชมได้ถ่ายรูปกันอย่างเต็มที่เหมือนเคย
ให้อาหารยีราฟจากมือที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี
ไหนๆ ก็ได้มาเที่ยวที่งานมหกรรมพืนสวนโลกกันแล้วก็ไม่ควรพลาดที่จะแวะไปเยี่ยมชมบรรดาสิงสาราสัตว์ที่อยู่ใกล้ๆ กันที่ “เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี” ที่คราวนี้ไม่ต้องรอจนมืดค่ำก็สามารถไปเที่ยวกันได้ เพราะทางไนท์ซาฟารีเขามีกิจกรรม Behind the Zoo ที่พาไปชมเบื้องหลังการดูแลสัตว์ของเจ้าหน้าที่โดยการนั่งรถรางไปชมกันถึงกรงสัตว์ โดยจะได้ชมการดูแลสัตว์ทั้งฮิปโปโปเตมัส กระทิง แรดขาว บางกรงเราสามารถให้อาหารสัตว์เหล่านั้นได้ด้วย และระหว่างทางก็จะได้พบกับสัตว์ต่างๆ ที่เดินกันอย่างอิสระ เช่น เก้ง กวาง แพะ นกกระจอกเทศ ม้าลาย และยีราฟ โดยยีราฟนั้นเราสามารถให้อาหารกับมือได้เลยด้วย
ลีเมอร์แม่ลูกน่ารักน่าเอ็นดูที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี
นอกจากนั้นในช่วงกลางวันก็ยังสามารถเดินชมพฤติกรรมสัตว์ต่างๆ กว่า 50 ชนิด ในเส้นทาง Walking Zone โดยมีสัตว์เช่น ลิงชนิดต่างๆ ลีเมอร์ ม้าแคระ สมเสร็จบราซิล แมวดาว ฯลฯ โดยจะมีป้ายข้อมูลให้อ่านเพื่อเป็นความรู้เกี่ยวกับสัตว์ชนิดนั้นๆ ด้วย ส่วนในช่วงกลางคืนก็ยังคงมีการนั่งรถรางชมชีวิตสัตว์ตอนกลางคืนเหมือนเช่นเคย โดยการชมไนท์ซาฟารีนั้นจะแบ่งออกเป็นนอร์ทโซน ซึ่งจะได้พบกับสัตว์นักล่าดุร้ายอย่างเสือโคร่งขาว สิงโต หมีควาย เสือพูม่า ไฮยีนา หมาจิ้งจอก ส่วนเซาท์โซน เป็นโซนของสัตว์แถบทุ่งหญ้าซาวันนา เช่น เลียงผา ละมั่ง หมูป่า กวางผา แรดขาว จิงโจ้แดง ยีราฟ ม้าลาย ฯลฯ มาที่นี่ได้ทั้งความสนุกและได้ความรู้อีกต่างหาก
วัดพระธาตุดอยคำ
ถ่ายรูปกับดอกไม้ในงานมหกรรมพืชสวนโลกและสิงสาราสัตว์ในไนท์ซาฟารีไปแล้ว “ตะลอนเที่ยว” ขอเปลี่ยนแนวมาไหว้พระกันบ้างดีกว่า หากใครที่ไปเที่ยวงานพืชสวนโลกแล้วมองไปยังภูเขาด้านหลังหอคำหลวงคงจะได้เห็นเจดีย์สีทองอยู่ลิบๆ ซึ่งนั่นก็คือ “วัดพระธาตุดอยคำ” ซึ่งนอกจากจะเป็นวัดเก่าแก่แล้วก็ยังเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวเมืองเชียงใหม่และชมงานราชพฤกษ์จากมุมสูงได้อย่างสวยงามอีกด้วย

พระธาตุดอยคำสร้างขึ้นในสมัยพระนางจามเทวีกษัตริย์แห่งลำพูน โดยพระโอรสทั้ง 2 พระองค์ของพระนางเป็นผู้สร้าง องค์เจดีย์เป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านนา รูปแบบเจดีย์ทรงกลม ดัดแปลงมาลัยเถาเป็นเหลี่ยม ภายในเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระเกศาของพระพุทธเจ้า ตำนานของพระธาตุดอยคำกล่าวไว้ว่า เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จมายังดอยคำนี้ ทรงพบว่ามียักษ์สามตน พ่อ แม่ ลูก อาศัยอยู่และยังชีพด้วยเนื้อมนุษย์หรือเนื้อสัตว์ตลอดมา พระพุทธองค์ทรงแผ่เมตตาห้ามจิตกิเลสของยักษ์ทั้งสามให้อ่อนลง ปู่แสะ ย่าแสะ (ยักษ์พ่อแม่) ไม่สามารถรักษาศีลห้าได้ตลอดจึงขออนุญาตกินเนื้อสัตว์ปีละหน ส่วนยักษ์ลูกภายหลังได้ขอบวช พระพุทธเจ้าจึงแสดงธรรมให้ฟังพร้อมกับประทานพระเกศาธาตุไว้ให้ พร้อมกับตั้งชื่อให้ว่าวาสุเทพฤาษีนับแต่นั้นเป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังมีพิธีเลี้ยงปู่แสะย่าแสะด้วยควายดำหนึ่งตัวเป็นประจำทุกปี
วัดพระธาตุดอยสุเทพ
ส่วนอีกหนึ่งพระธาตุบนดอยที่เมื่อมาเยือนเชียงใหม่แล้วจะพลาดมาสักการะเสียมิได้ก็คือ “พระธาตุดอยสุเทพ” ซึ่งเป็นปูชนียสถานสำคัญคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่และล้านนานไทยมาเป็นเวลานาน พระธาตุดอยสุเทพสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้ากือนาธรรมิกราช เจ้าเมืองเชียงใหม่องค์ที่ 9 โดยพระเจ้ากือนาทรงรับสั่งให้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุที่พระมหาสุมนเถระนำมาจากเมืองศรีสัชนาลัย เมื่ออัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาสู่เชียงใหม่แล้วพระธาตุได้แยกเป็นสองส่วน พระเจ้ากือนาทรงได้อัญเชิญบรรจุไว้ที่พระธาตุวัดสวนดอกองค์หนึ่ง ส่วนองค์ที่สองได้อัญเชิญขึ้นบนหลังช้างเพื่อเสี่ยงทายว่าช้างหยุดที่ใด ก็จะสร้างเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุที่นั่น แล้วปล่อยช้างไป ช้างจึงได้มุ่งหน้ามายังยอดดอยสุเทพ อันเป็นที่ตั้งของพระบรมธาตุมาจนปัจจุบัน

ทางขึ้นสู่องค์พระธาตุนั้นเป็นบันไดพญานาคยาวหลายร้อยขั้น เป็นเรื่องท้าทายผู้ที่ศรัทธายิ่งนัก แต่หากใครไขข้อเสื่อม เข่าไม่ค่อยดี ทางวัดก็มีทางเลือกให้โดยการนั่งรถรางไฟฟ้าขึ้นไปสักการะพระบรมธาตุได้เช่นเดียวกัน และด้านบนนั้นก็ยังเป็นจุดชมวิวเมืองเชียงใหม่ทั้งเมืองได้อย่างสวยงามอีกด้วย
พบกับครอบครัวแพนด้าได้ที่สวนสัตว์เชียงใหม่
ระหว่างทางขึ้นไปยังดอยสุเทพเราได้ผ่านสถานที่สำคัญสองแห่ง หนึ่งในนั้นคือ “อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย” ซึ่งตั้งอยู่ตรงทางขึ้นดอยสุเทพ ครูบาศรีวิชัยเป็นนักบุญแห่งล้านนาไทยผู้เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวเชียงใหม่และประชาชนโดยทั่วไป และเป็นผู้ริเริ่มชักชวนให้ชาวเชียงใหม่และชาวล้านนาร่วมแรงร่วมใจกันสร้างถนนความยาว 10 ก.ม. จากเชิงดอยขึ้นไปสู่วัดพระบรมธาตุดอยสุเทพได้สำเร็จ

ส่วนสถานที่อีกแห่งหนึ่งอยู่บริเวณตีนดอย นั่นก็คือ “สวนสัตว์เชียงใหม่” บ้านของครอบครัวแพนด้าน้อยหลินปิง รวมถึงสิงสาราสัตว์ที่น่ารักน่าชมทั้งหลาย พื้นที่ของสวนสัตว์เชียงใหม่กว้างถึง 531 ไร่ แถมยังเป็นพื้นที่เชิงเขา บางช่วงจึงลาดชันเล็กน้อย แต่ก็ร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ และมีสัตว์ต่างๆ อาศัยอยู่มากถึง 2,000 ชนิด และมีจำนวนสัตว์มากถึงประมาณ 7,000 ตัว ซึ่งนอกจากจะมีสัตว์ป่าท้องถิ่นในแถบบ้านเราแล้ว ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ก็ยังได้นำเอาสัตว์แปลกๆ จากหลายประเทศมาไว้ให้ชมกัน เช่น หมีโคอาล่า นกเพนกวิน เสือขาวเบงกอล แกะภูเขา ฯลฯ และแน่นอนว่าขวัญใจของนักท่องเที่ยวก็ยังคงเป็นครอบครัวแพนด้าเช่นเคย
ชมการให้อาหารปลากระเบนและฉลามได้ที่เชียงใหม่ ซู อควาเรียม
นอกจากนั้นในสวนสัตว์เชียงใหม่ยังได้ยกเอาโลกใต้ทะเลมาไว้ที่เชิงดอยสุเทพด้วย ที่ “เชียงใหม่ ซู อควาเรียม” นั้นเป็นพิพิธภัณฑ์โลกใต้น้ำครบวงจร มีอุโมงค์แสดงสัตว์น้ำยาวถึง 133 ม. จัดแสดงทั้งสัตว์น้ำจืดและน้ำเค็ม มีปลามากมาย 200 สายพันธุ์ และมีจำนวนมากถึง 8,000 ตัว และที่นี่ยังมีการแสดงการให้อาหารปลา เป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ เป็นอย่างมากเลยทีเดียว

ออกจากสวนสัตว์เชียงใหม่มาแล้ว “ตะลอนเที่ยว” อยากแนะนำอีกสักสองวัดให้ได้ไปเที่ยวกัน อย่าเพิ่งเบื่อว่าชวนเที่ยวแต่วัด ก็การได้ไปไหว้เป็นสิริมงคลแก่ตัวเองในช่วงปีใหม่นี้เป็นเรื่องดีไม่หยอก แถมวัดที่เชียงใหม่แต่ละวัดยังมีความสวยงาม ความศักดิ์สิทธิ์ และมีประวัติความเป็นมายาวนาน อย่างนี้จะพลาดได้อย่างไร
ความสงบภายในอุโมงค์ของวัดอุโมงค์
ที่อยากแนะนำให้ไปไหว้พระกันก็คือที่ “วัดอุโมงค์” ซึ่งอยู่ในซอยบริเวณหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ไม่ไกลจากสวนสัตว์เชียงใหม่เลย วัดแห่งนี้ร่มรื่นและเงียบสงบยิ่งนัก เพราะในอดีตเป็นวัดป่า ตามประวัติกล่าวไว้ว่า เมื่อพญามังรายสร้างเมืองเชียงใหม่ขึ้นแล้ว ก็ได้สร้างวัดขึ้นที่บริเวณป่าไผ่ 11 กอ เพื่อถวายเป็นที่พำนักแด่พระภิกษุเถรจันทร์และพระภิกษุชาวลังกา จึงได้ชื่อว่าวัดเวฬุกัฎฐาราม แปลว่าวัดป่าไผ่ ต่อมาในสมัยพญากือนา โปรดให้สร้างอุโมงค์ขึ้นในบริเวณวัด ภายหลังจึงเรียกว่าอุโมงค์เถรจันทร์ หรือวัดอุโมงค์

ภายในอุโมงค์นั้นมีบรรยากาศขรึมขลัง อีกทั้งยังเย็นฉ่ำ พระพุทธรูปที่ประดิษฐานไว้ในซุ้มอุโมงค์ก็ยิ่งช่วยเพิ่มความสงบในบรรยากาศให้มากขึ้นไปอีก นอกจากนั้นในอุโมงค์ยังมีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงาม แต่ปัจจุบันลบเลือนไปมาก ยังคงมีร่องรอยให้เห็นเพียงบางส่วนเท่านั้น อ้อ... วัดอุโมงค์แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “อุโมงค์ผาเมือง” อีกด้วย
พระสิงห์ พระคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่
อีกหนึ่งวัดที่พลาดไม่ได้เลยสำหรับคนที่เกิดปีมะโรง อันเป็นปีนักษัตรประจำปีใหม่ 2555 นี้ นั่นก็คือ “วัดพระสิงห์” ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนปางมารวิชัย พระพุทธรูปสำคัญของเมืองเชียงใหม่ โดยประดิษฐานอยู่ในวิหารลายคำ วิหารล้านนาที่มีความงามสมบูรณ์แบบที่สุดแห่งหนึ่งในภาคเหนือ ภายในมีภาพวาดภาพจิตรกรรมสมัยรัตนโกสินทร์เรื่องสุวรรณหงส์และเรื่องสังข์ทองฝีมือช่างเมืองเหนือ

นอกจากนั้นภายในวัดยังมีพระเจดีย์สถาปัตยกรรมแบบล้านนาไทยอยู่บริเวณด้านหลังพระอุโบสถ ซึ่งเป็นพระเจดีย์ประจำปีเกิดของผู้เกิดปีมะโรง (งูใหญ่) หรือหากใครไม่ได้เกิดปีมะโรง ก็สามารถมาไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองได้เช่นกัน
มุมนั่งชิลล์ๆ มุมหนึ่งบนถนนนิมมานเหมินทร์
มาปิดท้ายความชิลล์กันที่ย่านเก๋ๆ ของเชียงใหม่ บน “ถนนนิมมานเหมินทร์” ที่หากจะเปรียบกับกรุงเทพฯ ก็คงจะมีบรรยากาศคล้ายกับซอยทองหล่อ หรือเอกมัย ในซอยต่างๆ ของถนนนิมมานฯ จะมีร้านกาแฟสวยๆ น่านั่ง ตกแต่งในสไตล์ที่หลากหลาย มีร้านเค้ก ร้านเบเกอรี่ ร้านไอศกรีมหลายสิบร้านที่คนชอบของหวานเห็นแล้วต้องอยากเข้าไปชิม และแต่ละร้านก็ยังออกแบบตกแต่งร้านให้น่ารักน่านั่ง ถูกใจสาวๆ ที่ชอบถ่ายรูปอัพเฟซบุคเป็นที่สุด นอกจากนั้นก็ยังมีร้านอาหาร ร้านขายเฟอร์นิเจอร์แบบอาร์ตๆ ร้านเสื้อผ้าเครื่องประดับก็มีเยอะ ถ้าอยากรู้ว่าวัยรุ่นวัยทำงานของคนเมืองเชียงใหม่มีไลฟ์สไตล์อย่างไรก็ต้องลองมาสัมผัสบรรยากาศของถนนนิมมานเหมินทร์แห่งนี้
*  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  * 

สายการบินแอร์เอเชีย ให้บริการเที่ยวบินเชียงใหม่-กรุงเทพฯ 7 เที่ยวบิน/วัน นอกจากนั้นยังมีเที่ยวบินเชียงใหม่-ภูเก็ต 2 เที่ยวบินต่อวัน เชียงใหม่-หาดใหญ่ 1 เที่ยวบิน/วัน เชียงใหม่-อุบลฯ 3 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เชียงใหม่-สิงคโปร์ 1 เที่ยวบิน/วัน เชียงใหม่-กัวลาลัมเปอร์ 1 เที่ยวบินต่อวัน ดูรายละเอียดเกี่ยวกับโปรโมชั่นต่างๆ ได้ที่ www.airasia.com หรือสอบถามรายละเอียดอื่นๆ ได้ที่ Call Center โทร.0 2515 9999
กำลังโหลดความคิดเห็น