xs
xsm
sm
md
lg

“หลิ่วโจว” เมืองน่าตาย...“กุ้ยหลิน” สวรรค์บนพื้นพิภพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : ตะลอนเที่ยว (travel_astvmgr@hotmail.com)
เมืองหลิ่วโจวยามราตรี
“กิน ที่กวางโจว, ใส่ ที่ซูโจว, เที่ยว ที่หางโจว และตาย ที่หลิ่วโจว”

“น้องผึ้ง”หรือ“พาน หมิง จู” ไกด์สาวผู้น่ารักคล่องแคล่ว นำคำของคนจีนโบราณมาบอกเล่าให้ “ตะลอนเที่ยว”ฟัง ในระหว่างการเดินทางข้ามเขตจากอำเภอซานเจียง ดินแดนชาวต้ง(นำเสนอเรื่องราวของพวกเขาไปในตอนที่แล้ว) มุ่งหน้าสู่เมือง“หลิ่วโจว” เมืองใหญ่อันดับสองของมณฑลกวางสี เป็นเมืองอุตสาหกรรมต่อรถยนต์สำคัญของเมืองจีน

หลิ่วโจว

หลิ่วโจว เป็นดินแดนที่คนจีนโบราณบอกว่าน่าจะมาตายที่นี่ เพราะเมืองนี้ขึ้นชื่อว่ามีไม้ทำโลงศพที่มีคุณภาพเป็นเลิศ โดยปัจจุบันได้มีการประยุกต์ทำโลงศพจำลองขายเป็นที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว ที่อาจจะไปไม่ได้กับความเชื่อของคนไทยสักเท่าไหร่ในการนำโลงศพเข้าบ้าน
สะพานลมฝนที่สวนมังกรดำ
นอกจากนี้ทางการเมืองหลิ่วโจวยังพยายามผลักดันกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวของเมืองนี้ให้คึกคักมากยิ่งขึ้น โดยสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆในตัวเมืองหลิ่วโจวก็มี

วัดขงจื้อ : วัดที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับยอดนักปราชญ์ขงจื้อกับรูปแบบสถาปัตยกรรมจีนอันสง่าใหญ่โต โอ่โถง

สุสานหลิ่วจงหยวน : สุสานของขุนนาง กวี นักเขียน แห่งราชวงศ์ถังที่ชาวเมืองหลิ่วโจวเคารพนับถือ และเชื่อว่าหนึ่งในที่มาของชื่อเมืองหลิ่วโจว น่าจะมาจากชื่อของหลิ่วจงหยวนท่านนี้

สวนมังกรดำ : สวนสาธารณะขนาดใหญ่ มีไฮไลท์อยู่ที่สะพานลมฝน สัญลักษณ์ของชาวต้งที่สร้างทอดผ่าน“สระกระจก” สระน้ำใสสะท้อนเงาอันเด่นชัดของสะพาน ซึ่งเชื่อว่าใครที่มาเดินข้ามสะพานแห่งนี้จะโชคดี เพราะลมฝนแห่งความโชคร้ายจะผ่านพ้นไป
น้ำพุเต้นระบำ
สวนหยีฟง : สวนสาธารณะกลางเมืองมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับตำนานอันเพริศแพร้วของ “หลิวซานเจี่ย” วีรสตรีชาวจ้วงผู้เป็นเลิศด้านการร้องเพลง ซึ่งถูกเศรษฐีบังคับให้แต่งงานด้วย แต่เธอไม่ยอมจึงมากระโดดน้ำตายที่สระในสวนแห่งนี้ แต่หลังจากกระโดดน้ำลงไป ได้มีปลาตัวใหญ่มาช่วยหลิวซานเจี่ยให้กลายเป็นนกเหิรบินขึ้นสู่สรวงสวรรค์

พิพิธภัณฑ์หินงาม : ภายในเก็บรักษาฟอสซิล และจัดแสดงหินธรรมชาติที่มีลักษณะเฉพาะ รูปร่างแปลกตา หายาก หินบางก้อนทรงคุณค่าแบบประมาณค่าไม่ได้

นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์ที่ทางเมืองหลิ่วโจวภูมิใจนำเสนอ ได้แก่ กิจกรรมการล่องเรือแม่น้ำหลิ่ว(หลิ่วเจียง) ชมทิวทัศน์ของแสงสีไฟยามราตรี ไม่ว่าจะเป็นสะพานต่างๆ ตึกอาคารริมน้ำที่ประดับไฟอย่างสวยงาม น้ำพุเต้นระบำ น้ำตกจำลองริมน้ำยาว 200 เมตร ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาอย่างน่าทึ่ง และวัดขงจื้อยามราตรีที่ดูมลังเมลืองสวยงามกว่าในภาคกลางวันเสียอีก
ทิวทัศน์ขุนเขาสายน้ำแห่งเมืองหยางซั่ว
หยางซั่ว

หลังใช้เวลาครึ่งวัน 1 คืน เพลิดเพลินอยู่ในหลิ่วโจว วันรุ่งขึ้นเราเดินทางต่อไปยังอำเภอหยางซั่ว ในเขตเมืองกุ้ยหลิน

น้องผึ้งเล่าให้ฟังว่า หยางซั่ว เดิมเป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆมีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 650 ปี พอจีนเปิดประเทศในปี ค.ศ.1978 หยางซั่วก็เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวแบ็กแพ็ก จากนั้นหยางซั่วได้พัฒนาเมืองจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวโด่งดังควบคู่ไปกับเมืองกุ้ยหลิน โดยเฉพาะกับกิจกรรมล่องเรือทัศนาแม่น้ำหลี(หลีเจียง)จากกุ้ยหลินสู่หยางซั่วนั้น ถือเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวยอดฮิต เพราะทิวทัศน์สายน้ำขุนเขาในเส้นทางสายนี้ ได้ชื่อว่างดงามนัก

งดงามปานประหนึ่งแม่น้ำสายสวรรค์ ซึ่ง“ฮั่นหยู” (Hanyu) ปราชญ์สมัยถังได้ร้อยรจนาถึงความประทับใจในระหว่างที่มาล่องแม่น้ำหลีเป็นกวีอมตะบทหนึ่งว่า

“แม่น้ำนี้งดงามราวสายเข็มขัดไหมสีมรกต ส่วนภูผานั่นเล่าเป็นดังจุฑามณีสีหยก”
ล่องแพไม้ไผ่ท่องแม่น้ำมังกรหยก
อย่างไรก็ดีหากใครเดินทางมาหยางซั่วทางถนน(เหมือนกับเราในทริปนี้) ก็สามารถล่องเรือระยะสั้นชม 2 ฟากฝั่งแม่น้ำหลีได้ เพราะทิวทัศน์ขุนเขาและคุ้งน้ำที่ได้ชื่อว่าโดดเด่นที่สุดในเส้นทางล่องแม่น้ำหลีนั้นอยู่ในเมืองหยางซั่วนี่เอง

นอกจากเส้นทางล่องเรือชมแม่น้ำหลีแล้ว หยางซั่วยังมีเส้นทางล่องแพไม้ไผ่ไปตามแม่น้ำ “มังกรหยก” ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับลำน้ำสายนี้อย่างใกล้ชิด

แม่น้ำมังกรหยก ชื่อนี้ “ตะลอนเที่ยว”ได้ยินแล้ว อดคิดถึง ก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง เอี้ยก๊วย เซียวเหล่งนึ่ง ในนวนิยายจีนกำลังภายในสุดคลาสสิคของ “กิมย้ง”ไม่ได้ ซึ่งพอนึกถึงแล้วมันก็พลอยชวนให้เกิดอารมณ์ร่วมที่คลาสสิคตามไปด้วย นับว่าเข้ากันเป็นอย่างดีกับ แม่น้ำมังกรหยกที่เป็นลำน้ำสายเล็กๆ ไหลเอื่อย น้ำใสแจ๋วแหววปานกระจก ใต้น้ำมีสาหร่ายเขียวขจียามต้องแสงแดดทำให้ล้ำน้ำสายนี้ส่องประกายสีเขียวดุจดังมรกต
นกกาน้ำ ผู้ช่วยจับปลาตัวสำคัญของชาวประมงที่หยางซั่ว
ขณะที่ 2 ฟากฝั่งนั้นก็น่ายลไปด้วยขุนเขาน้อยใหญ่ที่โอบล้อม วิถีชีวิต บ้านเรือน รวมถึงรูปแบบการจับปลาของชาวประมงแถวนี้ที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยการให้ผู้ช่วยคือนกกาน้ำ คอยกระโดดน้ำลงไปจับปลามาให้ ส่วนชาวประมงนั้นยืนจุ๊ยสบายใจเฉิบอยู่บนแพ โดยไม่ต้องกลัวว่านกกาน้ำจะแอบงับกลืนกินปลาลงท้องไปหรือบินหนีไปไหน เพราะพี่แกเล่นมัดขานกกาน้ำไว้กับแพ และผูกคอนกไว้ไม่ให้สามารถกลืนปลาลงท้องได้

แต่ถึงกระนั้นคุณลุงชาวประมงก็ไม่ได้โหดร้ายใจหินอย่างที่ใครหลายๆคนคิด เพราะเมื่อถึงเวลาพวกเขาจะแก้เชือกผูกคอแล้วโยนปลาให้นกกาน้ำกิน นับเป็นวิธีการหากินแบบพึ่งพาอาศัยกันที่มองยังไงๆมนุษย์ก็ได้กำไรอยู่วันยังค่ำ

สำหรับวิถีการหาปลาด้วยนกกาน้ำแบบนี้ปัจจุบันหาของแท้ได้ค่อนข้างยาก ส่วนใหญ่มักจะเป็นการกระทำเพื่อเน้นทางด้านของการท่องเที่ยวมากกว่า
โชว์หลิวซานเจี่ย ฝีมือกำกับของจางอี้โหมวอันโด่งดัง
อนึ่งแม้ทิวทัศน์ของขุนเขา สายน้ำ ในเส้นทางสายนี้ จะดูงดงามกินใจ แต่กระนั้นมันก็มีสิ่งชวนให้เสียบรรยากาศกับธุรกิจถ่ายภาพของพ่อค้าแม่ค้า ที่ตั้งจุดดักให้คนถ่อแพ(ที่รู้กัน)แวะไปทุกจุด คนขายบางคนใช้วิธีตื้อแกมบังคับเป็นที่น่าหงุดหงิดรำคาญใจยิ่งนัก ฉะนั้นควรที่จะบอกคนถ่อแพให้ถ่อหนีพวกนี้ไปไกลๆ

นอกจากเส้นทางแห่งสายน้ำที่น่ายลแล้ว ในเมืองหยางซั่วยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ถ้ำเงิน ถ้ำดอกบัว ถ้ำผีเสื้อ เขาพระจันทร์ เขาหัวมังกร รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวแมนเมดชื่อดังอย่าง “เมืองลับแล” ที่เป็นการจำลองบรรยากาศของหมู่บ้านจีนโบราณ ที่มีการแสดงศิลปวัฒนธรรมของชนเผ่าต่างๆมานำเสนอให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกัน

ในหยางซั่วยังมีสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวสำคัญอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ การแสดงละครเพลง"หลิวซานเจี่ย" หรือ “Impression Liu Sanjie” กำกับการแสดงโดยจางอี้โหมว ซึ่งจัดแสดงในทุกๆค่ำคืน
หลิวซานเจี่ย เป็นหนึ่งในโชว์ชื่อก้องของเมืองจีน เพราะกำกับการแสดงโดยจางอี้โหมว ผู้กำกับชื่อดังระดับโลกที่ฝากผลงานภาพยนตร์และผลงานกำกับเด่นๆเอาไว้มากมาย ซึ่งแน่นอนว่าชื่อชั้นขั้นเทพระดับนี้ ย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน
ถนนฝรั่ง เมืองหยางซั่ว
งานนี้จางอี้โหมวใช้ธรรมชาติเป็นฉากทั้งสายน้ำ ขุนเขา แล้วนำเรื่องราวของภาพยนตร์จีนละครเพลงสุดคลาสสิคเรื่อง"หลิวซานเจี่ย" หรือ "เพลงรักชาวเรือ" มาดัดแปลงใส่เข้าไป เนื้อเรื่อง กล่าวถึงหลิวซานเจี่ย นางเอกนักสู้ สาวงามชาวจ้วงสมัยราชวงศ์ถังที่มีพรสวรรค์ด้านการร้องเพลง(ชาวจ้วงชื่นชอบการร้องเพลงมาก) จนเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆทั่วไป แต่สุดท้ายเธอถูกผู้มีอิทธิพลบีบบังคับให้แต่งงานด้วย ทว่าหลิวซานเจี่ยก็ได้ทำการต่อสู้กับความอยุติธรรมของผู้มีอิทธิพลโดยใช้เสียงเพลงร้องตอบโต้ จนเธอสามารถเอาชนะได้ครองคู่กับคนรักและได้รับการยกย่องให้เป็น"วีรสตรีชาวจ้วง" มาจนถึงทุกวันนี้

การแสดงชุดนี้แม้จะเป็นภาษาจีนล้วนที่เราฟังไม่รู้เรื่อง แต่ด้วยเทคนิคการแสดงอันเหนือชั้นของจางอี้โหมว ที่สามารถเล่นกับ ฉากธรรมชาติ แสง สี เสียงได้อย่างน่าทึ่ง มันสามารถตรึงให้ผู้ชมให้เพลิดเพลินไปกับการแสดงชุดนี้ได้อย่างไม่ยากเย็น โดยเฉพาะกับตอนช่วงเทคนิคมนุษย์หลอดไฟนั้น มันช่างน่าตื่นตาตื่นใจเสียนี่กระไร

หลังจบการแสดง ก่อนเข้านอนเราเลือกไปท่องราตรีชมสีสันของ "เวสท์สตรีท"หรือ"ถนนฝรั่ง" ที่ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ทางการท่องเที่ยวประจำเมืองนี้

เวสท์สตรีทย่านเก่าแก่อายุร่วม 100 ปี ที่วันนี้ปรับปรุงเป็นย่านถนนคนเดิน 1 ข้างทางล้วนเต็มไปด้วยร้านรวง แผงลอย ผับ บาร์ ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ภาพวาด เซ็กส์ชอป ร้านซีดี ร้านขายของเก่า และร้านค้าอีกสารพัดสารพัน

และด้วยบรรยากาศอุดมไปด้วยกลิ่นอายการช้อปปิ้งแบบนี้ น้องผึ้งเธอบอกว่า ถนนฝรั่งเป็นสถานที่ที่คนไทยชื่นชอบกันมากเป็นพิเศษ
ตัวเมืองกุ้ยหลินยามเย็น
กุ้ยหลิน

แล้วการเดินทางก็มีถึงช่วงสุดท้ายของทริปเมื่อวันรุ่งขึ้น น้องผึ้งพาชาวคณะออกเดินทางจากหยางซั่วมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองกุ้ยหลิน

กุ้ยหลิน มีฐานะเป็นเมืองใหญ่อันดับสามของเขตปกครองตนเอง“กว่างซี”ของชาวจ้วง หรือที่คนไทยนิยมเรียกว่า มณฑล“กวางสี” และมีตำแหน่งเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของมณฑล

ในอดีตกุ้ยหลินได้รับการยกย่องให้เป็นดัง “ซื่อไหว้เถ้าหยวน” หรือ “สวรรค์บนพื้นพิภพ”เพราะเป็นดินแดนแห่งขุนเขาและสายน้ำอันงดงาม มีแม่น้ำหลี(หลีเจียง)ที่ใสแจ๋วราวกระจกเป็นเส้นเลือดหลัก มีภูเขาหินปูนรูปร่างแปลกตากว่า 27,000 ยอด เป็นจุดเด่นสำคัญของเมือง
ล่องแม่น้ำหลี กิจกรรมท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองกุ้ยหลิน
น้องผึ้งบอกกับ “ตะลอนเที่ยว” หลังเดินทางมาถึงเมืองกุ้ยหลินว่า ไฮไลท์การท่องเที่ยวของเมืองนี้ มีอยู่ 5 อย่างด้วยกัน ได้แก่ แม่น้ำ ภูเขา ถ้ำ หินงอกหินย้อย และสวนสาธารณะ

สำหรับแม่น้ำนั้นก็คือแม่น้ำหลีที่ไหลผ่านใจกลางเมือง ซึ่งคนที่มาเที่ยวเมืองกุ้ยหลินส่วนใหญ่นิยมล่องเรือทัศนาชมทิวทัศน์ของแม่น้ำหลีทั้งระยะสั้น ระยะไกล โดยเส้นทางที่นิยมมากที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นการล่องแม่น้ำหลีจากกุ้ยหลินไปยังเมืองหยางซั่วตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น
กิจกรรมล่องแม่น้ำยามราตรี
นอกจากนี้กุ้ยหลินยังมีกิจกรรมล่องเรือทางน้ำยามราตรี ชมแสงสีไฟประดับ สะพานต่างๆ เจดีย์เงิน-เจดีย์ทอง และสัมผัสกับการเปลี่ยนระดับของเขื่อนที่ถือเป็นไฮไลท์เรียกความตื่นตาตื่นใจได้เป็นอย่างดี

ส่วนภูเขาแค่เดินทางเข้ามาในเมืองกุ้ยหลินเราก็จะได้พบเห็นขุนเขาน้อยใหญ่มากมายตั้งตระหง่านอยู่ทั่วเมือง ขุนเขาในตัวเมืองเหล่านี้ล้วนต่างเป็นเขาหินปูนที่ถูกธรรมชาติสร้างสรรค์ให้มีรูปร่างแปลกตา
นักท่องเที่ยวเช่าชุดพื้นเมืองบันทึกภาพคู่กับเขางวงช้าง
โดยขุนเขาไฮไลท์ที่ถือเป็นดังสัญลักษณ์ของเมืองกุ้ยหลินก็คือ “เขางวงช้าง”(เซี่ยงปี๋ซาน) ที่ในมุมมหาชนจะมีรูปลักษณะคล้ายช้างกำลังยื่นงวงดูดน้ำในแม่น้ำหลี ซึ่งในบริเวณริมฝั่งน้ำของเขาลูกนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเดินเล่น กินลมชมวิว บ้างก็ไปล่องเรือ-ล่องแพไม้ไผ่ท่องลำน้ำหลีในระยะสั้นๆ ส่วนที่นิยมกันมากก็เห็นจะเป็นการไปยืนโพสต์ท่าถ่ายรูปคู่กับเขางวงช้าง บางคนยอมลงทุนเช่าชุดพื้นเมืองชาวจ้วงถ่ายรูปคู่กับขุนเขาเพื่อให้ได้ภาพที่ประทับใจกลับไป
หินรูปสิงโตภายในถ้ำขลุ่ยอ้อ
ขณะที่การเที่ยวชมถ้ำกับหินงอกหินย้อยถือเป็นของคู่กัน สำหรับถ้ำยอดฮิตอันดับหนึ่งในตัวเมืองกุ้ยหลินได้แก่ “ถ้ำขลุ่ยอ้อ”(หลูตี๋เหยียน)

ถ้ำแห่งนี้ เปิดให้เที่ยวชมมาร่วม 50 ปีแล้ว จัดเป็นถ้ำสำคัญในระดับรับแขกบ้านแขกเมืองเคยรับอาคันตุกะดังๆของโลกมาแล้วหลายคน รวมถึงเคยใช้รับเสด็จสมเด็จพระพี่นางฯเมื่อคราวเสด็จมาเยือนกุ้ยหลินในปี พ.ศ. 2546 ด้วย
วังบาดาลในถ้ำขลุ่ยอ้อ
นอกจากขุนเขาและสายน้ำที่งดงามแล้ว กุ้ยหลินยังมีถ้ำอันงดงามอีกมากมายหลายแห่ง สำหรับถ้ำที่ถือเป็นไฮไลท์ของเมืองนี้ ก็คือ“ถ้ำขลุ่ยอ้อ”ที่ในแต่ละวันมีคนไปเที่ยวชมกันเป็นจำนวนมาก

ภายในถ้ำขลุ่ยอ้องดงามปานเนรมิตไปด้วยหินงอกหินย้อยจำนวนมากให้เราได้จินตนาการตามคำบอกเล่าของไกด์นำเที่ยวกันตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็น เสาหิน ผ้าม่าน หินรูปมนุษย์หิมะ ตุ๊กแก เจ้าแม่กวนอิม พระพุทธรูป ตาแป๊ะ ปลาทอง สิงโตรับแขก สิงโตส่งแขก โดยมีไฮไลท์ประจำถ้ำเป็น “วังบาดาล” ที่เป็นวังน้ำมีหินงอกหินย้อย ทอดเงาตกสะท้อนลงในวังน้ำ ซึ่งทางการจีนได้ตกแต่งด้วยการฉายย้อมแสงสีไฟหลากสีส่องประดับลงไปท่ามกลางโถงถ้ำขนาดใหญ่ ดูแล้วงดงามวิจิตรยิ่งนัก
เขารูปอูฐที่สวน 7 ดาว
หันมาดูที่ไฮไลท์สุดท้ายอย่างสวนสาธารณะกันบ้าง กุ้ยหลินมีสวนสาธารณะชื่อดังคือ “สวน 7 ดาว” สวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดของเมือง

สวน 7 ดาว มียอดเขา 7 ยอด ภายในมีจุดชวนชมอย่าง เขารูปอูฐ วัด ถ้ำ ป่าศิลาจารึก และสวนสัตว์ ที่ครั้งหนึ่งเคยมี“เหมยเหม่ย” หมีแพนด้าที่อายุยืนที่สุดของจีนเป็นดาวเด่น แต่วันนี้เหมยเหม่ยได้ลาโลกจากไปนานหลายปีแล้ว

นอกจากไฮไลท์ท่องเที่ยว 5 สิ่งของคนจีนตามคำบอกเล่าของน้องผึ้งแล้ว กุ้ยหลินยังมีไฮไลท์ลำกับที่หกสำหรับคนไทยนั่นก็คือ “ถนนคนเดิน” ช้อปปิ้งแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ที่มากมายไปด้วยสินค้าสารพัดสารพันทั้งบนดินและใต้ดิน
น้องผึ้ง ไกด์สาวประจำทริป
แต่กระนั้นใครที่จะซื้อหาสินค้าที่เวสท์สตรีทก็ควรคิดไต่ตรองเรื่องต่อรองราคากันให้ดี เพราะเหล่าแม่ค้าพ่อค้าเขาบอกราคาผ่านไว้สูงทีเดียว

สำหรับการชื้อของที่นี่(หรือไม่ว่าที่ไหนๆในเมืองจีน) นอกจากมีสตางค์แล้วยังต้องรู้จักต่อรองราคาด้วย เพราะบรรดาแม่ค้าพ่อขายที่นี่ต่างบอกผ่านและตั้งราคาสินค้าไว้สูงเอาเรื่อง ดังนั้นใครที่เจอะเจอสินค้าต้องตาแล้วอดใจไม่ไหว หากจะซื้อ ต้องต่อราคาให้ต่ำกว่าครึ่ง กว่าค่อน เพื่อจะได้ไม่กลายเป็น“เสียมตือ”ให้คนจีนฟัน(ราคา)เอาได้ง่ายๆ

และนี่ก็คือเสน่ห์ของเมืองกุ้ยหลิน อดีตสวรรค์บนพื้นพิภพที่ปัจจุบันเปลี่ยนแม้หลายสิ่งหลายอย่างจะเปลี่ยนไป แต่ความงามของเมืองกุ้ยหลินยังคงอยู่
*****************************************

“กุ้ยหลิน” ชื่อเมืองนี้มีที่มาจากการที่ในอดีตดินแดนแห่งนี้มีป่าต้น“กุ้ยฮวย”เยอะ ซึ่งคนกุ้ยหลินได้นำดอกของต้นกุ้ยฮวยมาตากแห้งอบพร้อมใบชา กลายเป็น “ชากุ้ยหลิน” ที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้ดอกกุ้ยฮวยยังสามารถนำไปหมักเป็นสุราร่วมกับน้ำในแม่น้ำหลีเจียงและบ่มไว้ให้รสชาติกลมกล่อม กลายเป็นสุรา “กุ้ยฮวย” ที่ขึ้นชื่อ

ส่วนของกินในเมืองกุ้ยหลินจะมี “หมี่กุ้ยหลิน” ที่เป็นเส้นกลมคล้ายเส้นสปาเก็ตตี้ กินร่วมกับพวกเครื่องปรุงอย่าง หมู-ถั่วลิสง-ไข่ต้มชา ที่รสชาติอร่อยทีเดียว โดยอาหารกุ้ยหลินจะค่อนข้างมีรสชาติคล้ายอาหารไทย

หลายปีที่แล้ว กุ้ยหลินถือเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองจีนสำหรับคนไทย ทัวร์ไทย แต่หลังจากการยกเลิกเส้นทางการบิน(ตรง)ของสายการบินที่บินประจำ “กรุงเทพฯ-กุ้ยหลิน” ก็ทำให้ความนิยมต่อการเดินทางไปเที่ยวเมืองกุ้ยหลินของคนไทยลดน้อยลงไป

กระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ สายการบินโอเรียนไทยแอร์ไลนส์ได้เปิดเที่ยวบินตรง(ชาร์เตอร์ไฟลท์) กรุงเทพฯ-กุ้ยหลิน ขึ้นในทุกๆ 6 วัน นั่นก็ทำให้การทำทัวร์ไทยไปกุ้ยหลิน(และทัวร์จีนมาไทย)เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งผู้ที่สนใจไปทัวร์เมืองกุ้ยหลิน สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัทเมอรร์รี่แลนด์ โทร. 0-2249-8216-20
กำลังโหลดความคิดเห็น