ประเทศญี่ปุ่นนั้นมีอะไรมากมายที่น่าสนใจ ทั้งในเรื่องของการท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทิวทัศน์อันงดงาม ศิลปวัฒนธรรมและประเพณีที่น่าสนใจ อาหารการกินเลิศรส ฯลฯ แต่หากว่าอยากจะใช้เวลาเพื่อความสุขที่พร้อมสรรพหลากหลายรูปแบบให้อิ่มทั้งตา อิ่มกาย และอิ่มใจ ก็น่าจะนึกถึง “เขตคันไซ” เป็นอันดับแรก เพราะนอกจากจะมีทุกสิ่งที่กล่าวมาอย่างครบถ้วนแล้ว ก็ยังผสมผสานคุณค่าความเก่าแก่แห่งประวัติศาสตร์กับความทันสมัยของยุคใหม่ได้อย่างกลมกลืน โดดเด่นด้วยความมีชีวิตชีวาและไมตรีจิตที่ประทับใจผู้มาเยือน
“เขตคันไซ” ตั้งอยู่บริเวณภาคกลางตอนใต้ของเกาะฮอนชู ประกอบด้วย 8 จังหวัด ได้แก่ โอซาก้า, เกียวโต, เฮียวโงะ, นารา, ชิงะ, วากายามะ, มิเอะ และ ฟุกุย คันไซนับเป็นภูมิภาคที่ความเจริญมาช้านานเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงของญี่ปุ่นในยุคแรกๆ เมืองประวัติศาสตร์คือ นาราและเกียวโต เมืองหลวงทั้งสองแห่งนี้เป็นศูนย์กลางการบริหารประเทศญี่ปุ่นมานับพันปี มีพระราชวังที่ประทับองค์จักรพรรดิหรือพระราชวังอิมพีเรียล ณ เมืองเกียวโต ก่อนที่จะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่กรุงโตเกียว
นอกจากนี้ คันไซยังเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของเมืองอุตสาหกรรมหลายแห่ง ได้แก่ นครโอซาก้า ศูนย์กลางการค้าและอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศเป็นเมืองใหญ่อันดับสามรองจากกรุงโตเกียวและโยโกฮามา เมืองเกียวโตและนารา เมืองหลวงเก่าที่ยังคงอนุรักษ์โบราณสถาน โบราณวัตถุที่สำคัญและงดงามเป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมถึงเมืองโกเบซึ่งเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น
สภาพอากาศของเขตคันไซค่อนข้างอบอุ่นตลอดปี ประกอบกับพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำ มีภูเขาล้อมรอบ และมีเมืองสำคัญชายฝั่งทะเล จึงมีผลผลิตทางการเกษตรที่อุดมสมบูรณ์ แต่ละเมืองก็มีความพิเศษแตกต่างกันไป โดยเฉพาะ โอซาก้า เป็นศูนย์กลางการค้าและอุตสาหกรรมที่สำคัญ ขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อยเพราะวัตถุดิบนานาชนิดจากทั่วทุกแห่งถูกลำเลียงมาขึ้นท่าที่นี่ และถูกปรุงเป็นอาหารรสเลิศโดยพ่อครัวชั้นนำจนได้รับการขนานนามว่าเป็น "ครัวของประเทศ" อันเป็นที่มาของชื่อ "Kuidaore" หรือเมืองแห่งการกิน ซึ่งหากแปลตามพจนานุกรมหมายความว่า “กินจนหมดเนื้อหมดตัว” แต่คนโอซาก้าหมายถึง "บรรจงกินแต่อาหารที่เอร็ดอร่อยจริงๆ"
อาหารขึ้นชื่ออื่นๆ ของคันไซ ได้แก่ เนื้อวัวโออุมิ ของชิงะ ที่กล่าวกันว่าเป็นการลิ้มรสเนื้อวัวที่เปรียบเหมือนการดื่มด่ำกับงานศิลปะชั้นเลิศ, ปลามากุโระ จากวากายามะ, เนื้อวัวโกเบ จากเฮียวโงะ, ลูกพลับหวานกรอบ, ผักมิบุนะ ฯลฯ
เขตคันไซเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงเก่าถึง 2 แห่งในยุคแรกๆ นับพันปี คือ นารา และ เกียวโต ก่อนย้ายไปอยู่ที่โตเกียว มีความโดดเด่นด้านสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมประเพณี สถาปัตยกรรม และศิลปกรรมเก่าแก่ที่มีคุณค่ามากมาย มีมรดกโลกในญี่ปุ่นที่ขึ้นทะเบียนกับ UNESCO ถึง 5 แห่ง จากทั้งหมด 16 แห่ง ได้แก่ อนุสรณ์สถานของเมืองหลวงเก่าเกียวโต, อนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์วัดโทไดจิและพุทธสถานวัดโฮริวจิ ที่เมืองนารา, ปราสาทฮิเมจิ ที่เมืองเฮียวโงะ เป็นปราสาทเก่าแก่และงดงามที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น, เส้นทางจาริกแสวงบุญและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณเทือกเขาคิอิ และ ศาลเจ้านิอุทซึฮิเมะ ที่เมืองวาคายามะ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในฐานะของศาลเจ้าผู้ปกป้องโคยะ ซัง
นอกจากนี้ยังมีวัดและศาลเจ้าที่สำคัญของคันไซ เช่น วัดชิเทนโนจิ วัดพุทธที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในโอซาก้า สร้างขึ้นเมื่อราว 1400 ปีที่แล้ว ในรัชสมัยสมเด็จพระจักรพรรดิ์ Suiko ศาลเจ้าอิมามิยะ เอบิสึ ที่นักธุรกิจและพ่อค้าแม่ขายจะพากันไปสักการะบูชาเทพ Ebisu ที่มือขวาถือเบ็ดตกปลา และอุ้มปลาไว้ที่สีข้างด้านซ้าย เป็นเทพที่มอบความอุดมสมบูรณ์ให้กับท้องทะเล เชื่อกันว่าช่วยให้ทำมาค้าขายรุ่งเรือง จึงพากันไปขอพรจากเทพเจ้าใน เทศกาล Toka Ebisu ทุกวันที่ 9-11 มกราคม บรรดาพ่อค้าแม่ค้าจากทั่วทุกมุมเมืองของโอซาก้าจะพากันมากราบไหว้ และรับพรจากเทพเจ้าด้วยการซื้อต้นไผ่ "Sasa" ที่ประดับด้วยสตางค์โบราณ ฆ้อนทอง ถังข้าวสาร พัด ฯลฯ ซึ่งล้วนเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมงคล โดยจะมีผู้มาร่วมงานถึง 1 ล้านคน เป็นเทศกาลที่สร้างสีสันให้กับเมืองโอซาก้าเป็นอย่างมาก
ศาลเจ้าแห่งเมืองอิเสะ ประกอบด้วยศาลเจ้าใหญ่ 2 แห่ง ซึ่งอยู่ห่างกัน 6 กิโลเมตร คือ ศาลเจ้าชั้นนอก เรียกว่า โทโยเกะ ไดจิงงุ หรือ เงะกุ สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเทพเจ้าแห่งเกษตรกรรมนามว่า โทโยเกะ โอมิคามิ และมี ศาลเจ้าชั้นใน เรียกว่า โคไตจิงงุ หรือ ไนกุ สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่สักการะบูชาเทพแห่งดวงอาทิตย์นามว่า เทพเจ้าอะมะเทระสุ โอมิคามิ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นองค์สุริยเทพบรรพบุรุษของราชวงศ์ญี่ปุ่น จึงเป็นที่เคารพสักการะของคนญี่ปุ่นเป็นอย่างยิ่ง ถือได้ว่าศาลเจ้าแห่งนี้มีความศักดิ์สิทธิ์และสำคัญอันดับหนึ่งของศาลเจ้าชินโตทั่วประเทศญี่ปุ่น เชื่อกันว่าศาลเจ้าทั้งสองแห่งมีมานานแล้วไม่ต่ำกว่า 2,000 ปี การได้มาสักการะขอพรจากศาลเจ้าทั้งสองแห่งนี้จึงถือได้ว่าเป็นมงคลของชีวิต
สถานที่ท่องเที่ยวทางชมธรรมชาติทั้งป่าเขาลำเนาไพร บ่อน้ำแร่ออนเซ็น สวนสาธารณะ และทิวทัศน์ที่งดงามของเมืองต่างๆ ในคันไซก็มีแตกต่างหลากหลายในทุกฤดูกาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยรอบบริเวณ ทะเลสาบบิวะ ที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นในเมืองชิงะ สวนสาธารณะนารา อยู่ในบริเวณเดียวกับวัดสำคัญและเต็มไปด้วยกวางที่อยู่กันอย่างอิสระ ทั้งยังเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมสำหรับการชมดอกซากุระด้วย สำหรับสถานที่น่าสนใจอื่นๆ ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ที่เมืองฟูกุอิ ซึ่งใหญ่เป็น 1 ใน 3 ของโลก และ ปราสาทวาคายามะ ที่สามารถชมทัศนียภาพของเมืองนี้ได้รอบทิศทางจากชั้นบน
หากชอบเรื่องศิลปวัฒนธรรมประเพณี คันไซก็มีความโดดเด่นในหลายเมือง งานประเพณีประจำปีที่สำคัญของญี่ปุ่นหลายงานจัดขึ้นที่เกียวโต เช่น เทศกาลจิได (Jidai Matsuri) ในเดือนตุลาคม จะมีผู้ร่วมขบวนแห่แต่งกายแบบโบราณราว 2,000 คน โดยเริ่มจากหน้าพระราชวังเกียวโตไปสิ้นสุดที่ศาลเจ้าเฮอัน ส่วนการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ทางศิลปวัฒนธรรม ได้แก่ “คาบูกิ” (Kabuki) ละครร้องและรำโดยนักแสดงชายล้วน ซึ่งโอซาก้าเป็นเมืองที่ขึ้นชื่ออย่างมากในเรื่องนี้
แม้ว่าจะยังไม่ได้ไปเยือนถึงถิ่นคันไซ แต่ก็สามารถมาเพลิดเพลินกับสารพันความน่าสนใจของคันไซ และลิ้มลองอาหารรสเลิศนานาชนิดได้ในงาน “ออลคันไซ เฟสติวัล” (All Kansai Festival) ระหว่างวันที่ 20-31 ตุลาคมนี้ ที่ห้างสรรพสินค้าอิเซตัน
โดยชั้น 1 เป็นพื้นที่นำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของคันไซ อาทิ จำลองบรรยากาศของศาลเจ้า Imamiya Ebisu, หอชมวิว Tsutenkaku และหุ่นยนต์ที่สร้างขึ้นจากสุดยอดเทคโนโลยีของโอซาก้า, เทพ Biriken San เทพแห่งความสุข ที่เชื่อกันว่าหากลูบฝ่าเท้าของท่านแล้วขอพรก็จะสมความปรารถนา
ส่วนที่ชั้น 5 สาธิตการแล่ปลามากุโระ สามารถระบุส่วนที่ต้องการซื้อได้ พร้อมทั้งมุมอาหารอร่อยสไตล์คันไซแท้ๆ จากร้านที่มีชื่อเสียง ทั้งทาโกะยากิ, ราเม็งยอดนิยมโดดเด่นที่เส้นโซบะแบบจีนหนากำลังดี กับน้ำซุปเข้มข้นแต่ ชุ่มคอ, คุชิคัทสึแบบยืนกินที่เป็นต้นตำรับ, ซูชิ–ซาชิมิที่พ่อครัวบริการทำตามสั่งแบบสดๆ, เนื้อวัวชั้นเลิศ “โออุมิกิว” ที่จัดจำหน่ายในเมืองไทยเป็นครั้งแรก โดยหากเทียบกับเนื้อมัทสึซากะและเนื้อโกเบแล้วจะพบว่าเนื้อโออุมิกิวและลายชั้นไขมันมีความละเอียดมาก รู้สึกได้ถึงรสชาติหวานและนุ่มที่ละลายไปทั่วทั้งปาก, ของหวานและขนมนานาชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งช็อคโกแลตสดและชีสเค้กรสเข้มข้น ผักผลไม้ต่างๆ พร้อมทั้งจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพส่งตรงจากคันไซ
ช่วงวันหยุดจะมีกิจกรรมพิเศษมากมายสำหรับสมาชิกทุกคนในครอบครัว โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ที่บริเวณชั้น 1 และ ชั้น 6 อาทิ พิธีสวดมนต์อวยพร โดย Fukumusume, Tsutenkaku Robot, การแสดงและเกมการละเล่นที่น่ารักและสนุกสนานจาก Kansai Mascot “Yuru Chara”, แสดงการต่อสู้ของซามูไร โดยนักแสดงจาก Uzumasa, Workshop การทำขลุ่ย Piro-Piro ที่ยืดหดได้เมื่อเป่าลมเข้าไป พร้อมบริการถ่ายภาพกับสถานที่ท่องเที่ยวของคันไซ และยังมีการจับรางวัลสำหรับผู้ซื้อสินค้าครบ 1,000 บาท ลุ้นรับตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พักในคันไซอีกด้วย ซึ่งจะเป็นการท่องเที่ยวพักผ่อนที่น่าประทับใจ