โดย : หนุ่มลูกทุ่ง
“พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า
ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ
พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันจะสร้างป่า”
พระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2525
จากพระราชดำรัส จึงได้กำเนิด “ป่าเล็กในเมืองใหญ่” ขึ้น ท่ามกลางพื้นที่ 200 ไร่ ในกรุงเทพฯ ซึ่งสร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถครบ 5 รอบ ซึ่งตรงกับวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2535 โดยริเริ่มโครงการเมื่อปี พ.ศ.2534 แล้วเสร็จและเปิดบริการเมื่อปี พ.ศ.2539 พร้อมได้รับพระราชทานนามว่า “สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ”
โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดสร้างสวนสาธารณะในลักษณะพิเศษ ที่มีระบบนิเวศเช่นเดียวกับผืนป่าธรรมชาติ รูปแบบการจัดสวนจึงมุ่งเน้นปัจจัยจำเป็นพื้นฐานของการดำรงชีวิตในระบบนิเวศ 4 ประเภท ได้แก่ แหล่งน้ำ อาหาร ที่หลบภัย และพื้นที่ว่างจำเป็น ซึ่งจากการสำรวจทางด้านสิ่งแวดล้อมพบว่า ที่สวนแห่งนี้มีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ที่สุด โดยวัดจากความหลากหลายของนกที่พบ ที่มีถึง 70 ชนิด จากจำนวน 106 ชนิดที่พบทั่วไปในกรุงเทพฯ
จึงถือได้ว่าเป็นป่าเล็กในเมืองใหญ่ที่สมบูรณ์พร้อมทั้งเป็นแหล่งให้ความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติวิทยาการด้านพืชพรรณและสิ่งแวดล้อม ปลูกจิตสำนึกให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปเกิดความรักและตระหนักถึงคุณค่า และความงดงามของทรัพยากรธรรมชาติของไทย เป็นสายใยสานต่อพระราชปณิธานที่ทรงมุ่งหวังให้ประชาชนรักและร่วมกันอนุรักษ์ต่อไป
สำหรับจุดเด่นของสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ อยู่ที่ “สระน้ำ” ที่คดเคี้ยวรูปตัว S และ ส ผสมผสานกัน ซึ่งเป็นอักษรตัวแรก ในพระนามของสมเด็จพระนางเจ้าฯ ในภาษาอังกฤษและภาษาไทย สื่อความหมายถึงการเฉลิมพระเกียรติ โดยมีลานบัวเป็นศูนย์กลาง ในสระยังเปิดน้ำพุเต้นระบำตามเสียงเพลงอีกด้วย ซึ่งสระแห่งนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยสวนพฤกษศาสตร์ที่รวบรวมสายพันธุ์ต่าง ๆ ของพรรณไม้หลายชนิดแบ่งเป็นโซนๆ
เริ่มที่โซน “สวนน้อยในเมืองใหญ่” ที่ได้จัดโครงการขึ้นเพื่อเผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงห่วงใยคนกรุงเทพฯที่มีชีวิตท่ามกลางมลภาวะ ให้ได้มีอากาศบริสุทธิ์ได้หายใจ และเพื่อเป็นแนวคิดให้ประชาชนนำไปจัดสร้างสวนในบ้านของตนเอง เดินมาอีกหน่อยจะเจอกับโซน “สวนไม้หอมน้อมเกล้าฯ” ที่เมื่อเราก้าวเข้าไปจะพบกับพรรณไม้หอมชนิดต่างๆทั้งประเภทดอกหอม ใบหอม ผลหอม แก่นไม้หอม เปลือกหอม แม้กระทั่งยางหอมก็มี
ใกล้ๆกันเป็นโซน “สวนผู้พิการทางสายตา” ซึ่งถือเป็นแห่งแรกของไทยที่ผู้พิการทางสายตาจะได้มีโอกาสชื่นชมกับธรรมชาติ พร้อมกับการเรียนรู้และสัมผัสพืชพรรณไม้หอมประเภทต่าง ๆ โดยทำเป็นเส้นทางเดินระยะสั้นๆ ที่มีราวให้เกาะพร้อมทั้งมีป้ายอักษรเบลให้สัมผัสเป็นระยะๆฟังเสียงบรรยายถึงพรรณไม้ต่าง ๆ ในบริเวณนี้ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อประชาราษฎร์ทุกหมู่เหล่าอย่างเท่าเทียมกัน
ถัดไปอีกนิดเป็นโซนของ “อาคารพรรณไม้ไทย เทิดไท้บรมราชินีนาถ” ซึ่งประกอบไปด้วยอาคาร 3 หลัง จัดปลูกพรรณไม้หายากที่ขึ้นอยู่ในแต่ละภาคของประเทศไทย ในส่วนของไฮไลท์ที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของสวนแห่งนี้ก็คือ “อาคารนิทรรศการเฉลิมพระเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา” เป็นอาคารที่จัดแสดงนิทรรศการพระราชกรณียกิจต่างๆของพระองค์ โดยแบ่งเป็นส่วนจัดแสดงต่างๆ 10 ส่วนด้วยกัน
ในส่วนที่แรกได้แก่ส่วนพระราชประวัติและพระราชปณิธาน ที่ทรงมุ่งมั่นเพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ส่วนที่สองคือส่วนพรรณไม้พระนาม พรรณไม้ที่โปรด และพรรณไม้พระราชทานนาม ส่วนถัดไปจัดแสดงโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ต่างๆ และความหลากหลายทางชีวภาพ ส่วนที่สี่เป็นโครงการอนุรักษ์สัตว์น้ำและโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง
ต่อไปเป็นส่วนของผลิตภัณฑ์ของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ซึ่งเมื่อชมผลิตภัณฑ์ที่จัดแสดงไว้ในตู้แล้ว ก็ต้องหันมามองผ่านกระจกใสออกไปนอกอาคารด้วย เพื่อที่เราจะได้ทำความรู้จักกับพรรณไม้ชนิดต่างๆจากทุกภูมิภาคทั่วไทยที่ทรงมีพระราชวินิจฉัยให้นำมาใช้ทำผลิตภัณฑ์เสริมรายได้ให้ราษฎร เดินต่อมาก็มาถึงส่วนของความเป็นมาของสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ป่าเล็กในเมืองใหญ่
ถัดไปเป็นส่วนจัดแสดงเรื่องพรรณไม้อันเนื่องกับสถาบันกษัตริย์ในสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ส่วนที่แปดเป็นเรื่องของพรรณไม้วงศ์เด่นในสวนฯ ติดกันเป็นส่วนของป่าเล็กในเมืองใหญ่ที่ใช้ความหลากหลายชนิดของนกเป็นตัวชี้วัด และส่วนสุดท้ายจัดแสดงเรื่องขวัญแผ่นดิน แสดงถึงพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ของทั้งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีนาถอันเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยามทั้งสิ้น
ใกล้ๆกับอาคารนิทรรศการเป็นโซน “พันธุ์ไม้อันเกี่ยวเนื่องกับสถาบันพระมหากษัตริย์” ที่จัดปลูกพรรณไม้พระนาม พรรณไม้พระราชทานนาม ตลอดจนพรรณไม้ที่เกี่ยวเนื่องกับโครงการพระราชดำริต่างๆ เดินเลยไปเป็นโซน “พรรณไม้มงคล 76 จังหวัด” ที่ได้จำลองแผนที่ประเทศไทยขนาดย่อมในเนื้อที่ 4.8 ไร่ และปลูกไม้มงคลที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถพระราชทานทั้ง 76 จังหวัด ตามตำแหน่งภูมิภาคของแต่ละจังหวัด พร้อมติดป้ายแสดงชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อสามัญของต้นไม้ และชื่อจังหวัดเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย
นอกจากนี้ยังมีสวนพวกวงศ์พืชต่างๆ ได้แก่ โซนวงศ์ลั่นทม โซนวงศ์ยาง โซนวงศ์บัว ที่มีลานบัวเป็นลานพักผ่อน เป็นสระบัวคอนกรีตขนาดใหญ่ และตั้งโอ่งกระถางโบราณที่ปลูกบัวไว้หลากหลายพันธุ์ทั้งไทยและต่างประเทศ รวมทั้งแปลงไม้ประดับในรูปสวนยุโรปด้วย อีกทั้งยังมีโซนวงศ์เข็ม และโซนวงศ์ปาล์ม และโซนวงศ์กล้วย ที่ได้รวบรวมพันธุ์กล้วยไว้ได้แล้วกว่า 229 ชนิด และมีหลายชนิดที่ใกล้สูญพันธุ์ นับเป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์กล้วยที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศเลยก็ว่าได้
ทั้งหมดนี้นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันไพศาลของแม่หลวงที่มีต่อปวงชนชาวไทย ที่ทรงอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติไว้ให้ลูกหลานได้อยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ร่มเย็นเป็นสุข
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ” ตั้งอยู่ที่ ถนนกำแพงเพชร 2, กำแพงเพชร 3, กำแพงเพชร 4 เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เปิดให้เข้าชมทุกวัน และในวันที่ 10-14 ส.ค. นี้ ภายในสวนฯได้จัด "งานสีสรรพรรณไม้ เทิดไท้บรมราชินีนาถ - มหัศจรรย์มะพร้าวไทย เฉลิมพระเกียรติฯ" เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยกิจกรรมหลักครั้งนี้เพื่อเผยแพร่พระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถที่ทรงมีเกี่ยวกับมะพร้าว ซึ่งเป็นทรัพยากรแผ่นดินที่ใกล้ชิดกับวิถีชีวิตของคนไทยมาแต่โบราณ และกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย และในวันที่ 12 ส.ค. ขอชวนร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพร เวลา 19.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร.0-2272-5633, 0-2272-4358
“พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า
ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ
พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันจะสร้างป่า”
พระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2525
จากพระราชดำรัส จึงได้กำเนิด “ป่าเล็กในเมืองใหญ่” ขึ้น ท่ามกลางพื้นที่ 200 ไร่ ในกรุงเทพฯ ซึ่งสร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถครบ 5 รอบ ซึ่งตรงกับวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2535 โดยริเริ่มโครงการเมื่อปี พ.ศ.2534 แล้วเสร็จและเปิดบริการเมื่อปี พ.ศ.2539 พร้อมได้รับพระราชทานนามว่า “สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ”
โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดสร้างสวนสาธารณะในลักษณะพิเศษ ที่มีระบบนิเวศเช่นเดียวกับผืนป่าธรรมชาติ รูปแบบการจัดสวนจึงมุ่งเน้นปัจจัยจำเป็นพื้นฐานของการดำรงชีวิตในระบบนิเวศ 4 ประเภท ได้แก่ แหล่งน้ำ อาหาร ที่หลบภัย และพื้นที่ว่างจำเป็น ซึ่งจากการสำรวจทางด้านสิ่งแวดล้อมพบว่า ที่สวนแห่งนี้มีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ที่สุด โดยวัดจากความหลากหลายของนกที่พบ ที่มีถึง 70 ชนิด จากจำนวน 106 ชนิดที่พบทั่วไปในกรุงเทพฯ
จึงถือได้ว่าเป็นป่าเล็กในเมืองใหญ่ที่สมบูรณ์พร้อมทั้งเป็นแหล่งให้ความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติวิทยาการด้านพืชพรรณและสิ่งแวดล้อม ปลูกจิตสำนึกให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปเกิดความรักและตระหนักถึงคุณค่า และความงดงามของทรัพยากรธรรมชาติของไทย เป็นสายใยสานต่อพระราชปณิธานที่ทรงมุ่งหวังให้ประชาชนรักและร่วมกันอนุรักษ์ต่อไป
สำหรับจุดเด่นของสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ อยู่ที่ “สระน้ำ” ที่คดเคี้ยวรูปตัว S และ ส ผสมผสานกัน ซึ่งเป็นอักษรตัวแรก ในพระนามของสมเด็จพระนางเจ้าฯ ในภาษาอังกฤษและภาษาไทย สื่อความหมายถึงการเฉลิมพระเกียรติ โดยมีลานบัวเป็นศูนย์กลาง ในสระยังเปิดน้ำพุเต้นระบำตามเสียงเพลงอีกด้วย ซึ่งสระแห่งนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยสวนพฤกษศาสตร์ที่รวบรวมสายพันธุ์ต่าง ๆ ของพรรณไม้หลายชนิดแบ่งเป็นโซนๆ
เริ่มที่โซน “สวนน้อยในเมืองใหญ่” ที่ได้จัดโครงการขึ้นเพื่อเผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงห่วงใยคนกรุงเทพฯที่มีชีวิตท่ามกลางมลภาวะ ให้ได้มีอากาศบริสุทธิ์ได้หายใจ และเพื่อเป็นแนวคิดให้ประชาชนนำไปจัดสร้างสวนในบ้านของตนเอง เดินมาอีกหน่อยจะเจอกับโซน “สวนไม้หอมน้อมเกล้าฯ” ที่เมื่อเราก้าวเข้าไปจะพบกับพรรณไม้หอมชนิดต่างๆทั้งประเภทดอกหอม ใบหอม ผลหอม แก่นไม้หอม เปลือกหอม แม้กระทั่งยางหอมก็มี
ใกล้ๆกันเป็นโซน “สวนผู้พิการทางสายตา” ซึ่งถือเป็นแห่งแรกของไทยที่ผู้พิการทางสายตาจะได้มีโอกาสชื่นชมกับธรรมชาติ พร้อมกับการเรียนรู้และสัมผัสพืชพรรณไม้หอมประเภทต่าง ๆ โดยทำเป็นเส้นทางเดินระยะสั้นๆ ที่มีราวให้เกาะพร้อมทั้งมีป้ายอักษรเบลให้สัมผัสเป็นระยะๆฟังเสียงบรรยายถึงพรรณไม้ต่าง ๆ ในบริเวณนี้ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อประชาราษฎร์ทุกหมู่เหล่าอย่างเท่าเทียมกัน
ถัดไปอีกนิดเป็นโซนของ “อาคารพรรณไม้ไทย เทิดไท้บรมราชินีนาถ” ซึ่งประกอบไปด้วยอาคาร 3 หลัง จัดปลูกพรรณไม้หายากที่ขึ้นอยู่ในแต่ละภาคของประเทศไทย ในส่วนของไฮไลท์ที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของสวนแห่งนี้ก็คือ “อาคารนิทรรศการเฉลิมพระเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา” เป็นอาคารที่จัดแสดงนิทรรศการพระราชกรณียกิจต่างๆของพระองค์ โดยแบ่งเป็นส่วนจัดแสดงต่างๆ 10 ส่วนด้วยกัน
ในส่วนที่แรกได้แก่ส่วนพระราชประวัติและพระราชปณิธาน ที่ทรงมุ่งมั่นเพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ส่วนที่สองคือส่วนพรรณไม้พระนาม พรรณไม้ที่โปรด และพรรณไม้พระราชทานนาม ส่วนถัดไปจัดแสดงโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ต่างๆ และความหลากหลายทางชีวภาพ ส่วนที่สี่เป็นโครงการอนุรักษ์สัตว์น้ำและโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง
ต่อไปเป็นส่วนของผลิตภัณฑ์ของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ซึ่งเมื่อชมผลิตภัณฑ์ที่จัดแสดงไว้ในตู้แล้ว ก็ต้องหันมามองผ่านกระจกใสออกไปนอกอาคารด้วย เพื่อที่เราจะได้ทำความรู้จักกับพรรณไม้ชนิดต่างๆจากทุกภูมิภาคทั่วไทยที่ทรงมีพระราชวินิจฉัยให้นำมาใช้ทำผลิตภัณฑ์เสริมรายได้ให้ราษฎร เดินต่อมาก็มาถึงส่วนของความเป็นมาของสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ป่าเล็กในเมืองใหญ่
ถัดไปเป็นส่วนจัดแสดงเรื่องพรรณไม้อันเนื่องกับสถาบันกษัตริย์ในสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ส่วนที่แปดเป็นเรื่องของพรรณไม้วงศ์เด่นในสวนฯ ติดกันเป็นส่วนของป่าเล็กในเมืองใหญ่ที่ใช้ความหลากหลายชนิดของนกเป็นตัวชี้วัด และส่วนสุดท้ายจัดแสดงเรื่องขวัญแผ่นดิน แสดงถึงพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ของทั้งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีนาถอันเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยามทั้งสิ้น
ใกล้ๆกับอาคารนิทรรศการเป็นโซน “พันธุ์ไม้อันเกี่ยวเนื่องกับสถาบันพระมหากษัตริย์” ที่จัดปลูกพรรณไม้พระนาม พรรณไม้พระราชทานนาม ตลอดจนพรรณไม้ที่เกี่ยวเนื่องกับโครงการพระราชดำริต่างๆ เดินเลยไปเป็นโซน “พรรณไม้มงคล 76 จังหวัด” ที่ได้จำลองแผนที่ประเทศไทยขนาดย่อมในเนื้อที่ 4.8 ไร่ และปลูกไม้มงคลที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถพระราชทานทั้ง 76 จังหวัด ตามตำแหน่งภูมิภาคของแต่ละจังหวัด พร้อมติดป้ายแสดงชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อสามัญของต้นไม้ และชื่อจังหวัดเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย
นอกจากนี้ยังมีสวนพวกวงศ์พืชต่างๆ ได้แก่ โซนวงศ์ลั่นทม โซนวงศ์ยาง โซนวงศ์บัว ที่มีลานบัวเป็นลานพักผ่อน เป็นสระบัวคอนกรีตขนาดใหญ่ และตั้งโอ่งกระถางโบราณที่ปลูกบัวไว้หลากหลายพันธุ์ทั้งไทยและต่างประเทศ รวมทั้งแปลงไม้ประดับในรูปสวนยุโรปด้วย อีกทั้งยังมีโซนวงศ์เข็ม และโซนวงศ์ปาล์ม และโซนวงศ์กล้วย ที่ได้รวบรวมพันธุ์กล้วยไว้ได้แล้วกว่า 229 ชนิด และมีหลายชนิดที่ใกล้สูญพันธุ์ นับเป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์กล้วยที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศเลยก็ว่าได้
ทั้งหมดนี้นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันไพศาลของแม่หลวงที่มีต่อปวงชนชาวไทย ที่ทรงอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติไว้ให้ลูกหลานได้อยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ร่มเย็นเป็นสุข
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ” ตั้งอยู่ที่ ถนนกำแพงเพชร 2, กำแพงเพชร 3, กำแพงเพชร 4 เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เปิดให้เข้าชมทุกวัน และในวันที่ 10-14 ส.ค. นี้ ภายในสวนฯได้จัด "งานสีสรรพรรณไม้ เทิดไท้บรมราชินีนาถ - มหัศจรรย์มะพร้าวไทย เฉลิมพระเกียรติฯ" เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยกิจกรรมหลักครั้งนี้เพื่อเผยแพร่พระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถที่ทรงมีเกี่ยวกับมะพร้าว ซึ่งเป็นทรัพยากรแผ่นดินที่ใกล้ชิดกับวิถีชีวิตของคนไทยมาแต่โบราณ และกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย และในวันที่ 12 ส.ค. ขอชวนร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพร เวลา 19.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร.0-2272-5633, 0-2272-4358