โดย : หนุ่มลูกทุ่ง
“กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบูรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์” นี่คือชื่อเต็มๆของกรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทยเรา ซึ่งหลายคนคงท่องจำกันได้แค่ท่อนแรก และหลายคนก็ไม่รู้ความหมายของชื่ออันศักดิ์สิทธิ์นี้
ดังนั้นในครั้งนี้ฉันจึงขอพาแฟนานุแฟนย้อนยุคเปิดประตูสู่กรุงรัตนโกสินทร์กันที่ “นิทรรศน์รัตนโกสินทร์" สถานที่รวบรวมความรู้ด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม และวิถีความเป็นอยู่ ตั้งแต่เริ่มกรุงรัตนโกสินทร์เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
“นิทรรศน์รัตนโกสินทร์” ใช้อาคารบริเวณถนนราชดำเนินกลาง ข้างลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ซึ่งถือเป็นงานสถาปัตยกรรมส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์กรุงเทพฯ นับตั้งแต่มีพระราชดำริของรัชกาลที่ 5 ให้ตัดถนนราชดำเนิน(พ.ศ. 2442) จากพระราชวังดุสิตไปยังพระบรมมหาราชวัง โดยจัดวางรูปแบบตามลักษณะของถนนชองเอลิเซ่ (Champs Elysees) ในปารีส ฝรั่งเศส
อาคาร(เก่า)ของนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ สร้างในช่วงพ.ศ. 2480-2491 เป็นสถาปัตยกรรมตะวันตกผสม ใช้รูปทรงเรขาคณิตเป็นพื้นฐาน คือ สี่เหลี่ยมและวงกลมประกอบกันอย่างกลมกลืน วางอาคารด้านยาวขนานตามแนวถนน สมมาตรกันตลอดแนวถนนราชดำเนินกลาง
รูปลักษณ์ภายนอกอาคารออกแบบให้แกนสมดุลอยู่กึ่งกลางอาคาร โดยกำหนดให้มีทางเข้าหลักตรงกลาง มีแนวครีบคอนกรีตเสริมเหล็ก ส่วนผิวผนังภายนอกอาคารเป็นผนังก่ออิฐฉาบปูนทำผิวไม่เรียบ และเซาะร่องเลียนแบบการเรียงหิน ซึ่งเป็นการเน้นแนวขอบครีบคอนกรีตเสริมเหล็ก และขอบปูนปั้นกรอบหน้าต่างให้เด่นชัดยิ่งขึ้น หลังคาดาดฟ้าของอาคารในส่วนโค้งปลายอาคารทั้งสองด้าน ส่วนกลางอาคารระหว่างโค้งเป็นหลังคาจั่วโครงไม้มุงกระเบื้อง ยกขอบสูงและทำเป็นกันสาด
ทางสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้มาบูรณะซ่อมแซมและตกแต่งภายในเมื่อปี พ.ศ.2551 และเปิดให้บริการเมื่อปี พ.ศ.2553 ที่ผ่านมา ภายในจัดแสดงประวัติศาสตร์ในยุครัตนโกสินทร์ผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัยทั้งสื่อจัดแสดง หุ่นจำลอง การนำสื่อผสมเสมือนจริง 4 มิติ สื่อมัลติทัช มัลติมีเดีย แอนิเมชั่น ในลักษณะอินเตอร์เอคทีฟ เซล์ฟ เลิร์นนิ่ง ให้ผู้ชมตื่นตาตื่นใจและได้ร่วมสนุกไปกับการจัดแสดงที่ร้อยเรียงเรื่องราวเป็น 9 ห้องด้วยกัน ได้แก่ รัตนโกสินทร์เรืองโรจน์, เกียรติยศแผ่นดินสยาม, เรื่องนามมหรสพศิลป์, ลือระบิลพระราชพิธี, สง่าศรีสถาปัตยกรรม, ดื่มด่ำย่านชุมชน, เยี่ยมยลถิ่นกรุง, เรื่องรุ่งวิถีไทย และดวงใจปวงประชา
สำหรับการเข้าไปเที่ยวชม แต่ละห้องจะมีเจ้าหน้าที่ประจำห้องคอยบรรยายให้เราได้ฟังเรื่องราวที่ต้องการถ่ายทอดของห้องนั้นๆ โดยในส่วนแรกเจ้าหน้าที่พาพวกเราผ่าน “อุโมงค์เวลา” เพื่อเรียนรู้เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ทั้งในและต่างประเทศตั้งแต่ครั้งสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ถึงปัจจุบัน ก่อนจะนำเราเข้าสู่ห้องแรก “ดื่มด่ำย่านชุมชน” เพื่อชมวิถีทำกินและความเป็นอยู่ที่สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นอยู่แบบไทย อาทิ บ้านบาตร ชุมชนกรงนก บ้านลาน บ้านพานถม บ้านดอกไม้ ชุมชนช่างหล่อ เป็นต้น
ถัดไปเข้าสู่ “ห้องรัตนโกสินทร์เรืองโรจน์” ที่ฉันจะได้ชมการวางผังเมืองในรัชกาลที่1 เพื่อป้องการราชอาณาจักรเช่นสมัยอยุธยา และทรงสร้างบ้านแปงเมืองพร้อมกับการบำรุงขวัญประชาชน ฟื้นฟูพระพุทธศาสนา และศิลปวัฒนธรรม ด้วยสื่อผสม 4 มิติ ที่น่าตื่นตาตื่นใจ
และในส่วนนี้เราจะได้รู้ความหมายของชื่อเมืองกรุงเทพฯที่เราอาศัยอยู่ว่า “พระนครอันกว้างใหญ่ ดุจเทพนคร เป็นที่สถิตของพระแก้วมรกต เป็นมหานครที่ไม่มีใครรบชนะได้ มีความงามอันมั่นคง และเจริญยิ่ง เป็นเมืองหลวงที่บริบูรณ์ด้วยแก้วเก้าประการ น่ารื่นรมย์ยิ่ง มีพระราชนิเวศใหญ่โตมากมาย เป็นวิมานเทพที่ประทับของพระราชาผู้อวตารลงมา ซึ่งท้าวสักกเทวราชพระราชทานให้ พระวิษณุกรรมลงมาเนรมิตไว้” ช่างเป็นเมืองที่ศักดิ์สิทธิ์น่าอยู่ยิ่งนัก
ต่อไปเป็นห้อง “เกียรติยศแผ่นดินสยาม” ในห้องนี้ฉันได้ชมจำลองพระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้วที่สมบูรณ์ที่สุด รวมถึงสถาปัตยกรรมที่แฝงไปด้วยความหมายต่างๆ และยังได้ชมพระแก้วมรกตในเครื่องทรงครบทั้ง 3 ฤดู อีกด้วย
จากนั้นวิทยากรพาพวกเราไปสู่ “ห้องเรืองนามมหรสพศิลป์” ที่ภายในห้องจัดฉายภาพมหรสพรอบผนังห้องทั้ง 360 องศา เสมือนอยู่ท่ามกลางงานฉลองที่มีการละเล่นนานาชนิดที่ให้ความบันเทิงกับคนไทยมาช้านาน และยังมีส่วนของการเรียนรู้ภาษาท่าทางโขน แอบดูท่าทางลิง พร้อมทั้งได้ลองฝึกเชิดหุ่นกระบอกกันสนุกสนาน
และไปสำราญกันต่อที่ “ห้องเยี่ยมยลถิ่นกรุง” เมื่อมาถึงห้องนี้แล้วเราจะได้ถ่ายรูปแบบโบราณ ฉันขอบอกเลยว่าต้องทำหน้าให้สวยให้หล่อที่สุด เพราะรูปพวกเราจะได้เข้าไปเป็นตัวละครในแอนิเมชั่นท่องเที่ยวทั่วกรุงที่ฉายในห้องด้านข้าง
หลังร่วมสนุกไป 5 ห้องแล้วก็พักชมวิวจากมุมสูงที่ “ห้องรัตนโกสินทร์สกายวิว” ที่เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของโลหะปราสาท วัดราชนัดดาราม พุทธสถาปัตยกรรมแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ อีกด้านมองเห็นเจดีย์ภูเขาทองที่สวยงาม หรือด้านข้างก็สามารถเห็นวิวของสะพานผ่านฟ้าและถนนราชดำเนินกันได้
พักสักครู่แล้ว ก็ได้เวลาไปชมกันต่อที่ “ห้องลือระบิลพระราชพิธี” ที่จัดแสดงพระราชพิธีที่ยิ่งใหญ่ของชาติที่ปฏิบัติสืบเนื่องกันมาแต่โบราณ โยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯให้ฟื้นฟูขึ้นหลายพระราชพิธี เช่น พระราชพิธีมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ และตระการตากับเรือพระที่นั่งในรูปแบบเมจิกวิชั่น
จากนั้นทางเดินก็นำฉันไปสู่ “ห้องสง่าศรีสถาปัตยกรรม” ภายในห้องนี้เราจะได้เห็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรม วัง วัด และบ้านในกรุงรัตนโกสินทร์ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละยุคสมัย นอกจากนี้เรายังได้เล่นขับรถพายเรือเที่ยวชมบ้านในเมืองกรุงด้วย
ระหว่างที่ฉันหมุนพวงมาลัยรถเพื่อชมบ้านเรือนต่างๆ เจ้าหน้าที่บอกฉันว่าเรือกำลังจะออกจากท่าแล้ว ฉันรีบเดินมายังอีกห้องจัดแสดงเพื่อนั่งเรือไปชมวิถีชีวิตริมน้ำ ภายใน “ห้องเรืองรุ่งวิถีไทย” จากยุคสมัยที่เปลี่ยนไปเทคโนโลยีเข้ามามากขึ้นจากการนั่งเรือก็กลายมาเป็นรถราง พร้อมย้อนรำลึกความหลังวังบูรพา ที่จะให้เราได้ร่วมสนุกถ่ายรูปขึ้นปกนิตยสาร ลองชุดที่ห้องเสื้อ หรือทำผมทรงต่างๆที่ร้านทำผมอีกด้วย
สนุกกับยุคซิกซ์ตี้กันแล้วก็มาถึงยังห้องสุดท้าย “ห้องดวงใจปวงประชา” ภายในห้องนี้เราจะได้เห็นถึงพระราชกรณียกิจของพระเจ้าอยู่หัวทั้ง 9 รัชกาลในสมัยรัตนโกสินทร์ที่นำพาประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤตการณ์และสร้างความเป็นอยู่ที่ดีแก่ประชาชนชาวไทย ผ่านวีดีทัศน์ และเทคนิคที่ทันสมัย พร้อมทั้งตราตรึงไปกับภาพยนตร์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันที่มีพระมหากรุณาธิคุณปกแผ่ไปทั่วทุกสารทิศ
หลังจากที่ชมจบทุกห้องแล้ว เวลาก็ผ่านไปประมาณ 4 ชั่วโมง ฉันรู้สึกว่ามันช่างรวดเร็วยิ่งนัก ฉันยังคงรู้สึกสนุกตื่นเต้นไม่หาย ซึ่งใครที่รู้สึกเหมือนฉันก็สามารถเดินชมห้องต่างๆใหม่อีกรอบได้ หรือหากต้องการค้นคว้าเกี่ยวกับกรุงรัตนโกสินทร์เพิ่มเติมก็สามารถมาใช้ห้องสมุดที่ชั้นลอยกันได้อีกด้วย ใครที่ต้องการเยี่ยมชมที่นี่ฉันขอแนะนำว่าให้เตรียมเวลา 1 วันให้พร้อมแล้วมาดื่มด่ำความเป็นไทยในยุครัตนโกสินทร์กันอย่างเพลิดเพลินได้ที่ “นิทรรศน์รัตนโกสินทร์”
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“นิทรรศน์รัตนโกสินทร์” ตั้งอยู่บนถนนราชดำเนิน เปิดให้บริการในวันอังคาร-ศุกร์ เวลา 11.00-20.00 น. เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.00-20.00 น. (รอบสุดท้าย เวลา 18.00 น.) อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 100 บาท/คน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2621-0044
“กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบูรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์” นี่คือชื่อเต็มๆของกรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทยเรา ซึ่งหลายคนคงท่องจำกันได้แค่ท่อนแรก และหลายคนก็ไม่รู้ความหมายของชื่ออันศักดิ์สิทธิ์นี้
ดังนั้นในครั้งนี้ฉันจึงขอพาแฟนานุแฟนย้อนยุคเปิดประตูสู่กรุงรัตนโกสินทร์กันที่ “นิทรรศน์รัตนโกสินทร์" สถานที่รวบรวมความรู้ด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม และวิถีความเป็นอยู่ ตั้งแต่เริ่มกรุงรัตนโกสินทร์เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
“นิทรรศน์รัตนโกสินทร์” ใช้อาคารบริเวณถนนราชดำเนินกลาง ข้างลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ซึ่งถือเป็นงานสถาปัตยกรรมส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์กรุงเทพฯ นับตั้งแต่มีพระราชดำริของรัชกาลที่ 5 ให้ตัดถนนราชดำเนิน(พ.ศ. 2442) จากพระราชวังดุสิตไปยังพระบรมมหาราชวัง โดยจัดวางรูปแบบตามลักษณะของถนนชองเอลิเซ่ (Champs Elysees) ในปารีส ฝรั่งเศส
อาคาร(เก่า)ของนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ สร้างในช่วงพ.ศ. 2480-2491 เป็นสถาปัตยกรรมตะวันตกผสม ใช้รูปทรงเรขาคณิตเป็นพื้นฐาน คือ สี่เหลี่ยมและวงกลมประกอบกันอย่างกลมกลืน วางอาคารด้านยาวขนานตามแนวถนน สมมาตรกันตลอดแนวถนนราชดำเนินกลาง
รูปลักษณ์ภายนอกอาคารออกแบบให้แกนสมดุลอยู่กึ่งกลางอาคาร โดยกำหนดให้มีทางเข้าหลักตรงกลาง มีแนวครีบคอนกรีตเสริมเหล็ก ส่วนผิวผนังภายนอกอาคารเป็นผนังก่ออิฐฉาบปูนทำผิวไม่เรียบ และเซาะร่องเลียนแบบการเรียงหิน ซึ่งเป็นการเน้นแนวขอบครีบคอนกรีตเสริมเหล็ก และขอบปูนปั้นกรอบหน้าต่างให้เด่นชัดยิ่งขึ้น หลังคาดาดฟ้าของอาคารในส่วนโค้งปลายอาคารทั้งสองด้าน ส่วนกลางอาคารระหว่างโค้งเป็นหลังคาจั่วโครงไม้มุงกระเบื้อง ยกขอบสูงและทำเป็นกันสาด
ทางสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้มาบูรณะซ่อมแซมและตกแต่งภายในเมื่อปี พ.ศ.2551 และเปิดให้บริการเมื่อปี พ.ศ.2553 ที่ผ่านมา ภายในจัดแสดงประวัติศาสตร์ในยุครัตนโกสินทร์ผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัยทั้งสื่อจัดแสดง หุ่นจำลอง การนำสื่อผสมเสมือนจริง 4 มิติ สื่อมัลติทัช มัลติมีเดีย แอนิเมชั่น ในลักษณะอินเตอร์เอคทีฟ เซล์ฟ เลิร์นนิ่ง ให้ผู้ชมตื่นตาตื่นใจและได้ร่วมสนุกไปกับการจัดแสดงที่ร้อยเรียงเรื่องราวเป็น 9 ห้องด้วยกัน ได้แก่ รัตนโกสินทร์เรืองโรจน์, เกียรติยศแผ่นดินสยาม, เรื่องนามมหรสพศิลป์, ลือระบิลพระราชพิธี, สง่าศรีสถาปัตยกรรม, ดื่มด่ำย่านชุมชน, เยี่ยมยลถิ่นกรุง, เรื่องรุ่งวิถีไทย และดวงใจปวงประชา
สำหรับการเข้าไปเที่ยวชม แต่ละห้องจะมีเจ้าหน้าที่ประจำห้องคอยบรรยายให้เราได้ฟังเรื่องราวที่ต้องการถ่ายทอดของห้องนั้นๆ โดยในส่วนแรกเจ้าหน้าที่พาพวกเราผ่าน “อุโมงค์เวลา” เพื่อเรียนรู้เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ทั้งในและต่างประเทศตั้งแต่ครั้งสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ถึงปัจจุบัน ก่อนจะนำเราเข้าสู่ห้องแรก “ดื่มด่ำย่านชุมชน” เพื่อชมวิถีทำกินและความเป็นอยู่ที่สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นอยู่แบบไทย อาทิ บ้านบาตร ชุมชนกรงนก บ้านลาน บ้านพานถม บ้านดอกไม้ ชุมชนช่างหล่อ เป็นต้น
ถัดไปเข้าสู่ “ห้องรัตนโกสินทร์เรืองโรจน์” ที่ฉันจะได้ชมการวางผังเมืองในรัชกาลที่1 เพื่อป้องการราชอาณาจักรเช่นสมัยอยุธยา และทรงสร้างบ้านแปงเมืองพร้อมกับการบำรุงขวัญประชาชน ฟื้นฟูพระพุทธศาสนา และศิลปวัฒนธรรม ด้วยสื่อผสม 4 มิติ ที่น่าตื่นตาตื่นใจ
และในส่วนนี้เราจะได้รู้ความหมายของชื่อเมืองกรุงเทพฯที่เราอาศัยอยู่ว่า “พระนครอันกว้างใหญ่ ดุจเทพนคร เป็นที่สถิตของพระแก้วมรกต เป็นมหานครที่ไม่มีใครรบชนะได้ มีความงามอันมั่นคง และเจริญยิ่ง เป็นเมืองหลวงที่บริบูรณ์ด้วยแก้วเก้าประการ น่ารื่นรมย์ยิ่ง มีพระราชนิเวศใหญ่โตมากมาย เป็นวิมานเทพที่ประทับของพระราชาผู้อวตารลงมา ซึ่งท้าวสักกเทวราชพระราชทานให้ พระวิษณุกรรมลงมาเนรมิตไว้” ช่างเป็นเมืองที่ศักดิ์สิทธิ์น่าอยู่ยิ่งนัก
ต่อไปเป็นห้อง “เกียรติยศแผ่นดินสยาม” ในห้องนี้ฉันได้ชมจำลองพระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้วที่สมบูรณ์ที่สุด รวมถึงสถาปัตยกรรมที่แฝงไปด้วยความหมายต่างๆ และยังได้ชมพระแก้วมรกตในเครื่องทรงครบทั้ง 3 ฤดู อีกด้วย
จากนั้นวิทยากรพาพวกเราไปสู่ “ห้องเรืองนามมหรสพศิลป์” ที่ภายในห้องจัดฉายภาพมหรสพรอบผนังห้องทั้ง 360 องศา เสมือนอยู่ท่ามกลางงานฉลองที่มีการละเล่นนานาชนิดที่ให้ความบันเทิงกับคนไทยมาช้านาน และยังมีส่วนของการเรียนรู้ภาษาท่าทางโขน แอบดูท่าทางลิง พร้อมทั้งได้ลองฝึกเชิดหุ่นกระบอกกันสนุกสนาน
และไปสำราญกันต่อที่ “ห้องเยี่ยมยลถิ่นกรุง” เมื่อมาถึงห้องนี้แล้วเราจะได้ถ่ายรูปแบบโบราณ ฉันขอบอกเลยว่าต้องทำหน้าให้สวยให้หล่อที่สุด เพราะรูปพวกเราจะได้เข้าไปเป็นตัวละครในแอนิเมชั่นท่องเที่ยวทั่วกรุงที่ฉายในห้องด้านข้าง
หลังร่วมสนุกไป 5 ห้องแล้วก็พักชมวิวจากมุมสูงที่ “ห้องรัตนโกสินทร์สกายวิว” ที่เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของโลหะปราสาท วัดราชนัดดาราม พุทธสถาปัตยกรรมแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ อีกด้านมองเห็นเจดีย์ภูเขาทองที่สวยงาม หรือด้านข้างก็สามารถเห็นวิวของสะพานผ่านฟ้าและถนนราชดำเนินกันได้
พักสักครู่แล้ว ก็ได้เวลาไปชมกันต่อที่ “ห้องลือระบิลพระราชพิธี” ที่จัดแสดงพระราชพิธีที่ยิ่งใหญ่ของชาติที่ปฏิบัติสืบเนื่องกันมาแต่โบราณ โยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯให้ฟื้นฟูขึ้นหลายพระราชพิธี เช่น พระราชพิธีมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ และตระการตากับเรือพระที่นั่งในรูปแบบเมจิกวิชั่น
จากนั้นทางเดินก็นำฉันไปสู่ “ห้องสง่าศรีสถาปัตยกรรม” ภายในห้องนี้เราจะได้เห็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรม วัง วัด และบ้านในกรุงรัตนโกสินทร์ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละยุคสมัย นอกจากนี้เรายังได้เล่นขับรถพายเรือเที่ยวชมบ้านในเมืองกรุงด้วย
ระหว่างที่ฉันหมุนพวงมาลัยรถเพื่อชมบ้านเรือนต่างๆ เจ้าหน้าที่บอกฉันว่าเรือกำลังจะออกจากท่าแล้ว ฉันรีบเดินมายังอีกห้องจัดแสดงเพื่อนั่งเรือไปชมวิถีชีวิตริมน้ำ ภายใน “ห้องเรืองรุ่งวิถีไทย” จากยุคสมัยที่เปลี่ยนไปเทคโนโลยีเข้ามามากขึ้นจากการนั่งเรือก็กลายมาเป็นรถราง พร้อมย้อนรำลึกความหลังวังบูรพา ที่จะให้เราได้ร่วมสนุกถ่ายรูปขึ้นปกนิตยสาร ลองชุดที่ห้องเสื้อ หรือทำผมทรงต่างๆที่ร้านทำผมอีกด้วย
สนุกกับยุคซิกซ์ตี้กันแล้วก็มาถึงยังห้องสุดท้าย “ห้องดวงใจปวงประชา” ภายในห้องนี้เราจะได้เห็นถึงพระราชกรณียกิจของพระเจ้าอยู่หัวทั้ง 9 รัชกาลในสมัยรัตนโกสินทร์ที่นำพาประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤตการณ์และสร้างความเป็นอยู่ที่ดีแก่ประชาชนชาวไทย ผ่านวีดีทัศน์ และเทคนิคที่ทันสมัย พร้อมทั้งตราตรึงไปกับภาพยนตร์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันที่มีพระมหากรุณาธิคุณปกแผ่ไปทั่วทุกสารทิศ
หลังจากที่ชมจบทุกห้องแล้ว เวลาก็ผ่านไปประมาณ 4 ชั่วโมง ฉันรู้สึกว่ามันช่างรวดเร็วยิ่งนัก ฉันยังคงรู้สึกสนุกตื่นเต้นไม่หาย ซึ่งใครที่รู้สึกเหมือนฉันก็สามารถเดินชมห้องต่างๆใหม่อีกรอบได้ หรือหากต้องการค้นคว้าเกี่ยวกับกรุงรัตนโกสินทร์เพิ่มเติมก็สามารถมาใช้ห้องสมุดที่ชั้นลอยกันได้อีกด้วย ใครที่ต้องการเยี่ยมชมที่นี่ฉันขอแนะนำว่าให้เตรียมเวลา 1 วันให้พร้อมแล้วมาดื่มด่ำความเป็นไทยในยุครัตนโกสินทร์กันอย่างเพลิดเพลินได้ที่ “นิทรรศน์รัตนโกสินทร์”
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“นิทรรศน์รัตนโกสินทร์” ตั้งอยู่บนถนนราชดำเนิน เปิดให้บริการในวันอังคาร-ศุกร์ เวลา 11.00-20.00 น. เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.00-20.00 น. (รอบสุดท้าย เวลา 18.00 น.) อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 100 บาท/คน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2621-0044