โดย : หนุ่มลูกทุ่ง
ช่วงนี้มีวันว่างวันหยุดยาวบ่อยครั้งทั้งหยุดประเพณีสงกรานต์ที่ผ่านมา ที่จะถึงนี้ก็เป็นวันหยุดต่อเนื่องที่รัฐบาลประกาศให้หยุดได้ตั้งแต่วันพืชยาวไปจนถึงวันวิสาขบูชา หลายคนคงวางแผนจะไปเที่ยวให้อิ่มหนำชุ่มปอด แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ไปค้างอ้างแรมที่ไหนฉันก็มีสถานที่ท่องเที่ยวไหว้พระให้ได้แวะเวียนไปยาวว่าง
สถานที่ท่องเที่ยวที่ฉันพูดถึงนี้ก็คือ “ตลาดริมน้ำ วัดศาลเจ้า” ตั้งอยู่ไม่ไกลกรุงแค่จังหวัดปทุมธานีบ้านใกล้เรือนเคียงกับเรานี่เอง โดยตลาดริมน้ำ ณ วัดศาลเจ้านี้มีมานานเกือบ 10 ปีแล้วก็ว่าได้ โดยเดิมบริเวณริมน้ำมีร้านขายก๋วยเตี๋ยวอยู่เพียงร้านเดียว
ต่อมาปีพ.ศ. 2540 เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ลูกศิษย์ของหลวงพ่อสอน ( เจ้าอาวาสคนก่อน) ได้มาขอเปิดท้ายขายของ ภายหลังจากที่หลวงพ่อสอนมรณภาพ เจ้าอาวาสท่านใหม่คือพระครูใบฎีกานภาลัย,ท่านผู้ว่า,นายอำเภอ และอบต.บ้านกลาง ได้ร่วมกันพัฒนาตลาดริมน้ำศาลเจ้าใหม่เมื่อปีพ.ศ. 2545 ตั้งแต่นั้นมาตลาดริมน้ำแห่งนี้ก็ คึกคักจนปัจจุบัน แนวตลาดจัดแผงให้เดินกันเป็นล็อคๆเป็นระเบียบ มีเต้นขนาดใหญ่กางกันแดดให้อีกด้วย
เดิมบริเวณริมน้ำมีร้านขายก๋วยเตี๋ยวอยู่เพียงร้านเดียว ต่อมาปี 2540 เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ลูกศิษย์ของหลวงพ่อสอน ( เจ้าอาวาสคนก่อน) ได้มาขอเปิดท้ายขายของ ภายหลังจากที่หลวงพ่อสอนมรณภาพ เจ้าอาวาสท่านใหม่ พระครูใบฎีกานภาลัย,ท่านผู้ว่า,นายอำเภอ และอบต.บ้านกลาง ได้ร่วมกันพัฒนาตลาดริมน้ำศาลเจ้าใหม่เมื่อปี 2545
ส่วนอาหารการกินก็มีสารพัดทั้ง กุยช่ายเจ๊มลมีทั้งไส้หน่อไม้ ไส้ผัก ไส้มันแกว และไส้เผือก มากี่ครั้งก็เห็นคนต่อแถวรอซื้อกันอย่างไม่ขาดสาย ห่อหมกตาเรศแยกเป็น 3 อย่าง คือ หัวปลา เนื้อปลา พุงปลา อร่อยจนต้องตั้งแถวรอซื้อเช่นกัน หอยครกที่กรอบอร่อย มีให้เลือกทั้งหน้ากุ้ง, หอยแมลงภู่, ปลาหมึก, ข่นกกระทา, ปูอัด น้ำจิ้มก็รสแซ่บน่าลิ้มลอง
กล้วยปิ้งโบราณ ใช้ไม้ไผ่เสียบกล้วย ข้าวแช่โบราณ ขนมเบื้องโบราณ ลูกตาลลอยแก้ว น้ำตาลสด ขนมไทยต่างๆ อาทิ ตะโก้ ถั่วแปบ ข้าวเม่า ขนมใส่ไส้ สารพัด ร้านของทอด เช่น ทอดมัน เต้าหู้ทอด กล้วยทอด มันทอด เผือกทอด ก็มีให้เลือกมากมาย รวมถึงผลไม้ อาหาร เครื่องดื่ม ก็มีให้เลือกจับจ่ายอย่างครบครัน
หรือใครจะนั่งปักหลักกินกันเลยก็มีร้านก๋วยเตี๋ยวหมู ที่ขึ้นชื่อที่มักจะคึกคักคนแน่นจนต้องต่อคิวจองโต๊ะกันเลย เท่าที่ฉันสังเกตเห็น คนที่มากินมักจะสั่งก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำ หมูสะเต๊ะ ลูกชิ้นปิ้ง ลูกชิ้นลวก และของกินต่างๆนานาที่จับจ่ายมาจากตลาด
กินกันจนอิ่มหนำสำราญกายกันแล้ว จะให้อาหารปลาต่อก็ได้ แต่เมื่อเข้าวัดทั้งทีก็ต้องไปไหว้ขอพร “เจ้าพ่อวัดศาลเจ้า” ให้สำราญใจกันหน่อย โดยเจ้าพ่อวัดศาลเจ้าแห่งนี้ประดิษฐานอยู่ภายในวิหารแบบจีนสูง 3 ชั้น ตั้งอยู่ริมน้ำถัดจากตลาดไปเล็กน้อย เมื่อเข้าไปด้านในกราบไหว้เจ้าพ่อแล้ว ด้านข้างมีการบอกเล่าประวัติของเจ้าพ่อวัดศาลเจ้าแห่งนี้ว่า
ศาลเจ้ามีมาตั้งแต่ครั้งโบราณ สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ในราวแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งมีเจ้าน้อยมหาพรหม เชื้อสายเจ้าเมืองเชียงใหม่ ได้พาไพร่พลล่องแพรลงมายังหัวเมืองฝ่ายใต้ เลยมาถึงปากคลองเชียงราก น้ำไหลเชี่ยวเป็นวังวน มีจระเข้ชุกชุมลอยหัวขึ้นมาเหนือน้ำน่ากลัวมาก และเข้าหนุนแพจะทำร้ายเพราะจระเข้ในวังน้ำวนนี้ได้เคยทำร้ายกินผู้คนมาแล้วเป็นจำนวนไม่น้อย เป็นที่หวาดเกรงของคนทั่วไป
แต่เจ้าน้อยมหาพรหมเป็นผู้มีคุณวิเศษทางไสยศาสตร์ ได้ทำสมาธิร่ายเวทมนต์จนจระเข้เชื่องไม่ทำร้าย กล่าวกันว่าเจ้าน้อยมหาพรหมทรงคุณวิเศษเก่งมาก สามารถเรียกจระเข้ขึ้นมาจากน้ำได้ ถากหน้าแข้งทำเป็นฟืนหุงข้าวได้ เมื่อจระเข้สงบแล้ว ได้ทอดแพพักผ่อนที่ปากคลองเชียงราก ได้พบกับภิกษุมอญรูปหนึ่งซึ่งปลูกกุฏิหลังเล็กอาศัยอยู่เพียงองค์เดียว
พระภิกษุรูปนี้ชื่อรุ มีความรู้ความสามารถในทางวิชาไสยศาสตร์เช่นเดียวกัน มีประชาชนนับถือมาก ซึ่งสามารถเสกใบมะขามให้เป็นตัวต่อ เสกกิ่งไม้สดๆให้ติดไฟได้ และสามารถสะกดจิตบุคคลทั่วไปได้ด้วย เจ้าน้อยมหาพรหมและพระภิกษุรุได้เกิดลองวิชาอาคมกันขึ้น โดยเจ้าน้อยมหาพรหมได้ทำการถากหน้าแข้งของพระองค์เองเป็นฟืนให้บ่าวไพร่หุงข้าว แต่กลับกลายเป็นถากเสากุฏิ
พระภิกษุมอญจึงได้เสกใบมาขามเป็นตัวต่อเข้าต่อยบ่าวไพร่แตกกระเจิง เจ้าน้อยมหาพรหมเกิดความเลื่อมใสในพระภิกษุมอญ จึงได้เดินเข้าไปในกุฏิเพื่อจะนมัสการ พอก้าวเท้าข้ามธรณีประตูเกิดยืนตัวแข็ง จะเดินหน้าก็ไม่ได้ และจะถอยหลังก็ไม่ได้ ยืนอยู่นาน พระภิกษุมอญจึงเรียกให้เข้าจึงเข้าได้ เจ้าน้อยมหาพรหมจึงได้นำไม้แพมาสร้างเป็นศาลเจ้า เพื่อบูชาคุณพระภิกษุมอญ และเป็นที่สิงสถิตของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ ที่แห่งนี้ เพื่อให้ผู้สัญจรไปมาเคารพบูชากราบไหว้
ฉะนั้นเมื่อเรือแพจะผ่านบริเวณหน้าศาลเจ้า จะต้องมีการเซ่นไหว้ด้วยมะพร้าวอ่อน และเครื่องสังเวยอื่นๆ แล้วักน้ำประพรมหัวเรือ เสยผมและดื่มกินเสียก่อน แล้วจึงจะเดินทางต่อไปได้โดยปลอดภัย ซึ่งกระทำกันจนกระทั่งทุกวันนี้ จระเข้ที่หน้าศาลเจ้าถือกันว่าเป็น จระเข้เจ้าพ่อ วันดีคืนดีหรือฝนตกพรำๆ จะลอยตัวขึ้นมาเหนือน้ำให้เห็นกลางแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณหน้าศาลเจ้าอยู่เสมอ
นี่คือประวัติที่บอกเล่าไว้ภายในวิหารเจ้าพ่อ ส่วนด้านบนนั้นยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุอีกด้วย นอกจากนี้ภายในวัดยังมีอุโบสถที่ทาสีใหม่สวยงามสะอาดตา รายล้อมด้วยซุ้มเสมาสีชมพูสดใส ส่วนด้านข้างติดกับวัดศาลเจ้าคือ “วัดมะขาม” ซึ่งเป็นวัดมอญมีเสาหงส์และเจดีย์ที่สวยงามตามแบบวัดมอญ
วันหยุดวันว่างหรือวันหิวๆก็มาช้อปของกินให้อิ่มหนำสำราญกายและไหว้เจ้าพ่อสำราญใจกันได้ที่วัดศาลเจ้าแห่งนี้ ใกล้กรุงแค่นิดเดียวเอง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ตลาดริมน้ำวัดศาลเจ้า ตั้งอยู่ที่ ซ.วัดศาลเจ้า อ.บ้านกลาง จ.ปทุมธานี เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลาประมาณ 9.00 -15.00 น. การเดินทาง มาจากแยกแครายวิ่งเส้นถนนสายติวานนท์ มุ่งหน้าปากเกร็ดปทุมธานี ผ่านแยกปากเกร็ดก็ขับตรงไป ผ่านแยก(สะพานนวลฉวี) ขับตรงไปทางบางพูน ก่อนถึงคอสะพานข้ามแยกบางพูนจะมองเห็นซุ้มประตูวัดมะขามอยู่ทางซ้ายมือ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปวิ่งตรงไปเรื่อยประมาณ 1.5 กิโลเมตร ผ่านอนามัย ผ่านแล้วให้เลี้ยวซ้าย (ทางขวาคือวัดมะขาม) ไปจอดที่ลานหลังอุโบสถ
ช่วงนี้มีวันว่างวันหยุดยาวบ่อยครั้งทั้งหยุดประเพณีสงกรานต์ที่ผ่านมา ที่จะถึงนี้ก็เป็นวันหยุดต่อเนื่องที่รัฐบาลประกาศให้หยุดได้ตั้งแต่วันพืชยาวไปจนถึงวันวิสาขบูชา หลายคนคงวางแผนจะไปเที่ยวให้อิ่มหนำชุ่มปอด แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ไปค้างอ้างแรมที่ไหนฉันก็มีสถานที่ท่องเที่ยวไหว้พระให้ได้แวะเวียนไปยาวว่าง
สถานที่ท่องเที่ยวที่ฉันพูดถึงนี้ก็คือ “ตลาดริมน้ำ วัดศาลเจ้า” ตั้งอยู่ไม่ไกลกรุงแค่จังหวัดปทุมธานีบ้านใกล้เรือนเคียงกับเรานี่เอง โดยตลาดริมน้ำ ณ วัดศาลเจ้านี้มีมานานเกือบ 10 ปีแล้วก็ว่าได้ โดยเดิมบริเวณริมน้ำมีร้านขายก๋วยเตี๋ยวอยู่เพียงร้านเดียว
ต่อมาปีพ.ศ. 2540 เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ลูกศิษย์ของหลวงพ่อสอน ( เจ้าอาวาสคนก่อน) ได้มาขอเปิดท้ายขายของ ภายหลังจากที่หลวงพ่อสอนมรณภาพ เจ้าอาวาสท่านใหม่คือพระครูใบฎีกานภาลัย,ท่านผู้ว่า,นายอำเภอ และอบต.บ้านกลาง ได้ร่วมกันพัฒนาตลาดริมน้ำศาลเจ้าใหม่เมื่อปีพ.ศ. 2545 ตั้งแต่นั้นมาตลาดริมน้ำแห่งนี้ก็ คึกคักจนปัจจุบัน แนวตลาดจัดแผงให้เดินกันเป็นล็อคๆเป็นระเบียบ มีเต้นขนาดใหญ่กางกันแดดให้อีกด้วย
เดิมบริเวณริมน้ำมีร้านขายก๋วยเตี๋ยวอยู่เพียงร้านเดียว ต่อมาปี 2540 เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ลูกศิษย์ของหลวงพ่อสอน ( เจ้าอาวาสคนก่อน) ได้มาขอเปิดท้ายขายของ ภายหลังจากที่หลวงพ่อสอนมรณภาพ เจ้าอาวาสท่านใหม่ พระครูใบฎีกานภาลัย,ท่านผู้ว่า,นายอำเภอ และอบต.บ้านกลาง ได้ร่วมกันพัฒนาตลาดริมน้ำศาลเจ้าใหม่เมื่อปี 2545
ส่วนอาหารการกินก็มีสารพัดทั้ง กุยช่ายเจ๊มลมีทั้งไส้หน่อไม้ ไส้ผัก ไส้มันแกว และไส้เผือก มากี่ครั้งก็เห็นคนต่อแถวรอซื้อกันอย่างไม่ขาดสาย ห่อหมกตาเรศแยกเป็น 3 อย่าง คือ หัวปลา เนื้อปลา พุงปลา อร่อยจนต้องตั้งแถวรอซื้อเช่นกัน หอยครกที่กรอบอร่อย มีให้เลือกทั้งหน้ากุ้ง, หอยแมลงภู่, ปลาหมึก, ข่นกกระทา, ปูอัด น้ำจิ้มก็รสแซ่บน่าลิ้มลอง
กล้วยปิ้งโบราณ ใช้ไม้ไผ่เสียบกล้วย ข้าวแช่โบราณ ขนมเบื้องโบราณ ลูกตาลลอยแก้ว น้ำตาลสด ขนมไทยต่างๆ อาทิ ตะโก้ ถั่วแปบ ข้าวเม่า ขนมใส่ไส้ สารพัด ร้านของทอด เช่น ทอดมัน เต้าหู้ทอด กล้วยทอด มันทอด เผือกทอด ก็มีให้เลือกมากมาย รวมถึงผลไม้ อาหาร เครื่องดื่ม ก็มีให้เลือกจับจ่ายอย่างครบครัน
หรือใครจะนั่งปักหลักกินกันเลยก็มีร้านก๋วยเตี๋ยวหมู ที่ขึ้นชื่อที่มักจะคึกคักคนแน่นจนต้องต่อคิวจองโต๊ะกันเลย เท่าที่ฉันสังเกตเห็น คนที่มากินมักจะสั่งก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำ หมูสะเต๊ะ ลูกชิ้นปิ้ง ลูกชิ้นลวก และของกินต่างๆนานาที่จับจ่ายมาจากตลาด
กินกันจนอิ่มหนำสำราญกายกันแล้ว จะให้อาหารปลาต่อก็ได้ แต่เมื่อเข้าวัดทั้งทีก็ต้องไปไหว้ขอพร “เจ้าพ่อวัดศาลเจ้า” ให้สำราญใจกันหน่อย โดยเจ้าพ่อวัดศาลเจ้าแห่งนี้ประดิษฐานอยู่ภายในวิหารแบบจีนสูง 3 ชั้น ตั้งอยู่ริมน้ำถัดจากตลาดไปเล็กน้อย เมื่อเข้าไปด้านในกราบไหว้เจ้าพ่อแล้ว ด้านข้างมีการบอกเล่าประวัติของเจ้าพ่อวัดศาลเจ้าแห่งนี้ว่า
ศาลเจ้ามีมาตั้งแต่ครั้งโบราณ สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ในราวแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งมีเจ้าน้อยมหาพรหม เชื้อสายเจ้าเมืองเชียงใหม่ ได้พาไพร่พลล่องแพรลงมายังหัวเมืองฝ่ายใต้ เลยมาถึงปากคลองเชียงราก น้ำไหลเชี่ยวเป็นวังวน มีจระเข้ชุกชุมลอยหัวขึ้นมาเหนือน้ำน่ากลัวมาก และเข้าหนุนแพจะทำร้ายเพราะจระเข้ในวังน้ำวนนี้ได้เคยทำร้ายกินผู้คนมาแล้วเป็นจำนวนไม่น้อย เป็นที่หวาดเกรงของคนทั่วไป
แต่เจ้าน้อยมหาพรหมเป็นผู้มีคุณวิเศษทางไสยศาสตร์ ได้ทำสมาธิร่ายเวทมนต์จนจระเข้เชื่องไม่ทำร้าย กล่าวกันว่าเจ้าน้อยมหาพรหมทรงคุณวิเศษเก่งมาก สามารถเรียกจระเข้ขึ้นมาจากน้ำได้ ถากหน้าแข้งทำเป็นฟืนหุงข้าวได้ เมื่อจระเข้สงบแล้ว ได้ทอดแพพักผ่อนที่ปากคลองเชียงราก ได้พบกับภิกษุมอญรูปหนึ่งซึ่งปลูกกุฏิหลังเล็กอาศัยอยู่เพียงองค์เดียว
พระภิกษุรูปนี้ชื่อรุ มีความรู้ความสามารถในทางวิชาไสยศาสตร์เช่นเดียวกัน มีประชาชนนับถือมาก ซึ่งสามารถเสกใบมะขามให้เป็นตัวต่อ เสกกิ่งไม้สดๆให้ติดไฟได้ และสามารถสะกดจิตบุคคลทั่วไปได้ด้วย เจ้าน้อยมหาพรหมและพระภิกษุรุได้เกิดลองวิชาอาคมกันขึ้น โดยเจ้าน้อยมหาพรหมได้ทำการถากหน้าแข้งของพระองค์เองเป็นฟืนให้บ่าวไพร่หุงข้าว แต่กลับกลายเป็นถากเสากุฏิ
พระภิกษุมอญจึงได้เสกใบมาขามเป็นตัวต่อเข้าต่อยบ่าวไพร่แตกกระเจิง เจ้าน้อยมหาพรหมเกิดความเลื่อมใสในพระภิกษุมอญ จึงได้เดินเข้าไปในกุฏิเพื่อจะนมัสการ พอก้าวเท้าข้ามธรณีประตูเกิดยืนตัวแข็ง จะเดินหน้าก็ไม่ได้ และจะถอยหลังก็ไม่ได้ ยืนอยู่นาน พระภิกษุมอญจึงเรียกให้เข้าจึงเข้าได้ เจ้าน้อยมหาพรหมจึงได้นำไม้แพมาสร้างเป็นศาลเจ้า เพื่อบูชาคุณพระภิกษุมอญ และเป็นที่สิงสถิตของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ ที่แห่งนี้ เพื่อให้ผู้สัญจรไปมาเคารพบูชากราบไหว้
ฉะนั้นเมื่อเรือแพจะผ่านบริเวณหน้าศาลเจ้า จะต้องมีการเซ่นไหว้ด้วยมะพร้าวอ่อน และเครื่องสังเวยอื่นๆ แล้วักน้ำประพรมหัวเรือ เสยผมและดื่มกินเสียก่อน แล้วจึงจะเดินทางต่อไปได้โดยปลอดภัย ซึ่งกระทำกันจนกระทั่งทุกวันนี้ จระเข้ที่หน้าศาลเจ้าถือกันว่าเป็น จระเข้เจ้าพ่อ วันดีคืนดีหรือฝนตกพรำๆ จะลอยตัวขึ้นมาเหนือน้ำให้เห็นกลางแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณหน้าศาลเจ้าอยู่เสมอ
นี่คือประวัติที่บอกเล่าไว้ภายในวิหารเจ้าพ่อ ส่วนด้านบนนั้นยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุอีกด้วย นอกจากนี้ภายในวัดยังมีอุโบสถที่ทาสีใหม่สวยงามสะอาดตา รายล้อมด้วยซุ้มเสมาสีชมพูสดใส ส่วนด้านข้างติดกับวัดศาลเจ้าคือ “วัดมะขาม” ซึ่งเป็นวัดมอญมีเสาหงส์และเจดีย์ที่สวยงามตามแบบวัดมอญ
วันหยุดวันว่างหรือวันหิวๆก็มาช้อปของกินให้อิ่มหนำสำราญกายและไหว้เจ้าพ่อสำราญใจกันได้ที่วัดศาลเจ้าแห่งนี้ ใกล้กรุงแค่นิดเดียวเอง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ตลาดริมน้ำวัดศาลเจ้า ตั้งอยู่ที่ ซ.วัดศาลเจ้า อ.บ้านกลาง จ.ปทุมธานี เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลาประมาณ 9.00 -15.00 น. การเดินทาง มาจากแยกแครายวิ่งเส้นถนนสายติวานนท์ มุ่งหน้าปากเกร็ดปทุมธานี ผ่านแยกปากเกร็ดก็ขับตรงไป ผ่านแยก(สะพานนวลฉวี) ขับตรงไปทางบางพูน ก่อนถึงคอสะพานข้ามแยกบางพูนจะมองเห็นซุ้มประตูวัดมะขามอยู่ทางซ้ายมือ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปวิ่งตรงไปเรื่อยประมาณ 1.5 กิโลเมตร ผ่านอนามัย ผ่านแล้วให้เลี้ยวซ้าย (ทางขวาคือวัดมะขาม) ไปจอดที่ลานหลังอุโบสถ