โดย : หนุ่มลูกทุ่ง
ในช่วงนี้น้องๆหนูๆหลายคนคงจะปิดเทอมพักสมองหลังจากที่ตั้งหน้าตั้งตาขยันหมั่นเพียรเล่าเรียนหนังสือกันมาตลอดทั้งเทอม ฉันเองเมื่อตอนเป็นเด็กตัวน้อยก็เฝ้ารอคอยช่วงเวลาของการปิดเทอมอย่างใจจดใจจ่อ เพื่อที่จะได้เที่ยวเล่นทำกิจกรรมต่างๆ และเพื่อให้เหมาะกับช่วงปิดเทอมนี้ฉันเลยจะชวนคุณน้องๆหนูๆไปสนุกสนานเพลิดเพลินกันที่ "ดรีมเวิลด์" (Dream World) สวนสนุกอันดับต้นๆของคนไทย
สถานที่ตั้งของสวนสนุกแห่งนี้แม้จะไม่ได้อยู่ในเมืองกรุง แต่ก็เลยออกมาไม่ไกล โดยสวนสนุกแห่งนี้ในสมัยนั้นได้ถือกำเนิดขึ้นด้วยความเล็งเห็นว่าในกรุงเทพฯใขขณะนั้นมีสวนสนุกอยู่เพียง 3 แห่งเท่านั้นคือที่แดนเนรมิตร สวนสยาม และซาฟารีเวิลด์ ซึ่งยังไม่เพียงพอสำหรับความต้องการของคนกรุงเทพฯซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สวนสนุกดรีมเวิลด์จึงได้เกิดขึ้นเพื่อให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและเป็นปอดแห่งใหม่ของคนกรุง รวมถึงเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอีกด้วย
ในปลายปี พ.ศ.2536 สวนสนุกแห่งนี้ได้เริ่มเปิดบริการให้กับนักท่องเที่ยวและประชาชนที่สนใจ และในต้นปี พ.ศ.2537 ก็ได้มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ปัจจุบันดรีมเวิลด์มีเนื้อที่ประมาณ 160 ไร่ ซึ่งก็ถือว่ากว้างใหญ่ทีเดียวเชียว
เมื่อเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมแล้วก็ตีบัตรผ่านประตูเข้าสู่โลกแห่งความฝันกันเลย แต่ก่อนจะผ่านประตูเข้าไปฉันขอแนะนำว่าให้ถ่ายรูปคู่กับป้ายดรีมเวิลด์ด้านหน้ากันก่อนเพื่อให้รู้ว่ามาถึงแล้วชัวร์ๆ จากนั้นเราก็จะเจอกับดินแดน "ดรีมเวิลด์ พลาซ่า" (Dream World Plaza) ซึ่งเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามพิสดาร และร้านขายของที่ระลึกมากมาย
ถัดมาคือดินแดน "ดรีมการ์เด้น" (Dream Garden) ซึ่งเป็นอุทยานที่ถูกตกแต่งไว้เป็นลวดลายสวยงามท่ามหลางความเย็นสบายจาก เลค ออฟ พาราไดซ์ (Lake of Paradise) ทะเลสาบขนาดใหญ่ที่กินเนื้อที่กว่า 4 ไร่ "โซนเลิฟการ์เด้น" ก็เป็นสวนสวยที่มีมุมถ่ายรูปน่ารักๆมากมาย เหมาะมากกับการถ่ายรูปสวีทของคู่แต่งงาน
เดินเลาะริมทะเลสาบไปทางด้านซ้าย เด็กๆจะได้รู้จักกับ "7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก" ที่ทางสวนสนุกเขาจำลองไว้ให้ดูกัน เช่น เทพีเสรีภาพ ทัชมาฮาล หอเอนเมืองปิซ่า กำแพงเมืองจีน มหาพีระมิดแห่งกิซ่า เป็นต้น ต่อไปเป็น "เครซี่โซน" ที่นักท่องเที่ยวจะได้ตื่นตาตื่นใจ และเพลิดเพลินกับมุมถ่ายรูปในบรรยากาศแปลกตาเช่น มุมนักโทษ มุมแหกคุก เป็นต้น
และที่บริเวณรอบทะเลสาบแห่งนี้เองที่เด็กๆและนักท่องเที่ยวทั้งหลายจะได้ชม "เดอะ คัลเลอร์ ออฟ เดอะ เวิลด์ พาเหรด" ขบวนพาเหรดนานาชาติน่ารักๆ ที่เริ่มมีมาตั้งแต่ พ.ศ.2547 ปีฉลองครบรอบ 10 ปีสวนสนุกดรีมเวิลด์ ซึ่งนำขบวนมาโดยพี่ดรีมมี่ หรือตัวหิ่งห้อยสัญลักษณ์ของดรีมเวิลด์ และเหล่าดาราการ์ตูนที่มากับรถเค้กยักษ์สีสันสดใส ตื่นตากับรถสฟิงซ์พร้อมคลีโอพัตราจากอียิปต์ และอีกหลากหลายสีสัน ในเวลา 15.45 น.ของทุกวัน ใครที่ชื่นชอบก็จำเวลาเอาไว้ให้ดีแล้วมาดักรอชมกันได้
หากใครชอบความสูงและอยากชมวิวของดรีมเวิลด์ในมุมกว้างก็สามารถขึ้น "เคเบิ้ลคาร์" ชมทัศนียภาพในมุมสูงและกว้างทั่วอาณาจักรแห่งความสุขนี้ได้ แต่หากไม่ขึ้นเคเบิ้ลคาร์ เดินต่อไปก็จะเจอะเจอกับเมืองแห่งเทพนิยาย "แฟนตาซีแลนด์" (Fantasy Land) ที่ถูกเนรมิตรขึ้นจากเทพนิยายเอกของโลก เช่น บ้านยักษ์ ปราสาทเจ้าหญิงนิทรา บ้านขนมปัง ดาบวิเศษ สโนไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด ให้เด็กๆได้ตื่นตาตื่นใจถ่ายรูปเล่นกันได้อย่างเพลิดเพลิน
จากนั้นก็มาเริ่มต้นอุ่นเครื่องความเสียวปากเท้าสั่นกันที่ เครื่องเล่น "เฮอริเคน" ที่ติดตั้งในปี พ.ศ.2543 จากประเทศเยอรมนี มีสีสันหวานเย็นดูน่าขึ้นเล่นเป็นอย่างยิ่ง แต่หากได้ขึ้นไปนั่งแล้วล่ะก็ไม่หวานอย่างที่คิด เฮอริเคนจะพาเราหมุนไปมาเหมือนพายุให้เรากรี๊ดกราดโฮกฮากกันสุดเสียง และเมื่อเรากำลังเหินเวหาตีลังกาด้วยความสูงกว่า 20 เมตร อย่างเพลิดเพลินเจ้าเครื่องเล่นจะพาเรากลับหัวจ่อกับน้ำพุที่พุ่งขึ้นมาจ่อหน้ายิ่งเพิ่มความเสียวให้ได้ใจเต้นตึกตักกันถ้วนหน้า
จากนั้นฉันจะพาเข้าสู่ "แอดเวนเจอร์ แลนด์" (Adventure Land) ดินแดนแห่งการผจญภัยและท้าทายกับเครื่องเล่นนานาชนิดที่ตื่นเต้นเร้าใจ เครื่องเล่นแรกที่ฉันขอแนะนำก็คือ "สไปเดอร์" ที่มีรูปร่างคล้ายแมงมุม เจ้าเครื่องนี้จะพาเราเหวี่ยงไปมาเหมือนตอนแมงมุมกำลังวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ใครที่เวียงหัวง่ายล่ะก็อย่าเพิ่งลองจะดีกว่า
จากสไปเดอร์ ฉันเดินไปถึง "ปราสาทผีสิง" ที่ชวนให้ขนหัวลุกตั้งแต่เริ่มย่างกรายเข้าไปในคฤหาสน์ร้างแห่งนี้ ใครที่มาคนเดียวฉันไม่แนะนำให้เข้าไปในปราสาทเพราะตอนต๊กกะใจไม่รู้จะหันไปกอดใคร หลังจากวิ่งหนีผีกันป่าราบแล้ว ก็ไปเพิ่มความเสียวท้องกันที่เครื่องเล่น "ไวกิ้งส์" ที่มีรูปร่างเหมือนเรือโจรสลัดลำใหญ่ พาเราโยกขึ้นโยกลงเหมือนไกวเปล แต่เป็นการไกวที่ชวนเสียวตับไตไส้พุงเป็นที่สุด ใครที่ไม่เคยอาจจะมีอาเจียนได้เลยทีเดียว
จากนั้นไปพักเล่นเครื่องเล่นเบาๆกันกับ "รถบั๊ม" ที่คนไม่มีทักษะการขับรถก็สามารถขับบั๊มกันได้ หากใครที่อยากจะพักแบบเบาๆฉันขอแนะนำ "รถคุณปู่" ที่ทุกคนสามารถขับรถโบราณรุ่นคุณปู่ชมบรรยากาศรับลมรอบด้านได้อย่างชิลชิลสบายอารมณ์ จากนั้นมาสนุกเร้าใจกันต่อกับ "สกาย โควเตอร์" รถไฟเหาะจากประเทศเนเธอร์แลนด์ที่นำเข้ามาในปี พ.ศ.2550 ที่ผ่านมา เราจะได้นั่งรถไฟเหาะแบบพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้าด้วยความเร็ว และเร้าใจกับจังหวะการพุ่งลงจาความสูงที่น่าหวาดเสียว
ต่อจากรถไฟเหาะ ฉันไปต่อที่ "รถไฟตะลุยจักรวาล" ที่จะเราพุ่งไกลด้วยความเร็วสูงไปสู่ห้วงอวกาศ ทะลุมิติพิชิตกาแล็คซี่ เราจะได้ร่วมผจญภัยในจักรวาลอันกว้างไกลออกไปหลายล้านปีแสง จากนั้นได้เวลาที่ทุกคนจะต้องเปียกกับเครื่องเล่นที่ฉันชื่นชอบเป็นที่สุดนั้นก็คือ "ซุปเปอร์สแปลซ" ที่นำเข้ามาจากอเมริกาตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 แต่ก็ได้รับการซ่อมบำรุงอยู่เสมอจนปัจจุบันก็ยังสามารถใช้การได้เป็นอย่างดี โดยจะเริ่มจากการลงนั่งในเรือลำใหญ่
จากนั้นเรือจะค่อยๆคืบคลานขึ้นไปจนถึงจุดที่สูงที่สุดขนาดประมาณตึก 6 ชั้น ก่อนที่จะดิ่งสู่แอ่งน้ำขนาดใหญ่ก่อให้เกิดคลื่นซัดขนาบ 2 ข้าง สร้างความตื่นเต้นสะใจได้ไม่น้อยทีเดียว และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือคนที่อยู่ด้านล่าง หากไม่ระวังล่ะก็มีสิทธิ์เปียกกว่าคนที่นั่งในเรืออีกก็ว่าได้
จากนั้นฉันขอแนะนำให้เดินเข้าไปด้านในเพื่อไปต่อความฉ่ำกันที่ "แกรนด์แคนยอน" ที่เราจะได้ร่วมผจญภัยกลางสายน้ำเชี่ยวอยากสนุกสนาน จากนั้นไปผึ่งตัวให้แห้งกันที่การแสดง "ฮอลลีวู้ด แอ็คชั่น" ที่จะมีการแสดงทุกวัน ในรอบเวลา 14.30 น. และ 16.30 น. ในวันธรรมดา และเพิ่มอีก 1 รอบในวันหยุดและวันเสาร์-อาทิตย์ ตื่นตากับการแสดงแล้ว ก็ไปนั่ง "โมโนเรล" รถไฟฟ้าที่จะพาเราเที่ยวชมวิวทิวทัศน์รอบๆแอดเวนเจอร์แลนด์
แล้วจึงไปต่อกันที่ "พรมวิเศษ" ที่จะพาเราล่องลอยสู่ท้องฟ้าแห่งดินแดนอาหรับราตรี แล้วกร๊ดกันให้สุดเสียงกับการสวิงสู่ท้องฟ้าที่ชวนให้หวาดเสียวอีกเช่นกัน เมื่อตัวแห่งแล้ว ก็ได้เวลาเข้าสู่ "เมืองหิมะ" แห่งแรกของประเทศไทย ที่มีขึ้นในปี พ.ศ.2540 ในเมืองหิมะเราจะได้พบกับความมหัศจรรย์ยิ่งใหญ่ ชมซานตาคลอส บ้านน้ำแข็ง และสัตว์ขั้วโลกที่น่ารัก พร้อมทั้งได้สัมผัสสไลเดอร์หิมะสุดมัน แต่ฉันขอเตือนไว้หน่อยว่า ที่เมืองหิมะแห่งนี้จะปิดเร็วกว่าสวนสนุก 1 ชั่วโมง และต้องเสียค่าเข้าต่างหากไม่รวมอยู่ในบัตรชุด หากคิดว่าจะเล่นไม่ทันก็ให้เลือกเข้าเมืองหิมะก่อนเครื่องเล่นอื่นๆก็ได้
นอกจากนี้ภายในสวนสนุกดรีมเวิลด์ยังมีเครื่องเล่นอีกมากมายให้สัมผัสกัน อาทิ วิหกสายฟ้า เรืออินเดียแดง ปลาบิน แร๊กเตอร์ วิหคสายฟ้า รถเมล์เวหา ทั้งยังมีสวนสวย 4 ทวีปให้ได้พักผ่อนหย่อนใจกันอีกด้วย ปิดเทอมนี้ยังมีเวลา อย่าลืมแวะมาสวนสนุกดรีมเวิลด์ โลกแห่งความสุขสนุกทั้งครอบครัว
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
"ดรีมเวิลด์" (Dream World) ตั้งอยู่ที่ กม.7 ถ.รังสิตนครนายก อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โทร.0-2533-1152 วันธรรมดาเปิดเวลา 10.00-17.00 น. วันหยุดและเสาร์-อาทิตย์ เปิดเวลา 10.00-19.00 น. ราคาบัตรผ่านประตูเด็ก 120 บาท ผู้ใหญ่ 150 บาท บัตรรวมเครื่องเล่น 395 บาท ดรีมเวิลด์วีซ่า 440 บาท
การเดินทางขับรถออกจากกรุงเข้าเส้นรังสิต-นครนายก ขับมาถึงคลอง3 ฝั่งขวามือจะเห็นสะพานข้ามคลองสีสันสวยงามสะดุดตามีเขียนว่าดรีมเวิลด์ตัวใหญ่ๆ จากนั้นกลับแล้วก็มุ่งตรงข้ามสะพานสู่สวนสนุกดรีมเวิลด์ นอกจากนี้ยังมีรถประจำทางสาย 188 ปอ.538 ปอ.559 และรถตู้ผ่านด้วย จากนั้นจะมีรถรับจากด้านหน้าพาเข้าสู่สวนสนุกดรีมเวิลด์
ในช่วงนี้น้องๆหนูๆหลายคนคงจะปิดเทอมพักสมองหลังจากที่ตั้งหน้าตั้งตาขยันหมั่นเพียรเล่าเรียนหนังสือกันมาตลอดทั้งเทอม ฉันเองเมื่อตอนเป็นเด็กตัวน้อยก็เฝ้ารอคอยช่วงเวลาของการปิดเทอมอย่างใจจดใจจ่อ เพื่อที่จะได้เที่ยวเล่นทำกิจกรรมต่างๆ และเพื่อให้เหมาะกับช่วงปิดเทอมนี้ฉันเลยจะชวนคุณน้องๆหนูๆไปสนุกสนานเพลิดเพลินกันที่ "ดรีมเวิลด์" (Dream World) สวนสนุกอันดับต้นๆของคนไทย
สถานที่ตั้งของสวนสนุกแห่งนี้แม้จะไม่ได้อยู่ในเมืองกรุง แต่ก็เลยออกมาไม่ไกล โดยสวนสนุกแห่งนี้ในสมัยนั้นได้ถือกำเนิดขึ้นด้วยความเล็งเห็นว่าในกรุงเทพฯใขขณะนั้นมีสวนสนุกอยู่เพียง 3 แห่งเท่านั้นคือที่แดนเนรมิตร สวนสยาม และซาฟารีเวิลด์ ซึ่งยังไม่เพียงพอสำหรับความต้องการของคนกรุงเทพฯซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สวนสนุกดรีมเวิลด์จึงได้เกิดขึ้นเพื่อให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและเป็นปอดแห่งใหม่ของคนกรุง รวมถึงเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอีกด้วย
ในปลายปี พ.ศ.2536 สวนสนุกแห่งนี้ได้เริ่มเปิดบริการให้กับนักท่องเที่ยวและประชาชนที่สนใจ และในต้นปี พ.ศ.2537 ก็ได้มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ปัจจุบันดรีมเวิลด์มีเนื้อที่ประมาณ 160 ไร่ ซึ่งก็ถือว่ากว้างใหญ่ทีเดียวเชียว
เมื่อเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมแล้วก็ตีบัตรผ่านประตูเข้าสู่โลกแห่งความฝันกันเลย แต่ก่อนจะผ่านประตูเข้าไปฉันขอแนะนำว่าให้ถ่ายรูปคู่กับป้ายดรีมเวิลด์ด้านหน้ากันก่อนเพื่อให้รู้ว่ามาถึงแล้วชัวร์ๆ จากนั้นเราก็จะเจอกับดินแดน "ดรีมเวิลด์ พลาซ่า" (Dream World Plaza) ซึ่งเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามพิสดาร และร้านขายของที่ระลึกมากมาย
ถัดมาคือดินแดน "ดรีมการ์เด้น" (Dream Garden) ซึ่งเป็นอุทยานที่ถูกตกแต่งไว้เป็นลวดลายสวยงามท่ามหลางความเย็นสบายจาก เลค ออฟ พาราไดซ์ (Lake of Paradise) ทะเลสาบขนาดใหญ่ที่กินเนื้อที่กว่า 4 ไร่ "โซนเลิฟการ์เด้น" ก็เป็นสวนสวยที่มีมุมถ่ายรูปน่ารักๆมากมาย เหมาะมากกับการถ่ายรูปสวีทของคู่แต่งงาน
เดินเลาะริมทะเลสาบไปทางด้านซ้าย เด็กๆจะได้รู้จักกับ "7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก" ที่ทางสวนสนุกเขาจำลองไว้ให้ดูกัน เช่น เทพีเสรีภาพ ทัชมาฮาล หอเอนเมืองปิซ่า กำแพงเมืองจีน มหาพีระมิดแห่งกิซ่า เป็นต้น ต่อไปเป็น "เครซี่โซน" ที่นักท่องเที่ยวจะได้ตื่นตาตื่นใจ และเพลิดเพลินกับมุมถ่ายรูปในบรรยากาศแปลกตาเช่น มุมนักโทษ มุมแหกคุก เป็นต้น
และที่บริเวณรอบทะเลสาบแห่งนี้เองที่เด็กๆและนักท่องเที่ยวทั้งหลายจะได้ชม "เดอะ คัลเลอร์ ออฟ เดอะ เวิลด์ พาเหรด" ขบวนพาเหรดนานาชาติน่ารักๆ ที่เริ่มมีมาตั้งแต่ พ.ศ.2547 ปีฉลองครบรอบ 10 ปีสวนสนุกดรีมเวิลด์ ซึ่งนำขบวนมาโดยพี่ดรีมมี่ หรือตัวหิ่งห้อยสัญลักษณ์ของดรีมเวิลด์ และเหล่าดาราการ์ตูนที่มากับรถเค้กยักษ์สีสันสดใส ตื่นตากับรถสฟิงซ์พร้อมคลีโอพัตราจากอียิปต์ และอีกหลากหลายสีสัน ในเวลา 15.45 น.ของทุกวัน ใครที่ชื่นชอบก็จำเวลาเอาไว้ให้ดีแล้วมาดักรอชมกันได้
หากใครชอบความสูงและอยากชมวิวของดรีมเวิลด์ในมุมกว้างก็สามารถขึ้น "เคเบิ้ลคาร์" ชมทัศนียภาพในมุมสูงและกว้างทั่วอาณาจักรแห่งความสุขนี้ได้ แต่หากไม่ขึ้นเคเบิ้ลคาร์ เดินต่อไปก็จะเจอะเจอกับเมืองแห่งเทพนิยาย "แฟนตาซีแลนด์" (Fantasy Land) ที่ถูกเนรมิตรขึ้นจากเทพนิยายเอกของโลก เช่น บ้านยักษ์ ปราสาทเจ้าหญิงนิทรา บ้านขนมปัง ดาบวิเศษ สโนไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด ให้เด็กๆได้ตื่นตาตื่นใจถ่ายรูปเล่นกันได้อย่างเพลิดเพลิน
จากนั้นก็มาเริ่มต้นอุ่นเครื่องความเสียวปากเท้าสั่นกันที่ เครื่องเล่น "เฮอริเคน" ที่ติดตั้งในปี พ.ศ.2543 จากประเทศเยอรมนี มีสีสันหวานเย็นดูน่าขึ้นเล่นเป็นอย่างยิ่ง แต่หากได้ขึ้นไปนั่งแล้วล่ะก็ไม่หวานอย่างที่คิด เฮอริเคนจะพาเราหมุนไปมาเหมือนพายุให้เรากรี๊ดกราดโฮกฮากกันสุดเสียง และเมื่อเรากำลังเหินเวหาตีลังกาด้วยความสูงกว่า 20 เมตร อย่างเพลิดเพลินเจ้าเครื่องเล่นจะพาเรากลับหัวจ่อกับน้ำพุที่พุ่งขึ้นมาจ่อหน้ายิ่งเพิ่มความเสียวให้ได้ใจเต้นตึกตักกันถ้วนหน้า
จากนั้นฉันจะพาเข้าสู่ "แอดเวนเจอร์ แลนด์" (Adventure Land) ดินแดนแห่งการผจญภัยและท้าทายกับเครื่องเล่นนานาชนิดที่ตื่นเต้นเร้าใจ เครื่องเล่นแรกที่ฉันขอแนะนำก็คือ "สไปเดอร์" ที่มีรูปร่างคล้ายแมงมุม เจ้าเครื่องนี้จะพาเราเหวี่ยงไปมาเหมือนตอนแมงมุมกำลังวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ใครที่เวียงหัวง่ายล่ะก็อย่าเพิ่งลองจะดีกว่า
จากสไปเดอร์ ฉันเดินไปถึง "ปราสาทผีสิง" ที่ชวนให้ขนหัวลุกตั้งแต่เริ่มย่างกรายเข้าไปในคฤหาสน์ร้างแห่งนี้ ใครที่มาคนเดียวฉันไม่แนะนำให้เข้าไปในปราสาทเพราะตอนต๊กกะใจไม่รู้จะหันไปกอดใคร หลังจากวิ่งหนีผีกันป่าราบแล้ว ก็ไปเพิ่มความเสียวท้องกันที่เครื่องเล่น "ไวกิ้งส์" ที่มีรูปร่างเหมือนเรือโจรสลัดลำใหญ่ พาเราโยกขึ้นโยกลงเหมือนไกวเปล แต่เป็นการไกวที่ชวนเสียวตับไตไส้พุงเป็นที่สุด ใครที่ไม่เคยอาจจะมีอาเจียนได้เลยทีเดียว
จากนั้นไปพักเล่นเครื่องเล่นเบาๆกันกับ "รถบั๊ม" ที่คนไม่มีทักษะการขับรถก็สามารถขับบั๊มกันได้ หากใครที่อยากจะพักแบบเบาๆฉันขอแนะนำ "รถคุณปู่" ที่ทุกคนสามารถขับรถโบราณรุ่นคุณปู่ชมบรรยากาศรับลมรอบด้านได้อย่างชิลชิลสบายอารมณ์ จากนั้นมาสนุกเร้าใจกันต่อกับ "สกาย โควเตอร์" รถไฟเหาะจากประเทศเนเธอร์แลนด์ที่นำเข้ามาในปี พ.ศ.2550 ที่ผ่านมา เราจะได้นั่งรถไฟเหาะแบบพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้าด้วยความเร็ว และเร้าใจกับจังหวะการพุ่งลงจาความสูงที่น่าหวาดเสียว
ต่อจากรถไฟเหาะ ฉันไปต่อที่ "รถไฟตะลุยจักรวาล" ที่จะเราพุ่งไกลด้วยความเร็วสูงไปสู่ห้วงอวกาศ ทะลุมิติพิชิตกาแล็คซี่ เราจะได้ร่วมผจญภัยในจักรวาลอันกว้างไกลออกไปหลายล้านปีแสง จากนั้นได้เวลาที่ทุกคนจะต้องเปียกกับเครื่องเล่นที่ฉันชื่นชอบเป็นที่สุดนั้นก็คือ "ซุปเปอร์สแปลซ" ที่นำเข้ามาจากอเมริกาตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 แต่ก็ได้รับการซ่อมบำรุงอยู่เสมอจนปัจจุบันก็ยังสามารถใช้การได้เป็นอย่างดี โดยจะเริ่มจากการลงนั่งในเรือลำใหญ่
จากนั้นเรือจะค่อยๆคืบคลานขึ้นไปจนถึงจุดที่สูงที่สุดขนาดประมาณตึก 6 ชั้น ก่อนที่จะดิ่งสู่แอ่งน้ำขนาดใหญ่ก่อให้เกิดคลื่นซัดขนาบ 2 ข้าง สร้างความตื่นเต้นสะใจได้ไม่น้อยทีเดียว และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือคนที่อยู่ด้านล่าง หากไม่ระวังล่ะก็มีสิทธิ์เปียกกว่าคนที่นั่งในเรืออีกก็ว่าได้
จากนั้นฉันขอแนะนำให้เดินเข้าไปด้านในเพื่อไปต่อความฉ่ำกันที่ "แกรนด์แคนยอน" ที่เราจะได้ร่วมผจญภัยกลางสายน้ำเชี่ยวอยากสนุกสนาน จากนั้นไปผึ่งตัวให้แห้งกันที่การแสดง "ฮอลลีวู้ด แอ็คชั่น" ที่จะมีการแสดงทุกวัน ในรอบเวลา 14.30 น. และ 16.30 น. ในวันธรรมดา และเพิ่มอีก 1 รอบในวันหยุดและวันเสาร์-อาทิตย์ ตื่นตากับการแสดงแล้ว ก็ไปนั่ง "โมโนเรล" รถไฟฟ้าที่จะพาเราเที่ยวชมวิวทิวทัศน์รอบๆแอดเวนเจอร์แลนด์
แล้วจึงไปต่อกันที่ "พรมวิเศษ" ที่จะพาเราล่องลอยสู่ท้องฟ้าแห่งดินแดนอาหรับราตรี แล้วกร๊ดกันให้สุดเสียงกับการสวิงสู่ท้องฟ้าที่ชวนให้หวาดเสียวอีกเช่นกัน เมื่อตัวแห่งแล้ว ก็ได้เวลาเข้าสู่ "เมืองหิมะ" แห่งแรกของประเทศไทย ที่มีขึ้นในปี พ.ศ.2540 ในเมืองหิมะเราจะได้พบกับความมหัศจรรย์ยิ่งใหญ่ ชมซานตาคลอส บ้านน้ำแข็ง และสัตว์ขั้วโลกที่น่ารัก พร้อมทั้งได้สัมผัสสไลเดอร์หิมะสุดมัน แต่ฉันขอเตือนไว้หน่อยว่า ที่เมืองหิมะแห่งนี้จะปิดเร็วกว่าสวนสนุก 1 ชั่วโมง และต้องเสียค่าเข้าต่างหากไม่รวมอยู่ในบัตรชุด หากคิดว่าจะเล่นไม่ทันก็ให้เลือกเข้าเมืองหิมะก่อนเครื่องเล่นอื่นๆก็ได้
นอกจากนี้ภายในสวนสนุกดรีมเวิลด์ยังมีเครื่องเล่นอีกมากมายให้สัมผัสกัน อาทิ วิหกสายฟ้า เรืออินเดียแดง ปลาบิน แร๊กเตอร์ วิหคสายฟ้า รถเมล์เวหา ทั้งยังมีสวนสวย 4 ทวีปให้ได้พักผ่อนหย่อนใจกันอีกด้วย ปิดเทอมนี้ยังมีเวลา อย่าลืมแวะมาสวนสนุกดรีมเวิลด์ โลกแห่งความสุขสนุกทั้งครอบครัว
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
"ดรีมเวิลด์" (Dream World) ตั้งอยู่ที่ กม.7 ถ.รังสิตนครนายก อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โทร.0-2533-1152 วันธรรมดาเปิดเวลา 10.00-17.00 น. วันหยุดและเสาร์-อาทิตย์ เปิดเวลา 10.00-19.00 น. ราคาบัตรผ่านประตูเด็ก 120 บาท ผู้ใหญ่ 150 บาท บัตรรวมเครื่องเล่น 395 บาท ดรีมเวิลด์วีซ่า 440 บาท
การเดินทางขับรถออกจากกรุงเข้าเส้นรังสิต-นครนายก ขับมาถึงคลอง3 ฝั่งขวามือจะเห็นสะพานข้ามคลองสีสันสวยงามสะดุดตามีเขียนว่าดรีมเวิลด์ตัวใหญ่ๆ จากนั้นกลับแล้วก็มุ่งตรงข้ามสะพานสู่สวนสนุกดรีมเวิลด์ นอกจากนี้ยังมีรถประจำทางสาย 188 ปอ.538 ปอ.559 และรถตู้ผ่านด้วย จากนั้นจะมีรถรับจากด้านหน้าพาเข้าสู่สวนสนุกดรีมเวิลด์