โดย : ปิ่น บุตรี
“ปายอินเลิฟ”
ปลายปีที่แล้วมีหนังชื่อนี้ออกมาฉาย หลายคนดูแล้วชอบ หลายคนดูแล้วไม่ชอบ ส่วนผมดูแล้วบอกได้คำเดียวว่า
“เสียดายตังค์”
แต่กระนั้นชื่อของปายอินเลิฟก็มีดีตรงที่มันปลุกให้ผมนึกถึงสมัยที่เคย“อินเลิฟปาย”เมื่อครั้งเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยหมาดๆ(10 กว่าปีที่แล้ว)ช่วงนั้นผมกับเพื่อนๆมีไฟฝันเต็มเปี่ยมจึงรวมกลุ่มกันไปเติมความฝันที่เมืองปาย(อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน) ดินแดนที่ได้ชื่อว่าเป็นดัง“ยูโทเปีย ยูโทปาย”ของผู้เบื่อหน่ายแสงสีวิถีเมือง และผู้ที่คล้อยตามกระแสจากการสร้าง(ผ่านสื่อ)ของคนบางกลุ่ม(หลังผ่านประสบการณ์ที่ปายผมพบว่าตัวเองเข้าข่ายในอย่างหลัง)
ทว่า...บางครั้งความฝันกับความจริงมันไปด้วยกันไม่ได้ ผมจึงจากปายมาด้วยความสึกเสียดายอยู่ในที
มาวันนี้คืนเปลี่ยนวันผ่านเมื่อนึกถึงปายผมยังคงเสียดายอยู่เหมือนเดิม แต่เป็นความเสียดายที่เกิดจากการที่ปายถูกกระแสธารการท่องเที่ยวแบบไทยๆที่ขาดการวางแผนจัดการโหมกระหน่ำรุมเร้าจนกลายเป็นปายอย่างในทุกวันนี้ ชนิดที่ในเขตเมืองเปลี่ยนแปลงแบบหน้ามือเป็นหลังเท้าจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม
แต่โลกนี้ไม่มีอะไรที่ไม่เปลี่ยน เพียงแต่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือแย่ลงเท่านั้น
ปายอินเลิฟ 1
ปายกับผมถือว่าตัดกันไม่ขาด แม้จะจากมาเพราะฝันสลายแต่ก็มีโอกาสกลับไปเยี่ยมเยียนอยู่บ่อยครั้ง เห็นความเปลี่ยนผ่านของปายในหลายมิติ ตั้งแต่ยุคเมื่อแรกเริ่มเปิดเมืองสู่โลกการท่องเที่ยวเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว
ปายยุคนั้นเริ่มเป็นที่รู้จักของพวกแบ็คแพ็คเกอร์ในฐานะ เมืองผ่าน-เมืองพักกลางทางจากเชียงใหม่ไปแม่ฮ่องสอน แม่ฮ่องสอนไปเชียงใหม่ แต่ด้วยความที่ปายเป็นเมืองสวยงามกลางหุบเขา มีธรรมชาติ ทิวทัศน์ท้องทุ่งนา วิถีอันพิสุทธิ์เรียบง่าย และน้ำใสใจจริงของชาวบ้านเป็นต้นทุน และมียาให้พี้สำหรับนักท่องเที่ยวบางกลุ่ม พวกเขาจึงหลง“รักปาย” เริ่มอยู่นานขึ้น เริ่มบอกต่อ ทั้งปากต่อปากและบอกผ่านไกด์บุ๊ค
ความนี้เมื่อรู้ถึงคนไทย หลายคนเริ่มเดินทางเข้ามาปาย แรกๆแค่เพียงมาเที่ยว มาพักผ่อน ต่อจากนั้นเริ่มหลง“รักปาย”ติดใจในบรรยากาศและวิถีว่านี่คือยูโทปาย เมืองในฝัน ที่เหมาะสำหรับผู้เบื่อหน่ายวิถีอันพลุกพล่านเมืองใหญ่ บางคนจึงเบนเข็มชีวิตขออยู่ปายยาว ทั้งมาขอเช่าบ้านจากชาวบ้าน มาขอซื้อที่ทาง เพื่อทำธุรกิจด้านการท่องเที่ยวเล็กๆน้อยๆ
จากนั้นดูเหมือนว่าปายจะเริ่มดังแบบฉุดไม่อยู่ คนที่บอกว่า“รักปาย”ต่างเดินทางเข้ามามากขึ้น ทั้งมาท่องเที่ยว มาขายของ มาทำธุรกิจ มาทำรีสอร์ต มาเล่นดนตรี มาทำงานอาร์ต มาแอ๊คอาร์ต และ ฯลฯ จนคนในพื้นที่ที่เป็นคนปายแท้ๆ หลายคนเริ่มถอยห่าง บางคนขายที่ทิ้งไปเลย บางคนให้เช่าที่ แล้วหนีความวุ่นวายพลุกพล่านที่ไม่ใช่วิถีออกไปอยู่เงียบๆนอกเมืองดังเดิม
ทำให้คนใน(พื้นที่)จำนวนหนึ่งต้องกลายเป็นคนนอก(พื้นที่)ไปโดยปริยาย
ปายอินเลิฟ 2
หลังคืนเปลี่ยนวันผ่าน ปายก้าวผ่านจากยุคยูโทปายเข้าสู่ยุคโมเดิร์นปายที่ไม่เพียงแต่กลายเป็นเมืองแปลกหน้าของคนใน(พื้นที่)เท่านั้น หากแต่ยังกลายเป็นเมืองที่จะดูไม่ค่อยโสภาสำหรับคน“รักปาย”ในยุคแรกๆอีกด้วย สำหรับผมมองปายแบบปลง แต่ก็ยอมรับว่าปายยุคใหม่มีทั้งมุมที่น่ายลและไม่น่ายล ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน
แต่กระนั้นปายยุคใหม่กลับแรงต่อเนื่องโดยเฉพาะในรอบ 4-5 ปีที่ผ่านมา
ปายกลายเป็นเมืองทอล์คออฟเดอะทาวน์ของคนกลุ่มหนึ่ง
ปายเป็นเมืองที่แวดวงของคนกลุ่มหนึ่งกำหนดกันทางสังคมของพวกเขาว่า“ต้องไปปาย” ใครไม่ไปเชย-เอ้าท์
ปายเป็นเมืองที่ถูกนำไปโชว์ในไฮไฟท์ เฟสบุ๊ค มากที่สุดของไทย
และปายถูกกำหนดให้เป็น“เมืองมีสไตล์ มีรสนิยม”ตามทัศนะของนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งที่ชื่นชอบปาย(มีปริมาณมากพอสมควร) ซึ่งเท่าที่มีโอกาสไปสัมผัสและมองผ่านการสังเกตการณ์ เห็นว่ารสนิยมแบบปายๆมีทั้งที่เป็นไปตามธรรมชาติและเป็นไปแบบฝืนธรรมชาติ
โดยอย่างหลังนี่เกิดจากความต้องการของคนนอกจำนวนหนึ่ง ทั้งพวกหวังดี พวกอีโก้ พวกแสวงหาผลประโยชน์ ต่างมองปายในมุมของพวกเขาแล้วจับยัดความคิดจริตของตัวเองเข้าไป เพื่อให้ปายเป็นอย่างที่เขาต้องการโดยที่คนในได้แต่มองตาปริบๆ
...น้องเม(เมถุน)อยากให้ปายเป็นแบบนั้น พี่วิด(วิตถาร)ต้องการให้ปายเป็นแบบนี้ น้องมล(มลพิษ)อยากให้ปายเป็นอย่างโน้น น้องเดือน(ไส้เดือน)คิดว่าน่าจะเป็นแบบนู้น น้องวิ(วิปริต)เห็นว่าปายควรเป็นอย่างน้าน และอื่นๆอีกมากมาย
แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นและชวนคลื่นเหียนไม่น้อยก็คือ กลุ่มคนเหล่านี้มักจะมีเหตุผลรองรับสวยหรู มีวาทะกรรมสวยงาม สรุปความได้แนวเดียวกันว่า
“เพราะรักปายไงจึงอยากให้ปายเป็นแบบนี้”(อย่างที่พวกเขาต้องการ)
ปายอินเลิฟ 3
เพราะรักปาย(ไง) คนกลุ่มหนึ่งจึงอยากให้ปายเป็นเมืองศิลปะ บางคนก็ดูดี บางคนก็เข้าท่า บางคนก็บ้าบอ บางคนก็เพ้อเจ้อ ในขณะที่งานศิลปวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของชาวบ้านนั้นกลับถูกคนพวกนี้มองว่ามันไม่“อาร์ต”พอ
เพราะรักปาย(ไง) คนกลุ่มหนึ่งจึงอยากให้ปายเป็นเมืองดนตรี ที่มีทั้งบลูส์ แจ๊ซ ร็อค เพื่อชีวิต เร็กเก้-สกา รักโรแมนติค เปิกหมวก อินดี้ เล่นกันตั้งแต่รอบนอกไล่เข้ามาถึงเกือบตลอดช่วงของถนนคนเดิน ทิ้งให้กลุ่มผู้สูงอายุบ้านป่าขามนั่งเล่นดนตรีพื้นบ้าน สะล้อ ซอ ซึง รับการบริจาคกันอย่างค่อนข้างเงียบเหงานักท่องเที่ยว
เพราะรักปาย(ไง) คนกลุ่มหนึ่งจึงอยากให้ปายเป็นเมืองคอนเสิร์ต ที่พอหนาวทีไร จะมีคอนเสิร์ตสารพัดมาลง ทั้งแนวรักโรแมนติก เร็กเก้-สกา Woodstock อินดี้ โดยคนดูส่วนใหญ่ดูดมาจากกรุงเทพฯ แถมยังจัดกันถี่ยิบชนิดที่มีข่าวออกมาว่า ชาวบ้านปายส่วนหนึ่งต้องไปหาหมอเพื่อเข้ารักษาสุขภาพจิตอันเนื่องมาจากความเครียดจากเสียงดังของคอนเสิร์ต
เพราะรักปาย(ไง) คนกลุ่มหนึ่งจึงอยากให้ปายเป็นเมืองอินดี้ ที่บรรดาร้านรวง ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านโปสการ์ด ป้ายบอกทาง เสื้อผ้า ของที่ระลึก ต้องมีดีไซน์ มีไอเดีย จะเปิดขายแบบธรรมดาไม่ได้ ในขณะที่คนมาเที่ยวทำอะไรให้มันดูหลุดๆ แนวๆ ไม่งั้นเดี๋ยวไม่อินดี้
เพราะรักปาย(ไง) คนกลุ่มหนึ่งจึงอยากให้ปายเป็นเมืองอีเวนต์ที่พวกเอเยนซี่ต่างหาช่องทางจัดงานหาเงินจากคนเมืองที่มาเที่ยวกันให้ควัก ทั้งจัดคอนเสิร์ต จัดแต่งงาน จัดงานศิลปะ จัดเทศกาลหนัง จัดงานหนังสือ จัดกิจกรรมลดโลกร้อน
และเพราะรักปาย(ไง) คนกลุ่มหนึ่งจึงอยากให้ปายเป็นเมืองอย่างที่เขาเป็น ซึ่งถ้านช.คนหนึ่งไม่ถูกยึดทรัพย์ลูกชายเขาอาจมาลงทุนทำปายเป็นเมืองสวนสนุกเหมือนอย่างที่กรุงเทพฯก็เป็นได้ หรือไม่อย่างนั้นในอนาคต อาจมีคนคิดทำปายเป็นเมืองโปสการ์ด คิดทำปายเป็นเมืองตู้ไปรษณีย์ คิดทำปายเป็นเมืองหลักกิโลเมตร คิดทำปายเป็นเมืองเกาหลี(โคเรียนทาวน์) เป็นต้น
ครับและนั่นก็คือความรักปายของคนในหลายกลุ่มที่อยากให้ปายเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ตามที่เขาต้องการ สำหรับผมคนเคยรักปาย(แต่วันนี้ก็ไม่ชังปาย)ไม่ได้มีความต้องการอยากให้ปายเป็นเมืองมีรสนิยมอย่างที่ใครหลายคนต้องการ แต่เพียงแค่อยากเห็นคนในและคนนอกปาย ทั้งชาวบ้าน ผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยว ภาครัฐ และคนที่บอกว่ารักปายทั้งหลาย หันมามองปายอย่างจริงจัง แล้วร่วมมือกันแก้ไขในปัญหาสิ่งบกพร่องต่างๆที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งวางแผนบริหารจัดการปายใหม่ ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีการวางผังที่ดี มีการจัดโซนนิ่งของย่านต่างๆ มีการควบคุมความเสื่อมบางอย่างของปายส่วนใน(เขตเมือง ถนนคนเดิน)ไม่ให้ไหลล้นออกไปปายส่วนนอก และแก้ไขในความเสื่อมเหล่านั้นให้ดีขึ้น มีการควบคุมดูแลไม่ให้ใครนึกจะมาทำอะไรที่ปายก็ได้ มีการรื้อฟื้นส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของปายให้คนปายได้สืบสานให้คนนอกได้รับรู้
สำหรับสิ่งเหล่านี้ล้วนต่างเป็นองค์ประกอบที่จะช่วยเกื้อหนุนให้ปายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีดีกว่าปัจจุบัน และเพื่อไม่ให้ปายอินเลิฟของใครหลายๆคนกลายสภาพเป็น“ปายอินเละ”(กว่าทุกวันนี้) จนยากจะหาหนทางเยียวยา
“ปายอินเลิฟ”
ปลายปีที่แล้วมีหนังชื่อนี้ออกมาฉาย หลายคนดูแล้วชอบ หลายคนดูแล้วไม่ชอบ ส่วนผมดูแล้วบอกได้คำเดียวว่า
“เสียดายตังค์”
แต่กระนั้นชื่อของปายอินเลิฟก็มีดีตรงที่มันปลุกให้ผมนึกถึงสมัยที่เคย“อินเลิฟปาย”เมื่อครั้งเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยหมาดๆ(10 กว่าปีที่แล้ว)ช่วงนั้นผมกับเพื่อนๆมีไฟฝันเต็มเปี่ยมจึงรวมกลุ่มกันไปเติมความฝันที่เมืองปาย(อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน) ดินแดนที่ได้ชื่อว่าเป็นดัง“ยูโทเปีย ยูโทปาย”ของผู้เบื่อหน่ายแสงสีวิถีเมือง และผู้ที่คล้อยตามกระแสจากการสร้าง(ผ่านสื่อ)ของคนบางกลุ่ม(หลังผ่านประสบการณ์ที่ปายผมพบว่าตัวเองเข้าข่ายในอย่างหลัง)
ทว่า...บางครั้งความฝันกับความจริงมันไปด้วยกันไม่ได้ ผมจึงจากปายมาด้วยความสึกเสียดายอยู่ในที
มาวันนี้คืนเปลี่ยนวันผ่านเมื่อนึกถึงปายผมยังคงเสียดายอยู่เหมือนเดิม แต่เป็นความเสียดายที่เกิดจากการที่ปายถูกกระแสธารการท่องเที่ยวแบบไทยๆที่ขาดการวางแผนจัดการโหมกระหน่ำรุมเร้าจนกลายเป็นปายอย่างในทุกวันนี้ ชนิดที่ในเขตเมืองเปลี่ยนแปลงแบบหน้ามือเป็นหลังเท้าจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม
แต่โลกนี้ไม่มีอะไรที่ไม่เปลี่ยน เพียงแต่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือแย่ลงเท่านั้น
ปายอินเลิฟ 1
ปายกับผมถือว่าตัดกันไม่ขาด แม้จะจากมาเพราะฝันสลายแต่ก็มีโอกาสกลับไปเยี่ยมเยียนอยู่บ่อยครั้ง เห็นความเปลี่ยนผ่านของปายในหลายมิติ ตั้งแต่ยุคเมื่อแรกเริ่มเปิดเมืองสู่โลกการท่องเที่ยวเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว
ปายยุคนั้นเริ่มเป็นที่รู้จักของพวกแบ็คแพ็คเกอร์ในฐานะ เมืองผ่าน-เมืองพักกลางทางจากเชียงใหม่ไปแม่ฮ่องสอน แม่ฮ่องสอนไปเชียงใหม่ แต่ด้วยความที่ปายเป็นเมืองสวยงามกลางหุบเขา มีธรรมชาติ ทิวทัศน์ท้องทุ่งนา วิถีอันพิสุทธิ์เรียบง่าย และน้ำใสใจจริงของชาวบ้านเป็นต้นทุน และมียาให้พี้สำหรับนักท่องเที่ยวบางกลุ่ม พวกเขาจึงหลง“รักปาย” เริ่มอยู่นานขึ้น เริ่มบอกต่อ ทั้งปากต่อปากและบอกผ่านไกด์บุ๊ค
ความนี้เมื่อรู้ถึงคนไทย หลายคนเริ่มเดินทางเข้ามาปาย แรกๆแค่เพียงมาเที่ยว มาพักผ่อน ต่อจากนั้นเริ่มหลง“รักปาย”ติดใจในบรรยากาศและวิถีว่านี่คือยูโทปาย เมืองในฝัน ที่เหมาะสำหรับผู้เบื่อหน่ายวิถีอันพลุกพล่านเมืองใหญ่ บางคนจึงเบนเข็มชีวิตขออยู่ปายยาว ทั้งมาขอเช่าบ้านจากชาวบ้าน มาขอซื้อที่ทาง เพื่อทำธุรกิจด้านการท่องเที่ยวเล็กๆน้อยๆ
จากนั้นดูเหมือนว่าปายจะเริ่มดังแบบฉุดไม่อยู่ คนที่บอกว่า“รักปาย”ต่างเดินทางเข้ามามากขึ้น ทั้งมาท่องเที่ยว มาขายของ มาทำธุรกิจ มาทำรีสอร์ต มาเล่นดนตรี มาทำงานอาร์ต มาแอ๊คอาร์ต และ ฯลฯ จนคนในพื้นที่ที่เป็นคนปายแท้ๆ หลายคนเริ่มถอยห่าง บางคนขายที่ทิ้งไปเลย บางคนให้เช่าที่ แล้วหนีความวุ่นวายพลุกพล่านที่ไม่ใช่วิถีออกไปอยู่เงียบๆนอกเมืองดังเดิม
ทำให้คนใน(พื้นที่)จำนวนหนึ่งต้องกลายเป็นคนนอก(พื้นที่)ไปโดยปริยาย
ปายอินเลิฟ 2
หลังคืนเปลี่ยนวันผ่าน ปายก้าวผ่านจากยุคยูโทปายเข้าสู่ยุคโมเดิร์นปายที่ไม่เพียงแต่กลายเป็นเมืองแปลกหน้าของคนใน(พื้นที่)เท่านั้น หากแต่ยังกลายเป็นเมืองที่จะดูไม่ค่อยโสภาสำหรับคน“รักปาย”ในยุคแรกๆอีกด้วย สำหรับผมมองปายแบบปลง แต่ก็ยอมรับว่าปายยุคใหม่มีทั้งมุมที่น่ายลและไม่น่ายล ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน
แต่กระนั้นปายยุคใหม่กลับแรงต่อเนื่องโดยเฉพาะในรอบ 4-5 ปีที่ผ่านมา
ปายกลายเป็นเมืองทอล์คออฟเดอะทาวน์ของคนกลุ่มหนึ่ง
ปายเป็นเมืองที่แวดวงของคนกลุ่มหนึ่งกำหนดกันทางสังคมของพวกเขาว่า“ต้องไปปาย” ใครไม่ไปเชย-เอ้าท์
ปายเป็นเมืองที่ถูกนำไปโชว์ในไฮไฟท์ เฟสบุ๊ค มากที่สุดของไทย
และปายถูกกำหนดให้เป็น“เมืองมีสไตล์ มีรสนิยม”ตามทัศนะของนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งที่ชื่นชอบปาย(มีปริมาณมากพอสมควร) ซึ่งเท่าที่มีโอกาสไปสัมผัสและมองผ่านการสังเกตการณ์ เห็นว่ารสนิยมแบบปายๆมีทั้งที่เป็นไปตามธรรมชาติและเป็นไปแบบฝืนธรรมชาติ
โดยอย่างหลังนี่เกิดจากความต้องการของคนนอกจำนวนหนึ่ง ทั้งพวกหวังดี พวกอีโก้ พวกแสวงหาผลประโยชน์ ต่างมองปายในมุมของพวกเขาแล้วจับยัดความคิดจริตของตัวเองเข้าไป เพื่อให้ปายเป็นอย่างที่เขาต้องการโดยที่คนในได้แต่มองตาปริบๆ
...น้องเม(เมถุน)อยากให้ปายเป็นแบบนั้น พี่วิด(วิตถาร)ต้องการให้ปายเป็นแบบนี้ น้องมล(มลพิษ)อยากให้ปายเป็นอย่างโน้น น้องเดือน(ไส้เดือน)คิดว่าน่าจะเป็นแบบนู้น น้องวิ(วิปริต)เห็นว่าปายควรเป็นอย่างน้าน และอื่นๆอีกมากมาย
แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นและชวนคลื่นเหียนไม่น้อยก็คือ กลุ่มคนเหล่านี้มักจะมีเหตุผลรองรับสวยหรู มีวาทะกรรมสวยงาม สรุปความได้แนวเดียวกันว่า
“เพราะรักปายไงจึงอยากให้ปายเป็นแบบนี้”(อย่างที่พวกเขาต้องการ)
ปายอินเลิฟ 3
เพราะรักปาย(ไง) คนกลุ่มหนึ่งจึงอยากให้ปายเป็นเมืองศิลปะ บางคนก็ดูดี บางคนก็เข้าท่า บางคนก็บ้าบอ บางคนก็เพ้อเจ้อ ในขณะที่งานศิลปวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของชาวบ้านนั้นกลับถูกคนพวกนี้มองว่ามันไม่“อาร์ต”พอ
เพราะรักปาย(ไง) คนกลุ่มหนึ่งจึงอยากให้ปายเป็นเมืองดนตรี ที่มีทั้งบลูส์ แจ๊ซ ร็อค เพื่อชีวิต เร็กเก้-สกา รักโรแมนติค เปิกหมวก อินดี้ เล่นกันตั้งแต่รอบนอกไล่เข้ามาถึงเกือบตลอดช่วงของถนนคนเดิน ทิ้งให้กลุ่มผู้สูงอายุบ้านป่าขามนั่งเล่นดนตรีพื้นบ้าน สะล้อ ซอ ซึง รับการบริจาคกันอย่างค่อนข้างเงียบเหงานักท่องเที่ยว
เพราะรักปาย(ไง) คนกลุ่มหนึ่งจึงอยากให้ปายเป็นเมืองคอนเสิร์ต ที่พอหนาวทีไร จะมีคอนเสิร์ตสารพัดมาลง ทั้งแนวรักโรแมนติก เร็กเก้-สกา Woodstock อินดี้ โดยคนดูส่วนใหญ่ดูดมาจากกรุงเทพฯ แถมยังจัดกันถี่ยิบชนิดที่มีข่าวออกมาว่า ชาวบ้านปายส่วนหนึ่งต้องไปหาหมอเพื่อเข้ารักษาสุขภาพจิตอันเนื่องมาจากความเครียดจากเสียงดังของคอนเสิร์ต
เพราะรักปาย(ไง) คนกลุ่มหนึ่งจึงอยากให้ปายเป็นเมืองอินดี้ ที่บรรดาร้านรวง ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านโปสการ์ด ป้ายบอกทาง เสื้อผ้า ของที่ระลึก ต้องมีดีไซน์ มีไอเดีย จะเปิดขายแบบธรรมดาไม่ได้ ในขณะที่คนมาเที่ยวทำอะไรให้มันดูหลุดๆ แนวๆ ไม่งั้นเดี๋ยวไม่อินดี้
เพราะรักปาย(ไง) คนกลุ่มหนึ่งจึงอยากให้ปายเป็นเมืองอีเวนต์ที่พวกเอเยนซี่ต่างหาช่องทางจัดงานหาเงินจากคนเมืองที่มาเที่ยวกันให้ควัก ทั้งจัดคอนเสิร์ต จัดแต่งงาน จัดงานศิลปะ จัดเทศกาลหนัง จัดงานหนังสือ จัดกิจกรรมลดโลกร้อน
และเพราะรักปาย(ไง) คนกลุ่มหนึ่งจึงอยากให้ปายเป็นเมืองอย่างที่เขาเป็น ซึ่งถ้านช.คนหนึ่งไม่ถูกยึดทรัพย์ลูกชายเขาอาจมาลงทุนทำปายเป็นเมืองสวนสนุกเหมือนอย่างที่กรุงเทพฯก็เป็นได้ หรือไม่อย่างนั้นในอนาคต อาจมีคนคิดทำปายเป็นเมืองโปสการ์ด คิดทำปายเป็นเมืองตู้ไปรษณีย์ คิดทำปายเป็นเมืองหลักกิโลเมตร คิดทำปายเป็นเมืองเกาหลี(โคเรียนทาวน์) เป็นต้น
ครับและนั่นก็คือความรักปายของคนในหลายกลุ่มที่อยากให้ปายเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ตามที่เขาต้องการ สำหรับผมคนเคยรักปาย(แต่วันนี้ก็ไม่ชังปาย)ไม่ได้มีความต้องการอยากให้ปายเป็นเมืองมีรสนิยมอย่างที่ใครหลายคนต้องการ แต่เพียงแค่อยากเห็นคนในและคนนอกปาย ทั้งชาวบ้าน ผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยว ภาครัฐ และคนที่บอกว่ารักปายทั้งหลาย หันมามองปายอย่างจริงจัง แล้วร่วมมือกันแก้ไขในปัญหาสิ่งบกพร่องต่างๆที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งวางแผนบริหารจัดการปายใหม่ ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีการวางผังที่ดี มีการจัดโซนนิ่งของย่านต่างๆ มีการควบคุมความเสื่อมบางอย่างของปายส่วนใน(เขตเมือง ถนนคนเดิน)ไม่ให้ไหลล้นออกไปปายส่วนนอก และแก้ไขในความเสื่อมเหล่านั้นให้ดีขึ้น มีการควบคุมดูแลไม่ให้ใครนึกจะมาทำอะไรที่ปายก็ได้ มีการรื้อฟื้นส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของปายให้คนปายได้สืบสานให้คนนอกได้รับรู้
สำหรับสิ่งเหล่านี้ล้วนต่างเป็นองค์ประกอบที่จะช่วยเกื้อหนุนให้ปายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีดีกว่าปัจจุบัน และเพื่อไม่ให้ปายอินเลิฟของใครหลายๆคนกลายสภาพเป็น“ปายอินเละ”(กว่าทุกวันนี้) จนยากจะหาหนทางเยียวยา