xs
xsm
sm
md
lg

"พระธาตุศรีสองรัก" เขตปลอดสีแดง/ ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี
พระธาตุศรีสองรักสีขาวเด่น
เลย เป็นจังหวัดที่ผมไปไม่ถึงสักที เพราะไปทีไร“เลย”ทู้กที

แต่ถึงกระนั้นเวลาไปเลย ส่วนใหญ่ผมจะไปแวะกินไก่ย่างที่วิเชียรบุรี ก่อนไปต่อในเส้นทางเพชรบูรณ์-หล่มสัก-หล่มเก่า แล้วเข้าเขตจังหวัดเลยที่ ด่านซ้าย อำเภอที่มีประเพณีผีตาโขนอันลือลั่น

และเกือบทุกครั้งที่มาด่านซ้ายสิ่งหนึ่งที่ผมมักไม่พลาดก็คือการไปแวะกราบสักการะ“พระธาตุศรีสองรัก”ที่วัดพระธาตุศรีสองรัก เสริมสิริมงคล ส่วนถ้าทริปไหนมีเวลาเหลือเฟือผมจะเที่ยวควบ 2 วัดไปเลย คือวัดพระธาตุศรีสองรักและวัดเนรมิตวิปัสสนา(หัวนายูง)ที่อยู่ใกล้ๆกัน

เหตุที่ไปด่านซ้ายแล้วต้องแวะสักการะพระธาตุศรีสองรักเกือบทุกทีไป เพราะพระธาตุองค์นี้มีความน่าสนใจยิ่ง ทั้งความศักดิ์สิทธิ์ ความสำคัญ ประวัติความเป็นมา และตัวสถาปัตยกรรม ซึ่งเมื่อเดินเข้าเขตวัดจะเห็นเส้นทางทอดยาวนำสู่องค์พระธาตุ สองข้างทางประดับเรียงรายไปด้วยเสาสูงประมาณเหนือเอวนิดๆบนหัวเสามีพานพุ่มทองเหลืองประดับ จำลองแบบมาจากต้นผึ้งที่ใช้ในพิธีบูชาสมโภชพระธาตุศรีสองรักนั่นเอง
พิพิธภัณฑ์พระธาตุศรีสองรัก
จากนั้นทางเดินจะนำไปสู่บันไดทางขึ้นเนินประดิษฐานองค์พระธาตุ ซึ่งด้านขวามือจะเป็นอุทยานการศึกษา พิพิธภัณฑ์(ท้องถิ่น)พระธาตุศรีสองรัก ภายในมีสิ่งน่าสนใจ อาทิ พระพุทธรูป ข้าวของเครื่องใช้ ไม้กลายเป็นหิน ลูกปัด เป็นต้น แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าคนไม่ค่อยเข้าไปชมในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เลย มักจะเดินเลยผ่านไป ทั้งขาขึ้นไปไหว้พระธาตุ หรือขากลับจากไหว้พระธาตุ เรียกว่าคนสนใจน้อยกว่าร้านขายของที่ระลึกตรงหน้าทางเดินเสียอีก

ถัดจากช่วงนี้ไปเป็นบันไดทางขึ้น มีซุ้มประตูสีขาวเด่นตั้งตระหง่านรอรับผู้ขึ้น-ลง บนบันไดที่แบ่งแยกทางขึ้น-ลงชัดเจน 2 ฟากของราวบันไดมีพญานาครูปร่างแปลก เป็นนาคหัวแหลมไม่มีหงอน บริเวณส่วนหัวประดับไปด้วยกระจกหลากสีสัน ไม่มีเครื่องทรง ลักษณะกำลังเลื้อยแข็งๆอ้าปากทักทายผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลาย ใครจะขึ้นไปไหว้พระธาตุกรุณาอ่านข้อห้าม-คำเตือนของทางวัดให้ดี แล้วจึงค่อยเดินขึ้นไปไหว้องค์พระธาตุที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเนินเขาริมลำน้ำหมัน
ทางขึ้นพระธาตุกับนาคหัวแหลม
รอบบริเวณองค์พระธาตุร่มรื่นไปด้วยต้นลั่นทมหรือลีลาวดีที่หากไปถูกช่วงถูกจังหวะ ลั่นทมจะออกดอกสีขาวนวลส่งกลิ่นหอมเย็นเป็นที่ชื่นใจนัก ส่วนบริเวณด้านหน้าองค์พระธาตุเป็นมณฑปพระธาตุ ภายในมีพระพุทธรูปนาคปรกอันเก่าแก่ให้สักการะบูชา รวมถึงยังเป็นที่สำหรับปิดทองบูชาองค์พระธาตุด้วย(ห้ามผู้หญิงขึ้น)

แล้วถัดไปอีกไม่กี่ก้าวก็เป็นองค์พระธาตุศรีสองรักสีขาวตั้งเด่นเป็นสง่าที่ไม่เพียงเป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ศูนย์รวมจิตใจของชาวอำเภอด่านซ้ายและจังหวัดเลยเท่านั้น หากแต่ยังเป็นเคารพศรัทธาของชาวลาวที่อยู่อีกฟากฝั่งของลำน้ำเหืองอีกด้วย ซึ่งเรื่องนี้สืบเนื่องมาจากตำนานการสร้างพระธาตุที่ระบุว่า

พระธาตุศรีสองรักสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2103 สมัยกรุงศรีอยุธยา เพื่อเป็นสักขีพยานในการช่วยเหลือกันระหว่างพระมหาจักรพรรดิแห่งกรุงศรีอยุธยา(ไทย)และพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งอาณาจักรล้านช้าง(ลาว) เนื่องจากยุคนั้นกรุงศรีอยุธยาถูกพม่ารุกรานบ่อยครั้ง กษัตริย์ทั้งสองพระองค์จึงเห็นว่าควรจับมือกันเพื่อความมั่นคง จึงได้กระทำสัตยาธิษฐานว่าจะไม่ล่วงล้ำดินแดนของกันและกัน พร้อมได้ร่วมกันสร้างเจดีย์ขึ้นถวายมีพระนามว่า“พระธาตุศรีสองรัก”เป็นดังสักขีพยานแห่งสัจจะไมตรี และความรักความผูกพันที่มีต่อกันของสองอาณาจักร(ไทย-ลาว)สืบไป
รอบๆองค์พระธาตุรายล้อมไปด้วยต้นลั่นทม
พระธาตุศรีสองรัก มีความพิเศษเพราะเป็นอุเทสิกเจดีย์ ที่หมายถึงเจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพระศาสนาโดยไม่กำหนดว่าต้องเก็บรักษาสิ่งใด แต่ก็มีหลายคนเชื่อว่ากษัตริย์ทั้งสองพระองค์น่าจะนำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อาทิ พระพุทธรูป พระธรรมคัมภีร์บรรจุไว้ตามความเชื่อในศาสนาพุทธ

นอกจากนี้ยังมีตำนานความเชื่อว่า พระธาตุศรีสองรักมี“นายมั่นนายคง”ยอมอุทิศชีวิตเป็นข้าคอยเฝ้าไปชั่วนิรันดร์ และตำนานเรื่องเจ้าพ่อกวน-เจ้าแม่นางเทียมว่า เป็นวิญญาณของชาย-หญิงที่ถูกกีดกันในความรักและมาเสียชีวิตลงที่พระธาตุแห่งนี้ ซึ่งทั้งคู่หนีเข้าไปในอุโมงค์ตอนก่อสร้างองค์พระธาตุ แต่ว่าช่างไม่รู้จึงได้ก่อสร้างปิดอุโมงค์จนทั้งสองเสียชีวิตกลายเป็นวิญญาณที่คอยเฝ้าปกปักรักษาองค์พระธาตุศรีสองรักมาจนถึงทุกวันนี้

จากตำนานมาถึงรูปแบบทางสถาปัตยกรรมขององค์พระธาตุกันบ้าง พระธาตุองค์นี้เป็นศิลปกรรมแบบล้านช้าง ก่ออิฐถือปูน สูงประมาณ 30 เมตร ฐานเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุมไม้สิบสอง องค์ระฆังเป็นทรง“บัวเหลี่ยม” สัณฐานคล้ายกับพระธาตุพนม แต่ว่ามีลักษณะอวบป้อมกว่า
ต้นผึ้งบูชาองค์พระธาตุ
ทุกๆปี ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 (วันเพ็ญวิสาขบูชา)ชาวอำเภอด่านซ้ายจะจัดงานสมโภชพระธาตุศรีสองรักขึ้น โดยชาวบ้านจะพร้อมใจกันนำ“ต้นผึ้ง”หรือ“ต้นดอกเผิ่ง”(ในภาษาอีสาน) ทำจากโครงไม้ไผ่ทรงสามเหลี่ยมหรือทรงปราสาท กรุรอบด้วยลวดลายการแทงหยวก ประดับด้วยดอกผึ้งที่ทำจากแผ่นเทียนกลมๆบางๆ นำไปตากแดดก่อนจับเป็นกลีบ ตกแต่งเป็นต้นผึ้ง มีดอกบานไม่รู้โรยหรือขมิ้นหั่นเล็กๆติดตรงกลางแทนเกสรดอกไม้ แล้วจึงนำมาบูชาถวายแด่องค์พระธาตุ ซึ่งแต่ละปีจะมีชาวด่านซ้ายและชาวเลยมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตามในวันที่ผมไปพระธาตุศรีสองรักหนล่าสุดนั้นไม่ใช่วันวิสาขบูชา แต่ก็มีโอกาสได้เห็นต้นผึ้งวางถวายองค์พระธาตุอยู่เป็นจำนวนมาก นั่นจึงทำให้ผมฉงนใจเดินไปถามคุณลุงผู้ดูแลพระธาตุว่า “ต้นผึ้งเหล่านี้มาได้อย่างไร?”

“อ๋อ มีคนเขานำมาแก้บนนะ ที่นี่เขาเชื่อกันว่า ใครที่มาขอพรองค์พระธาตุแล้วบนด้วยต้นผึ้ง มักจะสมหวัง”คุณลุงอธิบาย
อีกมุมหนึ่งของพระธาตุศรีสองรัก
นอกจากความเชื่อเรื่องต้นผึ้งแล้ว พระธาตุศรีสองรักมีข้อห้ามบางประการเขียนติดไว้ตรงบันไดทางขึ้น คือ ห้ามกางร่ม ห้ามนำอาหาร-ขนม ห้ามสวมรองเท้า ขึ้นไปสักการะบูชา รวมถึงมีข้อห้ามสำคัญอันมาจากความเชื่อสำคัญ นั่นก็คือ ห้ามแต่งกายด้วยชุดสีแดง ห้ามนำสิ่งของที่มีสีแดง ดอกไม้แดง ขึ้นไปบูชา เพราะพระธาตุศรีสองรักสร้างขึ้นเพื่อความรักสมัครสมาน เพื่อสัจจะไมตรี แต่สีแดงเป็นสีของเลือดและความรุนแรง สมควรที่คนไปไหว้พระธาตุศรีสองรักจำเป็นต้องปฏิตามอย่างเคร่งครัด ไม่ควรลบหลู่แต่อย่างใด

ครับ นั่นถือเป็นความเชื่อเมื่อครั้งโบราณที่ยังดำเนินอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเมื่อหันมามองเมืองไทยยามนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีหลายพื้นที่โดยเฉพาะในกรุงเทพฯปฏิบัติคล้ายพระธาตุศรีสองรัก คือ เป็นเขตปลอดเสื้อแดง เพราะที่ผ่านมาการกระทำของคนเสื้อแดงมันฟ้องชัด พวกเขาสู้เพื่อใคร? ยิ่งหลังศาลตัดสินยึดทรัพย์แดงตัวพ่อ 4.6 หมื่นล้านแล้วคนเสื้อแดงไม่เคารพคำตัดสินศาล เดินหน้าสร้างความวุ่นวายให้ประเทศชาติต่อด้วยการใช้ความรุนแรง ติดอาวุธ ก่อจลาจล เผาบ้าน เผาเมือง ทำร้ายผู้คนที่ไม่เห็นด้วยเสียชีวิต ดังเช่นเหตุการณ์สงกรานต์เลือดที่ผ่านมา มันก็ยิ่งทำให้เขตปลอดเสื้อแดงผุดเร็วขึ้นและแผ่ขยายไปกว้างขวางขึ้น

แต่กระนั้นเพื่อความเป็นธรรม บ้านนี้เมืองนี้ก็ยังมีบางสถานที่จัดเตรียมไว้ให้เฉพาะแก่กลุ่มคนเสื้อแดงที่ใช้ความรุนแรง ก่อจลาจล เผาบ้าน เผาเมือง ทำร้ายผู้คนที่เห็นต่าง สำหรับสถานที่แห่งก็คือ

คุกๆๆ!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น