โดย : จุชดานิน
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นประเทศบนเกาะเล็กๆ แต่สิงคโปร์ก็เป็นประเทศที่ไม่อาจมองข้ามได้ ทั้งบ้านเมืองที่มีภูมิทัศน์เป็นระเบียบ สวยงาม สะอาดสะอ้าน มีความเจริญทางเศรษฐกิจ และวันนี้สิงคโปร์มียังอภิมหาโปรเจกต์ทางการท่องเที่ยวที่หมายจะครองแชมป์แหล่งท่องเที่ยวอันดับแรกในเอเชีย และจะก้าวสู่แหล่งท่องเที่ยวระดับโลก นั่นก็คือ “รีสอร์ตเวิลด์ เซ็นโตซ่า” (Resorts World Sentosa)
โดยโปรเจกต์บิ๊กบึ้ม “รีสอร์ตเวิลด์ เซ็นโตซ่า” นี้ ตั้งอยู่บนเกาะเซ็นโตซ่า ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ของกลุ่มเก็นติ้ง กรุ๊ป ที่ได้ทุ่มงบราว 1.58 แสนล้านบาท บนเนื้อที่ 306.25 ไร่ และได้วางวัตถุประสงค์เพื่อต้องการจะสร้างจุดขายใหม่ทางการท่องเที่ยว ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเหนือจินตนาการระดับโลก และเจาะตลาดท่องเที่ยวทุกกลุ่ม
และในวันนี้ รีสอร์ตเวิลด์ เซ็นโตซ่า ได้เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้วในบางส่วน และจะทยอยเปิดส่วนที่เหลือไปเรื่อยๆ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเปิดอย่างเต็มรูปแบบได้ในปลายปี 2010 นี้ ฟังดูใหญ่โตอลังการแบบนี้หากใครอยากรู้ว่าโปรเจกต์นี้เป็นอย่างไรล่ะก็ ตามฉันมาเลย
ก่อนอื่นฉันจะพาไปรู้จักกับโรงแรมหรู 4 ใน 6 แห่งที่เปิดให้บริการแล้วภายในรีสอร์ทเวิลด์แห่งนี้กัน โดยแต่ละโรงแรมจะมีธีมที่แตกต่างกันไป โรงแรมแรก คือ “โฮเต็ล ไมเคิล” (Hotel Michael) ซึ่งเป็นโรงแรมแรกในโลกที่ออกแบบโดยสถาปนิกและนักออกแบบผลิตภัณฑ์ชื่อดังของโลก “ไมเคิล เกรฟ” ทั้งหมด ตั้งแต่ตัวอาคารภายนอก รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งด้วย
ภายในโฮเต็ลไมเคิลแห่งนี้ประกอบด้วยห้องอาหารระดับไฟน์ ไดนิ่ง สกายบาร์ และห้องพักทั้งหมด 470 ห้อง แบ่งเป็นประเภทดีลักซ์คลับรูม ดีลักซ์สวีท และเพรสซิเดนเซียลสวีท ถายในห้องตกแต่งด้วยกำแพงสีเมเปิล และประติมากรรมสไตล์ไมเคิล เกรฟที่มีลักษณะเน้นไปที่ทรงเลขาคณิต แบบทรงกรวย กลม กระบอกเป็นต้น พร้อมห้องอาบน้ำโมเสกสีคราม
ต่อไปเป็น “เฟสทีฟ โฮเต็ล” (Festive Hotel) ซึ่งเหมาะมากสำหรับครองครัวที่มีเด็ก เพราะภายในห้องพักจัดแบ่งโซนสำหรับผู้ใหญ่ และเตียงนอนสำหรับเด็กโดยเฉพาะ อีกทั้งยังมีโซฟาที่สามารถปรับให้เป็นเตียงเสริมได้ นอกจากนี้ในบริเวณทางเข้าห้องพักยังจัดตกแต่งด้วยลวดลายดอกกล้วยไม้สวยงามขนาดใหญ่ มีจำนวนห้องพัก 390 ห้อง ทั้งแบบดีลักซ์ ซูเปอร์ดีลักซ์ และสวีท ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในโรงแรมก็เช่น โซนสำหรับเด็ก ร้านอาหารสำหรับครอบครัว และโรงหนังสำหรับแสดงโชว์ของรีสอร์ตจำนวน 1,600 ที่นั่ง
สำหรับโรงแรมสุดหรูสไตล์ชั้นนำก็คือ “ครอกส์ฟอร์ด ทาวเวอร์” (Crockfords Tower) ที่ได้รับการออกแบบเป็นห้องสวีททั้งหมด 120 ห้อง พร้อมบริการผู้ช่วยส่วนตัวตลอด 24 ชั่วโมง การตกแต่งจะตกแต่งด้วยไม้สีเข้มและวัสดุที่หรูหราในโทนสีแดงและทอง ไฮไลต์ก็คือกระจกวิเศษในห้องน้ำที่สามารถเป็นได้ทั้งกระจกส่องและจอโทรทัศน์ไปในตัว อีกทั้งยังมีห้องสตีมส่วนตัว ห้องครัวขนาดย่อม และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน นอกจากนี้ แขกที่จะเข้าพักที่โรงแรมหรูแห่งนี้ได้จะต้องเป็นแขกที่ได้รับเชิญเท่านั้น ซึ่งไก่กาอย่างฉันล่ะก็หมดสิทธิ์
มาถึงโรงแรมแห่งที่ 4 ที่เปิดให้บริการแล้วก็คือ “ฮาร์ดร็อก โฮเต็ล สิงคโปร์” (Hard Rock Hotel) ห้องพักสไตล์เก๋ๆ เหมาะสำหรับผู้ที่รักดนตรีและเสียงเพลง ซึ่งจะได้รับการต้อนรับแบบร็อคสตาร์ โดยที่โรงแรมนี้มีห้องพักจำนวน 360 ห้อง และยังเหมาะสำหรับครอบครัวด้วยเตียงคู่ และสามารถให้แขกเข้าพักได้ถึง 5 คนและสามารถดึงเตรียมเสริมสำหรับเด็กออกมาเพิ่มได้อีกด้วย
ฉันเห็นโรงแรมแต่ละแห่งแล้วดูช่างสบายน่าล้มตัวลงนอนเสียจริง แต่ก็ต้องอดใจเอาไว้เพราะต่อจากนี้จะเป็นการเปิดประสบการณ์ให้โลดแล่นไปในโลกของภาพยนตร์ที่ “ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ” ซึ่งเป็นสวนสนุกในเครือยูนิเวอร์แซลแห่งแรกที่เปิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อก้าวย่างเข้าไปภายในรู้สึกเหมือนฉันได้หลงเข้าไปอยู่ในโลกของภาพยนตร์ที่เคยดูบ่อยๆทางโทรทัศน์หรือในโรงภาพยนตร์เลยทีเดียว
โดยที่ ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ สิงคโปร์ แห่งนี้ได้นำเครื่องเล่นมารวบรวมไว้ถึง 24 ชนิด และที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งก็คือมีเครื่องเล่นถึง 18 ชนิด ที่ได้รับการออกแบบใหม่เพื่อสวนสนุกแห่งนี้เลยที่เดียวเชียว รับรองว่าไม่เหมือนใครในโลก ซึ่งภายในแบ่งออกเป็น 7 โซนมหัศจรรย์
ในโซนแรกคือ “ฮอลลีวูด” สูนย์กลางแห่งโลกบันเทิงในรูปแบบโรงละครบรอดเวย์ พร้อมทั้งร้านค้าและภัตตาคารเรียงรายไปตลอดถนนทั้งสาย อย่างเช่น ร้านเมลส์ไดรฟ์อิน จากหนังสุดฮิตอเมริกัน กราฟฟิตี้ ที่จัดจำลองเหมือนเป็นการขับรถเข้าไปสั่งอาหาร เมนูก็จะเป็นพวกเบอร์เกอร์ขนาดยักษ์ โค้ก ไอศกรีม วอฟเฟิล ในแบบอเมริกันขนานแท้
และที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของฮอลลีวูดก็คือ วอล์ก ออฟ เฟม (Walk of Fame) อันเลื่องชื่อ ที่มีชื่อคนดังมากมายหลายคนประดับไว้ที่พื้น ทำให้เหมือนกำลังเดินอยู่บนถนนฮอลลีวูดบูเลอวาร์ดจริงๆ รวมถึงร้านรวงต่างๆที่ตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ ถึงฉันจะไม่ได้เข้าไปจับจ่ายของที่ระลึกแต่ก็ขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกแทนก็แล้วกัน
จากโซนฮอลลีวูด ฉันเดินต่อไปที่โซน “นิวยอร์ก” เพื่อสัมผัสกลิ่นอายมหานครแห่งอเมริกาที่ฉันคุ้นเคย ไม่ใช่ว่าเคยไปบ่อยๆหรอกนะ แต่วิวเหล่านี้มักจะปรากฏในหนังหลายๆเรื่อง ทั้งมุมต่างๆในนิวยอร์ก ตึกระฟ้า หรือในหนังที่ต้องมีการขึ้นโรงขึ้นศาลก็มักจะมีตัวเอกเดินลงมาจากตึกที่มีบันไดสูงหลายชั้นแล้วก็มีพวกนักข่าวมารุมถามนั้นแหละ
นอกจากนี้ยังสามารถชมกองภาพยนตร์จำลองที่เราจะได้ตื่นตาไปกับเบื้อหลังการทำงานของสตีเวน สปีลเบิร์ก ผู้กำกับชื่อดังชาวอมเริกันเจ้าของ3 รางวัลออสการ์ และยังได้ตื่นเต้นไปกับเอฟเฟกต์ของภาพยนตร์ LIGHT! CAMERA! ACTION! อีกด้วย
โซนต่อไป “เมืองไซไฟ”ที่เราจะสามารถเดินทางข้ามเวลาสู่โลกแห่งอนาคตที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกนานาชนิด ซึ่งพลังงานต่างๆ ในโลกอนาคตนี้จะมาจากเครื่องผลิตพลังงานจากลมแสงแดดและน้ำ พร้อมกันนี้เราจะได้ตะลุยไปในสงครามใต้พิภพระหว่างมนุษยชาติและเหล่าไซลอน ในเครื่องเล่นแบทเทิลสตาร์ กาแลคติกา (Battlestar Galactica) ซึ่งเป็นรถไฟเหาะรางคู่ที่สูงที่สุดในโลกเลยทีเดียว
จากนั้นก็มาถึงโซน “อียิปต์โบราณ” ที่ดูแล้วก็รู้สึกตระการตากับปิระมิด โอเบลิสค์ที่ตั้งตระหง่านต้อนรับนักท่องเที่ยวท่ามกลางทะเลทรายแห่งอียิปต์ในยุค 1930 ยุคทองของการค้นพบอารยธรรมอียิปต์โบราณ ยุคที่สุสานฟาโรห์เพิ่งได้รับการค้นพบ และคำสาปทั้งหลายถูกปลดปล่อย ที่นี่เราจะได้ตามรอยนักโบราณคดีเพื่อไขปริศนาสฟิงค์ และผจญภัยไปกับเครื่องเล่นเดอะ รีเวนจ์ ออฟ เดอะมัมมี่ (Revenge of the Mummy) ที่รอท้าทายกับความกล้าหรือกลัวของเรา
ถัดไปได้แก่โซน “เดอะ ลอสต์ เวิลด์” ซึ่งแบ่งเป็น 2 ธีม คือ จูราสิค พาร์ค ดินแดนที่อิงมาจากภาพยนตร์ผจญภัยอมตะของสตีเวน สปีลเบิร์ก เรื่องจูราสสิก พาร์ค ราปิด แอดเวนเจอร์ (Jurassic Park Rapids Adventure) ด้วยเรือน้ำตกโฉมใหม่ล่าสุดที่จะพาเราไปร่วมผจญภัยในป่าเขตร้อนที่ที่ไดโนเสาร์ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง
และสำหรับธีม วอเตอร์เวิลด์ ก็จะมีการแสดงแอ๊กชั่นบนเวทีอันยิ่งใหญ่ที่จำลองผืนน้ำและระเบิดไฟด้วยเอฟเฟกต์สุดพิเศษ เหมือนกับที่เห็นในหนังสุดฮิตเรื่องวอเตอร์เวิลด์ (Water World) เลยเชียวหล่ะ
ต่อไปเป็นโซน “ฟาร์ ฟาร์ อเวย์”ซึ่งผู้ที่ชื่นชอบเจ้าตัวเขียวจะต้องรู้จักกันดี ในโซนนี้จะได้พบกับนครอันมั่งคั่งและตัวละครในเทพนิยายแฟรี่เทล และยังได้แวะเยี่ยมชมบ้านในหนองน้ำของเชร็ค ยักษ์ตัวเขียวผู้น่ารักจากการ์ตูนชื่อก้องโลกของค่ายดรีมเวิร์ค นอกจากนี้สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไฮไลต์ใหญ่โตก็คือ ปราสาทฟาร์ ฟาร์ อเวย์ แห่งแรกของโลก ซึ่งเป็นปราสาทที่อยู่ของเชร็คกับเจ้าหญิงฟีโอน่า อีกทั้งยังได้ทักทายตัวการ์ตูนในเรื่องเชร็คใน เชร็ค4-D และร่วมร้องเพลงไปกับเจ้าลาดองกี้ด้วย
และก็มาถึงโซนสุดท้าย “มาดากัสการ์” ในโซนนี้จะได้พบกับตัวการ์ตูนแอนิเมชันสุดน่ารักจากเรื่องมาดากัสการ์ ของค่ายดรีมเวิร์ก โดยจะได้ตื่นตาตื่นใจกับการฉายภาพแบบดิจิตอลเสียงจริงจากในหนัง มาดากัสการ์ ป่วนป่าอัฟริกา ทั้งยังได้ล่องเรือไปกับเหล่าเพนกวินสี่สหายที่ออกผจญภัยยังเกาะมาดากัสการ์
ซึ่งแม้ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ แห่งนี้จะยังไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยว walk in เข้าไปสัมผัสโลกในภาพยนตร์ แต่ก็คาดว่าจะเปิดได้ภายในช่วงซัมเมอร์นี้ ส่วนอีกหนึ่งแห่งที่เปิดอย่างเป็นทางการไปอย่างสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีนที่ผ่านมาก็คือ “กาสิโน” แบบครบวงจร ซึ่งถือเป็นแห่งแรกของสิงคโปร์ ซึ่งก็คงจะถูกอกถูกใจนักเสี่ยงโชคไม่ใช่น้อยเลยเชียวล่ะ
เอาเป็นว่าในครั้งนี้ฉันขอเล่าไว้เพียงเท่านี้ก่อน ในส่วนที่เหลือ เช่น อะควาเรียมขนาดยักษ์ พิพิธภัณฑ์ สวนน้ำ นั้นยังไม่มีกำหนดเปิดที่แน่นอน หาก “รีสอร์ตเวิลด์ เซ็นโตซ่า” เปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบ เชื่อว่าโลกเนรมิตรแห่งนี้คงจะเพิ่มความตื่นเต้นเร้าใจมากยิ่งขึ้น
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นประเทศบนเกาะเล็กๆ แต่สิงคโปร์ก็เป็นประเทศที่ไม่อาจมองข้ามได้ ทั้งบ้านเมืองที่มีภูมิทัศน์เป็นระเบียบ สวยงาม สะอาดสะอ้าน มีความเจริญทางเศรษฐกิจ และวันนี้สิงคโปร์มียังอภิมหาโปรเจกต์ทางการท่องเที่ยวที่หมายจะครองแชมป์แหล่งท่องเที่ยวอันดับแรกในเอเชีย และจะก้าวสู่แหล่งท่องเที่ยวระดับโลก นั่นก็คือ “รีสอร์ตเวิลด์ เซ็นโตซ่า” (Resorts World Sentosa)
โดยโปรเจกต์บิ๊กบึ้ม “รีสอร์ตเวิลด์ เซ็นโตซ่า” นี้ ตั้งอยู่บนเกาะเซ็นโตซ่า ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ของกลุ่มเก็นติ้ง กรุ๊ป ที่ได้ทุ่มงบราว 1.58 แสนล้านบาท บนเนื้อที่ 306.25 ไร่ และได้วางวัตถุประสงค์เพื่อต้องการจะสร้างจุดขายใหม่ทางการท่องเที่ยว ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเหนือจินตนาการระดับโลก และเจาะตลาดท่องเที่ยวทุกกลุ่ม
และในวันนี้ รีสอร์ตเวิลด์ เซ็นโตซ่า ได้เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้วในบางส่วน และจะทยอยเปิดส่วนที่เหลือไปเรื่อยๆ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเปิดอย่างเต็มรูปแบบได้ในปลายปี 2010 นี้ ฟังดูใหญ่โตอลังการแบบนี้หากใครอยากรู้ว่าโปรเจกต์นี้เป็นอย่างไรล่ะก็ ตามฉันมาเลย
ก่อนอื่นฉันจะพาไปรู้จักกับโรงแรมหรู 4 ใน 6 แห่งที่เปิดให้บริการแล้วภายในรีสอร์ทเวิลด์แห่งนี้กัน โดยแต่ละโรงแรมจะมีธีมที่แตกต่างกันไป โรงแรมแรก คือ “โฮเต็ล ไมเคิล” (Hotel Michael) ซึ่งเป็นโรงแรมแรกในโลกที่ออกแบบโดยสถาปนิกและนักออกแบบผลิตภัณฑ์ชื่อดังของโลก “ไมเคิล เกรฟ” ทั้งหมด ตั้งแต่ตัวอาคารภายนอก รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งด้วย
ภายในโฮเต็ลไมเคิลแห่งนี้ประกอบด้วยห้องอาหารระดับไฟน์ ไดนิ่ง สกายบาร์ และห้องพักทั้งหมด 470 ห้อง แบ่งเป็นประเภทดีลักซ์คลับรูม ดีลักซ์สวีท และเพรสซิเดนเซียลสวีท ถายในห้องตกแต่งด้วยกำแพงสีเมเปิล และประติมากรรมสไตล์ไมเคิล เกรฟที่มีลักษณะเน้นไปที่ทรงเลขาคณิต แบบทรงกรวย กลม กระบอกเป็นต้น พร้อมห้องอาบน้ำโมเสกสีคราม
ต่อไปเป็น “เฟสทีฟ โฮเต็ล” (Festive Hotel) ซึ่งเหมาะมากสำหรับครองครัวที่มีเด็ก เพราะภายในห้องพักจัดแบ่งโซนสำหรับผู้ใหญ่ และเตียงนอนสำหรับเด็กโดยเฉพาะ อีกทั้งยังมีโซฟาที่สามารถปรับให้เป็นเตียงเสริมได้ นอกจากนี้ในบริเวณทางเข้าห้องพักยังจัดตกแต่งด้วยลวดลายดอกกล้วยไม้สวยงามขนาดใหญ่ มีจำนวนห้องพัก 390 ห้อง ทั้งแบบดีลักซ์ ซูเปอร์ดีลักซ์ และสวีท ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในโรงแรมก็เช่น โซนสำหรับเด็ก ร้านอาหารสำหรับครอบครัว และโรงหนังสำหรับแสดงโชว์ของรีสอร์ตจำนวน 1,600 ที่นั่ง
สำหรับโรงแรมสุดหรูสไตล์ชั้นนำก็คือ “ครอกส์ฟอร์ด ทาวเวอร์” (Crockfords Tower) ที่ได้รับการออกแบบเป็นห้องสวีททั้งหมด 120 ห้อง พร้อมบริการผู้ช่วยส่วนตัวตลอด 24 ชั่วโมง การตกแต่งจะตกแต่งด้วยไม้สีเข้มและวัสดุที่หรูหราในโทนสีแดงและทอง ไฮไลต์ก็คือกระจกวิเศษในห้องน้ำที่สามารถเป็นได้ทั้งกระจกส่องและจอโทรทัศน์ไปในตัว อีกทั้งยังมีห้องสตีมส่วนตัว ห้องครัวขนาดย่อม และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน นอกจากนี้ แขกที่จะเข้าพักที่โรงแรมหรูแห่งนี้ได้จะต้องเป็นแขกที่ได้รับเชิญเท่านั้น ซึ่งไก่กาอย่างฉันล่ะก็หมดสิทธิ์
มาถึงโรงแรมแห่งที่ 4 ที่เปิดให้บริการแล้วก็คือ “ฮาร์ดร็อก โฮเต็ล สิงคโปร์” (Hard Rock Hotel) ห้องพักสไตล์เก๋ๆ เหมาะสำหรับผู้ที่รักดนตรีและเสียงเพลง ซึ่งจะได้รับการต้อนรับแบบร็อคสตาร์ โดยที่โรงแรมนี้มีห้องพักจำนวน 360 ห้อง และยังเหมาะสำหรับครอบครัวด้วยเตียงคู่ และสามารถให้แขกเข้าพักได้ถึง 5 คนและสามารถดึงเตรียมเสริมสำหรับเด็กออกมาเพิ่มได้อีกด้วย
ฉันเห็นโรงแรมแต่ละแห่งแล้วดูช่างสบายน่าล้มตัวลงนอนเสียจริง แต่ก็ต้องอดใจเอาไว้เพราะต่อจากนี้จะเป็นการเปิดประสบการณ์ให้โลดแล่นไปในโลกของภาพยนตร์ที่ “ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ” ซึ่งเป็นสวนสนุกในเครือยูนิเวอร์แซลแห่งแรกที่เปิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อก้าวย่างเข้าไปภายในรู้สึกเหมือนฉันได้หลงเข้าไปอยู่ในโลกของภาพยนตร์ที่เคยดูบ่อยๆทางโทรทัศน์หรือในโรงภาพยนตร์เลยทีเดียว
โดยที่ ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ สิงคโปร์ แห่งนี้ได้นำเครื่องเล่นมารวบรวมไว้ถึง 24 ชนิด และที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งก็คือมีเครื่องเล่นถึง 18 ชนิด ที่ได้รับการออกแบบใหม่เพื่อสวนสนุกแห่งนี้เลยที่เดียวเชียว รับรองว่าไม่เหมือนใครในโลก ซึ่งภายในแบ่งออกเป็น 7 โซนมหัศจรรย์
ในโซนแรกคือ “ฮอลลีวูด” สูนย์กลางแห่งโลกบันเทิงในรูปแบบโรงละครบรอดเวย์ พร้อมทั้งร้านค้าและภัตตาคารเรียงรายไปตลอดถนนทั้งสาย อย่างเช่น ร้านเมลส์ไดรฟ์อิน จากหนังสุดฮิตอเมริกัน กราฟฟิตี้ ที่จัดจำลองเหมือนเป็นการขับรถเข้าไปสั่งอาหาร เมนูก็จะเป็นพวกเบอร์เกอร์ขนาดยักษ์ โค้ก ไอศกรีม วอฟเฟิล ในแบบอเมริกันขนานแท้
และที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของฮอลลีวูดก็คือ วอล์ก ออฟ เฟม (Walk of Fame) อันเลื่องชื่อ ที่มีชื่อคนดังมากมายหลายคนประดับไว้ที่พื้น ทำให้เหมือนกำลังเดินอยู่บนถนนฮอลลีวูดบูเลอวาร์ดจริงๆ รวมถึงร้านรวงต่างๆที่ตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ ถึงฉันจะไม่ได้เข้าไปจับจ่ายของที่ระลึกแต่ก็ขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกแทนก็แล้วกัน
จากโซนฮอลลีวูด ฉันเดินต่อไปที่โซน “นิวยอร์ก” เพื่อสัมผัสกลิ่นอายมหานครแห่งอเมริกาที่ฉันคุ้นเคย ไม่ใช่ว่าเคยไปบ่อยๆหรอกนะ แต่วิวเหล่านี้มักจะปรากฏในหนังหลายๆเรื่อง ทั้งมุมต่างๆในนิวยอร์ก ตึกระฟ้า หรือในหนังที่ต้องมีการขึ้นโรงขึ้นศาลก็มักจะมีตัวเอกเดินลงมาจากตึกที่มีบันไดสูงหลายชั้นแล้วก็มีพวกนักข่าวมารุมถามนั้นแหละ
นอกจากนี้ยังสามารถชมกองภาพยนตร์จำลองที่เราจะได้ตื่นตาไปกับเบื้อหลังการทำงานของสตีเวน สปีลเบิร์ก ผู้กำกับชื่อดังชาวอมเริกันเจ้าของ3 รางวัลออสการ์ และยังได้ตื่นเต้นไปกับเอฟเฟกต์ของภาพยนตร์ LIGHT! CAMERA! ACTION! อีกด้วย
โซนต่อไป “เมืองไซไฟ”ที่เราจะสามารถเดินทางข้ามเวลาสู่โลกแห่งอนาคตที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกนานาชนิด ซึ่งพลังงานต่างๆ ในโลกอนาคตนี้จะมาจากเครื่องผลิตพลังงานจากลมแสงแดดและน้ำ พร้อมกันนี้เราจะได้ตะลุยไปในสงครามใต้พิภพระหว่างมนุษยชาติและเหล่าไซลอน ในเครื่องเล่นแบทเทิลสตาร์ กาแลคติกา (Battlestar Galactica) ซึ่งเป็นรถไฟเหาะรางคู่ที่สูงที่สุดในโลกเลยทีเดียว
จากนั้นก็มาถึงโซน “อียิปต์โบราณ” ที่ดูแล้วก็รู้สึกตระการตากับปิระมิด โอเบลิสค์ที่ตั้งตระหง่านต้อนรับนักท่องเที่ยวท่ามกลางทะเลทรายแห่งอียิปต์ในยุค 1930 ยุคทองของการค้นพบอารยธรรมอียิปต์โบราณ ยุคที่สุสานฟาโรห์เพิ่งได้รับการค้นพบ และคำสาปทั้งหลายถูกปลดปล่อย ที่นี่เราจะได้ตามรอยนักโบราณคดีเพื่อไขปริศนาสฟิงค์ และผจญภัยไปกับเครื่องเล่นเดอะ รีเวนจ์ ออฟ เดอะมัมมี่ (Revenge of the Mummy) ที่รอท้าทายกับความกล้าหรือกลัวของเรา
ถัดไปได้แก่โซน “เดอะ ลอสต์ เวิลด์” ซึ่งแบ่งเป็น 2 ธีม คือ จูราสิค พาร์ค ดินแดนที่อิงมาจากภาพยนตร์ผจญภัยอมตะของสตีเวน สปีลเบิร์ก เรื่องจูราสสิก พาร์ค ราปิด แอดเวนเจอร์ (Jurassic Park Rapids Adventure) ด้วยเรือน้ำตกโฉมใหม่ล่าสุดที่จะพาเราไปร่วมผจญภัยในป่าเขตร้อนที่ที่ไดโนเสาร์ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง
และสำหรับธีม วอเตอร์เวิลด์ ก็จะมีการแสดงแอ๊กชั่นบนเวทีอันยิ่งใหญ่ที่จำลองผืนน้ำและระเบิดไฟด้วยเอฟเฟกต์สุดพิเศษ เหมือนกับที่เห็นในหนังสุดฮิตเรื่องวอเตอร์เวิลด์ (Water World) เลยเชียวหล่ะ
ต่อไปเป็นโซน “ฟาร์ ฟาร์ อเวย์”ซึ่งผู้ที่ชื่นชอบเจ้าตัวเขียวจะต้องรู้จักกันดี ในโซนนี้จะได้พบกับนครอันมั่งคั่งและตัวละครในเทพนิยายแฟรี่เทล และยังได้แวะเยี่ยมชมบ้านในหนองน้ำของเชร็ค ยักษ์ตัวเขียวผู้น่ารักจากการ์ตูนชื่อก้องโลกของค่ายดรีมเวิร์ค นอกจากนี้สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไฮไลต์ใหญ่โตก็คือ ปราสาทฟาร์ ฟาร์ อเวย์ แห่งแรกของโลก ซึ่งเป็นปราสาทที่อยู่ของเชร็คกับเจ้าหญิงฟีโอน่า อีกทั้งยังได้ทักทายตัวการ์ตูนในเรื่องเชร็คใน เชร็ค4-D และร่วมร้องเพลงไปกับเจ้าลาดองกี้ด้วย
และก็มาถึงโซนสุดท้าย “มาดากัสการ์” ในโซนนี้จะได้พบกับตัวการ์ตูนแอนิเมชันสุดน่ารักจากเรื่องมาดากัสการ์ ของค่ายดรีมเวิร์ก โดยจะได้ตื่นตาตื่นใจกับการฉายภาพแบบดิจิตอลเสียงจริงจากในหนัง มาดากัสการ์ ป่วนป่าอัฟริกา ทั้งยังได้ล่องเรือไปกับเหล่าเพนกวินสี่สหายที่ออกผจญภัยยังเกาะมาดากัสการ์
ซึ่งแม้ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ แห่งนี้จะยังไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยว walk in เข้าไปสัมผัสโลกในภาพยนตร์ แต่ก็คาดว่าจะเปิดได้ภายในช่วงซัมเมอร์นี้ ส่วนอีกหนึ่งแห่งที่เปิดอย่างเป็นทางการไปอย่างสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีนที่ผ่านมาก็คือ “กาสิโน” แบบครบวงจร ซึ่งถือเป็นแห่งแรกของสิงคโปร์ ซึ่งก็คงจะถูกอกถูกใจนักเสี่ยงโชคไม่ใช่น้อยเลยเชียวล่ะ
เอาเป็นว่าในครั้งนี้ฉันขอเล่าไว้เพียงเท่านี้ก่อน ในส่วนที่เหลือ เช่น อะควาเรียมขนาดยักษ์ พิพิธภัณฑ์ สวนน้ำ นั้นยังไม่มีกำหนดเปิดที่แน่นอน หาก “รีสอร์ตเวิลด์ เซ็นโตซ่า” เปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบ เชื่อว่าโลกเนรมิตรแห่งนี้คงจะเพิ่มความตื่นเต้นเร้าใจมากยิ่งขึ้น
