xs
xsm
sm
md
lg

อลังการ"มอหินขาว "สโตนเฮนจ์เมืองไทย ท่องไพรโค้งสุดท้าย "ทุ่งดอกกระเจียว" สุดเสียวที่"ผาหำหด"!!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทุ่งดอกกระเจียวอุทยานฯไทรทอง
เทศกาลหยิบหมอกหยอกดอกกระเจียวของชัยภูมิใกล้จะจบลงในช่วงสิ้นเดือนสิงหาคมนี้หลังจากที่เบ่งบานกันมาตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน หลายๆคนคงได้ยลความงามของดอกไม้ชนิดนี้กันไปบ้างแล้ว แต่สำหรับใครที่ยังไม่ได้มาเยือนก็ต้องรีบกันหน่อย เพราะในขณะนี้ถือเป็นโค้งสุดท้ายของการชมดอกกระเจียวก่อนที่ดอกไม้จะโรยราไปจนหมด

ในทริปนี้ "ตะลอนเที่ยว" เลือกมาชมดอกกระเจียวที่ "อุทยานแห่งชาติไทรทอง" ในอำเภอหนองบัวระเหว (บัว-ระ-เหว๋) เพราะทุ่งดอกกระเจียวที่ป่าหินงามเราไปมาแล้วเมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงที่ดอกกระเจียวป่าหินงามกำลังบานได้ที่ อีกอย่างตอนนี้ทุ่งดอกกระเจียวป่าหินงามร่วงโรยไปเยอะแล้ว เราจึงเบนเป้ามาที่อุทยานฯไทรทองแทน
เสียวกับความสูงที่ผาหำหด
ทุ่งดอกกระเจียวที่นี่บานช้าและร่วงโรยช้ากว่าที่ป่าหินงาม แถมยังมีทั้งดอกกระเจียวสีชมพูสวยสดใส และดอกกระเจียวสีขาวดอกเล็กๆน่ารักที่หายากมากให้ชมกันจำนวนมากที่นี่ที่เดียว

สำหรับเส้นทางการไปชมทุ่งดอกกระเจียวไทรทองบางช่วงค่อนข้างวิบาก นักท่องเที่ยวที่อยากขึ้นไปชมดอกกระเจียวจึงต้องจอดรถไว้ตรงที่ทำการอุทยาน แล้วเหมารถกระบะโฟร์วีลของทางอุทยานต่อขึ้นไป แล้วจึงเดินไปตามเส้นทางเดินในป่าตามหาดอกกระเจียวกันไป แต่ก่อนจะได้ชมดอกไม้ ต้องผ่านแนวหน้าผาซึ่งเป็นหน้าผาตามสันเขาพังเหยด้านตะวันตก ซึ่งก็มีหน้าผาให้แวะถ่ายรูปกันหลายผา เช่น ผาพ่อเมือง ผาเพลินใจ ผาอาทิตย์อัสดง ผาสวนสวรรค์ แต่หน้าผาที่ขึ้นชื่อที่สุดของอุทยานฯไทรทองนี้ก็ต้องยกให้ "ผาหำหด" ฟังชื่อแล้วก็ไม่ต้องบรรยายถึงความเสียวและความสูง แต่ใครจะเสียวมากเสียวน้อยต้องลองมาพิสูจน์ด้วยตัวเอง

สำหรับดอกกระเจียวอันเป็นไฮไลต์ที่เรามาชมกันในวันนี้มีทั้งหมด 5 ทุ่งใหญ่ๆ บางทุ่งเริ่มเหี่ยวโรยรา แต่บางทุ่งก็กำลังเริ่มเบ่งบาน สำหรับดอกกระเจียวสีชมพูนั้นก้านดอกจะยาวชูช่อแต่งแต้มทุ่งหญ้าสีเขียวให้ดูมีชีวิตชีวา แต่ดอกกระเจียวสีขาวจะมีขนาดเล็กอยู่เรี่ยๆกับพื้นดิน เมื่อขึ้นรวมกันอยู่ในบริเวณกว้างจะดูคล้ายดวงดาวสีขาวประดับอยู่บนพื้นดินดูงดงามไปอีกแบบหนึ่ง

ชมความงามของดอกกระเจียวเหล่านี้แล้วก็ให้นึกโมโหพวกฝรั่งต่างชาติที่คิดจะจดสิทธิบัตรดอกกระเจียวไปเป็นของตัวเอง ทั้งที่ชื่อเรียกก็บอกอยู่แล้วว่าเป็น Siam Tulip งอกงามเบ่งบานอยู่ในเมืองไทยมานานตั้งไม่รู้เท่าไรแล้ว ถ้ายอมให้ฝรั่งเอาไปจดสิทธิบัตรก็เสียชื่อพี่ไทยแย่
ชุ่มฉ่ำสายน้ำที่น้ำตกตาดโตน
เดินถ่ายรูปกับดอกกระเจียวและชมทิวทัศน์สวยๆ เสร็จแล้ว เมื่อกลับมาที่ทำการอุทยานเบื้องล่างอีกครั้งก็อย่าลืมแวะไปพักผ่อนกับสายน้ำเย็นๆที่น้ำตกไทรทอง น้ำตกที่มีความสูงประมาณ 5 เมตร กว้าง 80 เมตร ในช่วงหน้าน้ำสายน้ำตกจะแผ่กว้างตกลงมาเป็นม่านน้ำงดงาม มีแอ่งน้ำใหญ่อยู่บริเวณหน้าน้ำตก เรียกว่าวังไทร สามารถลงเล่นน้ำกันได้

แต่สำหรับใครที่อาจจะมาช้าไม่ทันได้เห็นดอกกระเจียว ก็ใช่ว่าจะมองข้ามจังหวัดชัยภูมิไปเสีย เพราะที่นี่เขายังมีสถานที่ท่องเที่ยวเด็ดๆน่าสนใจอีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็น "น้ำตกตาดโตน" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติตาดโตน คำว่าตาดนั้นก็หมายถึงลานหินกว้างใหญ่ ส่วนคำว่าโตนนั้นก็หมายถึงลักษณะอาการที่สายน้ำตกลงไปเบื้องล่าง ที่น้ำตกแห่งนี้มีน้ำไหลตลอดปี ไม่เคยแห้งแม้ในช่วงหน้าแล้ง เพราะน้ำนั้นจะถูกปล่อยจากเขื่อนประทาวซึ่งอยู่เหนือน้ำตกขึ้นไป นักท่องเที่ยวจึงสามารถมาเที่ยวที่นี่ได้ตลอดปี อีกทั้งบริเวณนี้ยังมีศาลเจ้าพ่อตาดโตน (ศาลปู่ด้วย) ซึ่งเป็นที่เคารพของชาวบ้านในแถบนั้นด้วย
มอหินขาว สโตนเฮนจ์เมืองไทย
ส่วนในช่วงเย็นย่ำ แดดร่มลมตก ก็เป็นเวลาที่เราควรจะมาชม "มอหินขาว" สโตนเฮนจ์เมืองไทย ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา ที่มีความแปลกตาด้วยแท่งหินขนาดยักษ์ 5 ต้นตั้งเรียงรายท่ามกลางท้องทุ่งสีเขียว มอหินขาวนั้นเพิ่งจะเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวมาได้ไม่นานนัก เมื่อก่อนนั้นพื้นที่บริเวณนี้เป็นป่า มีคนมาบุกเบิกทำไร่ เห็นมีก้อนหินขนาดใหญ่อยู่ทั่วไปแต่ก็ไม่ได้เป็นที่สนใจอะไร แต่เมื่อได้มีการสำรวจโดยกรมทรัพยากรธรณีแล้วก็พบว่า ทุ่งหินเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นหินทรายสีขาว นอกจากนี้ก็ยังมี หินทรายแป้ง หินโคลน หินทรายสีม่วง ซึ่งสันนิษฐานว่าก้อนหินขนาดยักษ์เหล่านี้มีอายุประมาณ 175-195 ล้านปีและเกิดจากการสะสมตัวของตะกอนทรายแป้งและดินเหนียว

และบริเวณมอหินขาวนี้ยังมีความลึกลับตรงที่ในคืนวันพระ จะมีชาวบ้านเห็นแสงสีขาวส่องขึ้นมาบริเวณก้อนหินใหญ่ 5 ก้อน คนเฒ่าคนแก่สมัยนั้นเลยเรียกที่นี่ว่ามอหินขาว
ศาลเจ้าพ่อพระยาแล ที่เคารพศรัทธาของชาวเมือง
นอกจากเสาหินยักษ์ทั้ง 5 ต้นแล้ว ในบริเวณใกล้เคียงก็ยังมีดงหิน ซึ่งมีก้อนหินขนาดใหญ่รูปทรงต่างๆ ตั้งอยู่กระจัดกระจาย เราสามารถปีนขึ้นไปชมวิวด้านบนหินได้ อีกทั้งยังมีหน้าผาสูงที่เป็นจุดชมวิวอันสวยงาม เช่น ผากล้วยไม้ ที่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกได้เป็นอย่างดี

ท่องเที่ยวธรรมชาติกันไปจนจุใจแล้ว ลองไปชมแหล่งท่องเที่ยววิถีชีวิตและประวัติศาสตร์กันบ้างดีกว่า ก่อนอื่นเลยเราไปรู้จักกับผู้ที่ได้รับการเคารพยกย่องจากชาวชัยภูมิทั้งจังหวัดกันก่อน นั่นก็คือ "พระยาภักดีชุมพล (แล)" หรือที่ชาวชัยภูมิเรียกกันว่าเจ้าพ่อพระยาแล (พญาแล) ท่านผู้นี้เป็นเจ้าเมืองชัยภูมิคนแรก และแม้ท่านจะเป็นชาวเวียงจันท์ แต่ก็มีความจงรักภักดีต่อกษัตริย์แห่งเมืองสยาม ดังเมื่อเจ้าอนุวงศ์แห่งเมืองเวียงจันท์ก่อการกบฏขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 พระยาภักดีชุมพลพร้อมด้วยเจ้าเมืองใกล้เคียงได้ยกทัพออกไปสมทบกับคุณหญิงโมตีกระหนาบทัพเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์จนแตกพ่ายไป
ผ้าไหมบ้านเขว้า ของดีเมืองชัยภูมิ
ฝ่ายกองทัพลาวส่วนหนึ่งล่าถอยจากเมืองนครราชสีมาเข้ายึดเมืองชัยภูมิไว้และเกลี้ยกล่อมให้พระยาแลเข้าร่วมเป็นกบฏด้วย แต่พระยาภักดีชุมพลไม่ยอม เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์เกิดความแค้น จับตัวพระยาภักดีชุมพลมาประหารชีวิตที่บริเวณใต้ต้นมะขามใหญ่ริมหนองปลาเฒ่า ซึ่งต่อมาบริเวณนี้ได้จัดสร้างเป็น "ศาลเจ้าพ่อพระยาแล" ที่ชาวชัยภูมิให้ความเคารพ อีกทั้งบริเวณวงเวียนกลางเมืองชัยภูมิก็ยังมีอนุสาวรีย์ของท่านตั้งอยู่ด้วย

จากนั้นเราไปดูของดีของชัยภูมิที่อำเภอบ้านเขว้ากันบ้าง ที่นี่เขามีชื่อเสียงในเรื่องของการทอผ้าไหมและผ้าฝ้ายคุณภาพดี ลวดลายสวยงาม โดยเฉพาะผ้าไหมมัดหมี่ ซึ่งเป็นที่รู้จักแพร่หลายในชื่อ "ผ้าไหมบ้านเขว้า" เป็นที่นิยมสำหรับผู้ใช้ผ้าพื้นเมือง โดยสียอดนิยมของผ้าไหมบ้านเขว้า คือสีน้ำเงิน สีน้ำทะเล และสีเทา และลายผ้าที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักของชาวไทย และชาวต่างประเทศ คือผ้าไหมมัดหมี่ลายขอน้อย เราสามารถมาเรียนรู้เรื่องราวของผ้าไหมบ้านเขว้ากันได้ที่ศูนย์ส่งเสริมผ้าไหมจังหวัดชัยภูมิ ซึ่งจะมีการสาธิตการทอผ้า รวมทั้งกระบวนการต่างๆ กว่าจะออกมาเป็นผ้าหนึ่งผืน และกิจกรรมยอดนิยมก็คือการเลือกซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์จากผ้าฝ้ายและผ้าไหม ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า ผ้าขาวม้า ฯลฯ
พระเจ้าองค์ตื้อ ที่วัดศิลาอาสน์
ช้อปปิ้งสบายใจกันแล้วคราวนี้ไปไหว้พระกันที่ "วัดศิลาอาสน์ ภูพระ" ที่ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ในบริเวณวัดจะมีเพิงผาหินจำหลักเป็นภาพพระพุทธรูปองค์ใหญ่ หน้าตักกว้าง 5 ฟุต ปางสมาธิเพชร พระหัตถ์ขวาวางอยู่ที่พระเพลา พระหัตถ์ซ้ายพาดอยู่บนพระชงฆ์ ชาวบ้านเรียกท่านว่า "พระเจ้าองค์ตื้อ" และบริเวณใกล้เคียงก็ยังมีก้อนหินที่สลักเป็นรูปพระสาวกอีก 7 องค์ด้วยกัน มีผู้สันนิษฐานว่าพระพุทธรูปสลักจากหินเหล่านี้มีอายุอยู่ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 18-19 คนที่ไปไหว้มักจะขอพระเจ้าองค์ตื้อในเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ และอีกอย่างหนึ่งคือขอบุตรจากท่าน

และโบราณสถานอีกแห่งหนึ่งที่สำคัญปิดท้ายทริปของเมืองชัยภูมิก็คือ "ปรางค์กู่" ปราสาทหินสมัยขอมที่ใช้เป็นอโรคยาศาล หรือสถานพยาบาลที่สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 18 มีปรางค์ประธานอยู่ตรงกลาง 1 องค์ วิหารหรือบรรณาลัยอยู่ด้านหน้า 1 หลัง ล้อมรอบด้วยกำแพงศิลาแลง บริเวณประตูหลอกด้านทิศเหนือยังคงมีทับหลังประดับอยู่เป็นภาพพระพุทธรูปประทับนั่งปางสมาธิเหนือหน้ากาลอีกด้วย
ปรางค์กู่ โบราณสถานสำคัญของเมืองชัยภูมิ
*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 

สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในจังหวัดชัยภูมิได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครราชสีมา โทร.0-4421-3666, 0-4421-3030
กำลังโหลดความคิดเห็น