xs
xsm
sm
md
lg

"เสียวเก็บกด" กับความเชื่อที่ถ้ำเลฯ /ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี
ความงดงามของหินงอกหินย้อย
“เสียวเก็บกด”

จู่ๆเพื่อนผมคนหนึ่งก็โพล่งขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยหลังมันรู้ว่าเราจะไปเที่ยวถ้ำเลเขากอบกัน

ไอ้เพื่อนคนนี้ที่หน้าตาดูเหมือนพวกถ้ำมองมากกว่าพวกชอบเที่ยวถ้ำ(ตามธรรมชาติ)มันเห็นผมทำหน้างงๆ จึงรีบขยายความว่า

“คนที่นิยมความเสี่ยง ความหวาดเสียว ความท้าทาย แต่เก็บเอาไว้ไม่มีโอกาสได้ระบายออก ถ้าได้มาลอดถ้ำเลเขากอบ รับรองว่าความเสียวที่เก็บกดไว้จะหายเป็นปลิดทิ้ง”

จริงดังว่า เพราะหลังจากใครและใครหลายคนออกมาจากการเที่ยวถ้ำเลเขากอบต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “มันเสียวสุดยอดเลย”

…ความเสียว

“ข้างนอกขรุขระ ข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง”

สำนวนนี้มันใช้ได้ดีกับถ้ำเลเขากอบไม่น้อย เพราะบรรยากาศข้างนอกถ้ำที่เป็นภูเขาหินปูน ดูธรรมด๊า ธรรมดา แต่ข้างในถ้ำกลับมีความงามปานเนรมิตให้เชยชมกัน โดยการเที่ยวถ้ำเลเขากอบ ที่บ้านเขากอบ ต.เขากอบ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง นั้น จะต้องนั่งเรือท้องแบนลำเล็กเข้าไป(ลำละ 200 บาท นั่งได้ไม่เกิน 6 คน)

ระหว่างทางช่วงแรกจะผ่านสวนยางอันร่มรื่น ต่อจากนั้นเรือจะพาลอดใต้ภูเขาเข้าไปในโพรงถ้ำ อันเป็นจุดเริ่มต้นของความหวาดเสียวเล็กๆ เพราะต้องหมอบ ต้องก้มตัวกันพอหอมปากหอมคอ
หินรูปฟัน
จากนั้นเรือจะไปจอดเป็นจุดๆในถ้ำย่อยต่างๆให้เราเที่ยวชมความงามกัน เริ่มจาก ถ้ำคนธรรพ์ ที่มีหินงอกหินย้อยขนาดใหญ่ย้อยลงมาเรียงซ้อนกันเป็นริ้วๆแลดูสวยงามคล้ายม่านละครโบราณ แล้วต่อด้วยการลงเรือไปขึ้นที่ถ้ำรากไทร ซึ่งมีไฮไลท์เป็นรากไทรยาวใหญ่ชอนไชมาจากบนยอดเขาแทงทะลุถ้ำลงมาดูคล้ายงูยักษ์อนาคอนด้า ในขณะที่ถ้ำเจ้าสาว จุดเดินเที่ยวจุดสุดท้ายนั้นมีห้องเจ้าสาวที่มีแท่นหินคล้ายเตียงเป็นสิ่งโดดเด่นประจำถ้ำ

นอกจากไฮไลท์ประจำถ้ำย่อยแล้ว ในถ้ำเลฯยังมีห้องโถงใหญ่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ประจำถ้ำ รวมถึงหินงอกหินย้อยสวยๆงามๆหลากรูปแบบหลายสไตล์ให้จินตนาการกันอีกเพียบ อาทิ หินเป็ดย่าง(หัวสุกเกรียม) หินปลา หินช้าง หินเจ้าแม่กวนอิม หินลูกชิ้นปิ้ง(ชุบแป้งทอด)จำนวนมาก หินตาหินยายที่ดูแล้วชวนสยึ๋ยกึ๋ยส์ทั้งคู่ หินรูปฟันที่คุณผู้หญิงอย่าเผลอไปโดนเข้าเชียว เพราะจะถูกเพื่อนๆแซวว่า"โดนฟันในถ้ำ"เอาได้ง่ายๆ
เสียวสุดๆกับช่วงลอดถ้ำลอด
ยัง...ยัง...ของดีถ้ำเลฯยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะ“ถ้ำลอด” ด่านสุดท้ายนั้น ถือเป็นไฮไลท์เหนือไฮไลท์ที่ใครได้เข้าแล้วออกมาแล้วต่างต้องจดจำไปตามๆกัน

ใต้ถ้ำลอดไม่มีจุดให้ขึ้นไปชมความงาม มีแต่เพดานถ้ำเตี้ยๆและผนังถ้ำแคบๆในบางช่วง แต่ที่หลายคนต้องจดจำเป็นแม่นมั่นนั่นเพราะมันโค-ตะ-ระ เสียว ชนิดที่พวกเสียวเก็บกดเมื่อได้มาเจอคงจะสะใจบ้างไม่มากก็น้อย(หรือไม่ก็เข็ดขยาดไปเลย)

ใต้ถ้ำลอดชาวบ้านเปรียบดังท้องมังกร เมื่อเรานั่งเรือฝ่าเข้าไปมันเหมือนเข้าไปไหนก็ไม่รู้ ทั้งแคบ ทั้งเตี้ย ทั้งกด ทั้งบีบ แถมยังต้องหมอบ ต้องก้ม กันในหลายๆช่วง แต่ที่สุดๆไปเลยก็เห็นจะเป็นช่วงที่เราต้องนอนหงายราบไปกับเรือแล้วให้นายหัวเรือ นายท้ายเรือ ใช้มือบังคับพาเรือให้พ้นผ่านถ้ำลอดออกไป

ช่วงนี้ใครได้มาสัมผัสจะรู้ว่าเพดานถ้ำมันต่ำเตี้ยมากๆ บางช่วงต่ำถึงขนาดเพดานถ้ำเฉียดปลายจมูกแค่ไม่ถึง 2 นิ้ว บางคนแค่หายใจแรงๆกลิ่นยังสะท้อนกลับมาเลย แต่ก็นั่นแหละมันคือความเสียวสุดๆที่ถ้ำเลฯเขาจัดให้ ชนิดที่ใคร“รอด”ถ้ำลอดออกมาได้เป็นต้องเป่าปากโล่งใจกันทั้งนั้น

แต่ที่ไม่น่าเชื่อก็คือไอ้ความเสียว(สุดๆ)แบบนี้ มันกลับเป็นแม่เหล็กชั้นดีดึงดูดให้คนมาเที่ยวถ้ำเลเขากอบกันไม่ได้ขาด

แน่นอนว่าใครและใครบางคนในนั้นย่อมมีพวกเสียวเก็บกดรวมอยู่ด้วย
ลอดถ้ำเจ้าสาว ตามความเชื่อ
...ความเชื่อ

ตัวผมเองแม้ไม่ใช่พวกเสียวเก็บกด เพราะมีโอกาสได้ระบายความหวาดเสียวจากการเที่ยวผจญภัยอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ยอมรับว่า ไม่ว่าจะมาเที่ยวถ้ำเลฯกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ช่วงที่รอดถ้ำลอดยังไงมันก็ยังไงความเสียวสุดๆแบบเสมอต้นเสมอปลายอยู่ดี

นอกจากความเสียว ความสวย ความงามแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นจุดดึงดูดให้คนมาเที่ยวถ้ำเลฯกันจำนวนมากก็คือ “ความเชื่อ”เพราะคนส่วนหนึ่งเชื่อว่า การลอดผ่านใต้ถ้ำเลฯเปรียบดังการลอดตัวมังกรที่ช่วยเสริมส่งความเป็นสิริมงคลให้ชีวิต โดยจะลอดจากหางไปยังท้องมังกร ผ่านหัวใจมังกร ผ่านถ้ำลอดที่เป็นส่วนหัวไปออกยังปากมังกรที่ปากถ้ำ และนั่นจึงทำให้คนที่มีความเชื่อในเรื่องนี้โดยเฉพาะคนจีนในมาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน เดินทางมาลอดถ้ำเลฯกันเป็นจำนวนมาก
โรยแป้งรากไทรมากไปหน่อยจนเห็ดราขึ้น
ในขณะที่หลายจุดในถ้ำแห่งนี้ต่างก็มีความเชื่อประกอบการท่องเที่ยวที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง อาทิ ความเชื่อเรื่องการลอดท้องช้าง ณ หินรูปช้างที่(เชื่อว่า)ใครลอดแล้วจะโชคดี ความเชื่อเรื่องการลอดประตูถ้ำเจ้าสาวที่มีลักษณะคล้ายผ้าม่านกั้นห้อง ซึ่งเชื่อกันว่า ถ้าใครยังไม่มีคู่ให้อธิษฐานแล้วลอดช่องตรงกลางก็จะได้พบเนื้อคู่ในเร็ววัน ส่วนใครที่มีคู่อยู่แล้วแต่ต้องให้ความรักอยู่ยงคงกระพันให้อธิษฐานแล้วลอดช่องซ้าย ส่วนผู้ใดนิยมการมีกิ๊ก(คือมีคู่อยู่แล้วแต่อย่างมีเพิ่ม)ให้ลอดช่องทางขวา

เรื่องแบบนี้สุดแท้แต่ใครจะเชื่อขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคน แต่ว่าก็เป็นความเชื่อด้านบวกที่ไม่เสียหายอะไร(ยกเว้นเรื่องมีกิ๊ก ถ้าใครถูกจับได้คงปางตายแหงมๆ)

แต่กับความเชื่ออีกบางประเภทที่ผมพบที่ถ้ำเลฯนี่สิ มันน่าคิดว่าสมควรหรือไม่เพราะมันค่อนข้างสุ่มเสี่ยงเปราะบางต่อระบบนิเวศของถ้ำ ดังเช่น หิน(แท่น)เตียงเจ้าสาวในถ้ำเจ้าสาวที่ ปัจจุบันถือว่าเปลี่ยนลักษณะไปมากเพราะถูกชาวบ้านมาบนบานด้วยการนำแป้งไปโรยจนขาวโพลน หรืออย่างที่รากไทรอนาคอนด้าตัวใหญ่ในถ้ำรากไทรนี่ก็ถูกแป้งโรยขาวโพลนเช่นกัน เพราะหลายคนเชื่อว่ารากไทรยักษ์นี่ให้เลขเด็ดนัก จึงนำแป้งไปโรยแล้วขูดหาเลขเด็ดจนทำให้รากไทรในปัจจุปันดูขาวโพลนเป็นหย่อมๆ แถมบางจุดยังมีเห็ด รา ขึ้นมาจากผงแป้งอีกต่างหาก

หรือความเชื่อเรื่องพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ห้องโถงที่มีคนนำพวงมาลัย ผ้าแพรสี ทองคำเปลว ธูป เทียน ไปถวายและบูชา ณ พื้นที่จุดนี้กันพอสมควร ซึ่งการแสดงความศรัทธาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพื้นที่บริเวณนี้ต้องพิจารณาดูให้ดี เพราะหินบางก้อนเป็นหินงอกที่ยังมีการเจริญเติบโต การไปทำอะไรต่างๆอาจมีผลต่อการเจริญเติบโตของหินงอกได้
สภาพหินงอกหินย้อยที่เลื่อมโทรม ถูกทำลาย ซึ่งสาเหตุหนึ่งมาจากการกระทำของนักท่องเที่ยว
แต่กับความเชื่อข้างต้นนั้นยังถือว่าไม่น่ากลัวเท่ากับ“ความจริง”ที่เกิดจาก“ความไม่เชื่อ” ผสมความอยากลอง ความมือบอน ความเข้าใจผิด ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จนกลายเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับถ้ำจำนวนมาก นั่นก็คือ นักท่องเที่ยวชอบ “จับ แตะ สัมผัส” บรรดาหินงอกหินย้อยต่างๆ ซึ่งหินบางประเภทสามารถจับได้แต่กับหินบางประเภทโดยเฉพาะ“หินเป็น” ที่เห็นเป็นติ่งตรงปลายมีหยดน้ำใสๆนั้น ห้ามถูกโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นจะทำให้หินหยุดเจริญเติบโตกลายเป็นหินตายทันที

“การเที่ยวถ้ำเลฯ ผมจะบอกกับนักท่องเที่ยวเสมอว่า ขอความกรุณาดูแต่ตา อย่าเอามือไปแตะหินงอกหินย้อยเด็ดขาด เพราะถ้าเราเอามือไปโดน ไขมันในมือเราจะขัดขวางการก่อตัวของหิน ทำให้มันหยุดการเติบโต”

พนักงานพายเรือที่ทำหน้าที่ไกด์คนหนึ่งเล่าให้ผมฟัง แต่ก็ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาบอกจะไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไหร่ เพราะจากการเข้าชมถ้ำเลฯในยุคแรกๆที่เปิดใหม่เทียบกับการเข้าชมถ้ำเลฯหนล่าสุด ผมสังเกตเห็นว่า หินงอกหินย้อยหลายจุดในถ้ำเลฯหยุดเติบโต บางช่วงหินงอกหินย้อยดูเสื่อมโทรมลงอย่างน่าใจหาย แถมหินบางช่วงยังถูกเด็ดหัก ทำลาย อย่างชัดเจน ซึ่งเรื่องนี้สาเหตุหลักมาจากการกระทำของใครบางคนที่มีความเชื่อว่า “(กู)ไม่เชื่อ(ฟัง)ไกด์” นั่นเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น