ระยองจัดงาน “เทศกาลผลไม้ สีสันราย็อง” ระหว่างวันที่ 15-19 พฤษภาคมนี้ ณ ตลาดกลางตะพง อ.เมือง จ.ระยอง หวังส่งเสริมการขายและการท่องเที่ยว โดยเน้นผลไม้หลักของจังหวัดคือ ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง และสับปะรด
ระยองเคยเป็นจังหวัดที่โด่งดังในเรื่องการเกษตร โดยเฉพาะผลไม้มายาวนาน เพียงแต่ระยะหลังมีการเติบโตของภาคเศรษฐกิจอื่น อาทิ การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรม เข้ามาเสริม ทำให้ภาพเมืองผลไม้ของระยองค่อยๆซบเซาลง โดยเฉพาะพื้นที่การปลูกไม้ผลลดลง โดยหันไปปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นแทนจากปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำ
นายสยุมพร ลิ่มไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดระยองคนใหม่ กล่าวว่า เดิมทีเดียวเศรษฐกิจระยองเป็นเศรษฐกิจ 2 ขาคือการเกษตร กับ การท่องเที่ยว แต่เมื่อ 30 ปีที่แล้วที่ขุดพบก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย หรือยุคโชติช่วงชัชวาล สมัยพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ระยองก็พัฒนาไปสู่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่มีการลงทุนนับแสนๆล้านบาท และพลิกโฉมหน้าระยองเป็นเมิองอุตสาหกรรมเต็มรูปแบบ และกลายเป็นเศรษฐกิจ 3 ขา
แต่มูลค่าทางเศรษฐกิจจากภาคอุตสาหกรรมกลับมีมากถึง 80% ที่เหลือเป็นภาคการเกษตรและการท่องเที่ยว นโยบายการพัฒนาจังหวัดแม้ยังจะเน้นทั้ง 3 ด้าน แต่พยายามจะเพิ่มศักยภาพของอีก 2 ด้านคือการเกษตร และการท่องเที่ยวให้มีน้ำหนักมากขึ้น ทำให้ชาวระยองเองมีทางเลือกในการพึ่งพาตัวเองได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงเป็นเกษตรกร ยังชีพด้วยการปลูกไม้ผล หรือทำไร่มันสำปะหลัง ไร่อ้อย เป็นหลัก
ผู้ว่าราชการจังหวัดระยองกล่าวว่า ระยองมีชื่อเสียงด้านผลไม้ และแหล่งท่องเที่ยวมายาวนาน และยังมีศักยภาพที่จะพัฒนาต่อไป แม้จะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่เชื่อว่า หากทำให้ถูกทาง ก็จะทำให้ระยองยิ่งมีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น
งานแรกที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้คือ การส่งเสริมผลไม้ระยองให้กลับมามีชื่อเสียงเหมือนเดิม โดยการจัดงานเทศกาลผลไม้ สีสันราย็อง 15-19 พฤษภาคมนี้ ที่ตลาดกลางตะพง อ.เมือง จ.ระยอง โดยเน้นผลไม้หลักของระยองคือ ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง และสับปะรด และทำการส่งเสริมการขายเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาลิ้มชิมรสผลไม้ระยอง พร้อมๆกับท่องเที่ยวไปในตัวด้วย
โดยในงานจะเน้นการขายตรงจากชาวสวนซึ่งเป็นผู้ขายกับผู้ซื้อที่เป็นผู้บริโภคโดยตรง โดยจัดเปิดท้ายขายผลไม้ด้วยรถกระบะของชาวสวนวันละไม่น้อยกว่า 200 คัน มีรายการส่งเสริมการขายด้วยการจัดนาทีทอง ลดราคาพิเศษ 40-50 % วันละ 2 รอบ และยังมีการกวนทุเรียนกระทะยักษ์ เส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เมตร ใช้เนื้อทุเรียนไม่น้อยกว่า 1 ตัน หรือ 1,000 กิโลกรัม น้ำตาลทราย 200 กิโลกรัม และใช้คนกวนไม่น้อยกว่า 100 คน และแจกให้ผู้ชมงานชิมฟรีด้วย
สำหรับผลไม้เมืองระยองมีรสชาติดี เนื่องจากปลูกในที่ราบถัดเชิงเขาลักษณะเป็นลอนคลื่น และอยู่ใกล้ทะเล สภาพฝนก็ไม่มากเกินไป ปัจจัยเหล่านี้มีส่วนส่งเสริมให้การปลูกได้ผลดี รสชาติอร่อย ที่สำคัญนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชิมได้ถึงในสวนเกษตรกรได้โดยตรงหลายแห่งในหลายอำเภอ เฉพาะที่ต.ตะพง อ.เมือง ระยองก็มี 4-5 ราย ซึ่งเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชิมได้ทุกอย่างและไม่อั้นในราคาไม่แพงในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงที่ผลไม้สุกพร้อมๆกันหลายอย่าง
“นักท่องเที่ยวได้เห็นผลไม้หลากหลาย สีสันสวยงาม สามารถหยิบฉวยมารับประทานจากต้นได้เลย และไม่จำกัดปริมาณ เป็นการท่องเที่ยวเชิงเกษตร งนอกจากอิ่มอร่อยกับผลไม้แล้ว นักท่องเที่ยวยังได้ความรู้ในเรื่องการจัดการสวนไปในตัว สวนผลไม้ที่นี่ส่วนใหญ่เป็นสวนเกษตรอินทรีย์”
นอกจากนั้น กำลังวางแผนดึงนักท่องเที่ยวจากพัทยาเดินทางเลยมาอีก 50-60 กิโลเมตรก็สามารถไปท่องเที่ยวสวนเกษตรของจ.ระยอง เลือกหาเลือกซื้อผลไม้กลับบ้านได้ กลยุทธ์นี้หากสำเร็จนอกจากขายผลไม้ได้แล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวไปในตัวอีกด้วย
“ตอนนี้ชาวสวนส่วนหนึ่งก็โค่นต้นผลไม้ หันไปปลูกพืชเศรษฐกิจอื่น ทำให้พืนที่ปลูกผลไม้หดหายลดน้อยลง การส่งเสริมและพัฒนาผลไม้ระยอง จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการพัฒนาคุณภาพอย่างที่ชาวสวนหันมาใช้เกษตรอินทรีย์มากขึ้น ถือว่าเดินมาถูกทางแล้ว ส่วนการตลาดจะพยายามใช้ตลาดกลาง และจุดใหม่ๆมาใช้ให้เป็นประโยชน์ยิ่งขึ้น”
หากการพลิกฟื้นชื่อเสียงเมืองผลไม้ระยองกลับมาเป็นผลสำเร็จ นั่นเท่ากับยุทธศาสตร์ 3 ขาของจังหวัดระยองมีความเป็นไปได้ และความหลากหลายหล่านี้จะเกิดประโยชน์ต่อชุมชนชาวระยองอย่างยั่งยืนในระยะยาว