โดย : ปิ่น บุตรี
ชื่อสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ในเมืองไทยล้วนมีที่มา
เกาะพีพี จ.กระบี่ก็เช่นกัน ชื่อนี้ ปลัดชัยสิทธิ์ ชัยสัมฤทธิ์ผล ปลัดอำเภอเมืองกระบี่ ส่วนแยกเกาะพีพี(ดูแลเกาะพีพี) ได้เล่าย้อนตำนานที่มาของชื่อเกาะพีพีให้ผมฟังด้วยกัน 3 ตำนานว่า
“ตำนานแรก มาจากลักษณะของโค้งหาดเสี้ยววงเดือนที่ดูเหมือน ตัวพี(P) 2 ตัว หันหัวใส่กันตำนานต่อมา เกาะพีพี มี 2 เกาะคู่อยู่ในแนวเฟรมเดียวกัน ชาวมุสลิมโบราณเรียกเกาะใหญ่ว่าเกาะพี่ เกาะเล็กว่า เกาะน้อง ต่อมาเรียกเกาะพี่เกาะน้องเพี้ยนไปกลายเป็น พีพี”
ปลัดชัยสิทธิ์ เว้นวรรคพักหายใจก่อนเล่าต่อว่า ตำนานสุดท้าย ชื่อเกาะพีพีเป็นภาษาชาวเล มาจากการเรียกขานต้น “ปิอาปี”(ต้นไม้จำพวกแสม)ที่มีอยู่มากบนเกาะ ต่อมาเรียกเพี้ยนเป็นเกาะ“ปีปี” แล้วเพี้ยนไปอีกทีเป็น“พีพี”
ทั้ง 3 ตำนานพี่ปลัดบอกให้น้ำหนักกับตำนานที่สามมากที่สุด
“บนเกาะยังมีต้นปีปีอยู่ แต่เหลือน้อยมาก แถวออฟฟิศผมมีอยู่ 5 ต้นด้วยกัน”
พี่ปลัดบอกพร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า ตำนานที่หนึ่งนั้นค่อนข้างไม่น่าเชื่อถือเพราะสมัยก่อนชาวเกาะโบราณที่นี่ยังไม่รู้จักภาษาอังกฤษ
งานนี้ผมเห็นด้วยกับพี่ปลัด เพราะเท่าที่อ่านเจอในหนังสือหรือในอินเตอร์เน็ต ส่วนใหญ่ก็จะอ้างอิงที่มาของชื่อเกาะพีพีในตำนานที่สามทั้งนั้น
อย่างไรก็ดีไม่ว่าชื่อเกาะพีพีจะมาจากตำนานไหน ผมไม่รู้สึกติดใจด้วยประการทั้งปวง แต่ที่ติดใจมากๆก็คือเสน่ห์ความงามของที่นี่ ซึ่งหน้าร้อนหรือไฮซีซั่นอย่างนี้ ทะเลไทยฝั่งอันดามัน โดยเฉพาะเกาะพีพีได้แสดงศักยภาพความงามทางการท่องเที่ยวออกมาอย่างเต็มเปี่ยม สมดังมรกตแห่งอันดามัน เพียงแต่ว่าค่าใช้จ่ายในการสัมผัสพีพี กิน นอน พักผ่อน มันต้องจ่ายแพงหน่อย เท่านั้นเอง
แต่เอาน่า นานๆเที่ยวที เพราะยังไงการท่องเที่ยวมันก็เป็นการชาร์จแบ็ตเติมกำไรให้ชีวิต แม้ว่าบางครั้งมันจะออกแนวงงๆไปบ้าง อย่างการมาเที่ยวพีพีหนล่าสุดนี้ ที่ราวชั่วโมงกว่าจากท่าเรือคลองจิหลาด ผมก็เดินทางมาถึงยังเกาะพีพีดอน แหล่งชุมชนสำคัญของหมู่เกาะแห่งนี้
พีพีดอน เป็นเกาะสำคัญ 1 ใน 2 ของหมู่เกาะพีพี(อีกเกาะหนึ่งคือพีพีเล) บนพีพีดอนเป็นดังเมืองขนาดย่อม หนาแน่นไปด้วยบ้านเรือน ที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้า ผับบาร์ และสิ่งอำนวยความสะดวกอีกเพียบ ในขณะที่ในผืนน้ำก็มีเรือหางยาว สปีดโบ้ท เรือนำเที่ยว จอดอยู่เรียงรายไปตามแนวเวิ้งหาด
ทำให้วิถีชีวิตบนเกาะนี้อยู่กันอย่างผสมกลมกลืน ชาวบ้าน ผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยว ชาวไทยพุทธ ไทยมุสลิม บนเกาะนี้จึงไม่ขาดแคลนรอยยิ้มแห่งทักทายไปมาหาสู่กัน ซึ่งแม้เศรษฐกิจปีนี้จะเป็นปีเผาจริงทางเศรษฐกิจก็ตาม
“บนเกาะนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกทางการท่องเที่ยวเกือบทุกอย่าง ที่ไม่มีอย่างเดียวก็เห็นจะเป็นร้านทองเท่านั้น เพราะฝรั่งไม่นิยมใส่ทองกัน”
พี่ปลัด พูดติดตลก แต่มันก็กระตุ้นให้ผมอดไม่ได้ที่จะใช้สายตาสายตาสแกนหานักท่องเที่ยวชาวไทย ว่าน่าจะมีขึ้นมาเที่ยวบนเกาะนี้บ้าง ปรากฏว่าวันนั้นไม่เจอครับพี่น้อง มีแต่ฝรั่งทั้งน้าน ส่วนที่เห็นขาวๆสวยๆหมวยๆอึ๋มๆเดินมาดูหน้าออกแนวหมวยไทยแบบพิมพ์นิยมก็กลายเป็นไต้หวันไปเสียฉิบ
“ปกติคนไทยไม่ค่อยขึ้นมาพักกันบนพีพีดอนเท่าไหร่ ที่ผ่านมามีประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์กว่าๆเท่านั้น ทั้งๆที่ที่พักราคาย่อมเยาบนเกาะนี้ก็มีให้เลือกอยู่พอสมควร แต่ส่วนใหญ่จะมาเที่ยวกันแบบ one day trip ที่พีพีเล มาจากกระบี่บ้าง ภูเก็ตบ้าง”
พี่ปลัดบอกเล่าข้อมูล ซึ่งก็น่าเสียดายไม่น้อยที่พีพีดอนถูกพวกบริษัททัวร์ส่วนหนึ่งมองข้าม เพราะบนเกาะนี้ ถือว่ามีจุดสวยงามให้เที่ยวชมกันอยู่ไม่น้อยเลย เอาที่เด่นๆเป็นไฮไลท์ในระดับอ๋องก็มี
“อ่าวโละดาลัม” อ่าวกว้างใหญ่ มีหาดทรายยาวขาวเนียน มากไปด้วยกิจกรรมอันหลากหลายของนักท่องเที่ยว
"อ่าวต้นไทร" อ่าวหน้าเกาะ มีชายหาดยาวร่วม 2 กม.มีบรรยากาศเหมาะแก่การเล่นน้ำ เดินชิลล์ ชิลล์ เลาะเลียบชมวิวทิวทัศน์ริมอ่าว ซึ่งจุดเด่นของที่นี่อยู่ที่มีต้นไทรใหญ่ตั้งตระหง่าน โคนต้นมีผ้าแพรหลากสีผูกอยู่ ส่วนใต้ต้นมีศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ดูขรึมขลัง ที่นี่ผมเห็นนักท่องเที่ยวฝรั่งที่เดินผ่านศาลเจ้าที่หลายคน หยุดยืนแวะดูตัวศาลและผ้าแพรด้วยความฉงน ส่วนไทยเราเมื่อเดินผ่านก็จะยกมือไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล
จากอ่าวต้นไทรสามารถเดินขึ้นไปยังจุดชมวิว ชมทิวทัศน์เกาะพีพีดอน ซึ่งเมื่อมองลงมาจะเห็นวิวทิวทัศน์อันเป็นเอกลักษณ์แห่งเกาะพีพี ด้วยภาพเวิ้งอ่าวต้นไทร(เมื่อมองลงอยู่ขวา)และอ่าวอ่าวโละดาลัม(อยู่ซ้าย)ทอดตัวโค้งคู่ดูคอดกิ่วคล้ายพระจันทร์เสี้ยว 2 ดวงหันส่วนโค้งชนกัน แทรกด้วยภาพของชุมชนที่พักที่คงจะผุดแน่นขึ้นเรื่อยๆในอนาคต
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้นักท่องเที่ยวแบบ one day trip จากบริษัททัวร์หลายแห่งอาจไม่มีบรรจุอยู่ในโปรแกรม มีแต่โปรแกรมเที่ยวเกาะพีพีเลอันเป็นที่นิยม ซึ่งพี่ปลัดเรียกขานมันว่าทะเลในอ้อมกอดของภูเขา เพราะพีพีเล เป็นเกาะที่เต็มไปด้วยหินปูนและหน้าผาสูงชันที่อุดมไปด้วยจุดท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
ถ้ำไวกิ้ง ที่ภายในมีภาพเขียนสีสมัยประวัติศาสตร์ ปัจจุบันเป็นเขตสัมปทานนกนางแอ่น นักท่องเที่ยวจึงทำได้เพียงล่องเรือชมปากถ้ำเท่านั้น
อ่าวโละซามะ อ่าวเล็กๆไม่มีชายหาด เป็นจุดเล่นน้ำ ดำน้ำดูปะการังชั้นดีเพราะโลกใต้ทะเลที่นี่สวยงามไม่เบา
อ่าวปิเละ มีลักษณะเป็นลากูน(Lagoon) หรือทะเลในที่ถูกโอบล้อมด้วยหน้าผาสูงชันเกือบทุกด้าน น้ำทะเลที่นี่สวยงามใสปิ๊งนิ่งเขียวจนหลายคนขนานนามให้เป็น”สระว่ายน้ำกลางทะเล”เลยทีเดียว
และจุดที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงก็คือ “อ่าวมาหยา” อันสวยสดงดงาม น้ำทะเลใสสวยใสเป็นสีเขียวมรกต หาดทรายกว้างขาวสะอาดเนียนนุ่มเท้า
อ่าวมาหยา ถูกเคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องเดอะบีช(The Beach) ซึ่งด้านหนึ่งส่งผลลบ เนื่องจากแนวสันทรายส่วนหนึ่งบนหาดพังทลายเพราะมีการขุดพืชหน้าดินเพื่อใช้ในการถ่ายทำ ทำให้ชายหาดถูกคลื่นลมกัดเซาะทรายหายไปเรื่อยๆ
ส่วนอีกด้านหนึ่งส่งผลบวก เพราะด้วยความโด่งดังของเดอะบีช ทำให้ผู้ชมเห็นความงดงามของอ่าวมาหยา จึงมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางกันมาไม่ได้ขาด ชนิดหัวกระไดอ่าวไม่แห้งในช่วงไฮซีซั่น ซึ่งก็ทำให้วันนั้น วันที่ผมไปเยือน อ่าวมาหยาเต็มพรึ่ดไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติชนิดที่หากรุ๊ปทัวร์ไทยไม่เจอ จนผมอดคิดเล่นๆไม่ได้ว่า “...นี่ตูมาเที่ยวทะเลเมืองนอกหรือไงฟะ...”
แต่ก็นี่แหละนี่มันคือมายาคติทางการท่องเที่ยวแบบไทยๆที่ เกาะดังๆ ทะเลสวยๆงามๆ ในช่วงไฮซีซันจะกลายสภาพเป็นเมืองย่อมๆของฝรั่งไป ซึ่งนี่คือสิ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้ เพราะการท่องเที่ยวคือหนึ่งในรายได้หลักในการทำเงินให้ประเทศชาติ
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเราอาจจะต้องง้อนักท่องเที่ยวฝรั่งบ้างในหลายๆครั้ง แต่ก็ไม่ควรง้อชนิดเลอเลิศประเสริฐศรีจนนักท่องเที่ยวฝรั่งกลายเป็นพระเจ้าไป ในขณะที่นักท่องเที่ยวคุณภาพชาวไทยกับถูกผู้ประกอบการ- พนักงานคนไทยบางคนแสดงพฤติกรรมดูถูกรังเกียจนักท่องเที่ยวชาวไทยด้วยกัน
ชนิดที่ทำได้แค่เพียง “ทำใจ”
ชื่อสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ในเมืองไทยล้วนมีที่มา
เกาะพีพี จ.กระบี่ก็เช่นกัน ชื่อนี้ ปลัดชัยสิทธิ์ ชัยสัมฤทธิ์ผล ปลัดอำเภอเมืองกระบี่ ส่วนแยกเกาะพีพี(ดูแลเกาะพีพี) ได้เล่าย้อนตำนานที่มาของชื่อเกาะพีพีให้ผมฟังด้วยกัน 3 ตำนานว่า
“ตำนานแรก มาจากลักษณะของโค้งหาดเสี้ยววงเดือนที่ดูเหมือน ตัวพี(P) 2 ตัว หันหัวใส่กันตำนานต่อมา เกาะพีพี มี 2 เกาะคู่อยู่ในแนวเฟรมเดียวกัน ชาวมุสลิมโบราณเรียกเกาะใหญ่ว่าเกาะพี่ เกาะเล็กว่า เกาะน้อง ต่อมาเรียกเกาะพี่เกาะน้องเพี้ยนไปกลายเป็น พีพี”
ปลัดชัยสิทธิ์ เว้นวรรคพักหายใจก่อนเล่าต่อว่า ตำนานสุดท้าย ชื่อเกาะพีพีเป็นภาษาชาวเล มาจากการเรียกขานต้น “ปิอาปี”(ต้นไม้จำพวกแสม)ที่มีอยู่มากบนเกาะ ต่อมาเรียกเพี้ยนเป็นเกาะ“ปีปี” แล้วเพี้ยนไปอีกทีเป็น“พีพี”
ทั้ง 3 ตำนานพี่ปลัดบอกให้น้ำหนักกับตำนานที่สามมากที่สุด
“บนเกาะยังมีต้นปีปีอยู่ แต่เหลือน้อยมาก แถวออฟฟิศผมมีอยู่ 5 ต้นด้วยกัน”
พี่ปลัดบอกพร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า ตำนานที่หนึ่งนั้นค่อนข้างไม่น่าเชื่อถือเพราะสมัยก่อนชาวเกาะโบราณที่นี่ยังไม่รู้จักภาษาอังกฤษ
งานนี้ผมเห็นด้วยกับพี่ปลัด เพราะเท่าที่อ่านเจอในหนังสือหรือในอินเตอร์เน็ต ส่วนใหญ่ก็จะอ้างอิงที่มาของชื่อเกาะพีพีในตำนานที่สามทั้งนั้น
อย่างไรก็ดีไม่ว่าชื่อเกาะพีพีจะมาจากตำนานไหน ผมไม่รู้สึกติดใจด้วยประการทั้งปวง แต่ที่ติดใจมากๆก็คือเสน่ห์ความงามของที่นี่ ซึ่งหน้าร้อนหรือไฮซีซั่นอย่างนี้ ทะเลไทยฝั่งอันดามัน โดยเฉพาะเกาะพีพีได้แสดงศักยภาพความงามทางการท่องเที่ยวออกมาอย่างเต็มเปี่ยม สมดังมรกตแห่งอันดามัน เพียงแต่ว่าค่าใช้จ่ายในการสัมผัสพีพี กิน นอน พักผ่อน มันต้องจ่ายแพงหน่อย เท่านั้นเอง
แต่เอาน่า นานๆเที่ยวที เพราะยังไงการท่องเที่ยวมันก็เป็นการชาร์จแบ็ตเติมกำไรให้ชีวิต แม้ว่าบางครั้งมันจะออกแนวงงๆไปบ้าง อย่างการมาเที่ยวพีพีหนล่าสุดนี้ ที่ราวชั่วโมงกว่าจากท่าเรือคลองจิหลาด ผมก็เดินทางมาถึงยังเกาะพีพีดอน แหล่งชุมชนสำคัญของหมู่เกาะแห่งนี้
พีพีดอน เป็นเกาะสำคัญ 1 ใน 2 ของหมู่เกาะพีพี(อีกเกาะหนึ่งคือพีพีเล) บนพีพีดอนเป็นดังเมืองขนาดย่อม หนาแน่นไปด้วยบ้านเรือน ที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้า ผับบาร์ และสิ่งอำนวยความสะดวกอีกเพียบ ในขณะที่ในผืนน้ำก็มีเรือหางยาว สปีดโบ้ท เรือนำเที่ยว จอดอยู่เรียงรายไปตามแนวเวิ้งหาด
ทำให้วิถีชีวิตบนเกาะนี้อยู่กันอย่างผสมกลมกลืน ชาวบ้าน ผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยว ชาวไทยพุทธ ไทยมุสลิม บนเกาะนี้จึงไม่ขาดแคลนรอยยิ้มแห่งทักทายไปมาหาสู่กัน ซึ่งแม้เศรษฐกิจปีนี้จะเป็นปีเผาจริงทางเศรษฐกิจก็ตาม
“บนเกาะนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกทางการท่องเที่ยวเกือบทุกอย่าง ที่ไม่มีอย่างเดียวก็เห็นจะเป็นร้านทองเท่านั้น เพราะฝรั่งไม่นิยมใส่ทองกัน”
พี่ปลัด พูดติดตลก แต่มันก็กระตุ้นให้ผมอดไม่ได้ที่จะใช้สายตาสายตาสแกนหานักท่องเที่ยวชาวไทย ว่าน่าจะมีขึ้นมาเที่ยวบนเกาะนี้บ้าง ปรากฏว่าวันนั้นไม่เจอครับพี่น้อง มีแต่ฝรั่งทั้งน้าน ส่วนที่เห็นขาวๆสวยๆหมวยๆอึ๋มๆเดินมาดูหน้าออกแนวหมวยไทยแบบพิมพ์นิยมก็กลายเป็นไต้หวันไปเสียฉิบ
“ปกติคนไทยไม่ค่อยขึ้นมาพักกันบนพีพีดอนเท่าไหร่ ที่ผ่านมามีประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์กว่าๆเท่านั้น ทั้งๆที่ที่พักราคาย่อมเยาบนเกาะนี้ก็มีให้เลือกอยู่พอสมควร แต่ส่วนใหญ่จะมาเที่ยวกันแบบ one day trip ที่พีพีเล มาจากกระบี่บ้าง ภูเก็ตบ้าง”
พี่ปลัดบอกเล่าข้อมูล ซึ่งก็น่าเสียดายไม่น้อยที่พีพีดอนถูกพวกบริษัททัวร์ส่วนหนึ่งมองข้าม เพราะบนเกาะนี้ ถือว่ามีจุดสวยงามให้เที่ยวชมกันอยู่ไม่น้อยเลย เอาที่เด่นๆเป็นไฮไลท์ในระดับอ๋องก็มี
“อ่าวโละดาลัม” อ่าวกว้างใหญ่ มีหาดทรายยาวขาวเนียน มากไปด้วยกิจกรรมอันหลากหลายของนักท่องเที่ยว
"อ่าวต้นไทร" อ่าวหน้าเกาะ มีชายหาดยาวร่วม 2 กม.มีบรรยากาศเหมาะแก่การเล่นน้ำ เดินชิลล์ ชิลล์ เลาะเลียบชมวิวทิวทัศน์ริมอ่าว ซึ่งจุดเด่นของที่นี่อยู่ที่มีต้นไทรใหญ่ตั้งตระหง่าน โคนต้นมีผ้าแพรหลากสีผูกอยู่ ส่วนใต้ต้นมีศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ดูขรึมขลัง ที่นี่ผมเห็นนักท่องเที่ยวฝรั่งที่เดินผ่านศาลเจ้าที่หลายคน หยุดยืนแวะดูตัวศาลและผ้าแพรด้วยความฉงน ส่วนไทยเราเมื่อเดินผ่านก็จะยกมือไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล
จากอ่าวต้นไทรสามารถเดินขึ้นไปยังจุดชมวิว ชมทิวทัศน์เกาะพีพีดอน ซึ่งเมื่อมองลงมาจะเห็นวิวทิวทัศน์อันเป็นเอกลักษณ์แห่งเกาะพีพี ด้วยภาพเวิ้งอ่าวต้นไทร(เมื่อมองลงอยู่ขวา)และอ่าวอ่าวโละดาลัม(อยู่ซ้าย)ทอดตัวโค้งคู่ดูคอดกิ่วคล้ายพระจันทร์เสี้ยว 2 ดวงหันส่วนโค้งชนกัน แทรกด้วยภาพของชุมชนที่พักที่คงจะผุดแน่นขึ้นเรื่อยๆในอนาคต
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้นักท่องเที่ยวแบบ one day trip จากบริษัททัวร์หลายแห่งอาจไม่มีบรรจุอยู่ในโปรแกรม มีแต่โปรแกรมเที่ยวเกาะพีพีเลอันเป็นที่นิยม ซึ่งพี่ปลัดเรียกขานมันว่าทะเลในอ้อมกอดของภูเขา เพราะพีพีเล เป็นเกาะที่เต็มไปด้วยหินปูนและหน้าผาสูงชันที่อุดมไปด้วยจุดท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
ถ้ำไวกิ้ง ที่ภายในมีภาพเขียนสีสมัยประวัติศาสตร์ ปัจจุบันเป็นเขตสัมปทานนกนางแอ่น นักท่องเที่ยวจึงทำได้เพียงล่องเรือชมปากถ้ำเท่านั้น
อ่าวโละซามะ อ่าวเล็กๆไม่มีชายหาด เป็นจุดเล่นน้ำ ดำน้ำดูปะการังชั้นดีเพราะโลกใต้ทะเลที่นี่สวยงามไม่เบา
อ่าวปิเละ มีลักษณะเป็นลากูน(Lagoon) หรือทะเลในที่ถูกโอบล้อมด้วยหน้าผาสูงชันเกือบทุกด้าน น้ำทะเลที่นี่สวยงามใสปิ๊งนิ่งเขียวจนหลายคนขนานนามให้เป็น”สระว่ายน้ำกลางทะเล”เลยทีเดียว
และจุดที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงก็คือ “อ่าวมาหยา” อันสวยสดงดงาม น้ำทะเลใสสวยใสเป็นสีเขียวมรกต หาดทรายกว้างขาวสะอาดเนียนนุ่มเท้า
อ่าวมาหยา ถูกเคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องเดอะบีช(The Beach) ซึ่งด้านหนึ่งส่งผลลบ เนื่องจากแนวสันทรายส่วนหนึ่งบนหาดพังทลายเพราะมีการขุดพืชหน้าดินเพื่อใช้ในการถ่ายทำ ทำให้ชายหาดถูกคลื่นลมกัดเซาะทรายหายไปเรื่อยๆ
ส่วนอีกด้านหนึ่งส่งผลบวก เพราะด้วยความโด่งดังของเดอะบีช ทำให้ผู้ชมเห็นความงดงามของอ่าวมาหยา จึงมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางกันมาไม่ได้ขาด ชนิดหัวกระไดอ่าวไม่แห้งในช่วงไฮซีซั่น ซึ่งก็ทำให้วันนั้น วันที่ผมไปเยือน อ่าวมาหยาเต็มพรึ่ดไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติชนิดที่หากรุ๊ปทัวร์ไทยไม่เจอ จนผมอดคิดเล่นๆไม่ได้ว่า “...นี่ตูมาเที่ยวทะเลเมืองนอกหรือไงฟะ...”
แต่ก็นี่แหละนี่มันคือมายาคติทางการท่องเที่ยวแบบไทยๆที่ เกาะดังๆ ทะเลสวยๆงามๆ ในช่วงไฮซีซันจะกลายสภาพเป็นเมืองย่อมๆของฝรั่งไป ซึ่งนี่คือสิ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้ เพราะการท่องเที่ยวคือหนึ่งในรายได้หลักในการทำเงินให้ประเทศชาติ
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเราอาจจะต้องง้อนักท่องเที่ยวฝรั่งบ้างในหลายๆครั้ง แต่ก็ไม่ควรง้อชนิดเลอเลิศประเสริฐศรีจนนักท่องเที่ยวฝรั่งกลายเป็นพระเจ้าไป ในขณะที่นักท่องเที่ยวคุณภาพชาวไทยกับถูกผู้ประกอบการ- พนักงานคนไทยบางคนแสดงพฤติกรรมดูถูกรังเกียจนักท่องเที่ยวชาวไทยด้วยกัน
ชนิดที่ทำได้แค่เพียง “ทำใจ”