ไปเถอะไปไปเที่ยวกัน ไปเถอะไปไปด้วยกัน ได้เวลาต้องทิ้งงาน ให้รางวัลกับหัวใจ เปลี่ยนที่นอนซะบ้างเถอะ ที่ที่เธอกับฉันไม่เคยไป ใครจะทำให้หุ้นตก ใครจะทำให้โลกแตก เรื่องอะไรที่ต้องแบก เก็บใส่ลังเอาไว้ก่อน ได้เวลาให้ใจพัก ได้เวลาต้องไปพเนจร…” เนื้อเพลง ไปเที่ยวกัน ขับร้องโดย เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์
เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เปิดตัวแคมเปญ “เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก”โดยเลือกซุปเปอร์สตาร์อย่าง “พี่เบิร์ด” ธงไชย แมคอินไตย์ มาเป็นพรีเซนเตอร์ เพื่อทำหน้าที่ชักชวนคนไทยออกมาเที่ยวไทย กระตุ้นให้เศรษฐกิจชาติกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง จะได้รับกระแสตอบรับที่ดีอยู่พอสมควร เนื่องด้วยตัวพรีเซนเตอร์ระดับแม่เหล็กและสถานที่ท่องเที่ยวอันงดงามของเมืองไทยที่ถูกถ่ายทอดผ่านโฆษณาโดยมีพี่เบิร์ดเป็นคนรับอาสาพาเที่ยว
ภาพยนตร์โฆษณา ชุด “เบิร์ดชวนเที่ยว” ที่สร้างสรรค์โดยทีมงาน ลีโอ เบอร์เนท เปิดเรื่องด้วยบรรยากาศเหงาๆขาดสีสันจากนักท่องเที่ยวแล้วจู่ๆพี่เบิร์ดก็เข้ามาปลุกทุกคนให้คึกคัก สนุกกับการได้ออกมาเที่ยว จับจ่ายใช้สอยเพื่อกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นและทุกภาค
นอกจากสื่อภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์แล้งยังมี การจัดทำภาพนิ่งสำหรับสื่อสิ่งพิมพ์ ,ป้ายโฆษณา, สปอตวิทยุ ชุด “ไปเที่ยวช่วยได้”และมิวสิควิดีโอ เพลง “ไปเที่ยวกัน”แต่งคำร้องโดย "ดี้" นิติพงษ์ ห่อนาค ทำนอง-เรียบเรียง โดย อภิไชย เย็นพูนสุข ซึ่งเนื้อร้องบางส่วนก็ได้เอ่ยไว้ในข้างต้น
รุกฆาตท่องเที่ยวไทย
สำหรับค่าจ้างดำเนินงานในครั้งนี้จากเดิมที่ทางแกรมมี่เสนอของบประมาณไปราว200ล้านบาท ปรากฏว่า ทางททท.ได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 62 ล้าน สำหรับการโฆษณาทั้งหมด ซึ่งก็ยังต้องถือว่าเป็นจำนวนเงินที่สูงอยู่ไม่น้อย ซึ่งคงต้องมาสำรวจดูกันว่าเงินก้อนโตนี้จะให้ผลที่น่าพอใจมากน้อยเพียงใด แต่อย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือเรื่องของอิทธิพลของการโฆษณา
มัยรัตน์ พีระญาณ์โกเศส นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ(สทน.) เปิดเผยถึงกรณีของโฆษณาที่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวว่า การที่ททท.หยิบความเป็นซูเปอร์สตาร์อันเป็นอมตะของ "พี่เบิร์ด" มาใช้ จึงถือว่าเป็นการวางหมาก ที่รุกฆาตและวาดหวังจะกระตุ้นให้การท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก
ครั้งก่อน พี่เบิร์ดเคยเป็นพรีเซนเตอร์การรณรงค์ท่องเที่ยวเมื่อปี 2548 ภายใต้แคมเปญ “เที่ยวที่ไหน ไม่สุขใจเท่าบ้านเรา” กับ “น้องสุขใจ” ผลกระทบครั้งนั้นแรงมากเพราะเป็นช่วงหลังสินามิ การโฆษณาเลยต้องพยายามสื่อออกมาให้เป็นเรื่องของทะเลมากที่สุด ส่วนครั้งนี้พี่เบิร์ดมาพร้อมกับการเดินทางที่มีความสดใสร่าเริงความมีชีวิตชีวา
“โฆษณามีผลกระตุ้นการท่องเที่ยวแน่นอน โฆษณาที่อยากเห็น คือ อยากให้มีภาพของความสนุกสนานและการอนุรักษ์ ภาพการถ่ายทอดออกมาควรให้เห็นในลักษณะที่ชี้ให้เห็นว่า เมืองไทยมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติเยอะแบ่งตามฤดูกาลด้วย แล้วค่อยมาสร้างภาพว่าต้องการอะไร อยากให้เป็นทั้งสี่ภาคได้ไหม เป็นการกระตุ้นทั้งประเทศไม่กระจุกตัวอยู่เพียงภาคใดภาคหนึ่ง มีการเน้นข้อความให้ความรู้ในช่องภาพสั้นๆด้วย”นายกฯท่องเที่ยวภายในประเทศกล่าว
พร้อมกันนี้ยังได้กล่าวว่า อยากให้ภาพที่ออกมาไปถึงแหล่งท่องเที่ยวและเกิดความเข้าใจว่า ตรงนั้น คือ ตรงไหน เพียงแต่ว่าภาพที่ออกมาเห็นทะเลก็ประเดี๋ยวประด๋าว อยากให้นำเสนอออกมาว่าสถานที่เราสวยๆมีจริง
“มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี เป็นพรีเซนเตอร์ เขาเจาะให้เห็นเลยว่าติ๊กกำลังช้อนปลาอยู่นะ มันเห็นเลยว่าสวย เรามองไปถึงความสวยงามของทางทะเลมันลงลึกกว่า ชัดกว่า โดยที่ไม่ได้เกี่ยวกับพรีเซนเตอร์เกี่ยวกับมีเดียโดยตรงเหนือกว่าพรีเซนเตอร์ก็คือตัวมีเดีย”นายกฯท่องเที่ยวภายในประเทศกล่าว
โฆษณาในฝันของท่องเที่ยวไทยที่อยากเห็น อยากให้มีการเจาะแต่ละที่วิถีชีวิต ชุมชน แต่ที่ททท.ไม่เจาะจงลงไปว่าโฆษณาที่ไหนบนจอโทรทัศน์ ต้องการให้คนดูพยายามเสาะหา เพราะว่าการที่ไปลงอะไรที่โจ่งแจ้งเกินไปก็ปวดหัว
“อันนี้เข้าใจเพราะวิถีไทยยังมีลักษณะของการต่อว่ากันอยู่ ว่าทำไหมที่นั้นได้ลงของฉันไม่ได้ลงใครสนใจจะไปจริงๆก็สืบเสาะหาเอา แต่ขอเน้นว่ายังไงก็ตามควรครบอรรถรสความเป็นประเทศไทยวัฒนธรรมวิถีชีวิตและสุดท้ายอย่าลืมปิดด้วยถ้อยคำที่อนุรักษ์และรักษา”นายกฯท่องเที่ยวภายในประเทศแนะ
เบิร์ดชวนเที่ยว ยอดเยี่ยมหรือยอดแย่
เปลี่ยนมาดูแง่มุมและความคิดเห็นของบุคคลต่างๆในหลากหลายอาชีพกันดูบ้าง ว่าแท้จริงแล้วการโฆษณาชวนเที่ยวนี้ มีผลต่อตัวพวกเขามากน้อยเพียงใด
เริ่มกันที่ความคิดเห็นของนักแสดงหนุ่มมากฝีมือ โน้ต วัชรบูรณ์ ลี้สุวรรณ ซึ่งเขามักใช้ชีวิตที่ว่างเว้นจากงานแสดงออกท่องเที่ยวดูนกชมธรรมชาติตามที่ต่างๆ
“สำหรับโฆษณาชุด “เบิร์ดชวนเที่ยว” ที่มีพี่เบิร์ดเป็นพรีเซนเตอร์นั้น โดยส่วนตัวแล้วชอบ เพราะดูแล้วกระตุ้นให้อยากเที่ยวดี ทำให้เห็นว่าเมืองไทยมีที่สวยๆเยอะมาก ตัวพี่เบิร์ดเหมาะมาก เพราะเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่คนไทยทุกคนรู้จักใครเห็นก็รู้จักชื่นชอบ เข้าได้ทุกกลุ่มไม่ว่าในเมืองหรือต่างจังหวัด”นักแสดงหนุ่มกล่าว
นอกจากนี้เขายังได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า สาเหตุหนึ่งที่อาจจะทำให้คนสนใจท่องเที่ยวน้อยลง เป็นเพราะปัจจัยของราคาน้ำมัน ช่วงไหนน้ำมันถูกคนจะเที่ยวเยอะ แต่ช่วงไหนน้ำมันแพงเห็นชัดเลยว่าคนออกมาเที่ยวน้อยลง การโฆษณาอาจจะมีผลสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวสมัครเล่น แต่ถ้าเป็นกลุ่มที่ท่องเที่ยวอย่างจริงจังแล้วเขาคิดว่าไม่ได้มีผลอะไร เพราะเที่ยวจนติดแล้วเลิกเที่ยวไม่ได้
“ททท.ทำโฆษณาดี เพียงแต่ว่าอยากให้เพิ่มเรื่องความต่อเนื่อง บางทีถ้าเราจะไปจริงๆเราก็ไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน ในการหาข้อมูล หรือรายละเอียด บางที่อยู่ไกลไม่เป็นที่รู้จักก็ต้องอาศัยรายละเอียดเพิ่มเติม โฆษณาสำคัญ แต่การให้ข้อมูลด้านอื่นก็สำคัญอาทิตามเว็บไซต์เป็นต้น บางครั้งเรารู้ว่ามันสวย มันดี แต่โฆษณาไม่ได้บอกว่ามันไปยังไงมันอยู่ที่ไหน งบประมาณก็เป็นส่วนสำคัญควรบอกด้วยว่าไปที่ไหนใช้งบประมาณเท่าไหร่”นักแสดงหนุ่มเสนอแนะ
นอกจากนี้เขายังมองว่า ถ้ามีโฆษณาชุดต่อไปเขาอยากให้มีการเน้นโปรโมตเป็นช่วงๆ ช่วงหน้าร้อนโฆษณาออกมาชุดหนึ่งว่ามีทะเลที่ในบ้างแล้วไปช่วงไหนดี อย่างช่วงหน้าฝนนักท่องเที่ยวไม่ค่อยเที่ยวหน้าฝน เราควรจะแบ่งเป็นฤดูให้ชัดเจนไปเลยว่าช่วงนั้นเที่ยวที่นี่ช่วงนี้เที่ยวที่ไหน
“บางทีโฆษณารวมๆแบบนี้ สมมุติว่าจะไปภูเขาหน้าร้อนมันก็ไม่สวย หรือว่าน้ำตกก็ต้องไปหน้าฝนอยากให้ชัดๆไปเลยก็ดีว่ามีที่ไหนบ้าง คือ อยากให้มีโฆษณาออกมาบ่อยๆหน่อยมีหลายๆตัว”นักแสดงหนุ่มกล่าว
ทางด้าน อ.เรืองประทิน เขียวสด ผู้บุกเบิกสามพันโบกให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว กล่าวถึงผลกระทบของโฆษณาชุด “เบิร์ดชวนเที่ยว”ที่ได้เข้าไปถ่ายทำสามพันโบก อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี และหลังจากภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ได้ออกอากาศไปนั้น ปรากฏว่าสามพันโบกกลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว
“สำหรับสามพันโบกถือว่าเป็นไปในแง่บวก เพราะทำให้สามพันโบกมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวเยอะมาก คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ผมให้ 200 เปอร์เซ็นต์ จากปีที่แล้ว”ผู้บุกเบิกสามพันโบกกล่าวอย่างอารมณ์ดี
แต่กระนั้น อ.เรืองประทิน ก็ไม่ปฏิเสธว่า เพราะกระแสตอบรับที่ดีเกินคาดทำให้เกิดปัญหาเรื่องความสะอาดอยู่บ้าง ช่วงนี้จึงได้แต่ขอร้องนักท่องเที่ยวที่มาให้ช่วยกันเรื่องการจัดการดูแลความสะอาดด้วย
“เสน่ห์ของสามพันโบกเหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบของธรรมชาติเป็นศิลปะแห่งสายน้ำ บางคนบอกว่าสวยกว่าจิ่วไจ้โกวที่ประเทศจีนเสียอีก งานนี้ผมต้องขอบคุณพี่เบิร์ดและททท.จริงๆ”อ.เรืองประทินกล่าว
ด้านคนชอบเที่ยวที่เข้ามาดูลาดเลาแพ็กเกตต่างๆภายในงานไทยเที่ยวไทยครั้งที่15 ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 5-8 มีนาคมที่ผ่านมา อย่าง พัชราพรรณ สกุลวงศ์วิวัฒน์ อาชีพแม่บ้าน ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เห็นว่า โฆษณามีผลต่อการตัดสินใจในการท่องเที่ยว
“เห็นด้วยว่ามีผลต่อการตัดสินใจ แต่ก็อยากให้ระบุด้วยว่า ไปที่ไหน ไปยังไง คนดูจะได้รู้ว่าที่นั่นไปสะดวกหรือว่าลำบาก มันกระตุ้นให้คนอยากเที่ยวก็จริงอยู่ แต่ถ้าสวยแต่ไกลคนงบน้อยก็คงจะได้แต่เสียดายเท่านั้นเอง อย่างครอบครัวเราจะดูเรื่อง ที่พัก ราคา เป็นองค์ประกอบสำคัญด้วยเช่นกัน ถ้าโฆษณาสะท้อนออกมาได้ครบถ้วนก็จะดี”แม่บ้านชอบเที่ยวกล่าว
อีกหนึ่งคนชอบเที่ยวอย่าง พงษ์สยาม ศิริพงษ์ อาชีพวิศวกร แสดงความเห็นว่า โฆษณาตัวใหม่ล่าสุดของททท.ที่มีพี่เบิร์ดเป็นพรีเซนเตอร์ โดยส่วนตัวแล้วคิดว่ายังไม่ดีเท่าไหร่
“ถ้ากลุ่มเป้าหมายของททท.เป็นวัยรุ่นอาจจะใช้โฆษณาชุดนี้ได้ผล แต่สำหรับกลุ่มครอบครัวแล้วผมมองว่ามันโฟกัสที่พี่เบิร์ดมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยว เห็นแต่พี่เบิร์ดแต่ไม่รู้ว่าที่ไหน”ชายหนุ่มกล่าว
หากมีภาพยนตร์โฆษณาชุดต่อไปเขาอยากให้ ทำออกมาเป็นแนวฤดูกาล ว่า3ฤดูในเมืองไทยควรเที่ยวที่ไหนบ้าง
ส่วนความสำคัญของพรีเซนเตอร์นั้นเขามองว่าไม่ควรให้ควรสำคัญเพราะน่าจะมองเรื่องความสำคัญของสถานที่ท่องเที่ยวมากกว่า
“ต้องดูกลุ่มเป้าหมายว่าททท.ต้องการแบบไหน คนมีกำลังซื้อคงไม่ได้เที่ยวเพราะว่าตัวพี่เบิร์ด เศรษฐกิจก็มีผลบ้างแต่สำหรับคนชอบเที่ยวยังไงเคยเที่ยวก็ต้องเที่ยวเหมือนเดิม”วิศวกรหนุ่มกล่าวทิ้งท้าย
ไม่ว่าโฆษณาจะยอมเยี่ยมหรือยอดแย่สักแค่ไหน ท้ายที่สุดการตัดสินใจท่องเที่ยว ก็ยังขึ้นอยู่กับเหล่านักเดินทางอยู่ดีว่าจะก้าวเท้าออกท่องเที่ยวหรือไม่.