“ติ๊ก เจษฎาภรณ์” แถลงแต่งงาน ไม่รับไม่ปฏิเสธจะแต่งวันที่ 9 ก.ค. หรือไม่ บอกต้องรอฤกษ์จากผู้ใหญ่ ยันฝ่ายหญิงไม่ได้ท้อง เหตุไม่มีเวลาเพราะเข้าป่าถ่ายรายการตลอด ก่อนพูดติดตลก "เป็นเมียเราต้องอดทน" แพลนจะไปฮันนีมูนในป่า
ปล่อยให้เป็นข่าวลืออยู่นาน ล่าสุด 4 โมงเย็นของวันนี้(1 ก.ค.) พระเอก “ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี” ก็เปิดแถลงข่าวเรื่องแต่งงาน หลังจากที่เดินทางไปถ่ายทำรายการ "เนวิเกเตอร์" ที่เขาใหญ่ ยันแต่งแน่ส่วนจะเป็นวันที่ 9 กรกฏาคมอย่างที่ร่ำลือกันหรือไม่ คงต้องรอฤกษ์จากผู้ใหญ่ ปฏิเสธข่าวว่าที่เจ้าสาวท้องก่อนแต่ง
“ไปถ่ายทำรายการเนวิเกเตอร์มา เราใช้เวลาอยู่ที่นั้นเกือบเดือน พอมาวันนี้ก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะออกมาหรอกเพราะว่าเรื่องของการถ่ายทำยังไม่เสร็จเรียบร้อย เพียงแต่ว่ามาถึงจุดที่มีสัญญาณโทรศัพท์เรากำลังจะโทรติดต่องาน พอมีสัญญาณโทรศัพท์ปุ๊บทุกอย่างแมสเสจไอ้นู่นไอ้นี่มา เพื่อน ผู้จัดการ ที่บ้าน คือทุกคนก็ไม่ค่อยจะทราบเรื่องราวก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องของเรา มันเป็นหน้าที่ของเรา ตอนแรกที่ได้ยินก็ตกใจก็เลยตัดสินใจว่าเราควรออกมาพูดอะไรสักหน่อยดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยวมันจะไปต่างๆ นานาแล้วมันจะดูไม่ดี”
ส่วนข่าวลือที่ออกมาว่าจะมีพิธีแต่งงานวันที่ 9 ก.ค.ที่จะถึงนี้เจ้าตัวยังไม่ยืนยันบอกอยู่ในช่วงแผนการที่วางไว้เพราะตนอยู่ในป่า และฤกษ์เองก็มีอยู่หลายวัน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คงยึดเอาความสะดวกของผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายเป็นหลัก
“ยังไม่แน่ใจครับ จริงๆแล้วเรามีแผนในเรื่องของการแต่งงาน อาจจะแต่งก่อนแล้วค่อยกลับเข้าไปป่าใหม่แล้วกัน วันที่เท่าไหร่ตอนแรกยังไม่ได้คุย ยังไม่ได้คอนเฟิร์มอะไร คือทางผู้ใหญ่เขาต้องไปดูฤกษ์กันอยู่แล้วซึ่งมันก็มีฤกษ์อยู่ 3-4 วันเต็มไปหมดมีทั้ง 9 ปลายเดือนก.ค. เท่าที่จำได้ปลายปีก็มีสองสามวัน ก็จริงๆ แล้วก็ต้องมาเลือกกันอีกทีว่าเมื่อไหร่ถึงจะสะดวก ต้องใช้ความสะดวกของทั้งทางบ้านเราแล้วก็ทางบ้านของคุณพีชเขา ซึ่งตรงนี้ผมยังไม่ทราบ”
“ คือการตัดสินใจมันอยู่ที่ทั้งสองครอบครัว ก็ต้องเข้าใจว่าเราทั้งสองคนก็เป็นครอบครัวจีนซึ่งก็จะมีเรื่องราวของพิธี เรื่องของการดูฤกษ์ดูยามซึ่งตรงนี้ผมก็คงต้องกลับไปคุยกันว่าเป็นยังไงบ้าง คือจริงๆ แล้วมันยังไม่มีอะไร เพียงแต่ว่าเป็นแผนการแต่งงานว่าภายในปีนี้นะ คือ ณ ตอนนี้ผมยังไม่ได้คุยอะไรกับทางที่บ้านผมและที่บ้านอีกฝ่ายหนึ่งพราะว่าเพิ่งกลับมาแล้วก็บึ่งมาเลย”
ทั้งนี้หนุ่ม “ติ๊ก” ยังบอกอีกว่าตนพร้อมเป็นเจ้าบ่าวมานานแล้ว ซึ่งพิธีการต่างๆจะจัดแบบไทย-จีนเน้นเรียบง่ายเพื่อให้ผู้ใหญ่สบายใจ แต่ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตคู่มากกว่า ส่วนเรือนหอเล็งไว้เป็นที่บ้านฝ่ายชาย
“ก็มีโอกาสได้คุยกันไม่นานเท่าไหร่ภายในปีนี้แหละ ก็ให้ผู้ใหญ่ไปคุยกันก็ภายในปีนี้เหมือนกันน่าจะเป็นช่วงๆ ต้นปีที่ผ่านมา ก็มองๆว่าน่าจะได้เวลาอันเหมาะสมแล้วมั้งครับ ผมคิดว่าเราก็เหมือนกับได้เจออะไร ได้เป็นคู่คิด ได้เข้าใจอะไรกันดี มันก็เลยถึงเวลา จริงๆแล้วเราก็ศึกษากันมาได้น่าจะเกิน 5 ปี”
เผยจุดเริ่มต้นชีวิตรัก
“เหมือนกับว่าเพื่อนของเพื่อนรู้จักกันก็เลยแนะนำกัน วันหนึ่งคุณพีชก็ได้มีโอกาสทำหนังสือ เราก็มีโอกาสได้เจอกันบ้างประทับใจเขาตรงที่ความเข้าใจ ความเข้าใจเท่านั้นถึงจะเป็นสิ่งที่สามารถอยู่ด้วยกันได้ นอกจากโอเคมันต้องมีรักกันอยู่แล้วแต่ว่าในเรื่องของการรักกันเราจะรักกันแบบไหนมากกว่า ผมว่าสุดท้ายแล้วทุกสิ่งทุกอย่างคือเรื่องของความเข้าใจ แล้วสิ่งที่ใหญ่กว่านั้นคือเมื่อแต่งงานไปแล้วเราจะอยู่ยังไงให้มีความสุขมากที่สุดในต่อไป เพราะว่าจากนี้ไปคือตลอดทั้งชีวิตของเราแล้วนะ ซึ่งหมายถึงผมเองก็ขาดอิสรภาพแล้วเหมือนกัน(หัวเราะ)”
“โดนส่วนตัวผมพร้อมมาตั้งหลายปีแล้ว สำหรับการเตรียมตัวไม่ต้องมีอะไรมากเพราะเราเคยคุยกันนานแล้วว่าเรื่องแบบนี้จะไม่ได้มีงานหรือพิธีอะไรเลิศเลอ เรากลับรู้สึกว่าการใช้ชีวิตต่างหากที่เราจะพิถีพิถันให้มากที่สุด สำหรับพิธีในเรื่องของการแต่งงานหมายถึงว่าการที่เราทำให้ถูกต้องตามประเพณี ให้ผู้ใหญ่ได้รับทราบมีศักขีพยานรับรู้เท่านี้เอง ผมว่าเป็นอะไรที่ง่ายๆ มากกว่า”
สำหรับสถานที่จัดงานแต่งงาน ตอนแรก "ติ๊ก" คาดว่าจะจัดอย่างเรียบง่ายที่บ้าน
“ความจริงแล้วสถานที่ไม่มีดูหรอก คือที่ผ่านมาเราวางแผนไว้เป็นที่บ้าน เราคิดไว้เป็นอย่างนั้น อันนี้คือในอุดมคตินะ เพราะว่าที่บ้านคือสิ่งที่เหมาะและง่ายที่สุดสำหรับพวกเรา คุยกันไว้ว่างานทุกอย่างจะง่ายๆ หมดเลย เพียงแต่ว่าเราจะเชิญแต่ญาติสนิทเท่านั้น ส่วนสื่อเราก็ไม่ได้เชิญ คือยังไม่รู้เลยว่าสถานที่จะเป็นยังไง จะเอื้ออำนวยหรือเปล่าเพราะว่าถ้าเกิดสถานที่เป็นที่บ้านผมก็อาจจะขออนุญาตเพราะว่ามันมีอยู่แค่นั้น เบียดกันแด่แค่นั้น เรื่องงบเองก็ไม่ได้วางไว้ เท่าไหร่ก็เท่ากัน ทุ่มสุดตัวครับ”
“เรื่องพิธีการเองผมว่าน่าจะเป็นพิธีลูกครึ่งเพราะว่าผมเป็นลูกครึ่งไทย-จีนทางคุณพีชเองก็เป็นไทย-จีนเหมือนกัน แต่ว่าก็ยังไม่ทราบว่ามันจะออกมาเป็นยังไงเพราะว่าก็ยังไม่เคยเข้าพิธีแต่งงานเหมือนกัน คือผมว่ารอให้คุยทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วก็เดี๋ยวจะชี้แจงให้ทราบอีกทีหนึ่ง”
“ส่วนเรื่องสินสอดจริงๆ แล้วยังไม่ได้เตรียมอะไรเลยครับ เพราะว่าความจริงแล้วทางฝ่ายผู้หญิงคุณพ่อคุณแม่เขาบอกว่า จริงๆ แล้วไม่เป็นไรเลยนะ มีไม่มีคุณพ่อคุณแม่ไม่ว่าแต่ว่าขอให้รักคุณพีชเขา”
“แหวนหมั้นผมไม่ได้เป็นคนเลือกด้วยตัวเอง เพียงแต่ผมได้บอกทางคุณพ่อคุณแม่ผมว่าถ้าเกิดพ่อกับแม่พร้อมก็พาคุณพีชเขาไปเลือกแล้วกัน เพราะว่าติ๊กไม่มีเวลาเลย เดือนนี้ทั้งเดือนแล้วก็อีกสักระยะหนึ่งก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ในป่าเพราะว่าเราต้องทำงานต่อ ตอนนี้ก็ไม่ทราบจริงๆ ครับว่าเขาเลือกได้หรือยัง ผมว่าของอย่างนี้มันเลือกยากนะ คงจะยังเลือกไม่ได้มั้งครับ คือผมคิดอย่างนี้ครับว่าถูกต้องแล้วการแต่งงานผมเองควรจะเป็นคนที่เลือกให้ครั้งเดียวในชีวิต แต่ผมมองอย่างนี้ว่าถ้าเลือกให้กลัวไม่ถูกใจ เดี๋ยวก็จะมีตะขิดตะขวงใจก็คือให้เลือกเองดีกว่า เม็ดเล็กเม็ดใหญ่ไม่สำคัญ มันสำคัญที่ว่าใจเล็กหรือใจใหญ่”
“เรือนหอผมคิดว่าน่าจะเป็นที่บ้านของผมเอง คือเราไม่ได้ปลูกเรือนหอหรือว่าสร้างอะไรที่มันหวือหวาใหญ่โตก็คงจะใช้วีวิตอยู่กับครอบครัวผมเพราะว่าเราผูกพันกันมาทั้งพ่อแม่พี่น้อง เรารู้สึกว่าไม่อยากแยกไปไหน ผมว่าอยู่ด้วยกันก็อบอุ่นดี
เผยถึงวินาทีที่ขอสาว “พีช” แต่งงานไม่ได้หวานถึงขั้นคุกเข่าขอแต่งงาน
“ไม่ได้คุกเขาขอ ก็เป็นอารมณ์แบบว่าคือมันไม่ถึงกับว่าเป็นวันที่ขอ คือมันคุยกันมาว่าถ้าเกิดต่อไปมันจะต้องแต่งงานอยู่ด้วยกันจริงๆ จะเป็นยังไงนะ แล้วมีอยู่วันนึงผมก็แค่บอกว่าโอเคติ๊กพร้อม ติ๊กพร้อมแล้วนะ แต่งงานกันเถอะ ซึ่งผมเองก็คิดว่าคุณพีชเขาก็คงคิดในใจว่าพร้อมมาตั้งนานแล้วล่ะ (หัวเราะ) เขาก็อึ้งๆ ยิ้มๆ ก็ไม่ได้ตอบอะไร เขาก็บอกว่าขอบคุณค่ะ แต่ผมก็เข้าใจว่านี่แหละคือสิ่งที่ผู้หญิงคนหนึ่งรอคอย”
แม้จะยังไม่ได้ระบุฤกษ์แต่งที่แน่ชัดแต่เจ้าตัวก็รู้สึกตื่นเต้นกับการที่จะได้เป็นเจ้าบ่าว “ความตื่นเต้นมีอยู่แล้วในเรื่องของการที่จะใช้ชีวิตคู่ เหมือนเมื่อก่อนสมัยที่ยังเป็นวัยรุ่นเราก็คิดอยู่ตลอดเวลา คิดอยู่เสมอว่าเจ้าสาวของเราจะเป็นใคร ภรรยาในอนาคตของเราจะเป็นใครกันนะ คือทุกวันมันก็เหมือนกับว่าเราลุ้นกับตัวเองมาโดยตลอดว่าเป็นใคร เป็นใคร แล้วมาถึง ณ ตอนนี้เราก็รู้แล้วว่าเป็นใคร หวยออกแล้ว แจ๊คพ็อตแตก พ่อแม่ผมท่านเองก็ต้องปลื้มครับ คือคุณพ่อคุณแม่ผมขอให้ลูกปลื้มแม่ปลื้มด้วย ลูกรักแม่รักด้วย”
ยืนยันที่แต่งฟ้าแลบไม่ใช่เพราะว่าที่เจ้าสาวเบนโลแน่นอน บอกไม่มีเวลาเจอ และทางสาว “พีช”เองก็ไม่ได้ซีเรียสกับข่าวดังกล่าวด้วย ส่วนเรื่องการมีทายาทเจ้าตัวบอกแต่งแล้วยังไม่มีเลยแน่นอน
“อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ห่วงเหมือนกัน ไม่หรอกครับ ไม่มีเวลา(หัวเราะ) นานๆได้เจอกันครับ ไม่มีเวลาเจอกัน กับข่าวนี้ผมว่าเขาก็คงจะไม่เครียดมาก คงจะไม่มีความเครียดเลยด้วยซ้ำเพราะว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเครียดเป็นเรื่องของความสุข ผมว่าคือทุกอย่างคนสามารถคิดได้หมด แต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเรารู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วเพราะว่าเรารู้ ที่บ้านเรารู้ ทุกคนล้วนความสุข ที่บ้านเรารับรู้ซึ่งมันก็จบ ผมว่าในเรื่องของสิ่งต่างๆที่ทุกคนคิดอย่างนั้น คิดอย่างนี้มันก็เป็นแค่เรื่องของความคิดซึ่งมันไม่สามารถที่จะควบคุมได้อยู่แล้ว”
“ซึ๋งหลังจากแต่งงานกันไปแล้วก็คงจะยังไม่มีลูกเลย ยังไม่มีแพลนเรื่องนี้ผมว่าเราทำยังไงก็ได้ให้สนุกไปกับการใช้ชีวิต คือใช้ชีวิตให้คุ้มค่าเหมือนกับสิ่งที่ผมทำอยู่ตอนนี้คือผมอยากทำอะไรก็ได้ที่เราอยากทำ แต่ว่าต้องอยู่บนเงื่อนไขของสิ่งที่เราต้องมีความสุขนะ ของสิ่งที่เราจะไม่มีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น เราจะไม่รังแกใคร เราจะไม่เบียดเบียนใครเท่านั้นเอง แล้วก็สิ่งที่สำคัญคือเราทำอะไรก็ได้ขออย่าให้คนอื่นเขาเดือดร้อน นั้นแหละคือสิ่งที่เราจะเป็นไปอย่างนั้นต่อไปแล้วก็ทำให้มันสร้างสรรค์”
เผยหลังเสร็จจากการแถลงข่าวก็จะรีบกลับเข้าป่าอีก ไม่กลัวแฟนสาวน้อยใจบอกเป็นเมียเราต้องอดทน
“เดี๋ยวเสร็จจากแถลงข่าวต้องกลับไปถ่ายต่ออีก คือในเรื่องของงานชิ้นนี้จะออนแอร์ในวันที่7-8 ก.ค. ซึ่งผมเองกลับเครียดมากในเรื่องของการตัดต่อ คือผมจะพยายามให้ถึงวินาทีสุดท้ายเพราะว่ามันเป็นเรื่องราวของสัตว์ป่าซึ่งเราไม่สามารถควบคุมได้ อย่างจุดนี่ที่เขาบอกว่ากระทิงจะออกมาที่โป่งผมเองก็เฝ้ารอกระทิงมา 9 วันแล้วกับจระเข้ซึ่งผมก็เดินทางเสาะหาจระเข้มา 2 สัปดาห์แล้ว อย่าง ณ วันนี้ไม่ได้ตั้งใจที่จะกลับเข้ามาที่ออกมาเพราะว่าเสบียงหมดแต่ว่าเราพบร่องร้อยแล้ว แล้วเวลาเราก็ยังมีอยู่เราก็เลยต้องกลับเข้าไปใหม่ พอทราบเรื่องนี้ด้วยก็เลยกลับมาคุยให้รู้เรื่องก่อน มาเคลียร์กันก่อน”
“นี่ก็ไม่แน่ใจว่าหลังจากคุยกันเสร็จแล้วจะไปหาคุณพีชเขารึเปล่าเพราะเรื่องของเวลา ผมกำลังคิดอยู่ว่ากลับจากนี้ปุ๊บผมกะจะแวะเข้าไปพื้นที่เลยเพราะว่ากลัวมันจะค่ำ อย่างที่สองก็คือรอถึงพรุ่งนี้เช้าเลยแล้วกัน เขาไม่น้อยใจหรอกครับ เราเข้าใจครับ เป็นเมียเราต้องอดทน”(หัวเราะลั่น)
สำหรับชีวิตหลังแต่งงานเจ้าตัวบอกว่าจะกลับมาอยู่ในเมืองให้มากขึ้น เผยจะชวนสาว “พีช” ไปฮันนีมูนในป่า
“ฮันนีมูนผมก็ว่าจะลองชวนคุณพีชเข้าป่าดู เพราะว่าไม่เคยชวนเขาไป เดี๋ยวจะลองชวนดูไม่รู้ว่าเขาจะยอมไปรึเปล่า หลังจากแต่งงานแล้วก็อาจจะอยู่ในเมืองมากขึ้น เข้าป่าไปนานๆก็คิดถึงครับ คิดถึงเธอทุกทีที่อยู่คนเดียว (หัวเราะ)”
“คือเขาห่วงอันตราย ในสิ่งที่ผมทำแต่ละอย่างค่อนข้างที่ตะผาดโผนแล้วก็ลงลึกจริงซึ่งกว่าที่เราจะมาถึงวันนี้ได้เราต้องใช้ประสบการณ์เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องป่าจริงๆ (แล้วไม่กลัวคนมาเกาะแกะเหรอ) จริงๆแล้วก็กลัวเหมือนกันนะ แต่ก็ทำไงได้เราต้องทำงาน ต้องใช้ความไว้ใจกัน เพราะรักจึงยอมไว้ใจ (หัวเราะ)”