xs
xsm
sm
md
lg

หิมะตกในเมืองไทย นับวันยิ่งใกล้ความจริง/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี
แม่คะนิ้ง เกาะใบไม้ขาวโพลน
...เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย...

นี่ผมไม่ได้พูดถึงชื่อหนังฮิตเมื่อ 3 ปีที่แล้ว หากแต่พูดถึงสภาพดินฟ้าอากาศบ้านเราที่วันนี้เปลี่ยนแปลงแปรปรวนหนัก อันเนื่องมาจากผลพวงของสภาวะโลกร้อน จึงทำให้หน้าหนาวนี้ เมืองไทยหนาวนาน หนาวมาก และหนาวระยับ(หากเทียบกับปีอื่นๆที่ผ่านมา)

หนาวระยับถึงขนาดเกิดปรากฏการณ์ “น้ำค้างแข็ง”หรือ“แม่คะนิ้ง”หรือ“เหมยขาบ”ขึ้นในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะตามแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง ดอยอินทนนท์ ดอยอ่างขาง ภูกระดึง ภูเรือ หรือที่ไม่น่าจะเกิดอย่าง ภูหินร่องกล้า เขาค้อ น้ำหนาว ภูทับเบิก

แน่นอนว่างานนี้คนแห่ไปดูกันเพียบ

บางคนไม่ดูเปล่า ยังใจดีส่ง SMS มาบอกกล่าวให้ชาวประชารับรู้ผ่านหน้าจอทีวี ไม่ว่าจะเป็น อ่างขางหนาวมาก ภูกระดึงหนาวมาก เข้าค้อหนาวมาก เลยหนาวมาก เป็นต้น

ขณะที่หลายคนนั่งดูข่าว(และอ่านข้อความ)อยู่บ้าน ไม่ได้ส่ง SMS ไปบอกใคร หากแต่ฉงนอยู่ในใจลึกๆว่า

มันเกิดอะไรขึ้นกับโลกของเราใบนี้ !?!

อา...หรือจะเป็น “อาเพศ” อย่างที่นักพยากรณ์ “โสรัจจะ นวลอยู่”ทำนายไว้เมื่อท้ายปี 50(แบบไม่คอนเฟิร์มเหมือนหมอดูรุ่นน้องปากกล้าบางคน)ว่า ในเดือน ธ.ค. 51 เมืองไทยจะเกิดเหตุการณ์มหัศจรรย์ดังความว่า

“ในปลายปีชวด 2551 นี้ จะเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าแปลกมหัศจรรย์ จะเกิด 'หิมะตก' ในเมืองไทยไปทั่วทางภาคเหนือและอีสานบางส่วน ประชาชนทั้งคนไทยและทั่วโลกตื่นตกใจแทบช็อก เพราะไม่เคยเห็นปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อนเลย..."

เรื่องนี้แรกๆบางคนฟังแล้วขำ

แต่เมื่อจู่ๆเกิดปรากฏการณ์ลูกเห็บขนาดเล็กตกกว่าครึ่งชั่วโมงในวันที่ 13 เม.ย. 51 บนดอยช้าง(จ.เชียงราย)จนขาวโพลนครอบคลุมพื้นที่กว้างไกล

ใครและใครบางคนเริ่มลังเลเล็กน้อยถึงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะหน้าร้อนแสกๆอย่างวันสงกรานต์ที่นายอ่ำ อัมรินทร์ นิติพน เคยหลงผิดไปลอยกระทง(จากเพลงลอยกระทงวันสงกรานต์) ดันเกิดลูกเห็บตกขาวโพลนทั่วบริเวณปานประหนึ่งหิมะปกคลุมดอยช้าง

แถมกว่าลูกเห็บจะละลายก็ใช้เวลาร่วม 2 วัน อีกทั้งยังทำให้พืชไร่ที่ชาวบ้านปลูกไว้ได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะซาโยเต้นั้นตายเรียบ
นี่ก็แม่คะนิ้งเกาะทั่วไปหมด
เพื่อนผมคนหนึ่งผู้เทใจให้พันธมิตรชนิดสุดลิ่ม มันวิเคราะห์กลางวงเหล้าผ่านแก้วน้ำสีอำพันตามประสาคนแม้วเล้า(เมาแล้ว) ว่า หรือบางทีฟ้าดินอาจต้องการลงโทษใครบางคน เพราะซาโยเต้เรียกภาษาบ้านๆมันก็คือ“ฟักแม้ว”นั่นเอง ว่าแล้วมันก็หันไปสั่งฟักแม้วผัดน้ำมันหอยมากินแกล้มเหล้าเฉยเลย

อืม...ฟังแล้วก็น่าคิด เพราะนับแต่หลังสงกรานต์ปี 51 เป็นต้นมา“แม้ว ตัวพ่อ” ได้รับผลกรรมอันเกิดจากการกระทำของตัวเอง ทั้งต้องโทษติดคุก โดนอังกฤษยึดทรัพย์ ถอนพาสปอร์ต ส่วน“ไข่แม้ว”หลายคน ก็ต้องล้มหายตายจากทางการเมืองไปพักหนึ่ง นั่นเลยทำให้เรื่องหิมะตกในเมืองไทยพลอยซาไปด้วย

กระทั่งเมื่อ วันที่ 24 ก.ย. 51 ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา อดีตนักวิทยาศาสตร์นาซา และผู้เชี่ยวชาญเรื่องภาวะโลกร้อน ออกมาให้ข่าวว่า จากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงอาจทำให้มีหิมะตกในเมืองไทยเป็นครั้งแรกได้ในต้นเดือน ม.ค. 51 ทางภาคเหนือของไทย(สรุปตามข่าวที่ปรากฏ)

ข่าวนี้ทำให้ประเด็นหิมะตกในเมืองไทยถูกจุดขึ้นอีกครั้ง แถมยังมีน้ำหนักมากขึ้นเมื่อนักวิทยาศาสตร์ระดับนาซาออกมาพูดพร้อมด้วยเหตุผลรองรับทางวิทยาศาสตร์

ยิ่งเกิดปรากฏการณ์หิมะตกในบางประเทศที่ไม่เคยตกอย่าง เวียดนาม อิหร่าน อาร์เจนติน่า เคนย่า ก็ยิ่งส่อแววว่าอาจเกิดหิมะตกในเมืองไทยได้

ยิ่งมีใครบางคนตีความนัยยะ“หิมะ”ของคุณโสรัจจะ ว่าอาจจะเป็นลักษณะเกร็ดน้ำแข็งที่ดูคล้ายหิมะอย่างลูกเห็บหรือแม่คะนิ้ง สภาพการณ์หิมะตกในเมืองไทยก็ยิ่งเข้าเค้า

ยิ่งหนาวนี้หนาวมากถึงขนาดเกิดแม่คะนิ้งในหลายพื้นที่ดังที่กล่าวมาข้างต้น ก็ยิ่งทำให้ปรากฏการณ์หิมะตกในเมืองไทยใกล้ความจริงเข้ามาทุกที

ทั้งหลายทั้งปวงนั้นผู้รู้ท่านบอกว่า ล้วนมาจากสภาวะโลกร้อน!!!
แม่คะนิ้งที่เกาะหนาแน่นดูเผินๆคล้ายกองหิมะไม่น้อยเลย
แต่ที่ผมสงสัยก็คือ ในเมื่อโลกร้อน ทำไมคนไทยหนาวขึ้น

เรื่องนี้มากระจ่างเมื่อวันนั้นดูทีวีช่องหนึ่ง พิธีกร คุณจอมขวัญ หลาวเพ็ชร์ สัมภาษณ์ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ถึงสาเหตุของเรื่องนี้ว่า ทำไมโลกร้อนแต่อากาศบ้านเราหนาวขึ้น

ดร.อาจอง แจงด้วยหลักวิทยาศาสตร์ว่า สภาวะโลกร้อนทำให้อุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกร้อนขึ้นประมาณ 1-2 องศาเซลเซียส แต่...ที่บริเวณขั้วโลกเหนือ-ใต้นั้น อุณหภูมิร้อนขึ้นมากถึง 5-6 องซาเซลเซียส นั่นเลยทำให้โลกต้องพยายามรักษาค่าเฉลี่ยไว้ จึงชดเชยด้วยการลดอุณหภูมิแถบเส้นศูนย์สูตรลง(คล้ายๆโลกปรับตัว : อันนี้ความเห็นผม) เราจึงหนาวขึ้นกว่าปกติ

คุณจอมขวัญถามอีกว่า แล้วเมืองไทยจะมีโอกาสเกิดหิมะตกในต้นปีนี้หรือเปล่า

ดร.อาจอง ตอบว่า แนวโน้มเมืองไทยเกิดหิมะตกมีความเป็นไปได้สูง โดยเฉพาะทางภาคเหนือบนที่สูง พร้อมๆกับถือโอกาสแก้ข่าวว่า แต่เป็นในโอกาสอันใกล้นี้ ไม่ใช่หมายถึงในต้นเดือน ม.ค. 51(อย่างที่สื่อนำเสนอไป)

ฟังๆแล้ว หลายคนอาจคิดว่าคงดีที่เมืองไทยมีหิมะตก เพราะจะได้ขึ้นเหนือ ขึ้นดอย ไปเที่ยวดูหิมะ และคงเข้าทางททท. ที่ฉวยจังหวะโปรโมตการท่องเที่ยวแบบได้เปล่า(แต่ของบ)ตามที่ตัวเองถนัด

ขณะที่ใครบางคนมองข้ามช็อตคิดไปไกลแนวแดกกันปนตลกร้ายว่า ถ้าเมืองไทยมีหิมะตก นั่นก็ถึงเวลาที่เราจะพัฒนาก้าวไกลเป็นมหาอำนาจของโลกเสียที เพราะประเทศมหาอำนาจของโลกอย่าง อเมริกา อังกฤษ ยุโรป จีน ญี่ปุ่น มีหิมะตกทั้งนั้น

เรียกว่าเป็นทัศนะเบาๆประโลมโลก แต่ในความเป็นจริงนั้นผมเชื่อว่าใครหลายคนรู้ดีว่า ไม่ว่าในอนาคตอันใกล้เมืองไทยจะมีหิมะตกหรือไม่ หรือจะเป็นเพียงแม่คะนิ้งที่ตกลงมามากมาย แต่สิ่งที่น่าตระหนกก็คือ วันนี้ของโลกเรากำลังกับสภาวะโลกร้อนที่ก่อให้เกิดวิกฤติทางธรรมชาติมากมาย

ไม่ว่าจะเป็น ธารน้ำแข็งขั้วโลกละลาย,อุณหภูมิโลกสูงขึ้น, หน้าร้อน-ร้อนจัด, หน้าหนาว-หนาวจัด, หน้าฝน-ฝนตกหนักมีพายุรุนแรง, ระดับคาร์บอนไดออกไซด์บนโลกสูงขึ้น, ไฟป่าเกิดง่าย, ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น, ชายฝั่งถูกกัดเซาะ, ฤดูกาลไม่คงที่-เปลี่ยนแปลง,นกอพยพย้ายถิ่น,ดอกไม้ออกดอกเร็วขึ้น ฯลฯ

เรียกว่าปัญหาโลกร้อนที่แต่ก่อนดูไกลตัวนั้น วันนี้มันเริ่มขยับใกล้ตัวเรามากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้นทุกที ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงนี้มนุษย์จะโทษใครไม่ได้เลย เพราะปัญหาโลกร้อนที่เริ่มจะเดินเข้าสู่วิกฤตินั้น ปัจจัยหลักเกิดจากน้ำมือมนุษย์ทั้งสิ้น!?!

.....................
 
ฟ้าดิน 
กลัวท่านกระหาย, จึงให้น้ำแก่ท่านดื่ม
กลัวท่านหิวโหย,จึงให้ธัญญาหารแก่ท่านรับประทาน
กลัวท่านหนาว,จึงให้ฝ้ายแพรพรรณท่านป้องกันความหนาว
ฟ้าดิน 
ทุ่มเทแก่ท่านมากมายถึงปานนี้  ท่านทำเรื่องใดแก่ฟ้าดินบ้าง
                       จากเรื่อง "ฤทธิ์มีดสั้น" ของ "โก้วเล้ง"

กำลังโหลดความคิดเห็น