ใครที่ผ่านไปผ่านมาแถวถนนราชดำเนินนอกนอกจากจะต้องเห็นพระที่นั่งอนันตสมาคม ภายในพระราชวังดุสิต อันวิจิตสวยงามแล้ว ที่ลานด้านหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมยังมี “พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” หรือที่เรียกกันอย่างติดปากว่า “พระบรมรูปทรงม้า” ซึ่งตั้งอยู่อย่างโดดเด่นเป็นสง่า และยังเป็นที่เคารพสักการะแก่ผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนของทุกวันอังคารซึ่งตรงกับวันพระราชสมภพของพระองค์ และวันพฤหัสบดีซึ่งถือเป็นวันครู เราจะคุ้นตากับภาพประชาชนจำนวนมากที่พากันมาสักการบูชาที่ลานพระบรมรูปทรงม้า โดยมีความเชื่อว่าจะเสมือนหนึ่งไปรอเฝ้ารัชกาลที่ 5 และสิ่งที่นิยมนำมาใช้ในสักการบูชา คือ ดอกกุหลาบสีชมพู ด้วยความเชื่อที่ว่า ดอกกุหลาบที่มีความงามและมีหนามแหลมคม แสดงถึงอำนาจ หากนำมาบูชาจะทำให้ผู้บูชามีอำนาจ และสีชมพูยังเป็นสีของวันพระราชสมภพด้วย
นอกจากนี้ ประชาชนบางคนยังนิยมจัดเป็นโต๊ะบูชา ส่วนใหญ่ประกอบด้วย บายศรี หมากพลู บุหรี่ เหล้า/ไวน์ สตางค์ น้ำมนต์ เชิงเทียน กระถางธูป ฯลฯ ซึ่งถือเป็นการจัดอย่างบูชา “เทพ” ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเปรียบพระองค์เสมือนดั่งเทพยดาที่ปกปักษ์รักษาประเทศชาติและราษฎร ให้อยู่รอดปลอดภัยและเจริญก้าวหน้ามาโดยตลอด
“พระบรมรูปทรงม้า” แห่งนี้ ถือเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์แห่งความจงรักภักดี ที่เหล่าพสกนิกรพร้อมใจกันสร้างถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติครบ 40 ปีบริบูรณ์ย่างเข้าสู่ปีที่ 41 อันถือได้ว่ายืนนานยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ในราชวงศ์จักรีในขณะนั้น
หากย้อนกลับไปยังแผ่นดินในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ซึ่งก็คือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้สำเร็จราชการรักษาพระนคร และเหล่าเสนาบดีมีความเห็นพ้องกันว่า เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่ครองราชย์ยืนนานที่สุดจึงควรจัดงาน “พระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก” สมโภชเฉลิมฉลอง และสมควรที่จะสร้างสิ่งใดไว้เป็นอนุสรณ์เฉลิมพระเกียรติโดยใช้เงินที่ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ ร่วมกันบริจาคทรัพย์ทูลเกล้าฯ ถวายเป็นเงินเฉลิมพระขวัญ
ขณะเดียวกันก็ได้ทราบข่าวว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เสด็จไปทอดพระเนตรพระราชวังแวร์ซาย ณ ประเทศฝรั่งเศส และสนพระทัยพระรูปพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงม้า หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ลานข้างพระราชวัง ทรงปรารภว่าถ้ามีพระบรมรูปทรงม้าของพระองค์ตั้งไว้ในสนามที่ถนนราชดำเนินเชื่อมกับพระที่นั่งอนันตสมาคมคงจะสง่างามดี เหมือนเช่นที่มักมีกันตามประเทศต่างๆ ในยุโรป
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช จึงได้กราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาติสร้าง “พระบรมรูปทรงม้า” ตามแบบพระรูปพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงม้า ณ พระราชวังแวร์ซาย กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นแบบที่พระองค์ทรงโปรด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จไปทำการตกลงและเลือกชนิดโลหะด้วยพระองค์เอง อีกทั้งยังทรงเสด็จไปประทับเป็นแบบให้นายช่างปั้นหุ่น เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2450 ขณะเสด็จประทับอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งพระรูปมีขนาดโตเท่าพระองค์จริง เสด็จประทับอยู่บนหลังม้าพระที่นั่ง โดยม้าพระที่นั่งนั้นมิใช่ปั้นจากแบบม้าพระที่นั่งจริง แต่เป็นม้าที่บริษัทได้ปั้นเป็นแบบเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว
พระบรมรูปทรงม้าหล่อด้วยโลหะทองบรอนซ์ วางบนแท่นศิลาอ่อน สูง 6 เมตร กว้าง 2 เมตร ยาว 5 เมตร ห่างจากฐานของแท่นออกมา มีโซ่ขึงล้อมรอบกว้าง 9 เมตร ยาว 11 เมตร ตรงฐานด้านขวามีอักษรฝรั่งเศสจารึกชื่อช่างปั้นและช่างหล่อไว้ว่า C.MASSON SEULP 1980 และ G.Paupg Statuare และด้านซ้ายเป็นชื่อบริษัทที่ทำการหล่อพระบรมรูปทรงม้าว่า SUSSF Fres FONDEURS. PARIS สำหรับแท่นศิลาอ่อนด้านหน้า มีแผ่นโลหะจารึกอักษรไทย ติดประดับแสดงพระบรมราชประวัติและพระเกียรติคุณ ลงท้ายด้วยคำถวายพระพรให้ทรงดำรงราชสมบัติอยู่ยืนนาน
จากนั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชก็ได้กราบทูลขอถวายพระบรมรูปทรงม้านั้นเป็นของขวัญทูลเกล้าฯจากประชาชนชาวไทยสนองพระมหากรุณาธิคุณในพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จไปทรงทำพิธีเปิดด้วยพระองค์เอง จึงปรากฏพระบรมรูปทรงม้าขึ้น ณ พระลานพระที่นั่งอนันตสมาคม เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2451 เป็นต้นมา
จากวันนั้นจวบจนวันนี้ พระบรมรูปทรงม้ามีอายุครบศตวรรษ 100 ปี ที่ปวงชนชาวไทยได้มีโอกาสได้ร่วมสักการะพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งถือเป็นพระบรมราชานุสรณ์ของรัชกาลที่ 5 ดังนั้นเพื่อร่วมถวายสักการะและรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีต่อปวงพสกนิกรชาวไทยในหลากหลายด้านอย่างอเนกอนันต์ มูลนิธิโทรทัศน์เฉลิมพระเกียรติผ่านดาวเทียมจึงได้จัดงานรำลึกถึงโอกาสที่ครบรอบ 100 ปี พระบรมรูปทรงม้า ภายใต้ชื่อ “งานรำลึกครบ 100 ปี พระบรมรูปทรงม้า”
โดยมีกิจกรรมหลักได้แก่ กิจกรรม “พระบารมีเกริกหล้า” ซึ่งเป็นการแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายใต้แนวคิด “ปิยมหาราช...กษัตราในดวงใจ” พระเจ้าแผ่นดินผู้ทรงปกป้องคุ้มครองแผ่นดินและพัฒนาบ้านเมืองเพื่อนำพาประเทศไทยสู่ความเจริญรุ่งเรืองทัดเทียมนานาอารยประเทศ และเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทในการนำความรู้ความสามารถมาพัฒนาประเทศชาติ ประกอบด้วย 4 ส่วนนิทรรศการหลักได้แก่ ส่วนที่ 1 เป็นส่วนของพระราชประวัติ
ส่วนที่ 2 ได้แก่ส่วน เบิกฟ้า วัฒนาสยามประเทศ ประกอบด้วยพระราชกรณียกิจด้านการคมนาคม การสื่อสาร ด้านสังคม การเลิกทาส ด้านสาธารณูปโภค ด้านการเมืองการปกครอง สาธารณสุข เศรษฐกิจ การคลัง การยุติธรรม การศึกษา กฎหมาย และศาล ผ่านการถ่ายทอดเรื่องราวด้วยการฉายภาพผ่านม่านน้ำ(ไฮโดรสกรีน) สำหรับส่วนที่ 3 ตามรอยพระบาท เสด็จประพาสสมานไมตรี ทั้งการเสด็จประพาสต่างประเทศ และเสด็จประพาสต้น
และส่วนที่ 4 พระบรมรูปทรงม้า พระบรมราชานุสรณ์แห่งความภักดี โดยร่วมย้อนภาพความทรงจำในอดีตกว่า 1 ศตวรรษ ในนิทรรศการภาพประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 100 ปีก่อน ครั้งเมื่ออัญเชิญพระบรมรูปทรงม้าขึ้นประดิษฐานบนแท่นรองหน้าพระราชวังดุสิต โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จไปทรงทำพิธีเปิดด้วยพระองค์เองนั้น ซึ่งคนไทยในยุคปัจจุบันอาจไม่เคยมีโอกาสได้เห็น
สำหรับกิจกรรมหลักที่ 2 ได้แก่ “ปวงประชาเกษมศานต์” โดยได้จัดงานย้อนอดีตชื่นชมวิถีไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 เนื่องในงานนิวัติพระนครด้วยการเนรมิตตลาดพระนครย้อนยุคกว่า 100 ปี มาอยู่ ณ บริเวณโดยรอบสวนอัมพรทั้งตลาดบกและตลาดน้ำ (บริเวณสระน้ำหน้าอาคารใหม่สวนอัมพร) และสร้างสีสันด้วยการแต่งชุดไทยของแม่ค้าร้านตลาดในสมัยรัชกาลที่ 5 ให้ได้จับจ่ายกันอย่างเพลิดเพลิน พร้อมด้วยบริการรถลากชมตลาด ชิม และเลือกซื้ออาหาร ขนมไทยกว่า 100 ชนิด ที่มีในอดีตและมีมาจนถึงปัจจุบัน พร้อมด้วยการแสดงพื้นบ้านและการละเล่นต่างๆ ในสมัยรัชกาลที่ 5 พิเศษสำหรับผู้ชมงานจะได้ร่วมถ่ายภาพย้อนยุค พร้อมจัดทำเป็นโปสการ์ดแล้วจ่าหน้าส่งถึงตัวเอง
และกิจกรรมพิเศษ การจัดการประกวดถ่ายภาพพระบรมรูปทรงม้า ผ่านหัวข้อการประกวด “งานรำลึกครบ 100 ปี พระบรมรูปทรงม้า” การแข่งขันประกวดถ่ายภาพพระบรมรูปทรงม้า และบรรยากาศตลาดพระนครย้อนยุคกว่า 100 ปี ภายในงานรำลึกฯ โดยผู้เข้าประกวดสามารถลงทะเบียนเพื่อเข้าแข่งขันและส่งภาพเข้าประกวดได้ภายในวันที่ 13 พฤศจิกายน นี้ ที่บริเวณสวนอัมพร และตัดสินผู้ชนะเพื่อรับเหรียญพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงม้าครบ 100 ปี รวมเงินรางวัลกว่า 200,000 บาท โดยจะทำการตัดสินในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2551 และนำมาจัดแสดงที่บอร์ดนิทรรศการในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2551
โอกาสพิเศษสำหรับผู้เข้าชมงาน รับโปสการ์ดที่ระลึกงานรำลึกครบ 100 ปี พระบรมรูปทรงม้า ฟรีมีจำนวนจำกัด วันละ 1 แบบ 5 วัน 5 แบบ ภายในงานเท่านั้น โดย “งานรำลึกครบ 100 ปี พระบรมรูปทรงม้า” นี้จัดขึ้นในวันที่ 12-16 พฤศจิกายน นี้ ตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. ณ สวนอัมพร และลานพระราชวังดุสิต หรือลานพระบรมรูปทรงม้า พร้อมเชิญชวนผู้เข้าชมงานสวมเสื้อสีชมพูโดยพร้อมเพรียงกัน