xs
xsm
sm
md
lg

ข้ามเกาะมาเก๊า ชมวิถีชาวเกาะ“ไทปา-โคโลอาน”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โบสถ์แม่พระคาร์เมล บนเกาะไทปา
เมื่อตอนที่แล้วไปเดินชมเมืองมรดกโลกในมาเก๊ามาเสียทั่วเมืองจนเมื่อยขาไปหมด แต่ก็ยังจะมุ่งหน้าเดินเที่ยวกันต่อ เพราะมาเก๊าไม่ได้มีพื้นที่เพียงแค่บนแผ่นดินใหญ่ แต่ยังมีอีกสองเกาะที่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของมาเก๊าด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ "เกาะไทปา" (Taipa) และ "เกาะโคโลอาน" (Coloane) ซึ่งทั้งสองเกาะนี้ก็ยังเชื่อมถึงกันด้วยพื้นที่ที่เรียกว่า "โคไท" (Cotai) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกิดขึ้นจากการถมทะเลเชื่อมทั้งสองเกาะให้เป็นผืนเดียวกัน

จากมาเก๊าบนแผ่นดินใหญ่จะเดินทางมายังเกาะไทปา ก็มีสะพานอยู่ 3 แห่งที่เชื่อมต่อระหว่างคาบสมุทรมาเก๊าและเกาะไทปาเข้าด้วยกัน ได้แก่ สะพาน Governor Nobre de Carvalho สะพาน Ponte de Amizade และสะพาน Sai Van Bridge ทำให้การเดินทางเชื่อมโยงถึงกันนั้นเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็ว
บ้านสีเขียวห้าหลัง หรือ Taipa House Museum
ทั้งสองเกาะบริวารของมาเก๊านี้ก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดชมอยู่ไม่น้อย เรามาเริ่มท่องเที่ยวกันบน "เกาะไทปา" ก่อนดีกว่า บนเกาะแห่งนี้ถือเป็นพื้นที่ในแถบชานเมืองของมาเก๊า แต่ก็เป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น สนามบินนานาชาติมาเก๊า มหาวิทยาลัยแห่งชาติมาเก๊า รวมไปถึงสนามกีฬามาเก๊าก็อยู่บนเกาะนี้เช่นกัน และถ้าพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยว บนเกาะไทปาก็มีสถานที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เริ่มต้นเส้นทางเดินชมเกาะไทปาจากที่ "วัดตินเฮา" (Tin Hau Temple) วัดเล็กๆ ที่เก่าแก่ที่สุดในเกาะไทปา มีอายุกว่า 200 ปี สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล

ฝั่งตรงกันข้ามกันนั้นเป็นที่ตั้งของ "พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ไทปาและโคโลอาน" ซึ่งควรแวะเข้าไปชมก่อน เพราะจะทำให้เรารู้จักประวัติศาสตร์ของเกาะไทปาและโคโลอานว่ามีต้นกำเนิดอย่างไร มีวิถีชีวิตอย่างไร อีกทั้งจะได้เห็นข้าวของเก่าแก่ที่ทางพิพิธภัณฑ์ได้เก็บรักษาไว้ และมีภาพจำลองสภาพความเป็นอยู่แบบเดิมๆ ของคนทั้งสองเกาะอีกด้วย
ภายนอกพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ไทปาและโคโล
จากพิพิธภัณฑ์นี้เราสามารถเดินเล่นสบายๆ บนถนนสายเล็กๆ เพื่อเที่ยวชม "หมู่บ้านไทปา" (Taipa Village) ได้ โดยหมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ทางตอนล่างของเกาะไทปา เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ มีทั้งสถาปัตยกรรมแบบจีนและแบบโปรตุเกส รายล้อมอยู่ริมถนน หรือหากใครอยากซอกแซกเข้าไปชมวิถีชีวิตที่แท้จริง ก็สามารถเข้าไปเดินในตรอกซอกซอย ก็จะได้บรรยากาศไปอีกแบบหนึ่ง

เราเดินลัดเลาะบ้านเรือนมาเรื่อย จนมาพบกับศาลาโล่งโปร่งหลังหนึ่ง พื้นปูด้วยกระเบื้องเป็นลวดลายเส้นสายพลิ้วไหว และมีกำแพงรูปมังกรอยู่ชิดริมถนน ศาลาที่ว่านี้ก็คือตลาดเก่าของชาวเกาะไทปาที่มีหลังคาในสไตล์จีน แต่มีเสาสไตล์คลาสสิคแบบกรีก-โรมัน เมื่อมีการสร้างตลาดแห่งใหม่ขึ้นในเวลาต่อมา ตลาดเก่าแห่งนี้จึงไม่ค่อยมีใครมาใช้บริการ ทางรัฐบาลจึงมีโครงการจะทุบศาลาหลังนี้ทิ้ง แต่ชาวบ้านไทปาออกมาคัดค้าน เพราะต้องการเก็บศาลาอันเก่าแก่นี้ไว้เป็นอนุสรณ์ต่อไป
ศาลาที่เคยเป็นตลาดเก่าของหมู่บ้านไทปา
ในซอยเล็กๆ ข้างตลาดเก่านี้ เป็นถนนสายสั้นๆที่คึกคักเป็นอย่างมาก เพราะเป็น "ถนนสายอาหาร" ซึ่งมีร้านอาหาร ร้านขนมของกินนานาชนิดมาเปิดให้บริการ มีทั้งร้านเก่าแก่ขายสืบทอดกันมาหลายรุ่น และร้านใหม่ๆแต่ฝีมือไม่เป็นรองใคร นอกจากจะกินเองแล้ว ก็ยังสามารถซื้อขนมนานาชนิดเป็นของฝากคนทางบ้านได้อีกด้วย

เดินบนถนนสายอาหารกันจนอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาชมเมืองกันต่อ ที่ "โบสถ์พระแม่คาร์เมล" จุดสำคัญที่ต้องไม่พลาดชม โบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์คาธอลิกแห่งเดียวในเกาะไทปา เพื่อใช้เผยแผ่ศาสนาคริสต์นิกายคาธอลิก ตัวโบสถ์ตั้งอยู่บนยอดเขาเล็กๆ เป็นอาคารทาสีเหลืองพาสเทลทำให้มีบรรยากาศน่ารักสดใส อีกทั้งอาคารสไตล์คลาสสิคที่อยู่ตรงกันข้ามซึ่งเป็นห้องสมุดประจำเกาะนั้นก็ทาด้วยสีเหลืองเข้ากัน ด้วยบรรยากาศโรแมนติกเช่นนี้เอง ทำให้บ่อยครั้งที่บริเวณโบสถ์แห่งนี้ถูกใช้เป็นสตูดิโอถ่ายภาพคู่บ่าวสาวที่กำลังจะแต่งงานกัน เฉพาะวันที่เราไปเดินชมก็ได้เห็นเจ้าสาวเจ้าบ่าวตั้งสามคู่เข้าไปแล้ว
ถนนสายอาหารในหมู่บ้านไทปา
ไม่เฉพาะที่บริเวณโบสถ์เท่านั้นที่มีบรรยากาศโรแมนติก เพราะหากเดินลงมาอีกด้านหนึ่ง ก็จะเห็นบ้านสีเขียว 5 หลัง หรือ Taipa House Museum ตั้งเรียงอยู่บนฝั่งเดียวกันริมถนนสายเล็กๆ ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นคูน้ำขนาดใหญ่รับลมเย็นๆได้เต็มที่ บ้านสีเขียวทั้งห้าหลังนี้เป็นบ้านในสไตล์โปรตุเกส ซึ่งเคยใช้เป็นที่พักของครอบครัวชนชั้นสูงเช่นขุนนางมาก่อน แต่ปัจจุบันการท่องเที่ยวของมาเก๊าก็ได้ซื้อบ้านห้าหลังนี้เพื่อมาใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ และเปิดให้ประชาชนเจ้าชมกัน

บ้านแต่ละหลังต่างก็จัดแสดงในหัวข้อต่างๆ เช่น จัดแสดงเป็นบ้านของข้าราชการชั้นสูงชาวโปรตุเกสในอดีต จัดแสดงข้อมูลทางภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ของเกาะไทปาและโคโลอาน จัดแสดงเครื่องแต่งกายของชาวโปรตุเกส และนิทรรศการหมุนเวียนต่างๆ และถนนหน้าบ้านทั้งห้าหลังนี้ถูกเรียกว่าเป็นถนนสายโรแมนติก แต่ถ้าอยากรู้ว่าโรแมนติกแค่ไหน ก็คงต้องลองมาเดินเองจึงจะรู้
วัดตินเฮา บนเกาะไทปา
จากเกาะไทปา อย่ารอช้า เดินทางกันต่อมายัง "เกาะโคโลอาน" ซึ่งถือเป็นเขตชนบทของมาเก๊า เมื่อก่อนนี้เกาะโคโลอานเคยใช้เป็นท่าเรือและที่หลบภัยของโจรสลัด แต่ปัจจุบันบนเกาะไม่เหลือโจรสลัดให้เห็นแล้ว จะเหลือก็เพียงแต่อนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงช่วงเวลาที่ชาวบ้านบนเกาะได้รับชัยชนะเหนือโจรสลัด โดยอนุสาวรีย์นี้ตั้งอยู่ด้านหน้าของ "โบสถ์เซนต์ฟรานซิส ซาเวียร์" โบสถ์สไตล์บาร็อกทาด้วยสีเหลืองสดใส บนพื้นด้านหน้าโบสถ์ปูด้วยกระเบื้องเป็นรูปลอนคลื่นทำให้ตัวโบสถ์ยิ่งดูโดดเด่น อีกทั้งยังใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครเกาหลีเรื่องเจ้าหญิงวุ่นวายเจ้าชายเย็นชาอีกด้วย จึงนับเป็นอีกสถานที่หนึ่งซึ่งไม่ควรพลาดชม

นอกจากนั้น บนเกาะนี้ก็ยังมี "หมู่บ้านโคโลอาน" (Coloane Village) ซึ่งยังมีวิถีชีวิตแบบชาวบ้านอยู่ตามตรอกซอกซอยเหล่านั้น และหากใครอยากชิมขนมขึ้นชื่อของมาเก๊าอย่าง "ทาร์ตไข่" แล้วละก็ ในหมู่บ้านโคโลอานนี้เองเป็นที่ตั้งของร้านขายทาร์ตไข่ที่เก่าแก่และอร่อยที่สุดในมาเก๊า (คนมาเก๊าบอกมา) นั่นก็คือร้าน Lord Stow’s Bakery อยากรู้ว่าอร่อยจริงหรือไม่ก็ลองมาชิมกันได้
โบสถ์เซนต์ฟรานซิส ซาเวียร์ กับอนุสาวรีย์ปราบโจรสลัดที่ตั้งอยู่ด้านหน้าบนเกาะโคโคอาน
ที่เกาะโคโลอานนี้ก็ยังมีเจ้าแม่กวนอิมหยกขาวแกะสลักที่สูงถึง 20 เมตร ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาโคโลอาน มีหาดทรายที่ชื่อว่าหาดชอกวาน และหาดฮักซา อีกทั้งยังมีพิพิธภัณฑ์การเกษตร และอีกสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งที่รอนักท่องเที่ยวมาเยือน

คราวนี้ก็ได้เที่ยวทั่วทั้ง สองเกาะกันไปแล้ว แต่บนพื้นที่ที่เรียกว่า "โคไท" ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกิดจากการถมทะเลนั้น ก็ยังมีสิ่งก่อสร้างอันใหญ่โตอลังการ เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ดึงดูดผู้คนจำนวนมากให้ไปเยี่ยมชมกันวันหนึ่งเป็นพันเป็นหมื่นคน แต่จะเป็นอะไรนั้น ขอให้ติดตามตอนต่อไป
ร้านทาร์ตไข่แสนอร่อยบนเกาะโคโลอาน
*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 

"มาเก๊า" อยู่ในเขตมณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเพิร์ล ในอดีตมาเก๊าตกเป็นอาณานิคมของโปรตุเกสนานถึง 400 ปี และกลับคืนสู่การปกครองของจีนเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 1999

นักท่องเที่ยวสัญชาติไทย สามารถเดินทางเข้ามาเก๊าโดยไม่ต้องทำวีซ่า และเมื่อไม่นานมานี้สายการบินบางกอกแอร์เวย์ได้เปิดเส้นทางบินจากกรุงเทพไปถึงมาเก๊าให้บริการแล้ว สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับเที่ยวบินโทร.1771 หรือ 0-2265-5555

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

ยลยุโรปในเอเชีย "มาเก๊า" เดินเท้าท่องมรดกโลก
กำลังโหลดความคิดเห็น