xs
xsm
sm
md
lg

“ปารีส”นครแห่งศิลปะ ประทับใจไม่รู้ลืม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : จิรฐา เธียรผาติ
ปารีส เมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของโลก
กรุงปารีส(Paris) เมืองหลวงของฝรั่งเศส นอกจากจะเป็นเมืองแห่งแฟชั่น ศิลปะ และแสงสีแล้ว ปารีสยังเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของโลกที่นักเดินทางทั่วโลกใฝ่ฝันถึง

และแน่นอนว่าเมื่อมาปารีสแล้ว สิ่งที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่พลาดด้วยประการทั้งปวงก็คือการไปเที่ยวชม หอไอเฟล (La Tour Eiffel) สิ่งก่อสร้างที่เป็นดังสัญลักษณ์แห่งปารีสและฝรั่งเศสที่โด่งดังไปทั่วโลก
หอไอเฟล สัญลักษณ์แห่งปารีสและฝรั่งเศส
หอไอเฟล สร้างเสร็จเมื่อ ปี ค.ศ. 1889 เป็นหอคอยโครงสร้างเหล็กตั้งอยู่บนชองป์ เดอ มารส์ บริเวณแม่น้ำแซน ในกรุงปารีส ตั้งชื่อตามเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ออกแบบคือ กุสตาฟ ไอเฟล มีความสูงทั้งหมด 324 เมตร ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถไปยืนถ่ายรูปคู่หอไอเฟลหรือขึ้นไปชมวิวมุมสูงของปารีสได้ที่นี่ โดยสามารถขึ้นบนหอไอเฟลได้ 2 ทาง คือทางลิฟต์และทางบันได ที่เมื่อขึ้นไปแล้วเราอดจะตื่นตะลึงในความงามของกรุงปารีสไม่ได้

อีกจุดหนึ่งที่ถือว่าต้องไปเยือนเมื่อมาปารีสควบคู่ไปกับหอไอเฟลก็คือ ประตูชัยฝรั่งเศส (Arc de Triomphe) ที่ตั้งอยู่กลางจัตุรัสชาร์ลส์ เดอ โกลล์หรือจัตุรัสแห่งดวงดาว

หลายคนคงสงสัยว่า ประตูชัยสร้างขึ้นทำไม? และสร้างขึ้นเพื่ออะไร?
ประตูชัยฝรั่งเศสอันยิ่งใหญ่อลังการ
เรื่องนี้คงต้องย้อนกลับไปเมื่อ ปี ค.ศ. 1667 ในรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 17 ที่ทรงมีพระบัญชาให้สร้างถนนเพื่อเข้าสู่สวน Jardin des Tuileries ที่อยู่ติดกับพระราชวังจนมาถึงรัชสมัยของ นโปเลียน โบนาปาร์ต(นโปเลียนที่ 1) จอมทัพผู้ยิ่งใหญ่ของฝรั่งเศสซึ่งนำกองทัพที่แข็งแกร่งชนะศึกสงครามมากมาย เมื่อนโปเลียน โบนาปาร์ตเดินทางผ่านถนนเส้นนี้ก็ทรงดำริให้สร้าง ประตูชัยเพื่อสดุดีแก่แก่วีรชนทหารกล้าที่ได้ร่วมรบเพื่อประเทศฝรั่งเศสกองทัพฝรั่งเศส จากนั้นจึงมีการเริ่มสร้างประตูชัยขึ้นในปี ค.ศ. 1806 และเสร็จสิ้นในปี ค.ศ. 1836 โดยมี ฌอง ชาลแกร็ง เป็นผู้ออกแบบ

ประตูชัยฝรั่งเศส ดูโดดเด่นอลังการ งดงามไปด้วยงานศิลปกรรมแบบนีโอคลาสสิคที่ได้ดัดแปลงมาจากแบบโรมันโบราณ มีความสูงราว 50 เมตร และกว้าง 45 เมตร

จากประตูชัยมาต่อกันที่ถนนชองป์ เอลิเซ่ที่อยู่คู่กัน ถนนสายนี้เป็นแหล่งช้อปปิ้งชื่อดัง มากไปด้วยร้านขายของแบรนด์ต่างๆ ซึ่งก็คงเป็นที่ถูกอกถูกใจของบรรดาสาวน้อย-สาวใหญ่ผู้พิสมัยการช้อปปิ้ง
ชองป์ เอลิเซ่ ถนนสายงามต้นแบบถนนราชดำเนินบ้านเรา
นอกจากเป็นถนนสายช้อปปิ้งแล้ว ชองป์ เอลิเซ่ ต้นแบบแห่งถนนราชดำเนินยังเป็นถนนสายงามที่ยามค่ำคืนจะเพริศแพร้วไปด้วยแสงสีจากไฟดวงที่ประดับประดาบนถนนสายนี้ ซึ่งก็ทำให้คนที่ไม่ชอบการช้อปปิ้งเดินชมกันเพลินตาดีไม่น้อย

อีกจุดหนึ่งที่เป็นไฟล์ทบังคับแห่งปารีสว่าไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงก็คือ พิพิธภัณฑ์ ลูฟ ที่อยู่ไม่ไกลกัน

ลูฟ เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ที่อยู่ในพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดของโลก นั่นก็คือพระราชวัง Palais du louvre เมื่อมาถึงยังลูฟสิ่งแรกที่เตะตาเรามากๆก็คือ พีระมิดแก้ว ที่ใครได้ดู“รหัสลับดาวินชี” อาจแอบคิดเล็กน้อยถึงปานกลางว่าใต้พีระมิดแก้วอาจมีสิ่งสำคัญระดับเขย่าภพสะเทือนโลกซ่อนอยู่
ลูฟ พิพิธภัณฑ์เลื่องชื่อ
สำหรับการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ลูฟนั้น หากชมกันอย่างจริงจังคงต้องใช้เวลาหลายวัน แต่หากชมในระยะสั้นเวอร์ชั่นย่อก็ใช้เวลาหลายชั่วโมงที่รวมระยะทางก็หลายกิโลเมตรอยู่

ทั้งนี้สิ่งที่เป็นไฮไลท์ในลูฟสำหรับเราก็มี รูปปั้นวีนัสเดอมิโล (Venus De Milo)รูปปั้นเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเมื่อประมาณ 2 ศตวรรษก่อนคริสต์ศักราช ซึ่งถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1830 บนเกาะมิโล ว่ากันว่ารูปปั้นนี้เป็นดังตัวแทนความงามของผู้หญิงกรีกในยุคนั้นอีกด้วย

ต่อจากรูปปั้นความงามก็ต้องต่อด้วยรูปตั้งเทพเจ้าแห่งชัยชนะ ซึ่งมีชื่อว่า ไนกี้ ออฟ ซามอนเทรซ (Nike of Samothrace)ที่ทำมาจากหินอ่อนโดยผู้ที่แกะสลักนั้นทำได้สวยงามเปี่ยมเสน่ห์มากๆ
โดยเฉพาะริ้วผ้าอันพลิ้วไหวนั้นดูเหมือนจริงไม่น้อยเลย

รูปปั้นไนกี้องค์นี้มีความสูงถึง 2.75 เมตร แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ศีรษะขอเทพเจ้าองค์นี้หายไป เข้าใจว่าคงถูกขโมยไป

จากรูปปั้นเราไปต่อกันด้วยไฮไลท์แห่งลูฟนั่นก็คือ ภาพโมนาลิซ่า (Monalisa) งานศิลปะบันลือโลกซึ่งวาดโดยจิตกรชื่อดัง ลีโอนาโด ดาวินชี่ (Leonardo Da Vinci)ภาพนี้เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักดี เป็นภาพผู้หญิงอมยิ้มเล็กน้อย ซึ่งบางคนก็บอกว่าไม่ใช่ภาพผู้หญิงหรอกแต่เป็นภาพของตัวดาวินชี่เองนั่นแหละ
โมนาลิซ่า งานศิลปะบันลือโลก
นักประวัติศาสตร์ศิลป์เชื่อว่าดาวินชี่ใช้เทคนิค Sfumato ในการนำเสนอภาพนี้ คือสิ่งที่วาดจะค่อยๆเลือนไปจากด้านหน้าจนถึงพื้นหลัง ซึ่งดาวินชี่ได้มอบภาพนี้ให้กับพระเจ้าฟรังซัวส์ที่ 1 ภาพนี้จึงได้มาจัดแสดงอยู่ ณ พิพิธภัณฑ์ลูฟแห่งนี้

ด้วยความงดงามและปริศนาที่แฝงซ่อนอยู่ทำให้ภาพโมนาลิซ่าเป็นงานศิลปะอันทรงคุณค่าและทรงอิทธิพลชิ้นหนึ่งของโลกที่ประเมินค่าไม่ได้

และนั่นก็เป็นบางสิ่งชวนชม(จากมากมายฟลายสิ่ง)ในพิพิธภัณฑ์ลูฟ ซึ่งหลังออกจากลูฟ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการแสดงละครโอเปร่า ก็ไม่ควรพลาดการเข้าชมโอเปร่าใน โรงละครโอเปร่า เนชั่นแนล เดอ ปารัส การ์นิเย่ (Opera national de Paris Garnier) ที่เป็นโรงละครขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แต่กลับสามารถจุคนได้เพียง 2,000 คนเท่านั่น เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่นั้นอุทิศให้กับเวทีอันยิ่งใหญ่และห้องใต้ดินสำหรับการแต่งกายรวมถึงห้องอื่นๆอีกมากมาย
โรงละครโอเปร่า เนชั่นแนล เดอ ปารัส การ์นิเย่
ของดีปารีสยังไม่หมด เพราะถ้าใครเป็นผู้ที่ชมชอบงานสถาปัตยกรรมก็ไม่ควรพลาด โบสถ์คาธีดรัล นอตเธอ ดัม ที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิค เริ่มสร้างในปี ค.ศ. 1160 แต่แล้วเสร็จในปี ค.ศ.1330 ซึ่งเราสามารถสังเกตว่าที่กรอบประตูทางเข้าโบสถ์นั้น ได้สลักเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับคริสต์ศาสนาเอาไว้

โดยประตูตรงกลางจะสลักเกี่ยวกับเรื่อง the last judgment ประตูทางซ้ายจะเป็นภาพของพระแม่มารี ส่วนประตูทางขวาเป็นภาพของ St.Anne โบสถ์หลังนี้เป็นโบสถ์ที่ใหญ่มาก มีความสูงถึง 90เมตร ยาวถึง 130 เมตร ทำให้เมื่อเดินอยู่ในนั้นเรารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเล็กลงไปอีกมากโข

จากโบสถ์คาธีดรัล นอตเธอ ดัม เรามาต่อกันที่ โบสถ์ เซนท์ ชาแปล (St. Chapelle) ซึ่งตั้งอยู่ที่ ปาเรียส เดอ จัสติก (Palais de Justice) ศูนย์กลางระบบยุติธรรมของฝรั่งเศส ตัวโบสถ์ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1246-1248 โดยสถาปนิกชื่อ ปิแอร์ เดอ มอนทรุย (Pierre De Montreuil) ในรูปแบบโกธิคที่งดงามตระการตา

ตัวโบสถ์มี 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นพื้นที่สำหรับข้าราชบริพาร ส่วนชั้นบนที่มีความสูงถึง 20 เมตรนั้นเป็นส่วนของราชวงศ์ซึ่งจะตกแต่งด้วยกระจกสีเป็นแนวสูงปกคลุมโถงทั่วบริเวณ
โบสถ์คาธีดรัล นอตเธอ ดัม
ผ่านจากโบสถ์แบบโกธิคที่สวยงามก็มาต่อกันที่ หอคอยเซนต์ ชัค(Saint- Jacques) ที่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1508-1522 หอคอยแห่งนี้มีความสูงถึง 52 เมตร ตัวหอคอยมีรูปแกะสลักเป็นลายอ่อนช้อย และมีรูปปั้นประดับประดามากมาย ในอดีตนั้นหอคอยเซนต์ ชัค เคยเป็นส่วนหนึ่งของโบสถ์ แต่ตัวโบสถ์ได้ถูกลำลายลงไปในปี ค.ศ.1797

นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น ปารีสยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆอีกมากมายให้เลือกเที่ยวเลือกชมกันไม่หวาดไม่ไหว อาทิ พระราชวังแวร์ซายน์, สวน Saint Cloud, สวนSèvres, พิพิธภัณฑ์ Muse d’Orsay,หมู่บ้าน Bercy, ดิสนี่แลนด์ปารีส ฯลฯ ซึ่งสามารถสร้างความตื่นตาตื่นใจกับนักท่องเที่ยวได้ไม่รู้เบื่อ สมกับตำแหน่งเมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของโลกที่เมื่อได้ไปเยือนแล้วช่างประทับใจไม่รู้ลืมจริงๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น