xs
xsm
sm
md
lg

ล่องเรือโรแมนติก “กอนโดล่าเกาะช้าง”/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี
หมู่บ้านชาวประมงในคลองช่วงแรกๆ
ภาคสอง...

เกาะช้าง บ้านสลักคอก ช่วงหยุดยาววันวิสาขบูชาที่ผ่านมา

“ว๊าย! วี๊ด! กรี๊ด! กร๊าด! เฮ้ย! ตาเถรตก! อุ๊ย...หล่น-ร่วง!(เข้าใจว่าเป็นอวัยวะบางอย่าง) ฮ่ะ โตะใจโหมะเลย ฯลฯ...”

เหล่านี้เป็นคำอุทานแบบฉับพลันทันที ที่เจ้าหน้าที่สาวแห่งชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักคอกกระตุกร่มสีขาวคันใหญ่(ราวๆร่มชายหาด)ในเรือมาดลำย่อม

ช่วงเธอกระตุกร่มเรือก็กระตุกเอียงวูบเล็กน้อย เล่นเอาหลายคนเก็บอาการไม่อยู่ต้องอุทานออกมา เพราะกลัวร่มจะทำให้เรือล่ม ส่วนผมตกใจแต่จริตช้าและไม่ออกอาการ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่านี่น่าจะเป็นเทคนิคการทำให้ตื่นตัว(กรุณาอย่าคิดเป็นอย่างอื่น)ต่อการล่องเรือมาดชมวิวของเจ้าหน้าที่สาวคนนั้น

ครั้นเมื่อเรือพร้อม คนพร้อม(หายตระหนก ตกใจ) พี่ทอม ฝีพายประจำเรือก็โยกพายคู่บังคับเรือลัดเลาะไปตามลำคลองสู่ปากอ่าวสลักคอกในทันที

ช่วงแรกของเส้นทางจะเป็นหมู่บ้านชาวประมงสลักคอก ที่มีภาพวิถีชีวิตการทำประมงพื้นบ้านเคียงคู่ไปกับภาพเรือประมงพื้นบ้านที่จอดเรียงราย ภาพเหล่านี้บนเกาะช้างนับวันยิ่งมายิ่งลดน้อยถอยลง ผิดกับภาพของโรงแรม รีสอร์ท และสิ่งปลูกสร้างทางการท่องเที่ยวบนเกาะช้างที่นับวันยิ่งมายิ่งเพิ่มมากขึ้น

ในขณะที่ภาพเรือที่แล่นเอื่อยๆเบื้องหน้านั้น ดูแล้วมันมีเสน่ห์และโรแมนติกไม่หยอก เพราะนี่ไม่ใช่เรือมาดธรรมดาๆ หากแต่เป็นเรือมาดที่นั่งแล้วดูมีมาดไม่เบา เพราะเป็นเรือที่ชมรมนำเที่ยวฯเขาต่อขึ้นใหม่ โดยใช้แม่แบบเป็นเรือมาดพื้นบ้านดั้งเดิมแล้วมาประยุกต์เพื่อการท่องเที่ยว ทำออกมาเป็นเรือมาดแจวหลักคู่ นั่งได้ 4 คน มีเก้าอี้พนักพิงให้นั่ง 2 ข้าง มีโต๊ะอยู่ตรงกลาง พร้อมร่มสีขาวที่ดูแล้วกิ๊บเก๋เท่ไม่เบา ถึงขนาดที่ใครและใครหลายคนยกให้นี่เป็น“เรือกอนโดลา”แห่งเกาะช้างเลยทีเดียว (เรือกอนโดลา(gondola) เป็นเรือพายพื้นบ้านของชาวเวนิส ใช้เป็นพาหนะหลักของการเดินทางในเมืองเวนิส ประเทศอิตาลีมานานหลายร้อยปี : ข้อมูล วิกิพีเดีย)
ล่องเรือโรแมนติก ที่บ้านสลักคอก
ผมไม่เคยไปเวนิส อิตาลี แต่ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของเวนิสมา 20 กว่าปี หากแต่เป็น(อดีต)เวนิสตะวันออกอย่าง“บางกอก”ที่แม้จะไม่รู้ว่าการล่องเรือกอนโดล่าต้นฉบับแท้ๆมันเป็นอย่างไร แต่การได้ลอยล่องบนกอนโดล่าเกาะช้างนี่ ถ้าไปถูกช่วงจังหวะเวลา ลมเย็นๆ ฟ้าใสๆ แดดอ่อนๆ แสงสวยๆ ผมว่ามันดูให้อารมณ์ที่ชวนโรแมนติกไม่น้อยเลย ยิ่งหากใครไปกับคนรักหรือคนรู้ใจยิ่งชวนโรแมนติกเข้าไปใหญ่ ส่วนถ้าจะให้แหล่มและโรแมนติกสุดๆก็เห็นจะต้องควง“กิ๊ก”ไปนั่งล่องเรือด้วย

สำหรับบ่ายวันนั้น ขนาดแค่ผมไปนั่งกับเพื่อนใหม่(สาว)ยังมีคนแซวว่าดูสวีทไม่ต่างจากคู่ฮันนีมูนเลย นั่นคงเป็นเพราะบรรยากาศพาไป เพราะนอกจากการลอยเรือโรแมนติกรับลมเย็นๆแล้ว ทิวทัศน์รอบข้างก็มีเสน่ห์ไม่น้อยเลย ไม่ว่าจะเป็น ผืนป่าชายเลนอันร่มรื่นเขียวครึ้ม ซึ่งนี่คือป่าชายเลนผืนใหญ่ที่สุดแห่งเกาะช้างมีขนาดประมาณ 500 ไร่ หรือสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆมองเห็นชาวประมงลอยเรือหาปลาริมผืนป่าชายเลนในบางช่วง

“ถ้าคุณมาถูกจังหวะ ถูกช่วง ได้เห็นชาวบ้านเขาจับปูกันเห็นแล้วจะอึ้ง เพราะปูดำที่นี่ตัวใหญ่จริง”

พี่ทอมบอกกับทุกคนในเรือในระหว่างที่แจวเรือไป อมยิ้มไป และปาดเหงื่อไป งานนี้ผมไม่รู้ว่าการที่แกเหงื่อหยดติ๋งๆนั้น เป็นเพราะเหนื่อย หนัก หรืออึ้งกับสาวบางคนในลำเรือ แต่ที่รู้ก็คือป่าชายเลนที่นี่ยังดูอุดมสมบูรณ์อยู่ไม่น้อยเลย

พ้นจากป่าชายเลนไป เรือก็แล่นออกสู่ปากอ่าวที่แม้ว่าชายหนุ่มบางคนกลัวการล่มในบริเวณนี้ แต่หากเบิ่งสายตาทัศนาทิวทัศน์ของ ผืนป่า ท้องทะเล ที่ขนาบข้างด้วยขุนเขาของที่นี่แล้วมันช่างชวนมองยิ่งนัก

แต่งานนี้ความพิเศษของมันกับอยู่ที่สันทรายกลางทะเลที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาเล็กน้อยเป็นสันดอนขุดได้ สันดานขุดยาก ให้พวกเราขออนุญาตคนเรือพาไปจอดลงเดินทอดน่อง ถ่ายรูปกันบนสันทรายเล็กๆแห่งนี้ ที่มีต้นโกงกางเล็กๆขึ้นโด่เด่อยู่โดดๆแค่ 2 ต้น
ชาวคณะถ่ายรูปบนสันทราย
“ผมมาปักฝักไว้เองแหละครับ พอต้นมันโต มันก็กลายเป็นจุดสังเกตในการล่องเรือของเรา”

ใครและใครบางคนในทริปนี้พอได้ยินพี่ทอมพูด ก็รีบก้มลงเก็บฝักโกงกางจำนวนหนึ่งที่ลอยมาติดแหงกอยู่บนสันทรายไปปักไปปลูกบนสันทรายเป็นพัลวัน โดยหวังว่าสักวันหนึ่งมันจะเติบโตเป็นต้นโกงกางสูงใหญ่บนแนวสันทรายแห่งนี้ ที่แม้จะเป็นสันทรายค่อนข้างหยาบ(เพราะเป็นเศษเปลือกหอยเสียเป็นส่วนใหญ่) ไม่ใช่สันทรายเนียนขาวเดินนุ่มเท้าแบบบนทะเลแหวก จ.กระบี่ ถึงกระนั้นมันก็เป็นสันทรายที่น่าเดินไม่น้อยเลย

อ้อ!!! แต่ยังไงๆ ช่วงก้าวลงจากเรือต้องระมัดระวังตัวนิดส์นึง เพราะใครที่น้ำหนักเยอะประมาณช้างน้ำ ช้างน้อย หากเดินไม่ระวัง(น้ำหนักตัวเอง)อาจจะจมเลนลงไปครึ่งค่อนน่องก็เป็นได้ แต่นั่นก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเที่ยวแต่อย่างใด เพราะเสน่ห์แห่งท้องทะเลและบรรยากาศที่เป็นใจจะทำให้เราลืมเวลาไปชั่วขณะ จนเผลอแผล็บเดียวเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงของการล่องเรือก็หมดลงด้วยความประทับใจแบบแทบไม่รู้เนื้อรู้ตัว

ภาคหนึ่ง...

เกาะช้าง บ้านสลักคอก ช่วงปลายเดือน พ.ค. เมื่อ 3 ปีที่แล้ว

นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวบ้านสลักคอกอย่างจริงจัง(ไม่ใช่ผ่านหรือแวะชะโงกทัวร์อย่างเคย) และนั่นก็เป็นช่วงเริ่มแรกของการเปิดกิจกรรมล่องเรือที่นี่ ที่เพิ่งต่อเรือมาดเสร็จหมาดๆ ยังไม่ได้มีลักษณะเป็นเรือท่องเที่ยวแบบทุกวันนี้
เรือแล่นออกปากอ่าว
ครั้งนั้นผมไม่ได้นั่งเรือมาดเที่ยวหากแต่เลือกพายเรือคยักชมป่าชายเลนและท้องทะเล ซึ่งก็ได้บรรยากาศความสนุกไปอีกแบบ โดยช่วงนั้นชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักคอกเพิ่งตั้งไข่เริ่มตั้งชมรมได้ไม่นาน

มาวันนี้เผลอแผล็บเดียว 3 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก ดูเหมือนว่ากิจการต่างๆของชมรมนี้จะค่อนข้างไปด้วยดี ซึ่งนี่ถือเป็นตัวอย่างหนึ่งของ“ทุนพื้นถิ่น” ที่ไม่ยอมงอมืองอเท้าปล่อยให้ทุนต่างถิ่นเข้ามาทำมาหากินและกอบโกยผลประโยชน์ออกไปจากเกาะช้างฝ่ายเดียว

ภาคพิเศษ...

“...ทรัพยากรชุมชนไม่ได้ใช้โดยชุมชน...”

นั่นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ พิทยา หอมไกรลาศ ผู้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักและชาวชุมชนหัวก้าวหน้าในบ้านสลักคอกจำนวนหนึ่งรวมตัวกันตั้งชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านฯขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อจะคลี่คลายปัญหาดังกล่าว

...ทรัพยากรชุมชน ชุมชนย่อมมีสิทธิอย่างชอบธรรมในการดูแลรักษาและใช้ประโยชน์...
*****************************************

บ้านสลักคอก ต.เกาะช้างใต้ แห่งเกาะช้าง จ.ตราด เป็นหมู่บ้านเล็กๆในอ่าวสลักคอก(ก่อนถึงหมู่บ้านสลักเพชร) ปัจจุบันได้จัดให้มีกิจกรรมท่องเที่ยวขึ้นโดยชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักคอกที่ดำเนินงานโดยชาวบ้านทั้งหมด

สำหรับกิจกรรมในชมรมฯนี้ ประกอบด้วย –นั่งเรือมาด(มีฝีพายให้) ชมทิวทัศน์ ป่าชายเลน ราคา 200 บาท/คน/ชั่วโมง –นั่งเรือมาด(มีฝีพายให้)พร้อมซันเซ็ต ดินเนอร์(เหมาะสำหรับคู่รักหรือคู่ฮันนีมูน)ประกอบด้วย อาหาร 4 อย่าง(เน้นซีฟู้ด) เครื่องดื่ม(เน้นไวน์) และการแสดงของเด็กๆในชุมชน ราคา 1,200 /คน/2 ชั่วโมงครึ่ง-พายเรือคยักท่องป่าชายเลน(พร้อมแผนที่เส้นทางพายเรือ) ราคา 100 บาท/คน/ชั่วโมง ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ 08-1919-3995,08-7748-9497

กำลังโหลดความคิดเห็น