โดย : หมวยเกี๊ยะ
"สิงคโปร์" เป็นอีกหนึ่งประเทศท่องเที่ยวเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงที่คนไทยนิยมไปเที่ยว-ช้อปกันไม่น้อย แม้จะมีบางคนทำให้ความสัมพันธ์ของไทยกับสิงคโปร์กระเทือนไปบ้าง แต่นั่นมันเป็นเรื่องทางการเมืองที่มากไปด้วยผลประโยชน์
ส่วนฉัน การมาเยือนสิงคโปร์ครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดหูเปิดตา เปิดโลกกว้าง เพื่อเรียนรู้ประสบการณ์และสิ่งน่าสนใจของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งการเดินทางจากไทยไปสิงคโปร์ ปัจจุบันมีสายการบินหลายสายให้เลือก โดยเฉพาะสายการบินโลว์คอสต์ช่วงนี้กำลังทำตลาดกันน่าดู
สำหรับทริปนี้ หลังฉันนั่งเจ้านกเหล็กยักษ์บินเหินข้ามฟ้าจากเมืองไทยชนิดยังไม่ทันจะได้หลับ ก็มาถึงยังประเทศสิงคโปร์แล้ว ซึ่งในทริปนี้ฉันขอเลือกเที่ยวแบบตามอำเภอใจ คือเลือกวันเดินทางเอง (เอาแบบสะดวกวันไหน ลางานได้วันไหนก็ไปวันนั้น ใช้เวลาในการไปเที่ยวแค่ไม่กี่วัน) และเลือกสถานที่ท่องเที่ยวที่อยากไปเอง โดยไปขอข้อมูลการท่องเที่ยวสิงคโปร์ และมีหนังสือไกด์บุ๊ค 1 เล่มเพียงแค่นี้ก็พร้อมที่จะท่องไปในสิงคโปร์ได้อย่างไม่ยากเย็น
ครั้นเมื่อมาถึงสิงคโปร์แล้ว ฉันเลือกเดินทางไปเที่ยวที่ ไชน่าทาวน์ (Chinatown) เป็นที่แรกเพราะด้วยความที่ฉันเป็นสาวหมวยก็เลยอยากจะที่ไปสัมผัสกับแหล่งความเป็นจีนสักหน่อย ย่านไชน่าทาวน์ของสิงคโปร์นี้ ความรู้สึกก็คล้ายๆ กับเยาวราชบ้านเรา คือเป็นสถานที่อยู่อาศัยของชาวจีน ที่ได้อพยพมายังสิงคโปร์ ยังคงมีสภาพบ้านเรือนและวิถีชีวิตของชาวจีนให้ได้เห็นกัน
อีกทั้งย่านไชน่าทาวน์แห่งนี้ยังเป็นย่านช้อปปิ้งที่น่าสนใจ เพราะคลาคล่ำไปด้วยร้านรวงมากมาย ที่เปิดขายสินค้าของชาวจีน อย่างพวกเครื่องเทศจีน ยาจีน อาหารและขนมของชาวจีน เสื้อผ้า หยกหรือหินที่แกะสลักเป็นรูปต่างๆ มีร้านเขียนตัวอักษรสวยๆ แบบจีนที่น่าสนใจมากๆ รวมไปถึงมีสินค้าของที่ระลึกจากสิงคโปร์ให้เลือกซื้อมากมาย
และในย่านไชน่าทาวน์แห่งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ความเป็นจีนให้เห็นเท่านั้นนะ เพราะยังมีคนเชื้อชาติอื่นอาศัยอยู่ร่วมด้วย เห็นได้จากการที่มีมัสยิดของชาวอิสลามตั้งอยู่ด้วย เรียกว่าเป็นการผสมผสานกลมกลืนกันระหว่างคนต่างเชื้อชาติที่เห็นแล้วฉันอดคิดไม่ได้ว่า ทางภาคใต้ของบ้านเราน่าจะดูเป็นตัวอย่างที่ดี ของการอยู่ร่วมกันแบบสามัคคีกลมเกลียว
ฉันเดินเพลิน ช้อปเพลินเลือกซื้อหาสินค้าจีนที่มีราคาไม่แพงนักติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่บ้านอยู่หลายอย่าง ก่อนที่จะออกจากไชน่าทาวน์ เพื่อตรงไปยังอีกหนึ่งแหล่งช้อปปิ้งที่มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นคือที่ คลับ สตรีท (Club Street) ) เป็นย่านช้อปปิ้งที่หลายคนๆ เมื่อมาสิงคโปร์อาจจะไม่คาดคิดว่าถนนเส้นเล็กๆ นี้จะมีอะไรให้ช้อปนักหนา แต่กลับกันถนนเส้นนี้ถือว่ามีเสน่ห์ในตัว เพราะร้านค้าต่างๆ นั้นเป็นตึกแถวสไตล์ชิโนโปรตุกีสที่มีความสวยงามทางด้านศิลปะ ที่เหมือนกับภูเก็ตบ้านเรานั้นก็มีตึกสไตล์นี้ให้เห็นอยู่บ้าง ซึ่งตึกแต่ละหลังจะถูกทาสีสันสดใสสวยงามเป็นที่ตั้งของร้านขายสินค้าแบรนด์เนม และสินค้าฮิปๆ เก๋ๆ มากมาย และยังมีร้านอาหารสวยๆ มากมายที่ชวนให้เข้าไปนั่ง แค่ฉันได้เดินดูตึกสวยๆ เหล่านี้ก็คุ้มค่าแล้ว โดยที่ไม่ต้องช้อปให้เสียเงินเสียทองเลย
เพราะว่าฉันเตรียมที่จะไปชอปปิ้งให้หนำใจตามสไตล์สาวหมวยนักชอปกันที่ ห้างวีโว ซิตี้ (VivoCity) เป็นห้างชื่อดังขนาดใหญ่ของสิงคโปร์ มาที่ห้างนี้ก็ไม่ต่างกับเดินห้างดังๆ ในเมืองไทยเสียเท่าไหร่ แต่ว่าแน่นอนว่าห้างที่นี่นั้นมีสินค้าแบรน์ดเนมชื่อดังๆ มากมาย ที่บางยี่ห้อไม่มีขายในเมืองไทย จึงเป็นอะไรที่ถูกใจสาวนักช้อปอย่างฉันมากๆ ด้วยตัวห้างที่มีถึง 3 ชั้น
ฉันเลือกใช้เวลาเดินช้อปปิ้งอยู่ในห้างนี้ตากแอร์เย็นๆ เลือกซื้อของใช้ ซื้อเสื้อผ้าที่อยากได้ ละลายทรัพย์ในกระเป๋าไปเสียหลายกะตังค์ ก่อนที่จะมาขอนั่งพักเหนื่อยตรงลานน้ำพุของทางห้าง ที่เด็กๆ มาเล่นกันสนุกสนาน และบนดาดฟ้าของห้างนี้ยังมีลานโล่งแจ้งที่จัดเป็นสระน้ำเล็กๆ ให้เด็กๆ ได้ลงล่นน้ำคลายร้อนกันอย่างสนุกสนานแบบไม่เสียเงิน (ไม่เหมือนเมืองไทยบ้านเราเสียเงินหมด) และบนดาดฟ้านี้ยังถือว่าเป็นจุดชมวิวที่ดีเยี่ยมอีกด้วย
หลังจากนั่งพักจนหายเหนื่อยและหมดเงินในกระเป๋าไปไม่น้อย ฉันรีบหักห้ามใจตัวเองออกจากห้างจะดีกว่า เพราะขืนอยู่นานอาจจะหมดตัวได้ และฉันก็มีจุดหมายต่อไปที่กำลังรออยู่ นั่นคือการไปดูกล้วยไม้สวยๆ ที่ สวนกล้วยไม้แห่งชาติ (National Orchid Garden) ซึ่งตั้งอยู่ภายในสวนพฤกษชาติของสิงคโปร์ (Singapore Botanic Gardens) หลายคนมักคิดว่าสิงคโปร์มีแต่ตึก มีแต่ความทันสมัย ไม่ค่อยมีธรรมชาติ แต่เมื่อมาเที่ยวที่สวนกล้วยไม้นี้แล้ว ทำให้ฉันสัมผัสได้ว่าสิงคโปร์ก็มีความเขียวของธรรมชาติและมีความสดชื่นและอ่อนหวานอยู่ในตัว เหมือนกับกล้วยไม้พวกนี้ที่อยู่ภายในสวนแห่งนี้ที่มีจัดแสดงกล้วยไม้สวยงามกว่า 20,000 สายพันธุ์ มีกล้วยไม้หาชมยากอย่างตระกูลโบรมีเลียดจากแอฟริกากลางและใต้ให้ได้ชมด้วย เรียกว่าถ้าใครรักชื่นชอบความงดงามของกล้วยไม้ มาที่นี้แล้วไม่มีคำว่าผิดหวัง เหมือนกับที่ฉันได้มาเที่ยวชมด้วยตัวเอง ทำเอาเต็มอิ่มกับความสวยสดชื่นของกล้วยไม้สวยๆ อย่างเต็มที่ ก่อนที่จะค่ำคืนนี้ฉันจะไปเที่ยวตระเวนราตรีของเมืองสิงคโปร์กัน
สำหรับราตรีนี้ที่สิงคโปร์ ฉันเลือกมาเที่ยวแบบเน้นความบันเทิง สนุกสนานกับการกิน ดื่ม ผ่อนคลายที่ย่าน คลาร์ก คีย์(Clarke Quay) เป็นแหล่งกินดื่ม ยามค่ำคืนที่คนสิงคโปร์รวมถึงนักท่องเที่ยวชอบมาเที่ยวกัน เพราะด้วยสถานที่ที่อยู่ติดกับริมแม่น้ำสิงคโปร์ เมื่อมาที่นี่จะได้ทั้งชมความงามของแม่น้ำสิงคโปร์ยามค่ำคืน และได้สนุกสนานกับการกินดื่มแบบเต็มที่ กับบรรดาร้านอาหาร ผับ บาร์ หลากหลายสไตล์ที่มีให้เลือกเข้าไปนั่งเที่ยวได้ตามชอบใจ ไม่ว่าจะเป็นร้านFashion Bar, Clinic, Kandi Bar และอีกหลายร้าน ซึ่งร้านต่างๆ ของที่นี่เขามีระเบียบเรื่องการสูบบุหรี่ ซึ่งจะมีห้องหรือโซนที่จัดเป็นสัดส่วนสำหรับคนสูบบุหรี่โดยเฉพาะ (ซึ่งบ้านเรากำลังทำอยู่ แต่ไม่รู้จะได้แค่ไหน) และเท่าที่สังเกตจะไม่ค่อยมีกลุ่มวัยรุ่นขาโจ๋วัยเรียนมาเที่ยวเหมือนบ้านเราสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นคนวัยหนุ่มสาวทำงานที่มานั่งผ่อนคลายชีวิตหลังทำงาน และบรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติที่ชื่นชอบสีสันยามราตรีที่สิงคโปร์
ค่ำคืนนี้ของฉันบนเกาะสิงคโปร์จบลงด้วยความครื้นเครง ไปพร้อมๆ กับเสียงเพลงเพราะๆ และการดื่มด่ำกับความสุข ความสนุกสนาน ที่ในทริปนี้ได้มีโอกาสมาเที่ยวสิงคโปร์ ได้มาเรียนรู้ ได้มาเห็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีความทันสมัยและความเจริญด้านวัตถุ โดยแอบหวังอยู่ลึกๆว่าเมื่อไหร่กรุงเทพฯบ้านเราจะดูสะอาดเป็นระเบียบแบบสิงคโปร์ มาผสมผสานกับเสน่ห์ไทยอย่าง รอยยิ้ม มิตรไมตรี ความหลากหลายแต่กลมกลืน และความมีชีวิตชีวา เพื่อให้กรุงเทพฯน่าอยู่ยิ่งขึ้น อีกทั้งยังหวังไปไกลว่า เมื่อไหร่ประเทศไทยจะมีดัชนีชี้วัดด้านความโปร่งใสทางการบริหารประเทศ(การทุจริตคอร์รัปชั่นต่ำ)ขึ้นชั้นไปใกล้เคียงกับสิงคโปร์บ้าง???
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
"สิงคโปร์" ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ๆ ที่น่าสนใจอีก อาทิ ห้างสรรพสินค้าCentral แห่งใหม่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสิงคโปร์ เป็นศูนย์รวมร้านค้า ร้านอาหาร และเทรนด์แฟชั่นจากญี่ปุ่น เอเชีย และยุโรปมากกว่า 280 ร้าน ถือได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนเมือง นักช้อปที่ต้องการความเก๋ไก๋ นำสมัย อีกทั้งยังมีร้าน อาหารสไตล์ญี่ปุ่นแบบใหม่มากมายให้เลือกได้อย่างจุใจ The Butter Factory คลับเก๋ ๆ ที่จะต้อนรับสาวก Hip-hop และ R & B ทั้งหลาย เปรียบเสมือนเป็นศูนย์กลางแห่งศิลปะแบบ Street Art และ Graffiti สนุกไปกับเสียงเพลงมันส์ ๆ จากดีเจที่ผลัด เปลี่ยนกันมาให้ความสนุกทุกวัน และมี Singapore Flyer ชิงช้าสวรรค์ความสูงกว่า 165 ม.ที่เท่ากับตึก 42 ชั้น บน Raffles Avenue ในย่าน Marina Bay ที่สามารถมองเห็นวิวได้ 360 องศา มองเห็นได้ทั่วเกาะสิงคโปร์ รวมไปถึงมาเลเซีย และอินโดนีเซีย
สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวสิงคโปร์สามารถสอบถามรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับสิงคโปร์เพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวสิงคโปร์ประจำประเทศไทยและพม่า โทร. 0-2630-4774, 0-2630-4775 หรือเข้าไปดูข้อมูลที่www.visitsingapore.com
"สิงคโปร์" เป็นอีกหนึ่งประเทศท่องเที่ยวเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงที่คนไทยนิยมไปเที่ยว-ช้อปกันไม่น้อย แม้จะมีบางคนทำให้ความสัมพันธ์ของไทยกับสิงคโปร์กระเทือนไปบ้าง แต่นั่นมันเป็นเรื่องทางการเมืองที่มากไปด้วยผลประโยชน์
ส่วนฉัน การมาเยือนสิงคโปร์ครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดหูเปิดตา เปิดโลกกว้าง เพื่อเรียนรู้ประสบการณ์และสิ่งน่าสนใจของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งการเดินทางจากไทยไปสิงคโปร์ ปัจจุบันมีสายการบินหลายสายให้เลือก โดยเฉพาะสายการบินโลว์คอสต์ช่วงนี้กำลังทำตลาดกันน่าดู
สำหรับทริปนี้ หลังฉันนั่งเจ้านกเหล็กยักษ์บินเหินข้ามฟ้าจากเมืองไทยชนิดยังไม่ทันจะได้หลับ ก็มาถึงยังประเทศสิงคโปร์แล้ว ซึ่งในทริปนี้ฉันขอเลือกเที่ยวแบบตามอำเภอใจ คือเลือกวันเดินทางเอง (เอาแบบสะดวกวันไหน ลางานได้วันไหนก็ไปวันนั้น ใช้เวลาในการไปเที่ยวแค่ไม่กี่วัน) และเลือกสถานที่ท่องเที่ยวที่อยากไปเอง โดยไปขอข้อมูลการท่องเที่ยวสิงคโปร์ และมีหนังสือไกด์บุ๊ค 1 เล่มเพียงแค่นี้ก็พร้อมที่จะท่องไปในสิงคโปร์ได้อย่างไม่ยากเย็น
ครั้นเมื่อมาถึงสิงคโปร์แล้ว ฉันเลือกเดินทางไปเที่ยวที่ ไชน่าทาวน์ (Chinatown) เป็นที่แรกเพราะด้วยความที่ฉันเป็นสาวหมวยก็เลยอยากจะที่ไปสัมผัสกับแหล่งความเป็นจีนสักหน่อย ย่านไชน่าทาวน์ของสิงคโปร์นี้ ความรู้สึกก็คล้ายๆ กับเยาวราชบ้านเรา คือเป็นสถานที่อยู่อาศัยของชาวจีน ที่ได้อพยพมายังสิงคโปร์ ยังคงมีสภาพบ้านเรือนและวิถีชีวิตของชาวจีนให้ได้เห็นกัน
อีกทั้งย่านไชน่าทาวน์แห่งนี้ยังเป็นย่านช้อปปิ้งที่น่าสนใจ เพราะคลาคล่ำไปด้วยร้านรวงมากมาย ที่เปิดขายสินค้าของชาวจีน อย่างพวกเครื่องเทศจีน ยาจีน อาหารและขนมของชาวจีน เสื้อผ้า หยกหรือหินที่แกะสลักเป็นรูปต่างๆ มีร้านเขียนตัวอักษรสวยๆ แบบจีนที่น่าสนใจมากๆ รวมไปถึงมีสินค้าของที่ระลึกจากสิงคโปร์ให้เลือกซื้อมากมาย
และในย่านไชน่าทาวน์แห่งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ความเป็นจีนให้เห็นเท่านั้นนะ เพราะยังมีคนเชื้อชาติอื่นอาศัยอยู่ร่วมด้วย เห็นได้จากการที่มีมัสยิดของชาวอิสลามตั้งอยู่ด้วย เรียกว่าเป็นการผสมผสานกลมกลืนกันระหว่างคนต่างเชื้อชาติที่เห็นแล้วฉันอดคิดไม่ได้ว่า ทางภาคใต้ของบ้านเราน่าจะดูเป็นตัวอย่างที่ดี ของการอยู่ร่วมกันแบบสามัคคีกลมเกลียว
ฉันเดินเพลิน ช้อปเพลินเลือกซื้อหาสินค้าจีนที่มีราคาไม่แพงนักติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่บ้านอยู่หลายอย่าง ก่อนที่จะออกจากไชน่าทาวน์ เพื่อตรงไปยังอีกหนึ่งแหล่งช้อปปิ้งที่มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นคือที่ คลับ สตรีท (Club Street) ) เป็นย่านช้อปปิ้งที่หลายคนๆ เมื่อมาสิงคโปร์อาจจะไม่คาดคิดว่าถนนเส้นเล็กๆ นี้จะมีอะไรให้ช้อปนักหนา แต่กลับกันถนนเส้นนี้ถือว่ามีเสน่ห์ในตัว เพราะร้านค้าต่างๆ นั้นเป็นตึกแถวสไตล์ชิโนโปรตุกีสที่มีความสวยงามทางด้านศิลปะ ที่เหมือนกับภูเก็ตบ้านเรานั้นก็มีตึกสไตล์นี้ให้เห็นอยู่บ้าง ซึ่งตึกแต่ละหลังจะถูกทาสีสันสดใสสวยงามเป็นที่ตั้งของร้านขายสินค้าแบรนด์เนม และสินค้าฮิปๆ เก๋ๆ มากมาย และยังมีร้านอาหารสวยๆ มากมายที่ชวนให้เข้าไปนั่ง แค่ฉันได้เดินดูตึกสวยๆ เหล่านี้ก็คุ้มค่าแล้ว โดยที่ไม่ต้องช้อปให้เสียเงินเสียทองเลย
เพราะว่าฉันเตรียมที่จะไปชอปปิ้งให้หนำใจตามสไตล์สาวหมวยนักชอปกันที่ ห้างวีโว ซิตี้ (VivoCity) เป็นห้างชื่อดังขนาดใหญ่ของสิงคโปร์ มาที่ห้างนี้ก็ไม่ต่างกับเดินห้างดังๆ ในเมืองไทยเสียเท่าไหร่ แต่ว่าแน่นอนว่าห้างที่นี่นั้นมีสินค้าแบรน์ดเนมชื่อดังๆ มากมาย ที่บางยี่ห้อไม่มีขายในเมืองไทย จึงเป็นอะไรที่ถูกใจสาวนักช้อปอย่างฉันมากๆ ด้วยตัวห้างที่มีถึง 3 ชั้น
ฉันเลือกใช้เวลาเดินช้อปปิ้งอยู่ในห้างนี้ตากแอร์เย็นๆ เลือกซื้อของใช้ ซื้อเสื้อผ้าที่อยากได้ ละลายทรัพย์ในกระเป๋าไปเสียหลายกะตังค์ ก่อนที่จะมาขอนั่งพักเหนื่อยตรงลานน้ำพุของทางห้าง ที่เด็กๆ มาเล่นกันสนุกสนาน และบนดาดฟ้าของห้างนี้ยังมีลานโล่งแจ้งที่จัดเป็นสระน้ำเล็กๆ ให้เด็กๆ ได้ลงล่นน้ำคลายร้อนกันอย่างสนุกสนานแบบไม่เสียเงิน (ไม่เหมือนเมืองไทยบ้านเราเสียเงินหมด) และบนดาดฟ้านี้ยังถือว่าเป็นจุดชมวิวที่ดีเยี่ยมอีกด้วย
หลังจากนั่งพักจนหายเหนื่อยและหมดเงินในกระเป๋าไปไม่น้อย ฉันรีบหักห้ามใจตัวเองออกจากห้างจะดีกว่า เพราะขืนอยู่นานอาจจะหมดตัวได้ และฉันก็มีจุดหมายต่อไปที่กำลังรออยู่ นั่นคือการไปดูกล้วยไม้สวยๆ ที่ สวนกล้วยไม้แห่งชาติ (National Orchid Garden) ซึ่งตั้งอยู่ภายในสวนพฤกษชาติของสิงคโปร์ (Singapore Botanic Gardens) หลายคนมักคิดว่าสิงคโปร์มีแต่ตึก มีแต่ความทันสมัย ไม่ค่อยมีธรรมชาติ แต่เมื่อมาเที่ยวที่สวนกล้วยไม้นี้แล้ว ทำให้ฉันสัมผัสได้ว่าสิงคโปร์ก็มีความเขียวของธรรมชาติและมีความสดชื่นและอ่อนหวานอยู่ในตัว เหมือนกับกล้วยไม้พวกนี้ที่อยู่ภายในสวนแห่งนี้ที่มีจัดแสดงกล้วยไม้สวยงามกว่า 20,000 สายพันธุ์ มีกล้วยไม้หาชมยากอย่างตระกูลโบรมีเลียดจากแอฟริกากลางและใต้ให้ได้ชมด้วย เรียกว่าถ้าใครรักชื่นชอบความงดงามของกล้วยไม้ มาที่นี้แล้วไม่มีคำว่าผิดหวัง เหมือนกับที่ฉันได้มาเที่ยวชมด้วยตัวเอง ทำเอาเต็มอิ่มกับความสวยสดชื่นของกล้วยไม้สวยๆ อย่างเต็มที่ ก่อนที่จะค่ำคืนนี้ฉันจะไปเที่ยวตระเวนราตรีของเมืองสิงคโปร์กัน
สำหรับราตรีนี้ที่สิงคโปร์ ฉันเลือกมาเที่ยวแบบเน้นความบันเทิง สนุกสนานกับการกิน ดื่ม ผ่อนคลายที่ย่าน คลาร์ก คีย์(Clarke Quay) เป็นแหล่งกินดื่ม ยามค่ำคืนที่คนสิงคโปร์รวมถึงนักท่องเที่ยวชอบมาเที่ยวกัน เพราะด้วยสถานที่ที่อยู่ติดกับริมแม่น้ำสิงคโปร์ เมื่อมาที่นี่จะได้ทั้งชมความงามของแม่น้ำสิงคโปร์ยามค่ำคืน และได้สนุกสนานกับการกินดื่มแบบเต็มที่ กับบรรดาร้านอาหาร ผับ บาร์ หลากหลายสไตล์ที่มีให้เลือกเข้าไปนั่งเที่ยวได้ตามชอบใจ ไม่ว่าจะเป็นร้านFashion Bar, Clinic, Kandi Bar และอีกหลายร้าน ซึ่งร้านต่างๆ ของที่นี่เขามีระเบียบเรื่องการสูบบุหรี่ ซึ่งจะมีห้องหรือโซนที่จัดเป็นสัดส่วนสำหรับคนสูบบุหรี่โดยเฉพาะ (ซึ่งบ้านเรากำลังทำอยู่ แต่ไม่รู้จะได้แค่ไหน) และเท่าที่สังเกตจะไม่ค่อยมีกลุ่มวัยรุ่นขาโจ๋วัยเรียนมาเที่ยวเหมือนบ้านเราสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นคนวัยหนุ่มสาวทำงานที่มานั่งผ่อนคลายชีวิตหลังทำงาน และบรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติที่ชื่นชอบสีสันยามราตรีที่สิงคโปร์
ค่ำคืนนี้ของฉันบนเกาะสิงคโปร์จบลงด้วยความครื้นเครง ไปพร้อมๆ กับเสียงเพลงเพราะๆ และการดื่มด่ำกับความสุข ความสนุกสนาน ที่ในทริปนี้ได้มีโอกาสมาเที่ยวสิงคโปร์ ได้มาเรียนรู้ ได้มาเห็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีความทันสมัยและความเจริญด้านวัตถุ โดยแอบหวังอยู่ลึกๆว่าเมื่อไหร่กรุงเทพฯบ้านเราจะดูสะอาดเป็นระเบียบแบบสิงคโปร์ มาผสมผสานกับเสน่ห์ไทยอย่าง รอยยิ้ม มิตรไมตรี ความหลากหลายแต่กลมกลืน และความมีชีวิตชีวา เพื่อให้กรุงเทพฯน่าอยู่ยิ่งขึ้น อีกทั้งยังหวังไปไกลว่า เมื่อไหร่ประเทศไทยจะมีดัชนีชี้วัดด้านความโปร่งใสทางการบริหารประเทศ(การทุจริตคอร์รัปชั่นต่ำ)ขึ้นชั้นไปใกล้เคียงกับสิงคโปร์บ้าง???
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
"สิงคโปร์" ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ๆ ที่น่าสนใจอีก อาทิ ห้างสรรพสินค้าCentral แห่งใหม่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสิงคโปร์ เป็นศูนย์รวมร้านค้า ร้านอาหาร และเทรนด์แฟชั่นจากญี่ปุ่น เอเชีย และยุโรปมากกว่า 280 ร้าน ถือได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนเมือง นักช้อปที่ต้องการความเก๋ไก๋ นำสมัย อีกทั้งยังมีร้าน อาหารสไตล์ญี่ปุ่นแบบใหม่มากมายให้เลือกได้อย่างจุใจ The Butter Factory คลับเก๋ ๆ ที่จะต้อนรับสาวก Hip-hop และ R & B ทั้งหลาย เปรียบเสมือนเป็นศูนย์กลางแห่งศิลปะแบบ Street Art และ Graffiti สนุกไปกับเสียงเพลงมันส์ ๆ จากดีเจที่ผลัด เปลี่ยนกันมาให้ความสนุกทุกวัน และมี Singapore Flyer ชิงช้าสวรรค์ความสูงกว่า 165 ม.ที่เท่ากับตึก 42 ชั้น บน Raffles Avenue ในย่าน Marina Bay ที่สามารถมองเห็นวิวได้ 360 องศา มองเห็นได้ทั่วเกาะสิงคโปร์ รวมไปถึงมาเลเซีย และอินโดนีเซีย
สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวสิงคโปร์สามารถสอบถามรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับสิงคโปร์เพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวสิงคโปร์ประจำประเทศไทยและพม่า โทร. 0-2630-4774, 0-2630-4775 หรือเข้าไปดูข้อมูลที่www.visitsingapore.com